WeekendHobby.com
เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


วิทยาศาสตร์ + ความรู้ รอบๆ ตัวเรา...
005
จาก BoyDogtag,TTC-005
IP:202.122.130.31

อังคารที่ , 13/7/2553
เวลา : 15:28

อ่านแล้ว = 44628 ครั้ง
 เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งตรวจสอบกระทู้
 แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน ส่งหาเพื่อน

      


 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

แจ้งเพื่อเก็บขึ้นกระทู้พิเศษ คลิ๊กที่นี่แจ้งเพื่อนำขึ้นกระทู้พิเศษ

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 2 จาก >>> 1  2  3  4  5  6  7  8  9  

คำตอบที่ 31
      

fiogf49gjkf0d
ขอบใจหลายเด้อ...ตาบอย ของมักฃาด้วยว่าจะไปยำหมูยอเฮอ จังฃิ...เอาขาหมูไปแทนแล้วกัน



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

rawat จาก TTC - 047 ฅนบางกอก 124.122.247.226 อังคาร, 20/7/2553 เวลา : 10:52  IP : 124.122.247.226   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 97703

คำตอบที่ 32
      

fiogf49gjkf0d
พอดีอ่านเจอบทความที่กล่าวถึง ฉลอง ภัคดีวิจิตร... เลยเอามาให้อ่านสนุกๆกันครับ
เลยนึกไปถึง หนังไทยที่ได้เคยดูตอนเด็กๆ... คิดถึงหนังไทยที่เคยได้ดูเมื่อก่อนจังเลย..


(ข้อมูลบางส่วนจาก ไทยฟิล์ม ดาต้าเบส)

...... เพราะผลงานที่ค่อนข้างจะมี "เอกลักษณ์" ส่งผลให้มีหลายต่อหลายคนเขียนแซวถึง "สูตรสำเร็จ" ละครของ "ฉลอง ภักดีวิจิตร" ไว้หลายต่อหลายข้อด้วยกัน

1. ละครและหนังของฉลองมีเส้นแบ่งบางๆ ระหว่างคำว่า เชย และ อินดี้

2. วงการเพลงมีพี่น้องสินเจริญ ละครหนังฉลองก็มีพี่น้อง ภักดีวิจิตรบราเธอร์

3. พระเอกมักมีอาชีพเป็นตำรวจ (แม้ทั้งเรื่องไม่เคยใส่เครื่องแบบแต่นั่นแหละ..ผู้ก อง) ไม่จำเป็นต้องหล่อมากแต่ต้องบึก กำยำ และอันนี้สำคัญต้องมี....ขนหน้าอก

4. นางเอกมักแก่นเซี้ยว ลุยๆ ออกไปไหนไม่แต่งหน้า(หรือแต่ง) กำพร้าแม่ หากเป็นลูกตัวร้ายก็มักจะใฝ่ดี ทำแผลได้และขับเรือหางยาวเป็น

5. พ่อนางเอกมักทำธุรกิจผิดกฎหมาย เป็นผู้มีอิทธิพล แต่ถ้าเป็นคนดีมักได้เป็นกำนัน

6. กำนันจะมีลูกสาวคนเดียว(และสวย) กำพร้าเมีย มีบ้านใหญ่ มีไร่องุ่น คาดผ้าขาวม้าและห้อยพระสมเด็จ

7. นางเอกมีเพื่อนเล่นที่โตด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก เป็นผู้หญิงชื่อมักจำง่าย(เช่น นังกระต่าย) ขี่จักรยานเฟสสันได้ ตอนแรกเกลียดผู้ชาย สุดท้ายมักได้แฟนก่อนนางเอก

8. หากเป็นผู้ชายก็มักเป็นลูกสมุนคู่ซ้อม อ้วน แคระ และผิวหมึก ที่สำคัญห้ามชอบนางเอก

9. เพื่อนพระเอกก็ต้องคู่กับเพื่อนนางเอก และมีความสัมพันธ์รุดหน้าก่อนคู่นางเอกเสมอ และแน่นอนรับบทโดย ภักดีวิจิตรบราเธอร์

10. หากในเรื่องมีฉากกุ๊กกิ๊กมีดนตรีประกอบ จะคล้ายกับมิวสิควีดีโอเพลงจากรายการชุมทางเสียงทอง (ของแท้ต้องมีโลโก้นพพรสีทองติดอยู่บนปก)

11. หนังฉลองห้ามมีกระเทยและคนใช้ มีได้...ก็ห้ามเด่น

12. พาหนะของพระเอกถ้าไม่ใหม่สุดๆ ก็ต้องเก่ากว่า 20 ปีขึ้นไป ราคาแพงในสมัยนั้น อะไหล่หายาก ขับพวงมาลัยซ้าย เข้าเกียร์กระปุกมือขวา (โจรโผล่มายิงยากนะนั่น !)

