WeekendHobby.com


มาเรียนรู้การขับขี่ในหน้าฝนอย่างปลอดภัยดีกว่าครับ

จาก ก้านกล้วย
อาทิตย์ที่ , 1/6/2551
เวลา : 13:27

อ่าน = 279
134.144.246.14
       “ข้อความต่อไปนี้มีประโยชน์สำหรับผู้ใช้รถใช้ถนนทุกท่าน เมื่อท่านอ่านข้อความนี้จบขอให้ท่านส่งข้อความนี้ต่อๆ ไปยังเพื่อนของท่านในที่อื่นๆด้วย เพื่อที่จะได้ช่วยกันป้องกันอุบัติเหตุบนถนนที่อาจเกิดได้ในระหว่างช่วงฤดูฝนนี้ ”

ฤดูฝนย่างกรายเข้ามาแล้ว และเฉกเช่นกับทุกปี อุบัติเหตุทางรถยนต์บนท้องถนนสามารถเกิดขึ้นได้ง่ายกว่าปกติ ในช่วงฤดูฝน อันเนื่องมาจากปัจจัยหลายๆอย่างประกอบกัน อาทิเช่น ทัศนวิสัยไม่ดี สภาพรถ เบรก ยางล้อ สภาพถนน ความเร็ว และอื่นๆ ดังนั้นศูนย์การขับรถอย่างปลอดภัยฯ จึงขอแนะนำท่านเกี่ยวกับข้อพึงตรวจสอบและปฏิบัติสำหรับการขับรถ ในช่วงฤดูฝน โดยสังเขป ดังนี้
การตรวจสอบสภาพรถ
ขอแนะนำให้ใช้หลัก BEWAGON ที่ได้เคยกล่าวไปแล้วในเอกสารการขับรถในช่วงปีใหม่ และช่วงสงกรานต์ก่อนหน้านี้ และที่จะขอเน้นย้ำเป็นพิเศษสำหรับในช่วงฤดูฝน คือ
ระบบเบรก
1. น้ำมันเบรก หัวใจของน้ำมันเบรกอยู่ที่จุดเดือด ซึ่งมาตรฐานสากลกำหนดเอาไว้ว่าจุดเดือดต่ำสุดต้องไม่ต่ำกว่า 140 องศา เซลเซียส สาเหตุใหญ่ที่ทำให้จุดเดือดต่ำลงง่ายๆ คือ น้ำและความชื้น อันเป็นองค์ประกอบที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลาในหน้าฝน เพราะฉะนั้นนอกเหนือจากระดับน้ำมันเบรกที่ต้องตรวจสอบเป็นประจำแล้ว ควรตรวจสอบสภาพของน้ำมันเบรก ด้วย เลือกใช้น้ำมันเบรกตามที่ระบุไว้ในคู่มือของรถยนต์นั้นๆ
2. ตรวจสอบผ้าเบรกว่ายังมีความหนาเพียงพอตามข้อกำหนด โดยนำรถเข้าตรวจสอบยังศูนย์บริการฯทั่วไป ที่ให้บริการตรวจ สอบระบบช่วงล่างและระบบเบรก
3. ตรวจสอบเบรกว่าจับล้อเท่ากันหรือไม่ ทดสอบได้ง่ายๆโดยขณะขับรถที่ความเร็ว 30 - 40 กม./ชม. บนถนนผิวราบ สภาพดี และมีความปลอดภัยเพียงพอ มั่นใจว่าด้านหน้าปลอดภัย ดูกระจกหลังเป็นอันดับต่อไปว่าปลอดภัย จับหรือประคอง พวงมาลัยไว้พอหลวมๆจากนั้นทดสอบด้วยการเหยียบเบรกแรงๆ ถ้าพวงมาลัยนิ่งไม่ปัดในขณะเบรกก็ถือว่าใช้ได้ แต่ถ้า พวงมาลัยดึงซ้ายหรือขวาแสดงว่าเบรกกินซ้ายหรือขวาต้องตรวจสอบ และปรับตั้งระบบเบรกใหม่
ยางล้อ
1. ดอกยางต้องอยู่ในสภาพดี ไม่สึกจนถึงสะพานยาง ความลึกของดอกยางทั่วไปไม่ควรต่ำกว่า 3 - 4 มิลลิเมตร เพื่อประสิทธิภาพในการรีดน้ำ พึงระลึกไว้เสมอว่าชีวิตของท่านอาจขึ้นอยู่กับความลึกของดอกยางเพียงไม่กี่มิลลิเมตรนี้
