WeekendHobby.com
เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


วิทยาศาสตร์ + ความรู้ รอบๆ ตัวเรา...
005
จาก BoyDogtag,TTC-005
IP:202.122.130.31

อังคารที่ , 13/7/2553
เวลา : 15:28

อ่านแล้ว = 44611 ครั้ง
 เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งตรวจสอบกระทู้
 แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน ส่งหาเพื่อน

      


 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

แจ้งเพื่อเก็บขึ้นกระทู้พิเศษ คลิ๊กที่นี่แจ้งเพื่อนำขึ้นกระทู้พิเศษ

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  2  3  4  5  6  7  8  9  

คำตอบที่ 1
      

fiogf49gjkf0d
ย้อนตำนานหาค่าประมาณ “พาย”

การประมาณค่าพาย p มีวิวัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงมานานพอสมควร นักวิชาการบางคนแบ่งช่วงวิวัฒนาการของค่าพายออกเป็น 3 ช่วง คือ ช่วงที่มีการใช้ค่าพายเพื่อศึกษาเชิงเรขาคณิต ช่วงยุคคลาสสิกที่มีการวิวัฒนาการเรื่องแคลคูลัสในยุโรปราวๆ ศตวรรษที่ 17 และยุคของคอมพิวเตอร์

หลักฐานยุคแรกๆ ระบุว่า ในการสร้างพีระมิดของอียิปต์โบราณก่อนคริสต์ศักราช ใช้ค่าประมาณของพายเท่ากับ 3+ 1/7 ส่วนมหาพีระมิดในกิซาที่สร้างขึ้นช่วงปี 2550-2500 นั้นใช้อัตราส่วนของความยาว 1,760 คิวบิต (cubit) ซึ่งเป็นหน่วยวัดโบราณมีค่าประมาณ 18-22 นิ้ว ต่อความสูง 280 คิวบิต ซึ่งมีค่าประมาณ 2p

นักคณิตศาสตร์อียิปต์โบราณ บาบิโลเนียน อินเดียและกรีก ต่างทราบดีว่าอัตราส่วนระหว่างเส้นรอบวงต่อเส้นผ่านศูนย์กลางนั้นเป็นอัตราส่วนคงที่ ไม่ว่าวงกลมจะเล็กหรือใหญ่ และมีค่ามากกว่า 3 เล็กน้อย ทั้งนี้มีหลักฐานการประมาณค่าพายในยุคแรกเริ่ม โดยชาวบาบิโลเนียนประมาณค่าพายเท่ากับ 25/8 ส่วนชาวอียิปต์ประมาณค่าพายไว้ที่ 256/81 ขณะที่ชาวอินเดียประมาณค่าเท่ากับ 339/108 แต่อาร์คิมิดิสได้รับการยอมรับว่าเป็นคนแรกที่ประมาณค่าพายได้ใกล้เคียงความจริงที่สุด โดยอาศัยรูปทรง 96 เหลี่ยมคำนวณหาค่าพายได้ 3.14185

ผ่านไปกว่าสหัสวรรษหลังคริสตกาลการคำนวณหาทศนิยมของค่าพายยังแม่นยำน้อยกว่า 10 ตำแหน่ง หากแต่หลังจากการค้นพบวิชาแคลคูลัสก็ได้กลายเป็นก้าวกระโดดสำคัญของการประมาณค่าพาย จนถึงต้นศตวรรษที่ 18 จอห์น มาชิน ได้ปักหมุดการประมาณค่าพายด้วยตำแหน่งที่ 100

สำหรับยุคคอมพิวเตอร์นักคณิตศาสตร์ใช้เครื่อง ENIAC คอมพิวเตอร์รุ่นแรกๆ คำนวณหาค่าพายได้ 2,037 ตำแหน่ง เมื่อปี 1949 และอีก 24 ปีต่อมาจึงมีผู้หาทศนิยมตำแหน่งที่ล้านของค่าพายได้ ตำแหน่งที่พันล้านถูกค้นพบในปี 1989 และล่าสุดคือผลงานของนักคอมพิวเตอร์ฝรั่งเศสที่หาตำแหน่งค่าพายได้ถึง 2.7 ล้านล้านตำแหน่ง และสถิติคงจะถูกทำลายลงตราบเท่าที่ยังมีคนพยายามหาตำแหน่งสุดท้ายของค่าพายกันอยู่

อ้างอิง : http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9530000034365>



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

005 จาก BoyDogtag,TTC-005 202.122.130.31 อังคาร, 13/7/2553 เวลา : 15:30  IP : 202.122.130.31   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 97369

คำตอบที่ 2
      

fiogf49gjkf0d
รู้ทัน 7 กลยุทธ์ “วิทยาศาสตร์ปลอม”

ความตื่นตระหนกเรื่องวันหายนะของโลกนั้น ส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจาก “วิทยาศาสตร์ปลอมๆ” ที่มีตั้งแต่ความเข้าใจในวิทยาศาสตร์ที่คลาดเคลื่อน มายาคติ วิทยาศาสตร์เทียม ไปจนถึงการหลอกลวงต้มตุ๋น ซึ่งมีการหลอกล่อด้วยกันถึง 7 กลยุทธ์

ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ นักวิชาการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวในการเสวนา “ตอบทุกคำถามสังคมไทยที่กังวลต่อการล่มสลายของโลก” เมื่อวันที่ 25 พ.ค.53 ณ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ว่าวิทยาศาสตร์จอมปลอมนั้นเป็นสิ่งที่น่ากลัวกว่าไสยศาสตร์ เหมือนเราเห็นคนใส่ชุดกราวน์ในโรงพยายาลย่อมเข้าใจว่าเป็นหมอ เป็นของปลอมที่ปนมากับเสื้อคลุมของนักวิทยาศาสตร์

วิทยาศาสตร์จอมปลอมมีหลายระดับ ตั้งแต่ การเข้าใจแนวคิดวิทยาศาสตร์แบบผิดๆ (Misconception) บางครั้งเป็นการจับแพะชนแกะ ซึ่งเมื่อฝังรากลึกทำให้กลายเป็นมายาคติ (Myth) ถัดมาคือวิทยาศาสตร์เทียม (pseudo-science) ซึ่งเป็นระบบความคิด ที่อ้างว่าเป็นวิทยาศาสตร์ เช่น โหราศาสตร์ซึ่งมีการเคลื่อนที่ของดวงดาวจริง แต่มีการตีความที่ไม่ใช่หลักสถิติ และรุนแรงสุดคือการหลอกลวงต้มตุ๋น (Fraud)

ทั้งนี้ กลยุทธ์ในการเผยแพร่วิทยาศาสตร์จอมปลอมนั้น มักเป็นรูปแบบเดิมๆ ซึ่งแบ่งได้เป็น 7 กลยุทธ์ คือ

1.นำเสนอผลิตภัณฑ์หรือลัทธิความเชื่อที่มีมีผู้คนสนใจจำนวนมาก โดยอ้างว่าสอดคล้องกับวิทยาศาสตร์ ใช้ศัพท์วิทยาศาสตร์ฟังยาก นำคำศัพท์ ทฤษฎีและผลลัพธ์ทางวิทยาศาสตร์มาใช้อย่างสับสน

2.สร้างความน่าเชื่อถือด้วยการอ้างหลักฐานสนับสนุน เช่น ได้รับสิทธิบัตร ทั้งๆ ที่สิทธิบัตรคือการอ้างของผู้ขอว่าสิ่งที่ยื่นจดนั้นเป็นอย่างไร ซึ่งเราต้องถามว่าสิทธิบัตรที่ได้รับนั้น “อ้างอะไร”

3.ใช้การสาธิตเพื่อโน้มน้าว เช่น สาธิตน้ำมันชนิดใหม่โดยขับรถยนต์ทดสอบ 200-300 เมตร แต่การทดสอบน้ำมันจริงๆ ต้องวิ่งไกล 120,000 กิโลเมตร

4.อ้างความสำเร็จโดยอิงเรื่องเล่าหรือประสบการณ์

5.อ้างบุคคลที่กลุ่มเป้าหมายให้การยอมรับ

6.อิงความเชื่อที่ยึดถือกันทั่วไป เช่น ความเชื่อว่าเครื่องมือที่ดูไฮเทคและมีราคาแพงนั้นน่าจะใช้งานได้ดี เป็นต้น

และ 7.ตอบโต้ข้อวิพากษ์วิจารณ์โดยมุ่งโจมตีบุคคล แทนที่จะตอบโต้ด้วยหลักวิชาการ

อ้างอิง : http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9530000072874>



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

005 จาก BoyDogtag,TTC-005 202.122.130.31 อังคาร, 13/7/2553 เวลา : 15:33  IP : 202.122.130.31   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 97370

คำตอบที่ 3
      

fiogf49gjkf0d
จากภาพ : ภาพจำลองดวงอาทิตย์พ่นมวลมีประจุที่เกิดขึ้นบ่อยมายังโลก ซึ่งมีเส้นสนามแมเหล็ก (เส้นสีน้ำเงิน) เป็นเกราะกำบัง (ESA)

กระชับพื้นที่คืนความจริง “วันโลกหายนะ”