13. ลูกน้องตัวโกงมักได้บทพูดเท่าๆ กัน และโคลสอัพเต็มใบหน้าทุกคน

14. ความลับต่างๆ มักมาจากการได้ยินโดยความบังเอิญ จากการซุ่มหลังต้นไม้ กอไม้ไผ่ รั้วสังกะสีและต้องมีฝูงเป็ด

15. ออกจากบ้านไม่จำเป็นต้องพกกระเป๋าตังค์ โทรศัพท์มือถือ เอาลูกกระสุนใส่กระเป๋าให้เต็มไว้เหอะได้ใช้แน่นอน

16. ดูจากข้างนอกในผับบาร์คนคงจะเยอะ ไม่ต้องกลัวเข้าไปเหอะ มันมีที่ว่างหน้าเคาน์เตอร์อยู่ที่นึงให้นั่งเสมอ

17. ลูกน้องตัวโกงมักขี้หงุดหงิดเวลาโกรธจะเอามือตบโต๊ะ แต่เวลาอยู่กับหัวหน้าจะดูสุภาพ และพูดอะไรไปแล้วมักโดนตบเสมอ..

18. ร้านขายน้ำชากาแฟในหมู่บ้านเป็นที่ใครอยากรู้ข่าวอะ ไร มาที่นี่รับรองรู้หมด

19. ตัวละครที่เป็นฝรั่งพูดไทยได้ทุกคน ชัดไม่ชัดก็อีกเรื่อง

20. นางร้ายมักสวย ตายก่อนเสมอ และต้องนมโต...ไม่รู้เป็นอะไร

21. หนังพจน์ต้องมีโก๊ะตี๋ หนังฉลองภักดีก็ต้องมีกรุงศรีวิไล

22. จะต้องมีฉากหลงป่า (กฎ กติกา ข้อบังคับ)

23. จะเจอนายพรานแต่งเป็นกระเหรี่ยง และไม่ต้องเล่าอะไรเพราะนายพรานรู้หมดทุกอย่าง

24. ในกลุ่มจะต้องมีคนที่ดูฉลาดคู่หนึ่งเสมอ ให้เดาได้เลยว่าจะเป็นพระเอก กับนางเอก

25. ในเมื่อมีคนฉลาดก็ต้องมีคนโง่ไว้เป็นภาระซึ่งก็คือ นางร้าย และตัวที่ตลก

26. แม้ผืนป่าจะกว้างแค่ไหนก็ต้องมาจ๊ะเอ๋เจอกับลูกน้องตัวโกงเสมอ

27. ไม่พูดพร่ำทำเพลงไม่ต้องถามว่าเป็นพวกไหน จะต้องมีการยิงกันก่อน..

28. ทั้งสองฝ่ายต้องถอยไปตั้งหลัก(พวกตัวโกงจะวิ่งหนีใส่เกียร์หมา และมาตัวเปล่า-ส่วนพวกพระเอกจะหนี....อย่างเท่ห์ และแบกเป้รุงรัง)

29. พวกพระเอกจะต้องไปเจอถ้ำประหลาดที่มี แสงสว่างตลอดทั้งปี

30. หากมีใครแปลงร่างได้ก็จะเผยโฉมหน้าที่แท้จริงในถ้ำนี่แหละ..

31. หากแปลงเป็นเสือจะถ่ายฉากเสือมาจากสวนสัตว์เปิด และคำรามอย่างน้อยหนึ่งครั้ง(แต่ถ้ามีการตะปบจะเห็น (ถุง) มือเสือจริงๆ และมีเลือดกระฉูดกันเห็นๆ)

32. ฉากตัดมาตอนเช้าทุกคนจะร่วมวงดื่มกาแฟ และไม่พูดถึงเรื่องเมื่อคืน

33. ใครมีประโยคเด็ดอะไรก็มาปล่อยกันตอนนี้นี่แหละ(เจ้าให้ข้าดื่ม ไยข้าจะไม่ดื่ม/ปืนนะมีไว้แล้วไม่ได้ใช้ ดีกว่าจะใช้แล้วไม่มีนะผู้กอง)

34. เหมือนจะรู้ว่าใกล้ๆ มีน้ำตก นางเอกเตรียมผ้าถุงมาด้วย(นางเอกจึงขอตัวไปอาบน้ำ)