2. อายุของยาง ปกติอายุของยางไม่ควรเกิน 3 ปี เพราะเนื้อยางจะแข็ง ขาดความยืดหยุ่นและแรงจิกเกาะถนน
3. การสูบลมยาง ให้ใช้ แรงดันลมตามที่คู่มือรถกำหนด ความดันลมยางที่มากหรือต่ำกว่ามาตรฐาน จะทำให้การจับเกาะไม่ดี
ใบปัดน้ำฝน และ ถังพักน้ำฉีดกระจก
1. ใบปัดน้ำฝนต้องอยู่ในสภาพดี ตรวจสอบได้โดยเอามือจับรูดดูต้องไม่มีเนื้อยางสีดำติดมือ หรือเวลาเปิดกวาดน้ำที่กระจก หน้ากระจกต้องใส ไม่มัว และไม่เป็นเส้น คุณไม่สามารถตัดสินใจได้ถูกต้องหากมองเห็นไม่ชัดเจน
2. ถังพักน้ำฉีดกระจก ต้องสะอาด มีน้ำเต็มพร้อมใช้งานและฉีดน้ำได้แรงทิศทางถูกต้อง
3. ระมัดระวังฝ้าที่อาจเกิดขึ้นที่กระจกด้านในรถได้ระหว่างฝนตก โดยเฉพาะรถที่ไม่มีแอร์ควรเตรียมผ้าแห้งไว้ในรถด้วย
เทคนิคที่ขอแนะนำในการขับรถขณะฝนตก
การใช้ความเร็ว
1. เมื่อฝนเริ่มตกใหม่ๆระวังให้มาก เพราะน้ำฝนกำลังชะล้างสิ่งสกปรกต่างๆบนพื้นถนนให้ลอยขึ้นและจะทำให้ถนนลื่น หลัง ฝนตกแล้วประมาณ 15 - 20 นาที สภาพถนนจะดีขึ้น หมั่นสังเกตผิวถนนต่างๆที่มีผลกับการจับเกาะของยางล้อ ลดความ เร็วลงตามสภาพและปริมาณของฝนที่ตก โดยปกติความเร็วควรลดลงอยู่ระหว่างประมาณ 3/4 – 2/3 ของความเร็วปกติ การลดความเร็วลงให้เหมาะสมกับสภาพถนนที่ลื่นจะทำให้ยางจับเกาะถนนได้ดีขึ้น อีกทั้งยังทำให้คุณมีเวลามากขึ้นพอที่ จะแก้ไขหรือหลีกเลี่ยงอันตรายได้ดีกว่าด้วย และยังป้องกันมิให้รถของคุณลื่นไถลไปบนฟิล์มน้ำซึ่งอยู่ระหว่าง ยางล้อ และผิวถนน หรือที่เรียกว่ารถเหินน้ำ(Aquaplaning) ซึ่งเมื่อเกิดขึ้นคุณจะควบคุมรถไม่ได้เลย
2. ระมัดระวังรถที่ขับแซงหรือสวนทางมาซึ่งอาจทำให้น้ำบนถนนกระเซ็นมาที่กระจกหน้าและทำให้คุณมองทางข้างหน้าไม่เห็น
3. ถ้าฝนตกหนักสภาวะอากาศแย่ แนะนำให้หาที่จอดรถที่ปลอดภัยก่อน ห้ามขับรถในขณะมองไม่เห็นทางโดยเด็ดขาด
การใช้เกียร์
ควรใช้เกียร์ที่ต่ำกว่าการขับรถโดยปกติทั่วไป ทั้งนี้เพื่อเป็นการเตือนตัวท่านเองมิให้ขับรถเร็วจนเกินไปตามความเคยชินที่มี อีกทั้งยังทำให้รถอยู่ในเกียร์กำลัง มีกำลังบิดดี การจับเกาะถนนดี สามารถควบคุมบังคับ และเบรกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทางศูนย์ฯ ขอแนะนำให้ปฏิบัติดังนี้
1. สำหรับรถเกียร์ Automatic ควรใช้เกียร์ ที่ตำแหน่ง Overdrive Off (OD-OFF) หรือเกียร์ D3 ในกรณีรถที่ไม่มี Switch OD-ON/OFF)
2. สำหรับรถเกียร์ Manual แนะนำให้ใช้เกียร์ต่ำที่เหมาะสมกับความเร็ว ไม่ควรใช้เกียร์ 5 หรือเกียร์สูงสุด
การเหยียบเบรกและรีดน้ำออกจากระบบเบรก