ข่าวลือเกี่ยวกับ “วันโลกหายนะ” เป็นอีกหนึ่งสีสันของจดหมายลูกโซ่ ที่วนเวียนอยู่บนโลกออนไลน์ วันดีคืนดีข่าวลือดังกล่าวมาปรากฏบนสื่อทีวีในช่วงเวลา “ไพรม์ไทม์” ย่อมสร้างความตื่นตระหนกได้ในวงกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อคนในวงการวิทยาศาสตร์เอง คือผู้อ้างถึงข้อมูลวิทยาศาสตร์อย่างเป็นตุเป็นตะ

ตั้งแต่เดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ดร.สธน วิจารณ์วรรณลักษณ์ อาจารย์ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รับอีเมลลูกโซ่ เกี่ยวกับวันโลกหายนะเหมือนในภาพยนตร์เรื่อง 2012 อย่างต่อเนื่อง และมีการอ้างถึงข้อมูลวิทยาศาสตร์ เดิมเขาเชื่อว่ากระแสนี้จะซาไปแต่กลายเป็นว่ากระแสยังคงมีอยู่ จึงตัดสินใจจัดเสวนาและแถลงข่าวชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว หลังเหตุการณ์บ้านเมืองเริ่มคลี่คลาย ในเวที “ตอบทุกคำถามสังคมไทยที่กังวลต่อการล่มสลายของโลก” เมื่อวันที่ 25 พ.ค.53 ที่ผ่านมา ณ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ

- สนามแม่เหล็กกลับขั้ว-โลกพลิก

หนึ่งในประเด็นการล่มสลายของโลกคือการกลับขั้วของสนามแม่เหล็กโลกในวันที่ 22 ธ.ค.55 จากเหนือไปใต้ ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่ดวงอาทิตย์กลับขั้ว เกิดสนามแม่เหล็กและความร้อนบนโลก ทำให้น้ำแข็งละลาย น้ำท่วมโลก เกิดสึนามิ โลกจะเอียงจาก 23.5 องศาไปเป็น 26 องศา แล้วพลิกกลับจากเหนือไปใต้

คำถามคือจริงหรือไม่ที่แม่เหล็กโลกจะกลับขั้ว?

ดร.สธนกล่าวว่า ปรากฏการณ์แม่เหล็กโลกกลับขั้ว เคยเกิดขึ้นบนโลกมาแล้วหลายครั้ง แต่ละครั้งเว้นช่วงประมาณ 1 ล้านปี ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อ 700,000 ปีที่แล้ว ซึ่งเริ่มมีมนุษย์กำเนิดขึ้นบนโลกแล้ว และระหว่างการกลับขั้วช่วง 1 ล้านปีนั้น อาจมีการกลับขั้วในช่วงสั้นประมาณ 4-5 พันปี

การกลับขั้วแม่เหล็กโลกนี้ ไม่ได้หมายถึงโลกพลิกกลับจากเหนือไปใต้ แต่หมายถึงสนามแม่เหล็กอ่อนกำลังลง แล้วเกิดสนามแม่เหล็กที่ยุ่งเหยิงขึ้น ก่อนกลับสู่สภาพปกติ ซึ่งระหว่างที่แม่เหล็กอ่อนลงนั้น จะมีรังสีคอสมิคเข้ามาแต่ไม่มากมายนัก

“ส่งผลกระทบไหม มีผลกระทบบ้างถ้าเรายังใช้เข็มทิศอยู่ แต่เดี๋ยวนี้เราใช้จีพีเอส (GPS) กันเยอะ ผลกระทบอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ และช่วงเวลาระหว่างการพลิกขั้วเกิดขึ้นช้า เป็นระยะเวลาพันปี แสนปีขึ้นไป"

"ปัจจุบันความแรงสนามแม่เหล็กขึ้นๆ ลงๆ เมื่อ 700,000 ปีก่อน สนามแม่เหล็กโลกเคยอ่อนกว่านี้ด้วยซ้ำ ดังนั้นการกลับขั้วแม่เหล็กโลกไม่ใช่ประเด็นที่ก่อให้เกิดปัญหา โดยหลักฐานการกลับขั้วคือหินแข็งที่มีสภาพแม่เหล็กตามแม่เหล็กโลก ซึ่งเกิดจากหินร้อนๆ ในโลกออกมาเจอสภาพแม่เหล็กภายนอกแล้วแข็งตัว” ดร.สธนกล่าว

ขั้วแม่เหล็กโลกนั้น เกิดจากการไหลของกระแสโลหะหลอมเหลวในแกนกลางโลก ทำให้เกิดสนามแม่เหล็กเหมือนไดนาโมที่ใช้ขดลวดพันรอบแกนแม่เหล็ก โดยสนามแม่เหล็กจะพุ่งจากขั้วใต้ไปขั้วเหนือ ดังนั้นขั้วโลกเหนือจึงเป็นขั้วแม่เหล็กใต้ และขั้วโลกใต้จึงเป็นขั้วแม่เหล็กเหนือ

แต่การไหลของกระแสโลหะหลอมเหลวในแกนกลางโลกไม่สม่ำเสมอ ตำแหน่งขั้วแม่เหล็กจึงไม่คงที่ และเป็นบริเวณกว้าง เช่น ปี 1904 ขั้วแม่เหล็กเหนืออยู่เป็นบริเวณหนึ่ง และปี 1996 ขั้วแม่เหล็กเหนืออยู่อีกบริเวณ เป็นต้น

- ดาวเคราะห์เรียงตัวทำแผ่นดินไหวบนโลก

การเรียงตัวของดาวเคราะห์ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ถูกโยงว่าทำให้เกิดแผ่นดินไหวบนโลก เนื่องจากมีแรงไทด์ (tide) กระทำต่อโลก

หากแต่ ดร.สธนอธิบายว่าแรงไทด์คือ "แรงน้ำขึ้นน้ำลง" (tidal force) นั่นเอง เป็นแรงเสมือนว่าดึงโลกให้ยืดออก และดวงจันทร์มีบทบาทให้เกิดแรงนี้กระทำต่อโลกมากที่สุด และด้านที่อยู่ใกล้ดวงจันทร์มากที่สุดจะถูกดึงมากกว่า โดยแรงนี้มีอธิบายด้วยสมการที่มีตัวแปรเพียง 2 ตัวคือ ระยะห่างระหว่างวัตถุที่ดึง และมวลของวัตถุที่ดึง

“แรงน้ำขึ้นน้ำลง น้อยกว่าแรงดึงดูดของโลกถึง 10 ล้านเท่า แรงที่สุดของแรงนี้คือ ทำให้ของเหลวบนโลกเคลื่อนที่ หรือเกิดน้ำขึ้นน้ำลง แต่ยังน้อยเกินกว่าจะมีผลต่อโครงสร้างหรือแผ่นทวีป 10 ล้านเท่า"

"ดวงอาทิตย์ซึ่งใหญ่กว่าดวงจันทร์มากแต่อยู่ห่างโลกมากกว่า จึงมีแรงนี้น้อยกว่าดวงจันทร์ประมาณครึ่งหนึ่ง หากดวงจันทร์และดวงอาทิตย์มาซ้อนกัน ผลคือทำให้เกิดน้ำขึ้นสูงในวันขึ้น 15 ค่ำและแรม 15 ค่ำเท่านั้นเอง” ดร.สธนกล่าว

นอกจากนี้ ผลการเปรียบเทียบตำแหน่งการเรียงตัวของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะกับการเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ 10 อันดับ ซึ่งเกิดที่เกาะสุมาตรา อินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.47 เป็นแผ่นดินไหวใหญ่อันดับ 3 และครั้งรุนแรงสุดเกิดขึ้นที่ชิลี เมื่อ 22 พ.ค.03 นั้น ไม่มีครั้งใดเลยที่ดาวเคราะห์เรียงตัวกัน โดยพิจารณาเฉพาะดาวพุธ ดาวศุกร์ ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์และโลก ส่วนดาวเคราะห์วงนอกนั้น ดร.สธนกล่าวว่าตัดออกได้ เพราะอยู่ไกลมาก

“เรียงหรือไม่เรียงไม่สำคัญ เพราะแรงไม่ถึงอยู่แล้ว คำอ้างในข่าวในฟอร์เวิร์ดเมล เป็นคำอ้างที่ไม่มีหลักฐาน การอ้างงานวิจัยก็มีความเข้าใจที่ไม่ตรง บทความยังไม่มีชื่อผู้เขียนและเป็นการคาดเดาไว้ก่อน” ดร.สธนวิจารณ์คำทำนายเรื่องโลกล่มสลาย ที่อ้างถึงผลการศึกษาของทีมนักวิจัยอิตาลี

ทั้งนี้ งานวิจัยดังกล่าวมีอยู่จริง แต่รายละเอียดระบุว่า มีความแปรปรวนของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ก่อนเกิดแผ่นดินไหวเล็กน้อย ซึ่งคาดว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงของโลกเอง ไม่ใช่พลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าขนาดใหญ่ จนสามารถจุดฉนวนแผ่นดินไหวอย่างที่กล่าวอ้าง

