คำตอบที่ 191
fiogf49gjkf0d
มีข้อมูลน่าสนใจ ที่เพื่อนส่งมาให้ทาง email ลองอ่านดู ผมว่ามันเป็นวิทยาศาสตร์มากๆ
From: Vatanaromya, Chanat [mailto:chanat.vatanaromya@maec.es]
Sent: Thursday, March 22, 2012 1:57 PM
To: undisclosed-recipients:
Subject: RV: :ปี 55นี้ธรรมชาติจัดหนักแน่นอนครับ
SO SCARY...
ปี 55 นี้ธรรมชาติจัดหนักแน่นอนครับ อีกประมาณ 3 เดือน น้ำมหาศาลจะมาจากทางทะเล ปั่นป่วนไปหมดทั้งโลก สาเหตุมาจากลาวาร้อนใต้ผืนโลกที่กำลังแทรกแผ่นดินขึ้นมาจากมหาสมุทร พิกัดอยู่ระหว่าง ญี่ปู่น ไต้หวัน และ ฟิลิปปินส์ เมื่อความร้อนจัดจากลาวากับความเย็นจัดจากน้ำใต้ทะเลปะทะกัน ประกอบกับแรงดันสูงจากลาวาใต้โลกปริมาณมหาศาลดันทะลุเปลือกโลกขึ้นมา แรงดันจากใต้โลกจะยกยกผืนน้ำให้สูงขึ้นจากระดับปกติเป็นร้อยเมตร ขณะที่โลกก็หมุนไป ก็จะก่อตัวเป็นพายุใหญ่ยักษ์หอบเอาน้ำและโคลน เมื่อพายุน้ำหมุนผ่านที่ไหนก็จะกวาดพื้นที่นั้นไปกับน้ำด้วย เส ้นทางของมหันตภัยที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านบอกเตือนไว้คือผ่านไต้หวัน เวียดนาม เขมร ลาว ไทย ศรีลังกา อินเดีย ฯลฯ ไปรอบโลก และประเทศที่พายุนี้ผ่านจะราบคาบครับ ท่านบอกว่าขนาดมหึมาของพายุจะคลุมพื้นที่ระหว่างใต้หวันกับฟิลิปปินส์เต็มพื้นที่ เมื่อพายุน้ำหมุนนี้ผ่านไทย กทม.จะจมทันทีครึ่งนึงพร้อมๆกับจังหวัดชายทะเลหลายจังหวัด ในส่วนของ กทม ที่จะจมทันทีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านให้เอาแนวทางรถไฟเป็นเส้นแบ่ง หลังจากนั้น กทม.จำค่อยๆจมลงอีก(เข้าใจว่าแผ่นดินทรุดต่ำลง ประกอบกับระดับน้ำสูงขึ้นอันเนื่องมาจากคลื่นสูงหลายสิบเมตรซัดชายฝั่ง) ทั้งพายุใหญ่ คลื่นใหญ่ แผ่นดินไหว แผ่นดินแยก ถึงเวลานั้นน้ำที่มาจากเขื่อนนั้นจิ๊บๆไปเลยครับ หลังจากนั้นแรงสั่นสะเทือนทั้งหลายแหล่จะทำให้เกิดแผ่นดินไหวขนาดหนัก แล้วเกิดแผ่นดินแยก เขื่อนแตก น้ำเขื่อนก็จะไหลลงมาซ้ำเติม ท่วมหนักไปอีก ทางแก้มีทางเดียวคือ หนีไปอยู่ในที่ปลอดภัย ก่อนที่ทุกอย่างจะสายไป ผมน่ะเชื่อเกินร้อยครับ เมื่อมีสัญญาณมา ผมจะหนีก่อนเป็นคนแรกๆเพราะไม่อยากเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา ในวันเกิดเหตุท่านบอกว่าจะมีปรากฏการณ์ทางท้องฟ้าในตอนบ่ายของวันนึง ท่านให้ผมพาญาติพี่น้องและญาติธรรม ออกจาก กทม. ทันที เพราะหลังจากนั้นจะเกิดโกลาหล เดินทางออกจาก กทม. ได้ยาก ประกอบกับฝนจะตกอย่างหนัก ลมแรง น้ำท่วมฉับพลัน ที่จริงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านเตือนผมมาอย่างต่อเนื่องเกือบสองเดือนแล้วและผมก็เตรียมการมาระยะนึงแล้ว เคยถามท่านว่ากาลเวลาที่จะเกิดเหตุจะมีการเปลี่ยแปลงไม๊ ท่านบอกว่าสัจจธรรมเปลี่ยนไม่ได้ ก็ต้องเตรียมการแข่งกับเวลาครับ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านบอกผมว่า "ผู้ที่รู้แล้วไม่เตรียมการ เป็นผู้ที่ประมาทยิ่งกว่าผู้ที่ ไม่รู้อะไรเลย" อย่างน้อยๆก็เตรียมปัจจัยสี่ไว้ในสถานที่ปลอดภัย เพื่อความไม่ประมาทครับ ของผมจะเตรียมทุกอย่างพร้อมภายในเดือนมี.