1. เหยียบเบรกอย่างนุ่มนวล อย่าเหยียบเบรกรุนแรงเพราะจะทำให้ล้อล็อก รถลื่นไถลและเสียการควบคุมได้ การป้องกัน การเหยียบเบรกที่รุนแรงจะทำได้ต่อเมื่อคุณขับรถด้วยความเร็วที่เหมาะสม มีการสังเกตการณ์ที่ดี และคาดการณ์อย่าง ถูกต้อง
2. เมื่อจำเป็นต้องขับรถผ่านถนนบริเวณที่มีน้ำท่วมขัง จะต้องรีดน้ำจากระบบเบรกให้ผ้าเบรกแห้ง เมื่อพ้นเขตน้ำท่วมขังแล้ว โดยขณะขับช้าๆด้วยเกียร์ต่ำ แน่ใจว่าด้านหน้าปลอดภัย ดูกระจกหลังให้แน่ใจว่าด้านหลังและด้านข้างปลอดภัย ก่อน ดำเนินการเหยียนราเบรกเพื่อรีดน้ำ เทคนิคพิเศษที่จำเป็นต้องฝึกฝนก่อนนำไปปฏิบัติ คือ ใช้เท้าขวาเหยียบคันเร่งเบาๆ และ ใช้เท้าซ้ายเหยียบราเบรก โดยการ แตะเบรกเบาๆ จนกระทั่งเบรกไม่มีเสียงดัง และระบบเบรกตอบสนองปรกติ
การทิ้งช่วงระยะห่างรถคันหน้า
ในช่วงฝนตก หรือ ขณะที่ถนนลื่น รถคุณต้องการระยะเบรกมากกว่าในสภาพปกติที่ถนนแห้ง ดังนั้นขอแนะนำให้เพิ่มระยะ ตามรถคันหน้าเป็นอย่างน้อย 2 เท่าของเวลาที่ขับตามรถคันหน้าในเวลาปกติ คือ
1. รถยนต์และรถเล็ก ให้เพิ่มระยะตามรถคันหน้าเป็นอย่างน้อย 4-6 วินาที หรือมากกว่านั้น
2. รถบรรทุกและรถใหญ่ ให้เพิ่มระยะตามรถคันหน้าเป็นอย่างน้อย 6-8 วินาที หรือมากกว่านั้น
การใช้ไฟขณะฝนตก
1. ให้ใช้ไฟใหญ่เพื่อสามารถเห็นทาง เห็นผู้อื่น และ ให้ผู้อื่นเห็นคุณ ห้ามเปิดเฉพาะไฟหรี่เพียงอย่างเดียว
2. ห้ามเปิดไฟสูงเพราะจะทำให้เกิดแสงสะท้อนกับน้ำฝนเข้าตาคนขับรถที่สวนมาทำให้ตาพร่ามองไม่เห็น
การขับรถลุยน้ำท่วม
1. หยุดรถและประเมินดูว่าน้ำลึกแค่ไหน ถ้าจำเป็นอาจต้องลงไปเดินลุยดูก่อน ถ้าน้ำลึกนักและมีทางเลือกอื่นไปทางอื่นน่าจะดี กว่าแม้ว่าจะอ้อมบ้างแต่ปลอดภัย อย่าทำตัวเป็นพระเอก ควรรอให้รถคันอื่นขับรถนำหน้าไปก่อนและขับตามไปจะปลอด ภัยกว่า กรณีที่น้ำไม่ลึกนักพอจะขับฝ่าไปได้ให้ประเมินและขับรถไปในส่วนของถนนที่คิดว่าตื้นที่สุด แต่ระวังถนนชนิด หลังเต่าให้ดี เฉไปนิดเดียวอาจจมเอาง่ายๆ
2. ขับรถที่เกียร์ 1 เร่งเครื่องให้รอบสูงไว้แล้วเหยียบคลัตช์เพื่อให้ความเร็วต่ำ ถ้ารอบต่ำเกินไปเครื่องอาจดับกลางน้ำได้ หรือถ้า ขับเร็วเกินไปจะทำให้มีคลื่นหรือน้ำกระเด็นเข้าในเครื่องยนต์ เครื่องยนต์ก็จะดับอีก ให้รักษาสมดุลย์ระหว่างความเร็ว กับ รอบเครื่องเอาไว้ให้ดี โดยเฉพาะรถที่ควบคุมด้วยระบบสมองกลยิ่งต้องระวังน้ำให้มาก
3. ระมัดระวังคลื่นน้ำจากรถคันอื่นที่ขับสวนหรือตามมาจะเข้าไปยังห้องเครื่องยนต์ทำให้เครื่องยนต์ดับ และ ทำให้รถลอย และ ควบคุมได้ยากขึ้น