-Solar Maximum คำที่ถูกอ้างวันโลกสลาย

ความวิตกว่า โลกถึงคราวหายนะนั้น มักเชื่อมโยงการเข้าสู่ช่วง "โซลาร์ แม็กซิมัม" (Solar Maximum) ของดวงอาทิตย์ ซึ่ง ผศ.พงษ์ ทรงพงษ์ อาจารย์ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ซึ่งร่วมเวทีเสวนาอธิบายว่า ช่วงดังกล่าว ดวงอาทิตย์มีกิจกรรม*เกิดขึ้นมาก และมีการกลับขั้วสนามแม่เหล็ก เกิดขึ้นสลับกับ "โซลาร์ มินิมัม" (Solar Minimum) ที่ดวงอาทิตย์มีกิจกรรมน้อย โดยมีระยะเวลาสลับกันประมาณ 11 ปี

“กิจกรรมต่างๆ บนดวงอาทิตย์นั้น เกิดจากสนามแม่เหล็กเนื่องจากการไหลวนของก๊าซร้อนบนดวงอาทิตย์ ครั้งล่าสุดที่เกิด Solar Maximum คือเมื่อปี 2544 ส่วนตอนนี้เรากำลังอยู่ในช่วง Solar Minimum"

"ครั้งแรกที่เราเริ่มนับจุดมืดบนดวงอาทิตย์คือเมื่อปี 2323 ซึ่งพบว่าการเกิดจุดมืดมากสลับกับไม่มีเลยนั้นเป็นช่วงๆ ชัดเจน ตอนนี้เราอยู่วัฏจักรสุริยะรอบที่ 23 และกำลังสู่รอบที่ 24 ในปี 2555 (หรือ 2012) ซึ่งจะเริ่มช่วง Solar Maximum รอบใหม่ แต่เราก็ตรวจดูสนามแม่เหล็กบนดวงอาทิตย์ทุกวันว่า เปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง” ผศ.พงษ์กล่าว

เมื่อเข้าสู่ Solar Maximum สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ มีกิจกรรมบนดวงอาทิตย์มากขึ้น สนามแม่เหล็กมีการเปลี่ยนแปลง เพราะดวงอาทิตย์ส่งอนุภาคมีประจุมาเยอะขึ้น มีการพ่นมวลมีประจุมายังโลก ทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่เราสังเกตได้ เช่น ปรากฏการณ์แสงเหนือ-แสงใต้ ซึ่งเห็นได้ที่ขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ แต่ปี 2501 มีรายงานพบแสงเหนือ-แสงใต้ที่เม็กซิโก ซึ่งอยู่ต่ำจากขั้วโลกเหนือลงมาอยู่ที่ละติจูด 30 องศาเหนือ

เมื่อปี 2532 กิจกรรมบนดวงอาทิตย์ ได้ทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าในระบบส่งไฟฟ้าของแคนาดา จนหม้อแปลงไหม้และเกิดไฟดับ แต่ในปี 2544 ไม่เกิดเหตุไฟดับเนื่องจากทราบว่าจะเกิดขึ้นและได้เตรียมการรับมือไว้

- ซากดาวส่องตรงรังสีแกมมาเผาโลกเป็นจุณ

การระเบิดของรังสีแกมมา (Gamma Ray Burst: GRB) เป็นปรากฏการณ์ส่งรังสีแกมมาจากซากของดวงดาวที่กำลังดับสูญ และเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับดวงดาว ซึ่งมีมวลมากกว่าดวงอาทิตย์ 10 เท่าขึ้นไป โดยปกติดาวฤกษ์มีปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชันเป็นแหล่งพลังงาน ซึ่งจะหลอมรวมธาตุเล็กให้กลายเป็นธาตุใหญ่ และให้พลังงานออกมา เสมือนมีแรงระเบิดนิวเคลียร์อยู่ภายในดวงดาว

ขณะเดียวกันดาวฤกษ์ยังมีแรงโน้มถ่วงดึงมวลกลับมาอยู่รวมกัน จึงเปรียบได้กับการชักเย่อระหว่างแรงระเบิดกับแรงโน้มถ่วง เมื่อธาตุตั้งต้นหมดลงการระเบิดก็น้อยลง ทำให้แรงโน้มถ่วงชนะและเริ่มดึงให้ดาวยุบลง

อย่างไรก็ดี การยุบตัวของดาวนั้น มีปลายทางที่แตกต่างกัน ดาวบางดวงยุบตัวอย่างเงียบสงบและหมดพลังงานไป บางดวงเกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ขึ้นอีกเนื่องจากแรงโน้มถ่วงทำให้เกิดการหลอมรวมของธาตุครั้งใหม่

บางดวงเกิดระเบิดอย่างรุนแรงเรียกว่า “โนวา” (nova) หรือ “ซูเปอร์โนวา” (supernova) กลายเป็นเนบิวลาและเกิดการรวมตัวของก๊าซกลายเป็นดาวอีกรอบ บางดวงยุบตัวอย่างรวดเร็วและกลายเป็นหลุมดำ แต่บางครั้งเกิดการยุบตัวและเกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ที่รุนแรงพร้อมๆ กัน ทำให้เกิดรังสีแกมมาความเข้มสูงส่งออกมาในทิศทางที่แน่นอนและเป็นลำแคบๆ หรือเรียกว่าการระเบิดของรังสีแกมมานั่นเอง

“ถ้าส่องมายังโลก ก็ตายหมดทั้งโลก การระเบิดของรังสีแกมมาการระเบิดของรังสีแกมมานี้ น่ากลัวมาก แต่ต้องกลัวไหม ไม่ต้องกลัว เพราะถ้าเกิดขึ้นก็รวดเร็วมากจนเราไม่ทันได้รู้สึก เนื่องจากรังสีเดินทางด้วยความเร็วแสง" ผศ.พงษ์กล่าว

อย่างไรก็ดี ผศ.พงษ์กล่าวเผยว่า โอกาสดังกล่าว เกิดขึ้นน้อยมาก เพราะอย่างแรกต้องเกิดใกล้ๆ เรา ประมาณกาแลกซีถัดไป และต้องหันมาทางเราพอดี ซึ่งดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้เราที่สุดคือดาวพรอกซิมา (Proxima) อยู่ไกลออกไป 4.2 ปีแสง แต่มีขนาดเพียง 1 ใน 10 ของดวงอาทิตย์ เมื่อดาวดวงนี้ดับ จะไม่เกิดระเบิดรังสีแกมมาแน่นอน แต่ถ้าถึงวันหนึ่งเราจะต้องไป เราก็ต้องไป.


--------------------------------------------------------------------------------


*กิจกรรมสุริยะ (solar activities) คือปรากฏการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนดวงอาทิตย์ ได้แก่

- การลุกจ้าบนดวงอาทิตย์ (solar flare) เป็นการปะทุของก๊าซร้อนภายในดวงอาทิตย์เมื่อมีช่องโหว่ที่ผิวดวงอาทิตย์ ทำให้ก๊าซร้อนกว่า 20,000 องศาเซลเซียสปะทุออกมาที่ดวงอาทิตย์ซึ่งปกติมีอุณหภูมิประมาณ 6,000 องศาเซลเซียส เห็นเป็นแสงเจิดจ้าที่ผิวดวงอาทิตย์

- โพรมิเนนซ์ (prominence) เป็นพวยก๊าซที่พุ่งออกมา แล้วพุ่งกลับเหมือนมีท่อเป็นทางเดิน ซึ่งท่อดังกล่าวจริงๆ แล้ว คือสนามแม่เหล็กที่บังคับให้พวยก๊าซพุ่งกลับสู่ดวงอาทิตย์ ขนาดของพวยก๊าซใหญ่กว่าโลกและดวงจันทร์

- ลมสุริยะ (solar wind) เป็นอนุภาคมีประจุที่ส่งมาจากดวงอาทิตย์พร้อมสนามแม่เหล็กระยะสั้น หรือเรียกว่าพายุสุริยะเมื่อมีความรุนแรงกว่าและอนุภาคถูกส่งพุ่งออกไปทั่วๆ การพ่นมวลจากดวงอาทิตย์ (coronal mass ejection: CME) เป็นอนุภาคของดวงอาทิตย์ที่พุ่งออกมาเป็นลำ ด้วยความเร็วสูงและมีทิศทางค่อนข้างแคบ เมื่อพุ่งมาแต่ละครั้งสามารถกลบโลกได้มิด โดยเมื่อต้นปีที่ผ่านมาโลกได้รับลำอนุภาคนี้ ส่งผลให้การสื่อสารขัดข้องและสำนักข่าวบีบีซีได้ออกประกาศเตือนถึงเรื่องนี้ด้วย

- จุดมืด (sunspots) เป็นจุดดำบนดวงอาทิตย์ ค้นพบครั้งแรกเมื่อประมาณ 400 ปีก่อนโดย กาลิเลโอ กาลิเลอิ (Galileo Galilei) หลังจากเขาประดิษฐ์กล้องโทรทรรศน์แล้วส่องขึ้นไปบนฟ้า โดยที่ยังไม่ทราบว่าการส่องดวงอาทิตย์ด้วยตาเปล่านั้นเป็นอันตราย ข้อดีของจุดมืดคือทำให้ทราบว่าดวงอาทิตย์หมุนรอบตัวเอง และจุดมืดนี้มีหลายจุดเพิ่มขึ้น-ลดลงอยู่เสมอ