35. นางเอกจะนุ่งกระโจมอกเผยแค่หัวไหล่ แต่ถ้าเป็นนางร้ายอนุญาตให้เห็นมากกว่านี้ได้(ฉากนี้เราจะเห็นทรวดทรงของเธออย่างชัดเจน(ส่วนที่ดีที่สุดของหนังฉลอง))

36. นางเอกจะลูบไล้สบู่ไปมาแค่บริเวณต้นคอ เรียวแขนและเนินอกเท่านั้น แต่นางร้ายอนุญาตให้ล้วงไปในผ้าถุงได้

37. พลัน! เสียงกุกกักเกิดขึ้น

38. นางเอกจะตะโกนถามว่า..นั่นใครอ่ะ? แต่ร้อยทั้งร้อยไม่มีเสียงตอบรับ

39. แต่ถ้าเป็นจะใครสักคนก็มักเป็นพระเอก(นางเอกจะเขินอายโผล่แค่หัวในน้ำ หันหลังให้พระเอกแล้วพูดว่า “คุณมาแอบดูฉันเหรอ”)

40. แต่ถ้าไม่มีใครนางเอกจะรีบขึ้นมาจากน้ำแต่งตัว

41. และเมื่อเข้ามาในกลุ่มก็พบว่าพระเอกหายไป

42. ถ้านางเอกไม่ชอบพระเอกอยู่ก่อนแล้ว ยิ่งตอกย้ำว่า ~พระเอกต้องเป็นไอ้โรคจิต

43. พระเอกกลับมาแล้ว พร้อมกับไก่

44. การก่อกองไฟในเรื่องเป็นอะไรที่ง่ายมาก มีการย่างไก่และทุกคนกินอย่างเอร็ดอร่อยโดยไม่ต้องมี น้ำจิ้ม

45. นางเอกดูหิวกว่าคนอื่นเสมอแต่มักเก็บอาการเอาไว้

46. พระเอกจะเป็นคนเดียวที่ดูออกและถามนางเอกว่า “คุณไม่หิวเหรอครับ”(นางเอกมักจะตอบว่า "ไม่(สั้นๆ)" แต่พระเอกก็ยื่นไปให้)

47. ด้วยความหิวนางเอกจึงรับไว้และกินด้วยความลืมตัว

48. พระเอก “ไหนคุณว่าคุณไม่หิวไงครับ” (นางเอกนึกขึ้นได้ มองค้อนและพูดในใจว่า “ฝากไว้ก่อนเหอะตาบ้า”)

49. ดึกแล้ว คืนนี้เป็นคืนเดือนแรม กองไฟเพียงกองเดียวก็ให้แสงสว่างได้ทั่วทั้งป่า

50. นางร้ายอนุญาตให้นุ่งสั้นเข้านอนได้เพียงคนเดียวโดยไม่กลัวยุงป่า (เน้นซูมไปทั่วร่าง ~ ส่วนที่ดีที่สุดอีกส่วนหนึ่งของหนังฉลอง)

51. ของที่ตามหามาทั้งเรื่องมักอยู่ที่นางเอก แม้จะชิ้นใหญ่แค่ไหนก็มักพาไปไหนด้วยเสมอ เช่น รูปปั้นหินศิลาแลง (หนักนะนั่น!!)

52. ตำรวจจราจรมีอยู่ทุกที่ขับมอเตอร์ไซด์วิบากในป่า ก็ต้องใส่หมวกกันน็อค

53. ดนตรีประกอบจะต้องตื่นเต้นเร้าใจ ไม่เว้นแม้แต่ฉากตัวโกงกินโค้ก หรือพระเอกกำลังโบกแท็กซี่

54. เพลงประกอบละครอังกอร์ 1 คือต้นฉบับ เรื่องหน้าแค่เปลี่ยนคำศัพท์ และคัฟเวอร์

55. อย่าได้งงถ้าหากเห็นลูกน้องตัวโกงตัวหนึ่งโดนยิงตาย แต่ตอนท้ายแต่งกายมาเป็นชาวบ้านเพราะทุกคนเป็น ~ อมตะ

56. ทุกครั้งที่ต่อสู้กับผู้ร้าย นางเอกจะตะโกนเรียกพระเอกด้วยความเป็นห่วงจนพระเอกพลาดท่าผู้ร้ายเสมอ

57. แม้จะโดนผู้ร้ายสาดกระสุนสักเท่าไร พระเอกจะโดนยิงแค่หนึ่งนัดตรงหัวไหล่หรือไม่ก็ต้นขา ส่วนคนที่ทำแผลให้ ไปดูข้อ 4

58. ถ้าดูละครหนังฉลองไม่รู้เรื่องก็อย่าไปดูเหนังรื่องอื่นเลยนะ(โดยเฉพาะของศาสดาเป็นเอก Invisible Waves)

59. และสุดท้ายตอนจบ พระเอกไม่เคยตาย(เพื่อรอจะพูดประโยคสุดท้ายว่า ผมร้อยตำรวจเอก...ในนามของ...ขอขอบคุณทุกคนที่ให้ควา มร่วมมือกับทางราชการ จ่าช่วยเอาตัวพวกนี้ไปโรงพักด้วย!)