ค. นี้ และจะมีเวลาส่วนที่เหลือเพียงน้อยนิดเตรียมอย่างอื่นๆ ต่อไป สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านมาเตือนผมเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 54 ท่านบอกว่านับจากวันนั้นมาไม่เกิน 5 เดือนภัยพิบัติก็จะมาถึง กทม. ตอนนี้เวลาผ่านไปแล้วเกือบ 2 เดือน ก็เหลือเวลาอีกประมาณ 3 เดือนครับ จากนั้นท่านมาเตือนบ่อยขึ้นเกือบทุกสัปดาห์ หลายพระองค์ก็วนเวียนกันมาเตือนให้เก็บของเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับอพยพไปอีสาน ดูแล้วเวลาแต่ละวันนับจากวันที่ท่านมาเตือนมีค่ามากๆ ที่จริงวันนึงก็ทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง ถ้าหากคิดแล้วทำเลย และรู้สึกว่าเวลาแต่ละวันผ่านไปเร็วมาก ครับ หลังจากเกิดภัยจากน้ำแล้ว ภัยอื่นๆก็ จะตามมาอีก เป็นระลอกๆ ภัยจากคนมีแน่นอน เมื่อข้าวยากหมากแพง ขาดอาหาร คนก็จะแย่งชิง เข่นฆ่ากัน ส่วนใหญ่คนเหล่านั้นเขามีกรรมติดตามมาทันก็ต้องชดใช้กัน ถึงตอนนั้นเมืองใหญ่ไม่น่าอยู่แล้วเพราะระบบการปกครอง การบริหารจะล่มสลายไปด้วย จะเป็นกลียุคโดยสมบูรณ์อยู่ระยะนึง ดังนั้นการที่เราจะไปอยู่ที่ไหนนั้นต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเอาไว้ด้วย ที่ผมเตรียมนั้นก็เหมือนสร้างชุมชนอิสระขึ้นมาชุมชนนึง มีคร บทุกอย่าง เครื่องป้องกันตัวก็ต้องมีไว้ให้ครบถ้วน ไม่ต้องติดต่อกับโลกภายนอกสักครึ่งปีหรือหนึ่งปีก็สามารถอยู่กันเองได้ ส่วนคนที่เขามีบุญกุศลยังไงก็มีเหตุให้อยู่รอดปลอดภัยครับ เชียงใหม่ มีทั้งทีึ่ปลอดภัยและไม่ปลอดภัย ที่ปลอดภัยนั้นต้องไม่อยู่ในแนวของทางน้ำหรือใกล้เคียงและควรหลีกเลี่ยงเส้นแนวแผ่นดินไหวด้วย อันนี้ต้องศึกษาลักษณะของพื้นที่ทางธรรมชาติ เพราะแถบนั้นเป็นภูเขาสูงน้ำจะไหลเร็วและแรง ประกอบกับจะมีดินถล่มด้วยครับ น้ำท่วมครั้งที่แล้ว ผมทราบล่วงหน้า 4 เดือน แต่ท่านมาเตือนให้เก็บของขึ้นที่สูงก่อนน้ำมาถึงบ้าน 2 อาทิตย์และผมถามท่านว่าน้ำจะเข้าบ้านไม๊ ท่านบอกว่าน้ำจะไม่เข้าบ้าน แต่จะปริ่ม ผมลองวัดดูเหลืออีก 15 เซนติเมตรน้ำก็จะเข้าบ้าน จากนั้นน้ำก็ค่อยๆลดลง เรื่องภัยพิบัติจากทะเลคราวนี้ ท่านบอกผมไว้ล่วงหน้าประมาณ 13 ปี และท่านมาเตือนให้เก็บของเตรียมอพยพล่วงหน้า 5 เดือนและก็เตือนอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันนี้ ก็เชื่อว่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างที่ท่านบอกนั่นแหละ หลังจากนั้นใครจะอยู่แบบทุกข์มาก ทุกข์น้อย ก็อยู่ที่การเตรียมการของแต่ละคน คณะผมตุนข้าวเปลือกกับข้าวสารรวมกัน 30 ตัน น้ำมันเชื้อเพลิงประมาณ 15,000 ลิตร เครื่องปั่นไฟ ขนาด 5 kva 3 เครื่อง เครื่องสีข้าวด้วยมือ 5 เครื่อง เครื่องโม่แป้ง ตะเกียงน้ำมันก๊าซ 