อ้างอิง : http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9530000072865>






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

005 จาก BoyDogtag,TTC-005 202.122.130.31 อังคาร, 13/7/2553 เวลา : 15:41  IP : 202.122.130.31   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 97371

คำตอบที่ 4
      

fiogf49gjkf0d
ภาพแสงเหนือจากลมสุริยะ ( Solar wind ) ที่อลาสก้า อเมริกา ( John Russell/NASA )





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

005 จาก BoyDogtag,TTC-005 202.122.130.31 อังคาร, 13/7/2553 เวลา : 15:44  IP : 202.122.130.31   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 97372

คำตอบที่ 5
      

fiogf49gjkf0d
ภาพจำลองสนามแม่เหล็กโลก ซึ่งพุ่งจากขั้วกใต้ไปขั้วโลกเหนือ ( NASA )





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

005 จาก BoyDogtag,TTC-005 202.122.130.31 อังคาร, 13/7/2553 เวลา : 15:45  IP : 202.122.130.31   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 97373

คำตอบที่ 6
      

fiogf49gjkf0d
ภาพโพรมิเนนซ์ ( Prominence ) ขนาดใหญ่ หรือก๊าซที่พวยพุ่งบนดวงอาทิตย์ ตรงด้านขวาของภาพ ( ESA )





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

005 จาก BoyDogtag,TTC-005 202.122.130.31 อังคาร, 13/7/2553 เวลา : 15:47  IP : 202.122.130.31   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 97374

คำตอบที่ 7
      

fiogf49gjkf0d
“พุทธศาสนา” กับ “วิทยาศาสตร์”
กาลิเลโอค้นพบ “ทางช้างเผือก” เมื่อ 395 ปีก่อน หลังจากที่มีการสร้างกล้องโทรทรรศน์ขึ้นมาแล้ว เห็นดาวนับล้านๆดวงในทางช้างเผือก นักวิทยาศาสตร์ก็ตื่นเต้นกันใหญ่ เมื่อส่องกล้องออกไปนอกจักรวาล ก็พบแต่ความว่างเปล่า กาลิเลโอจึงสรุปว่า ขอบจักรวาลก็คือขอบของทางช้างเผือกนั่นเอง

ทางช้างเผือกมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 100,000 ปีแสง หมายความว่า ยานที่แล่นด้วยความเร็วเท่าแสง คือ 300,000 กิโลเมตรต่อวินาที ต้องใช้เวลาวิ่งถึง 100,000 ปี ทางช้างเผือกใหญ่แค่ไหนไปหลับตานึกดูเอาเอง

แต่วันนี้นักดาราศาสตร์ได้ค้นพบจักรวาลใหม่ๆเพิ่มขึ้นอีกมากมาย นอกเหนือจากจักรวาลของเรา มีการคำนวณกันว่า จักรวาลเหล่านี้อาจมีมากถึง 10 ยกกำลัง 500 แห่ง คือ 1 ตามด้วยเลขศูนย์ 500 ตัว ไปลองเขียนนับกันดูเป็นเท่าไร แต่ละจักรวาลก็มีกฎเกณฑ์ทางฟิสิกส์ แตกต่างกันไป จักรวาลของเราเป็นเพียงอณูเล็กๆในหมู่จักรวาลทั้งหมดเท่านั้น

สิ่งเหล่านี้ “พระพุทธเจ้า” ทรงค้นพบเมื่อกว่าสองพันห้าร้อยปีก่อนแล้ว ทรงตรัสไว้ใน “จูฬนีสูตร” พระไตรปิฎก หน้า 215 เล่ม 20 ว่า

“ระบบสุริยะประกอบด้วยดวงจันทร์ โลก ดวงอาทิตย์ และดาวเคราะห์ทั้งหลาย โคจรไปร่วมกัน ดาราจักรมี 3 ขนาด คือ ดาราจักรอย่างเล็ก มีจำนวนนับพัน ดาราจักรอย่างกลาง มีจำนวนนับล้าน ดาราจักรอย่างใหญ่ มีจำนวนแสนโกฏิ และดาราจักรเหล่านี้ มีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และแตกดับในที่สุด”

ฟริตจอฟ คาปรา ผู้เขียนหนังสือ “เต๋าแห่งฟิสิกส์” บอกว่า ทฤษฎีควอนตัม และทฤษฎีสัมพันธภาพ ทำให้ความเข้าใจเกี่ยวกับโลกของเราคล้ายคลึงกับความเข้าใจของชาวพุทธและเต๋า เมื่อเอาสองทฤษฎีนี้มาใช้อธิบายปรากฏการณ์ของอนุภาคที่เล็กกว่าอะตอม เราพบว่า “อนุภาคเหล่านี้มีความไม่เที่ยง แปรเปลี่ยนไปตลอดเวลาและไม่มีตัวตนที่แท้ คล้ายคลึงอย่างยิ่งกับหลักแห่ง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา”

อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นักวิทยาศาสตร์ผู้ค้นพบทฤษฎีสัมพัทธ์อันยิ่งใหญ่ หลังจากที่ได้ศึกษาพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้งแล้วก็ออกมายอมรับว่า

“การสัมผัสรับรู้ความจริงแท้ของจักรวาลทางศาสนา เป็นพื้นฐานที่แข็งแกร่งที่สุด ยิ่งใหญ่ที่สุดของการค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์”

ถามว่า แล้วทำไม “พระพุทธเจ้า” จึงไม่ให้ความสำคัญกับการค้นพบที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้ คำตอบก็คือ ทรงเห็นว่าสิ่งที่ค้นพบนั้นเป็นความจริงทางธรรมชาติ แต่ไม่ใช่หนทางแห่งการหลุดพ้น ทางเดียวที่จะหลุดพ้นได้ก็คือ “มรรค” ที่นำไปสู่การนิพพานนั่นเอง.

จากหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อ “ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น” ของ ทันตแพทย์สม สุจีรา



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

sailom_276 จาก TTC048 125.24.113.174 อังคาร, 13/7/2553 เวลา : 16:22  IP : 125.24.113.174   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 97375

คำตอบที่ 8
      

fiogf49gjkf0d
วิทยาศาสตร๋หรือไศยศาสตร์
คนไทยชอบ วัตถุนิยมมาตั้งแต่สมัยโบราณ สังเกตง่ายๆเวลารบทัพจับศึกจะหาเครื่องรางของขลัง มาป้องกันตัว หรือ เพื่อเอาชัยชนะ ไม่เคยใช้ปัญญาในการแก้ไขปัญหาอย่างแท้จริง
นี่เป็นจุดอ่อนมากๆของคนไทย ดังนั้นจึงไม่แปลกที่คนรุ่นหลังจึ้งติดนิสัยแบบนี้มา ซึ่งจะเห็นได้ชัดจาการดู พระนเรศวร และ สามก๊ก สามก๊กจะใช้ปัญญาในการทำศึกล้วนๆไม่มีเครื่องรางของขลัง
คนจีนถึงมีคติสอนใจในการดำเนินชีวิตให้ลูกหลานได้เจริญรุ่งเรืองด้วยปัญญาตนมากกว่าคนไทย ที่วันๆเอาแต่หาของขลังของมงคลเพื่อให้การค้า และธุรกิจตนเองเจริญรุ่งเรือง แทนที่จะเสียเวลาไปหาปัญญาให้กับตัวเองมากกว่า
เพราะอย่างนี้คนไทยจึงไม่ค่อยมีเป็นเจ้าของธุรกิจใหญ่ๆโตๆเลย ถึงจะมีีก็เป็นธุรกิจเล็กๆน้อยๆ ส่วนธุรกิจใหญ่ๆ มีเชื้อสายคนจีนทั้งนั้น (ไม่เชื่อคุณไปดู 100รายชื่อเจ้าสัวในเมืองไทยได้) เพราะคนที่จะบริหารองค์กรขนาดใหญ่ต้องใช้ปัญญาอย่างแท้จริงมากกว่าที่จะเชื่อเครื่องรางของขลังแต่มาทำงานใหญ่ๆโตๆ แต่ไม่มีปัญญา ส่วนพวกเชื่อเครื่องรางของขลัง บูชาเป็นชีวิตจิตใจ คุณลองไปดูเถอะเจ้าของธุรกิจเล็กๆน้อยๆทั้งนั้น
นี่คือเหตุและผลว่า คนที่บูชาปัญญาก็จะเป็นแบบ "เจ้าสัว" ส่วนคนบูชาเครื่องรางของขลังก็ได้แค่ "เถ้าแก่"่
คนรุ่นใหม่ก็อย่าเอาเยี่ยงอย่างคนรุ่นเก่าที่ทำแบบนี้แล้วกันนะ ประเทศชาติจะถอยหลังลงคลอง เพรามัวไปยึดแต่วัตถุนิยม เพียงแต่เปลี่ยนวัตถุที่นิยมแค่นั้น ดังนั้นคนที่บูชาเครื่องรางของขลัง ก็คือ พวกวัตถุนิยม นั่นเอง คนที่ชอบูุชาเทพ ก็คือพวกเทวนิยมนั่นเอง ซึ่งผิดกับหลักพุทธศาสนา ซึ่งเป็นอเทวนิยม ดังนั้นคนนับัถือพระพุทธเจ้าอย่างแท้จริง จะไม่บูชาเทพมากกว่าพระพุทธเจ้า แต่จากที่เห็นมีเต็มไปหมด เพราะการบูชาเทพง่าย กว่า การให้ทาน การรักษาศีล การเจริญภาวนา ของง่ายๆคนเลยทำ เพราะมันถูกใจกิเลส
สังเวชประเทศไทย แดนดินถิ่นพระพุทธศาสนา แต่ทุกวันนี้กลับนอกลู่นอกทางเข้าไปทุกที
ปริศนาธรรม ....