ท้ายสุดนอกจากนึกถึงความปลอดภัยของตัวท่านเองแล้วควรนึกถึงความปลอดภัยของผู้อื่นด้วยโดยเฉพาะคนเดินเท้าทั่วไป จักรยาน และมอเตอร์ไซด์ ลดความเร็วลง และให้ทางแก่คนเดินเท้าด้วยเมื่อปลอดภัยเพียงพอ อย่าขับรถเร็วเกินไปจนน้ำ
กระเซ็นไปถูกผู้อื่นนะครับ

ขอให้ท่านขับรถด้วยความปลอดภัยตลอดไป

เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


   
   

คำตอบที่ 1
      



Rin จาก Rin  202.12.118.61  อาทิตย์, 1/6/2551 เวลา : 18:48   


      

Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วัน<%=WeekdayName(Weekday(Date))%>,<%=formatdatetime(date(),1)%> (Online <%=Application("OnlineUsers")%> คน)
                                       

เพื่อลดภาระของ ฐานข้อมูล ซึ่งมีขนาดใหญ่มาก เพราะเวบเปิดมากว่า 10 ปี
จึงทำให้เวบช้าลงมาก ทีมงานจึงขออนุญาต แปลงข้อมูลจาก ฐานข้อมูลหลักเป็น SHTML File
เพื่อลดภาระการทำงานของ ฐานข้อมูลหลักครับ การแปลงฐานข้อมูลนี้ จะทำให้กระทู้นี้
ไม่สามารถตอบคำถามได้อีกต่อไปครับ แต่จะสามารถค้นหาชื่อกระทู้ และ Link ตรงมาที่หน้านี้ได้เหมือนเดิมครับ

ด้วยความนับถืออย่างสูง ทีมงาน Weekendhobby.com


Convert on : 25/8/2554 21:52:56

Error processing SSI file