20 อัน รถมอเตอร์ไซด์ 2 คัน รถจักรยาน 3 คัน เครื่องปั๊มน้ำแรงลม 2 ชุด(ดึงน้ำจากบ่อบาดาล) บ่อน้ำชักรอก 3 บ่อ เลี้ยงปลา 5 กระชัง บึงน้ำ 4 บึง ที่ทำนา 25 ไร่ ที่ดินปลูกผัก 5 ไร่ ที่เลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ รวมทั้งที่พัก(ห้องชุด) ประมาณ 20 units และที่พักรวม จำนวนหนึ่ง ตู้รถไฟ(ความยาว 16 เมตร) 3 ตู้ เอาไว้เป็นที่พักของญาติธรรม และมีวิหารขนาด 1200 ตรม. 1 หลัง ขนาด 100 ตรม. 2 หลัง ที่กันแดด กันฝนที่จะรองรับคนได้ประมาณ 500 คน เต๊นท์ประมาณ 40 หลัง รวมทั้ง เสื้อผ้ากันหนาว จอบ เสียม ขวาน สุนัข 6 ตัว แมว 5 ตัว ฯลฯ สรุปแล้ว ตุนทุกอย่างที่ขวางหน้าอันนี้เป็นของส่วนกลางที่จะใช้ร่วมกัน แต่สำหรับแต่ละคนเขาก็ซื้อของไว้เป็นของส่วนตัวอีกส่วนนึง ถ้าให้ได้ราคาถูกก็คือซื้อมามากๆแล้วก็แบ่งกัน ที่จริงในพุทธสถานฯผมต้องการรองรับญาติธรรมที่สนิทๆ ญาติผมและของญาติของญาติธรรม รวมกันไม่เกิน 200 คน แต่เมื่อสัปดาห์ก่อน ปู่ขาวมหาราช ท่านมาบอกว่า ลูกจะมีที่พักรองรับผู้คนไม่เพียงพอ ให้สร้างเพิ่มเติม ลูกต้องเมตตาเพื่อนมนุษย์ด้วยกันให้มาก อันนี้ทำเอาผมกลุ้มเลย เพราะคณะผมเตรียมกันจนหมดหน้าตักแล้ว คนมามากเราจะเลี้ยงไม่ไหว เมื่อถึงเวลาเราคงหาช่องทางในการสื่อสารบอกกันยากครับ เพราะเมื่อถึงตอนนั้นความแปรปรวนทางบรรยาก าศจะทำลายระบบการสื่อสารแทบทั้งหมด โดยเฉพาะเครื่องมือสื่อสารที่ต้องใช้ไฟฟ้า ระบบไฟฟ้าขนาดใหญ่ทั้งระบบจะถูกทำลายโดยพลังประจุไฟฟ้าขนาดใหญ่ ที่ก่อตัวขึ้นในบรรยากาศ ฟ้าจะผ่าสนั่นหวั่นไหวตลอดเวลาโดยเฉพาะโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ทั้งหลายฟ้าจะลงหมด แค่เสียงดังมากๆนี่จิตก็คงจะตกไปอยู่ที่ตาตุมแล้วครับ จิตที่รับสภาวะนี้ได้ดีต้องฝึกให้จ ิตไม่สะดุ้งสะเทือนเมื่อมีเสียงดังมากๆจึงจะไม่กระทบจากเหตุการณ์นี้ครับ สำหรับผู้ที่จะหนีไปทางอีสานหรือทางเหนือ ก็พยายามเลี่ยงริมน้ำโขงไว้นะครับ เมื่อถึงเวลานึงมวลน้ำขนาดใหญ่จะพัดผ่านแม่น้ำโขงด้วยครับ มาทั้งน้ำทั้งโคลนสีแดงๆ อยู่ห่างแม่น้ำโขงไว้สักประมาณ 1 กม. ก็น่าจะดีครับ พุทธสถานที่ผมจะไปอยู่นั้นจะอยู่ห่างจากน้ำโขงประมาณ 1.5 กม. เมื่อน้ำโขงไหลผ่านไปแล้ว ต่อไปริมฝั่งจะมาอยู่ใกล้กับที่ผมอยู่ประมาณ 1 กม. ผมเองน่าจะหนีจาก กทม.ไปล่วงหน้าก่อนภัยพิบัติมา สัก 1-2 สัปดาห์ ก็คงประมาณหลังสงกรานต์ไปแล้วล่ะครับ หลังสงกรานต์ก็ไม่แน่ว่าจะได้มีเวลามาโพสต์ในนี้อีกหรือไม่ เพราะต้องเตรียมพร้อมหลายๆอย่าง ในวันเกิดเหตุในเมืองไทยจะมีสิ่งบอกเหตุคือในตอนบ่ายท้องฟ้าจะมืดมิดกลายเป็นกลางคืนจากนั้นภายในไม่กี่ ชม. น้ำก็จะเข้า กทม. ครับ นั่นคือสัญญาณของ "ฟ้ามืด แผ่นดินเคลื่อน" ครับ ที่มาhttp://board.palungjit.com/f178/น้ำท่วมปี-2555-นี้จะร้ายแรงหรือไม่-325211-3.html [2] Links: ------ [1] http://board.palungjit.com/members/aunyasit-4736