fiogf49gjkf0d
ภาพนี้ผมมองเห็นเนื้อที่หลายไร่ที่ทำนาได้เป็นร้อยกระสอบ แต่ดันสร้าง....
จาก : koreaneasy(koreaneasy) 13/12/2555 2:17:08 [61.19.66.4]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

ย้ง จาก ย้ง051 58.11.22.96 อังคาร, 13/7/2553 เวลา : 21:41  IP : 58.11.22.96   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 97383

คำตอบที่ 9
      

fiogf49gjkf0d
ในทางวิทยาศาสตร์ที่เราเรียนๆกันมาบางอย่างมีการเปลี่ยนมุมมองเหตุและผลของบุคคลที่คิดค้นได้ ในโลกของตะวันตกที่นักวิทยาศาสตร์ค้นพบ ซึ่งล้าหลังของเราชาวพุทธ 543 ปี
ซึ่ง ณ ปัจจุบัน เหตุการณ์บางอย่าง และหลักคำสอนของพระพุทธเจ้ายังไม่เคยเปลี่ยนแปลง ขอให้เรายึดมั่นในพระพุทธเจ้า แต่คนบางกลุ่มมันกลับไม่ยอมให้เป็นศาสนาประจำชาติ ไอ้พวกนี้สมควรตกนรกได้แล้ว เอวัง.



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

130 จาก หนึ่ง กาฬสินธุ์ 114.128.130.85 อังคาร, 13/7/2553 เวลา : 22:04  IP : 114.128.130.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 97384

คำตอบที่ 10
      

fiogf49gjkf0d
สาธุ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

nissan16 จาก เอกาTTC-123 183.89.191.7 อังคาร, 13/7/2553 เวลา : 23:57  IP : 183.89.191.7   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 97386

คำตอบที่ 11
      

fiogf49gjkf0d
เอาวิธีทำ ไม้ขีด จังโก้มั้ย แบบขีดกับอะไรก็ติดนะ ก็มี
1 ไม้ขีด 1 กลัก
2 แอมโมเนียชนิดเข้มข้น
3 เกล็ดไอโอดีน

เอาสารหมายเลข 2-3 มาผมสกันด้วยอัตราส่วน 1:1 แล้วนำไม้ขีด มาจุ่มแค่ปลายๆ แล้วผึ่งลม แค่นี้ก็เสร็จ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จิรกิตติ จาก TTC001 183.89.87.26 พุธ, 14/7/2553 เวลา : 09:43  IP : 183.89.87.26   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 97397

คำตอบที่ 12
      

fiogf49gjkf0d
อย่าเชื่อ 10 ประการ (กาลามสูตร)

กาลามสูตรกังขานิยฐาน 10 หมายถึง วิธีปฎิบัติในเรื่องที่ควรสงสัย หรือหลักความเชื่อ ที่ตรัสไว้ในกาลามสูตร

1.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามกันมา (มา อนุสฺสเวน)

2.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการถือสีบๆกันมา (มา ปรมฺปราย)

3.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการเล่าลือ (มา อิติกิราย)

4.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการอ้างตำรา หรือคัมภีร์ (มา ปิฏกสมฺปทาเนน)

5.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะตรรก (มา ตกฺกเหตุ)

6.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะอนุมาน (มา นยเหตุ)

7.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล (มา อาการปริวิตกฺเกน)

8.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะเข้าได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว (มา ทิฏฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา)

9.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้ (มา ภพฺพรูปตาย)

10.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา (มา สมโณ โน ครูติ)

ต่อเมื่อใด รู้เข้าใจด้วยตนว่า ธรรมเหล่านั้น เป็นอกุศล เป็นกุศล มีโทษ ไม่มีโทษ เป็นต้นแล้ว จึงควรละหรือถือปฏิบัติตามนั้น

สูตรนี้ในบาลีเรียกว่า เกสปุตติสูตร ที่ชื่อกาลามสูตร เพราะทรงแสดงแก่ชนเผ่ากาละมะ แห่งวรรณะกษัตริย์ ที่ชื่อเกสปุตติยสูตร เพราะพวกกาละมะนั้นเป็นชาวเกสปุตตะนิคม ในแคว้นโกศล ไม่ให้เชื่องมงายไร้เหตุผลตามหลัก 10 ข้อ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

005 จาก BoyDogtag,TTC-005 202.122.130.31 พฤหัสบดี, 15/7/2553 เวลา : 08:49  IP : 202.122.130.31   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 97434

คำตอบที่ 13
      

fiogf49gjkf0d
“ซันโย”ออก“หม้อหุงข้าว”ทำข้าวสารเป็นขนมปัง

เอเอฟพี - ซันโย อิเล็กทริก บริษัทญี่ปุ่นที่โด่งดังเรื่องการผลิตเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค วันพุธ(14)ได้เปิดตัวหม้อหุงข้าวรุ่นแรกของโลก ที่สามารถเปลี่ยนเม็ดข้าวสารให้กลายเป็นขนมปัง

หม้อหุงข้าวรุ่นใหม่เอี่ยมนี้ สามารถโม่เม็ดข้าวสาร 1 ถ้วยให้กลายเป็นแป้งข้าวเจ้า จากนั้นก็ผสมแป้งดังกล่าวกับน้ำ, แป้งเปียนกลูเตน, ยีสต์, และส่วนผสมอื่นๆ แล้วมันก็จะสามารถอบให้เป็นขนมปัง 1 แถวขึ้นมาโดยใช้เวลา 4 ชั่วโมง

หม้อหุงข้าวรุ่นนี้ทางซันโยตั้งชื่อว่า “โกปัน” (GOPAN) ซึ่งเป็นการผสมคำว่า “โกฮัน” (Gohan) ที่เป็นภาษาญี่ปุ่นแปลว่าข้าว กับ “ปัน” (Pan) ภาษาสเปนที่แปลว่าขนมปัง ทั้งนี้บริษัทจะเริ่มวางตลาดในญี่ปุ่นในเดือนตุลาคมนี้ และเริ่มส่งออกไปยังประเทศเอเชียอื่นๆ ในปีหน้า สนนราคาขายปลีกที่ตั้งไว้ในญี่ปุ่นคือ ระหว่าง 50,000 - 60,000 เยน (ประมาณ18,300 - 22,000 บาท)

หม้อหุงข้าวรุ่นแรกของโลก ที่สามารถเปลี่ยนเม็ดข้าวสารให้กลายเป็นขนมปัง

อ้างอิง : http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9530000097208>






fiogf49gjkf0d
อยากได้แท้น้อ... แต่นึกดีๆ.. ได้อะหลั่ยหรือแต่งรถได้เยอะกว่าอ่ะ..^^
จาก : koreaneasy(koreaneasy) 13/12/2555 2:20:59 [61.19.66.4]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

005 จาก BoyDogtag,TTC-005 202.122.130.31 พฤหัสบดี, 15/7/2553 เวลา : 09:04  IP : 202.122.130.31   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 97435

คำตอบที่ 14
      

fiogf49gjkf0d
ตอนยังไม่ตายจะไปไหนก็ไม่ค่อยอยากให้ไป แต่พอตายแล้วบอกให้ไปที่ชอบที่ชอบ แล้วมันจะไปได้ไหมเนี่ย อันนี้เป็นวิทยาศาสตร์หรือเปล่า ฮ่า 555555555



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

singh2005 จาก สิงห์ 58.8.92.36 พฤหัสบดี, 15/7/2553 เวลา : 10:13  IP : 58.8.92.36   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 97436

คำตอบที่ 15
      

fiogf49gjkf0d
มาดูคอมพิวเตอร์ในอนาคตอันใกล้นี้กันครับ
เล็กจริงๆ





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

thebank44 จาก thebank44TTC121 125.25.5.65 พฤหัสบดี, 15/7/2553 เวลา : 13:44  IP : 125.25.5.65   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 97444

คำตอบที่ 16
      

fiogf49gjkf0d
เปิดแล้วเป็นแบบนี้
รายละเอียดยังไม่มีนะครับ
พวก ไฮเทค ทั้งหลาย (รวมผมด้วย) เห็นแล้วน้ำลายแตกฟอง





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

thebank44 จาก thebank44TTC121 125.25.5.65 พฤหัสบดี, 15/7/2553 เวลา : 13:45  IP : 125.25.5.65   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 97445

คำตอบที่ 17
      

fiogf49gjkf0d
มีผลพิสูจน์เป็นที่แน่นอนแล้วว่า.."คนโสด" อยู่คนเดียวมีโอกาสเป็นโรค"สมองเสื่อม" มากกว่าคนที่อยู่เป็นคู่ และคนที่เคยมีคู่แล้วพลัดพราก ก่อนวัยกลางคนเป็น"โรคซึมเศร้า และเข้าสู่วัยทอง" เร็วกว่าปกติ.... (วิทยาศาสตร์มั๊ยครับ )



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

bajaxr จาก โคบาลพงศ์ TTC076 125.26.85.48 พฤหัสบดี, 15/7/2553 เวลา : 16:04  IP : 125.26.85.48   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 97451

คำตอบที่ 18
      

fiogf49gjkf0d
ท่าจะจริงแบบทั้งที่พี่สิงห์และคุณพงศ์ว่าไว้เลย..
แถมตอนรุ่นจะกินจะเที่ยวที.. ก็ต้องดูใกล้ๆเงินเดือนออก..
แต่พอโตขึ้นมีเงินเดือนเพิ่มขึ้น.. หมอดันบอกห้ามกินโน้นกินนี่ซะอีก.. 555

โรคสมองเสื่อม.. ไม่น่าจะเกิดกับพวก Terrano ที่ขยันคิดว่าจะทำอะไรกับรถตัวเองดี..
แต่จะเป็นโรคทรัพย์เสื่อมแทนนะสิ...555



fiogf49gjkf0d
ยังไม่ทันวัยทองก็เสื่อมแล้วคับ..ทรัพย์น่ะคุณบอย...^^
จาก : koreaneasy(koreaneasy) 13/12/2555 2:23:24 [61.19.66.4]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

005 จาก BoyDogtag,TTC-005 124.122.16.233 พฤหัสบดี, 15/7/2553 เวลา : 16:46  IP : 124.122.16.233   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 97454

คำตอบที่ 19
      

fiogf49gjkf0d
มีเงิน แต่ไม่มีแฮง กับมีแฮง แต่ไม่มีเงิน เข้าข่ายด้วยหรือเปล่าครับ ท่านพี่



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

130 จาก หนึ่ง กาฬสินธุ์ 117.47.10.242 พฤหัสบดี, 15/7/2553 เวลา : 16:50  IP : 117.47.10.242   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 97455

คำตอบที่ 20
      

fiogf49gjkf0d
ตอนยังไม่ตายจะไปไหนก็ไม่ค่อยอยากให้ไป แต่พอตายแล้วบอกให้ไปที่ชอบที่ชอบ แล้วมันจะไปได้ไหมเนี่ย อันนี้เป็นวิทยาศาสตร์หรือเปล่า ฮ่า 555555555
ตอบคุณสิงห์...เป็นครับ เป็นเรื่องของสสารเมื่อย่อยสลายจะกลายเป็นพลังงาน ที่เราเรียกว่าผี





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

ย้ง จาก ย้ง051 58.9.137.135 พฤหัสบดี, 15/7/2553 เวลา : 18:46  IP : 58.9.137.135   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 97460

คำตอบที่ 21
      

fiogf49gjkf0d
โถ...พี่ย้ง ครับ...สรุปซะ อิๆๆๆๆ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

bajaxr จาก โคบาลพงศ์ TTC076 125.26.95.135 พฤหัสบดี, 15/7/2553 เวลา : 18:48  IP : 125.26.95.135   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 97461

คำตอบที่ 22
      

fiogf49gjkf0d
“โบอิง” เปิดตัว “Phantom Eye” ยานบินไร้คนขับพลังไฮโดรเจน

“โบอิง” เปิดตัวเครื่องบินไร้คนขับพลังงานไฮโดรเจน “เจ้าตาปีศาจ” ที่สามารถบินได้ต่อเนื่อง 4 วัน และสามารถบินได้สูงถึง 20,000 เมตร โดยเครื่องบินต้นแบบนี้ จะถูกส่งไปยังศูนย์วิจัยการบินของนาซาเพื่อเตรียมทดลองบินเที่ยวแรกต้นปี 2011 นี้

จากการเปิดเผยของ “โบอิง” (Boeing) บีบีซีนิวส์ระบุว่า บริษัทผู้ผลิตเครื่องบินยักษ์ใหญ่ของโลกนี้ได้เปิดตัวเครื่องบินพลังงานไฮโดรเจนไร้คนขับที่ชื่อว่า “แฟนทอมอาย” (Phantom Eye) หรือ “ตาปีศาจ” ซึ่งสามารถบินที่ระดับความสูง 20,000 เมตร และบินต่อเนื่องถึง 4 วัน

เครื่องบินต้นแบบนี้จะถูกขนส่งไปยังศูนย์วิจัยการบินดรายเดน (Dryden Flight Research Center) ขององค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ ในช่วงฤดูร้อนนี้ของซีกโลกเหนือ เพื่อเตรียมทดสอบการบินเที่ยวแรกต้นปี 2011 ซึ่งเครื่องบินนี้เป็นผลงานจากหน่วยวิจัย “แฟนทอมเวิร์คส” (Phantom Works) และทีมพัฒนาที่เป็นความลับของโบอิง

โบอิงระบุว่า ในที่สุดเครื่องบินพลังงานไฮโดรเจนนี้ ต้องมีความฉลาดอยู่ในตัวและสามารถควบคุมได้ด้วยตัวเอง และบอกด้วยว่าเครื่องบินลำนี้รองรับเที่ยวบินทรหดได้อย่างยาวนาน เพราะมีระบบพลังงานไฮโดรเจนที่เบาขึ้นและทรงพลังขึ้น

คริส แฮดดอกซ์ (Chris Haddox) จากหน่วยวิจัยแฟนทอมเวิร์คสกล่าวว่า ในปี 1989 ทางบริษัทเคยทดลองบิน “คอนดอร์” (Condor) ยานไร้คนขับที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงทั่วไป ซึ่งบินได้นาน 60 ชั่วโมงและเป็นเวลายาวนานที่สุดแล้วที่ทำได้

“ตอนนี้เรากำลังพูดถึงการบินยาวนาน 96 ชั่วโมง” แฮดดอกซ์กล่าว

ทั้งนี้ โบอิงอธิบายว่าเครื่องบินแฟนทอมอายนี้ ใช้พลังงานไฮโดรเจน 2.3 ลิตร โดยมีเครื่องยนต์ทรงกระบอก 4 ชุดที่แต่ละชุดให้กำลัง 150 แรงม้า และตัวเครื่องมีขนาดใหญ่มาก ด้วยความกว้างของปีกที่ยาวถึง 46 เมตร

“มันไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อสอดแนม แต่สร้างมาเพื่อพิสูจน์ความอึด” แฮดดอกซ์บอกบีบีซีนิวส์

ด้านกระทรวงกลาโหมของสหราชอาณาจักร (UK Ministry of Defence: MoD) สนใจในเครื่องบินที่มีความทนทานและบินได้ในระดับสูง เพื่อใช้ในการตรวจตรา และกำลังพิจารณาอย่างถ้วนถี่ในเทคโนโลยีต่างๆ ซึ่งรวมถึงเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อบรรลุเป้าหมาย “โครงการบริโภคซากอินทรีย์” (Scavenger project) โดยกระทรวงมีความร่วมมือกับ ควินทิค (Qinetiq) บริษัทพัฒนาอากาศยานและการป้องกันภัย ซึ่งกำลังจะบรรลุความสำเร็จในการพัฒนาเครื่องบินพลังงานแสงอาทิตย์ที่เรียกว่า “เซไฟร์” (Zephyr)

ทั้งนี้ โฆษกกรทรวงกลาโหมสหราชอาณาจักรรบุว่า การบินได้ยาวนานถึง 4 วันนั้นเป็นเรื่องดี แต่ทางกระทรวงกำลังพิจารณาคุณสมบัติเพื่อตอบสนองความต้องการในการสอดแนมที่ถาวรและเข้มข้น ซึ่งเครื่องบินที่มีคุณสมบัติดังกล่าวจะลอยตัวอยู่ในอากาสได้นานเกินสัปดาห์







 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

005 จาก BoyDogtag,TTC-005 124.122.16.233 พฤหัสบดี, 15/7/2553 เวลา : 19:32  IP : 124.122.16.233   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 97466

คำตอบที่ 23
      

fiogf49gjkf0d
พี่บอย.. ประเทศใหนที่เขาผลิตรถบินได้เมื่อเร็วๆนี้.. แต่ที่แน่ๆของพี่เรวัตได้หางมาแล้วคงจะบินได้ไกลกว่าเพื่อน เห็นบอกว่าถ้าใส่พี่วีตามไม่ทัน



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

130 จาก หนึ่ง กาฬสินธุ์ 112.142.207.107 พฤหัสบดี, 15/7/2553 เวลา : 19:49  IP : 112.142.207.107   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 97468

คำตอบที่ 24
      

fiogf49gjkf0d






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

ย้ง จาก ย้ง051 58.9.104.2 ศุกร์, 16/7/2553 เวลา : 02:38  IP : 58.9.104.2   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 97480

คำตอบที่ 25
      

fiogf49gjkf0d






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

ย้ง จาก ย้ง051 58.9.104.2 ศุกร์, 16/7/2553 เวลา : 02:39  IP : 58.9.104.2   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 97481

คำตอบที่ 26
      

fiogf49gjkf0d






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

ย้ง จาก ย้ง051 58.9.104.2 ศุกร์, 16/7/2553 เวลา : 02:39  IP : 58.9.104.2   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 97482

คำตอบที่ 27
      

fiogf49gjkf0d
พี่ย้ง หาลงมา POST เร็วจัง แสดงว่า อย่างอื่นต้องเร็วน่าดู



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

130 จาก หนึ่ง กาฬสินธุ์ 222.123.59.43 อาทิตย์, 18/7/2553 เวลา : 00:27  IP : 222.123.59.43   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 97510

คำตอบที่ 28
      

fiogf49gjkf0d
สวัสดีคุณหนึ่งกาฬสินธุ์ เปิดคอมมาเห็นกระทู้เคลื่อนไหวตั้งหลายกระทู้ ผีมือคุณหนึ่งนี่เอง....ความเร็วผมยังสู้คนอื่นๆในชมรมไม่ได้หรอก ไม่โดนทิ้งก็ดีแล้ว





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

ย้ง จาก ย้ง051 58.9.40.125 อาทิตย์, 18/7/2553 เวลา : 07:21  IP : 58.9.40.125   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 97513

คำตอบที่ 29
      

fiogf49gjkf0d
จากภาพ.. ภาพวาดบันทึกเหตุการณ์สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทอดพระเนตรสุริยุปราคา โดยฑูตฝรั่งเศส ( สมาคมดาราสาสตร์ไทย )

“ลพบุรี” เมืองดาราศาสตร์แห่งชาติ

เมื่อเอ่ยถึง “ลพบุรี” หลายคนนึกถึงจังหวัดที่เต็มไปด้วยลิงและโบราณสถานกลางเมืองซึ่งสะท้อนความเป็นดินแดนที่มีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ไทย แต่ใครหลายคนอาจยังไม่ทราบว่าเมืองละโว้ในอดีตนี้ยังมีความสำคัญต่อวงการดาราศาสตร์โลกมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์ด้วย

ปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงในคืนวันที่ 10 ธ.ค. พ.ศ.2228 เป็นอีกปรากฏการณ์ที่มีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ไทยและดาราศาสตร์โลก ในครั้งนั้นสมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้เสด็จทอดพระเนตรจันทรุปราคา ณ พระที่นั่งเย็น จ.ลพบุรี โดยมีคณะเจซูอิตหรือคณะสงฆ์แห่งพระเยซูชาวฝรั่งเศส 6 รูปถวายคำบรรยาย และระหว่างปรากฏการณ์คณะสงฆ์ได้บันทึกข้อมูลระหว่างเกิดคราสในแต่ละนาทีโดยละเอียด และระบุว่าคราสบังถึงหลุมใดของดวงจันทร์บ้าง

ข้อมูลในหนังสือจดหมายเหตุดาราศาสตร์จากฝรั่งเศสเกี่ยวกับราชอาณาจักรสยาม ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยโดยสมาคมดาราศาสตร์ไทย ด้วยทุนสนับสนุนจากกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เผยบันทึกของ บาทหลวง เจ.เดอฟงเตอเนย์ ซึ่งเป็น 1 ในคณะสงฆ์แห่งพระเยซู ว่าปรากฏการณ์ครั้งนั้นสมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้ทอดพระเนตรกล้องโทรทรรศน์ความยาว 12 ฟุตที่ใช้ในการสังเกตการณ์ อีกทั้งยังพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณเป็นพิเศษต่อคณะสงฆ์ เช่น พระราชทานอนุญาตให้คณะสงฆ์ลุกขึ้นยืนต่อหน้าที่ประทับ และประทับเบื้องหลังคณะสงฆ์เพื่อทอดพระเนตรปรากฏการณ์ เป็นต้น

นายอารี สวัสดี อุปนายกสมาคมดาราศาสตร์ไทย กล่าวว่าเมืองลพบุรีถือเป็นเมืองดาราศาสตร์แห่งชาติ โดยปรากฏการณ์จันทรุปราคาเมื่อ 325 ปีดังกล่าวนั้น คณะสงฆ์แห่งพระเยซูชาวฝรั่งเศสได้เดินทางมาศึกษาปรากฏการณ์และบันทึกข้อมูลโดยละเอียดเพื่อหาเส้นละติจูด (Latitude) หรือเส้นรุ้งและเส้นลองจิจูด (Longitude) หรือเส้นแวง ของเมืองละโว้ กรุงศรีอยุธยา เพื่อเปรียบเทียบกับหอดูดาวกรุงปารีส

การศึกษาปรากฏการณ์จันทรุปราคาดังกล่าวเพื่อหาตำแหน่งเส้นละติจูดและลองจิจูดนี้ นายอารีบอกแก่ทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ ว่าเป็นพระราชประสงค์ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ของฝรั่งเศส เพื่อสร้างแผนที่ซึ่งมีความแม่นยำและเที่ยงตรง โดยมีคณะสงฆ์ที่ได้เดินทางไปเก็บข้อมูลปรากฏการณ์จันทรุปราคาครั้งนั้นถึง 18 แห่งทั่วโลก อาทิ เมืองนูเรมเบิร์ก เยอรมนี, กรุงโรม อิตาลี, กรุงปารีส ฝรั่งเศส, กรุงมาดริด สเปน และ กรุงมะนิลา ฟิลิปปินส์ เป็นต้น

“ครั้งนั้นเทคโนโลยีดาราศาสตร์ทันสมัยที่สุดในยุคนั้นมาอยู่ที่ลพบุรี กล้องโทรทรรศน์ที่ดีที่สุด นาฬิกาพก นาฬิกาลูกตุ้มและอุปกรณ์วัดมุมที่ดีที่สุดมารวมอยู่ที่นี่ ข้อมูลจากการสังเกตปรากฏการณ์จันทรุปราคาถูกส่งไปให้ จิโอวานนี โดมินิโก แคสสินี* นักดาราศาสตร์ชาวอิตาลีซึ่งเป็นศิษย์เอกของกาลิเลโอ กาลิเลอิ** และอาจกล่าวได้ว่าเป็นความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์ระดับนานาชาติโครงการแรกที่เข้ามาในไทย” นายอารีกล่าว

สำหรับพระที่นั่งเย็นนั้น นอกจากเป็นสถานที่เสด็จทอดพระเนตรปรากฏการณ์จันทรุปราคาแล้ว ยังเป็นสถานที่เสด็จทอดพระเนตรปรากฏการณ์สุริยุปราคา เมื่อวันที่ 30 เม.ย. พ.ศ.2231 ด้วย แต่จากบทความในหนังสือจดหมายเหตุดาราศาสตร์จากฝรั่งเศสเกี่ยวกับราชอาณาจักรสยามฯ ซึ่งเขียนโดย นายอารี สวัสดี ระบุว่าไม่อาจค้นคว้าได้ว่ามีการจดบันทึกการสังเกตปรากฏการณ์ครั้งนั้นหรือไม่ เพราะเกิดการปฏิวัติในปีเดียวกันนั้น และต่อมาสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเสด็จสวรรคตในวันที่ 10 ก.ค.2231

อีกสถานที่สำคัญสำหรับดาราศาสตร์ไทยคือ “วัดสันเปาโล” ซึ่งเป็นหอดูดาวแห่งแรกของไทยที่สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ และยังเป็นบ้านพักที่พระมหากษัตริย์พระราชทานแก่บาทหลวงนักวิทยาศาสตร์จากราชสำนักพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 โดยสร้างขึ้นใน พ.ศ.2228 และมีรูปแบบคล้ายกับหอดูดาวกรุงปารีสที่สร้างขึ้นก่อนหอดูดาววัดสันเปาโลเพียง 21 ปี แต่ปัจจุบันหอดูดาววัดสันเปาโลหลงเหลือเพียงซากและโครงสร้างบางส่วนเท่านั้น ขณะที่หอดูดาวกรุงปารีสยังค่อนข้างสมบูรณ์อยู่

จากความสำคัญของวัดสันเปาโลอายุกว่า 300 ปีนี้ ในปี 2552 ซึ่งเป็นปีดาราศาสตร์สากล (International Year of Astronomy) ทางสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) จึงได้สถาปนาให้เป็นหนึ่งในจุดสำคัญทางดาราศาสตร์ในประเทศไทย (Establishment of Astronomical Landmark in Thailand) เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ดาราศาสตร์ที่สำคัญของประเทศ

ทั้งนี้ เราทราบถึงความรุ่งเรืองของดาราศาสตร์ยุคใหม่ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์จากเอกสารที่บันทึกโดยคณะทูตและคณะสงฆ์แห่งพระเยซูจากฝรั่งเศส โดย นายภูธร ภูมะธน ประธานชมรมอนุรักษ์โบราณสถานและสิ่งแวดล้อม จ.ลพบุรี เป็นผู้มีส่วนสำคัญในการสืบค้นเอกสารเกี่ยวกับดาราศาสตร์ไทยในยุคดังกล่าว ซึ่งเก็บรักษาไว้ที่ห้องสมุดของหอดูดาวกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส และเขาได้มอบให้แก่สมาคมดาราศาสตร์ดำเนินการแปลต่อไป

“ลพบุรีเป็นเมืองที่มีคุณค่าต่อประวัติศาสตร์ในการวางรากฐานการศึกษาดาราศาสตร์สมัยใหม่ของประเทศ สมเด็จพระนารายณ์ทรงสนพระทัยศึกษาวิจัยด้วยตนเอง มีแง่มุมดาราศาสตร์ที่โดดเด่นมาก ทรงศึกษาด้วยพระองค์เองไม่แตกต่างกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 ซึ่งสถานที่สำคัญๆ ทางดาราศาสตร์ของลพบุรีมีอย่างน้อย 2 แห่ง คือ วัดสันเปาโลและพระที่นั่งเย็น เมืองนี้เป็นเมืองที่มีหลักฐานว่าครั้งหนึ่งพระมหากษัตริย์ทรงสนพระทัยเรื่องนี้ และมีหลักฐานจริง จงภูมิใจในประวัติศาสตร์ของพวกเรา” นายภูธรกล่าว

แม้ความรุ่งเรืองของดาราศาสตร์ยุคใหม่ในไทยจะเหลือให้เห็นเพียงซากปรัก แต่อย่างน้อยร่องรอยที่ทิ้งไว้ได้สะท้อนให้เห็นพระราชวิสัยทัศน์อันก้าวหน้าและยาวไกลของพระมหากษัตริย์ไทยในอดีต และเป็นแบบอย่างให้คนรุ่นหลังได้น้อมนำไปเป็นแบบอย่าง

/////////////////////////////

*จิโอวานนี โดมินิโก แคสสินี นักดาราศาสตร์ชาวอิตาลี ผู้คำนวณระยะห่างระหว่างโลกและดวงอาทิตย์ได้อย่างแม่นยำเป็นคนแรก และเป็นผู้อำนวยการหอดูดาวกรุงปารีสเป็นคนแรกด้วย

** กาลิเลโอ กาลิเลอิ ผู้เป็นทั้งนักวิทยาศาสตร์ นักคณิตศาสตร์และนักดาราศาสตร์ชาวอิตาลี และเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการปฏิวัติวงการวิทยาศาสตร์สู่วิทยาศาสตร์ยุคใหม่ และเป็นคนแรกที่ปรับปรุงกล้องโทรทรรศน์แล้วใช้สังเกตดวงดาวบนท้องฟ้า จนพบดวงจันทร์ของดาวพฤหัส วงแหวนของดาวเสาร์และปรากฏการณ์อื่นๆ อีกมาก

Ref. : http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9530000096935>






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

005 จาก BoyDogtag,TTC-005 124.122.16.75 อาทิตย์, 18/7/2553 เวลา : 11:53  IP : 124.122.16.75   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 97521

คำตอบที่ 30
      

fiogf49gjkf0d
อันตราย!"หมูยอ" ห่อพลาสติกถึงตาย

ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- “ สคร. 5” โคราชแหล่งผลิตใหญ่ออกโรงเตือนอันตรายกิน “ หมูยอ ” ห่อพลาสติกอันตรายถึงตายได้ พบผู้เสียชีวิตแล้ว 1 รายที่ จ.สุระบุรี เหตุมสารพิษ “Clostridium botulinum” ชนิดเดียวกับที่อยู่ในหน่อไม้ปี๊บ เผยปีนี้ 4 จว.อีสานใต้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษแล้วกว่า 5,000 ราย แนะทำให้สุกก่อนรับประทาน

วันนี้ ( 29 มิ.ย.) ที่สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 จังหวัดนครราชสีมา ถ.ราชสีมา-โชคชัย อ.เมือง จ.นครราชสีมา นพ. สมชาย ั้งสุภาชัย ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 ( สคร. 5) จังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค รายงานการระบาดของโรคอาหารเป็นพิษที่สำคัญ ตั้งแต่เดือน ม.ค.-มิ.ย. 2553 ระบุเกิดโรคขึ้นรวม 30 เหตุการณ์ และเหตุการณ์ที่น่าสนใจมี 2 เหตุการณ์ ที่มีสาเหตุสงสัยแตกต่างจากที่เคยเกิดการระบาดมาคือ

1. สงสัยการระบาดของโรค Botulism ที่ จ.ลำปาง เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา มีผู้ป่วย 100 ราย เสียชีวิต 2 ราย สงสัยเกิดจากการรับประทานเนื้อหมูป่า

2. สงสัยการระบาดของโรค Botulism ที่ จ.สระบุรี เมื่อเดือน พ.ค.มีผู้ป่วย 3 ราย เสียชีวิต 1 ราย สงสัยรับประทานยำหมูยอที่ทำจากหมูยอห่อด้วยพลาสติกซื้อจากรถเร่ หลังจากมีการระบาดใหญ่ของโรคดังกล่าวในปี 2540 ที่ จ.ตาก และ จ.น่าน มีผู้ป่วย 13 ราย เสียชีวิต 2 ราย และเมื่อเดือน มี.ค. 2549 มีผู้ป่วย 150 ราย ในจำนวนนี้มีผู้ป่วยหนักต้องใช้เครื่องช่วยหายใจถึง 39 ราย สาเหตุล้วนมาจากการรับประทานหน่อไม้ปิ๊บ ซึ่งมีสารพิษ Clostridium botulinum ซึ่งเป็นสารพิษของแบคทีเรียที่เจริญเติบโตในอาหารก่อนการบริโภค

นพ.สมชายกล่าวว่า สถานการณ์การระบาดของโรคอาหารเป็นพิษพื้นที่รับผิดชอบ สคร. 5 ในพื้นที่สาธารณสุขเขต 14 ประกอบด้วย นครราชสีมา , บุรีรัมย์ , ชัยภูมิ และสุรินทร์ ตั้งแต่เดือน ม.ค. – มิ.ย. 2553 พบมีผู้ป่วยจำนวน 5,145 ราย อัตราป่วยทั้งหมดเท่ากับ 77.90 ต่อประชากรแสนคน แบ่งเป็น นครราชสีมา ป่วย 1,549 ราย , บุรีรัมย์ ป่วย 1,985 ราย , สุรินทร์ ป่วย 976 ราย และชัยภูมิ ป่วย 635 ป่วย

สำหรับในพื้นที่สาธารณสุขเขต 14 หรือ 4 จังหวัดอีสานตอนล่าง ยังไม่พบการระบาดของโรคอาหารเป็นพิษ ที่เกิดจากเชื้อ Clostridium botulinum ซึ่งพบในหน่อไม้ปี๊บและล่าสุดพบในหมูยอที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากจากการรับเชื้อเข้าสู่ร่างกาย แต่เนื่องจากในพื้นที่อีสานตอนล่าง โดยเฉพาะที่ จ.นครราชสีมา เป็นแหล่งผลิตหมูยอเป็นสินค้าของฝากจำนวนมาก จึงอยากฝากเตือนประชาชนผู้บริโภคว่า ควรเลือกซื้อหรือไม่รับประทานอาหารที่บรรจุในกระป๋องบวม รวมถึงหมูยอที่ห่อด้วยพลาสติก และอาหารที่หมดอายุ

ทั้งนี้ เพราะในอาหารเหล่านี้จะมีสปอร์ เมื่ออยู่ในภาวะที่ไร้อากาศและความเป็นด่าง สปอร์จะงอกและผลิตสารพิษ Clostridium botulinum ออกมา หากรับประทานหมูยอที่มีพิษเข้าไปอาจเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้

“ หากจะรับประทานให้เลือกหมูยอที่ห่อด้วยใบตองจะปลอดภัยกว่า หรือ ควรนำหมูยอที่หอด้วยพลาสติกไปทำให้สุกร้อนจนเดือดก่อนค่อยนำมารับประทาน ” นพ.สมชายกล่าว

Ref. ASTV ผู้จัดการออนไลน์ 29 มิถุนายน 2553 12:45 น.

ภาพ : สคร. 5 โคราช ออกโรงเตือน อันตราย ! รับประทานหมุยอห่อพลาสติกอันตรายถึงตายได้ พบผู้เสียชีวิตแล้ว 1 รายที่ จ. สระบุรี วันนี่ ( 29 มิ.ย. )








 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

005 จาก BoyDogtag,TTC-005 202.122.130.31 อังคาร, 20/7/2553 เวลา : 09:20  IP : 202.122.130.31   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 97696

      

ยังมีคำตอบมากกว่านี้นะครับ คลิ๊กเพื่อดูหน้าถัดไป


คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  2  3  4  5  6  7  8  9  



website รองรับการใช้งานทุกระบบปฏิบัติการของ PC Tablet SmartPhone ทุกระบบสามารถโพสข้อความและรูปภาพได้โดยไม่ต้องย่อไฟล์
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ website WeekendHobby.Com สมาชิก เท่านั้น จึงจะตั้งกระทู้ หรือ ตอบกระทู้ได้ครับ
Login Click ที่นี่
สมัครสมาชิก Click ที่นี่



Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วันเสาร์,20 เมษายน 2567 (Online 4916 คน)