60. แล้วเมื่อสันติสุขมาเยือนอีกครั้ง พระเอกก็ขอนางเอกแต่งงาน ณ ที่ตรงนั้น






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

005 จาก BoyDogtag,TTC-005 202.122.130.31 อังคาร, 20/7/2553 เวลา : 15:13  IP : 202.122.130.31   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 97719

คำตอบที่ 33
      

fiogf49gjkf0d
"อาหลอง" ทองทั้งชาติ ขาดไม่ได้คือผู้หญิงนมโต!?

ทองทั้งชาติ...
ละครอะไร เชยโบราณชิบ...
เรื่องไหนเรื่องนั้นเป็นต้องเอาลูก-หลานตัวเองมาเล่นด้วย...
ทำไมผู้ร้ายมันยิงไม่เคยโดนพระเอกเลยฟะ...
จะดีก็ตรงนางตัวร้ายนมโตนี่แหละ...ฯลฯ

เหล่านี้เป็นอารมณ์บางส่วนที่จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอนสำหรับใครก็ตามที่มีโอกาสได้ชมผลงานจากการกำกับของผู้กำกับรุ่นใหญ่ "ฉลอง ภักดีวิจิตร" ที่ผูกขาดละครแนวแอ็กชั่นให้กับช่อง 7 มาโดยตลอดในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา นับตั้งแต่ "ระย้า" ในปี 2542 กระทั่งผลงานล่าสุดอย่าง "นักฆ่าขนตางอน" ในปีพ.ศ.2553 นี้

แต่ถึงแม้จะมีเสียงค่อนแคะออกมาให้ได้ยินกันบ้าง ทว่าสิ่งหนึ่งที่มิอาจปฏิเสธได้ก็คือตัวเลขเรตติ้งในแต่ละเรื่องของละครจากฝีมือของเจ้าของฉายา "ทองทั้งชาติ" คนนี้ล้วนแล้วแต่อยู่ในระดับสูงแทบจะทั้งสิ้น

ที่สำคัญถึงแม้มันจะออกแนวเชย เนื้อหาไม่มีอะไรสลับซับซ้อน แต่มันก็ดูจะเป็นความเชยเป็นความโบราณที่มีเอกลักษณ์ของความสนุกอะไรบางอย่างซุกซ่อนเอาไว้ยากที่คนอื่นจะเลียนแบบกระทั่งทำให้คนที่มีโอกาสได้ชมละครที่มียี่ห้อฉลองแปะเป็นต้องเผลอไผลนั่งเฝ้าหน้าจอได้อย่างไม่รู้ตัว
...
"ฉลอง ภักดีวิจิตร" (2475) เป็นลูกคนที่ 2 ในจำนวน 4 คน ของ พุธ ภักดีวิจิตร (วิจารณ์, ฉลอง, เขียวหวาน และวินิจ ภักดีวิจิตร) ซึ่งทั้งหมดนั้นล้วนแล้วแต่อยู่ในแวดวงภาพยนตร์ทั้งสิ้น

"คุณพ่อก็เป็นผู้สร้างภาพยนตร์ ขณะที่ทางคุณอาสด (สดศรี บูรพารมย์ น้องชายของพุธ ภักดีวิจิตร) เองก็เป็นผู้กำกับ สมัยนั้นก็มีบริษัทศรีบูรพา ตอนผมอายุ 5-6 ขวบ ก็อยู่ในกองถ่ายแล้ว คือจะเรียกว่าเกิดมาบนกองฟิล์มก็ว่าได้"

ฉลองเดินเข้าสู่ถนนแผ่นฟิล์มด้วยการรับหน้าที่เป็นตากล้องประเดิมด้วยภาพยนตร์เรื่อง "แสนแสบ" เมื่อปี 2493 และทำงานให้กับผู้สร้างภาพยนตร์หลายต่อหลายราย ก่อนจะได้รับรางวัลตุ๊กตาทองพระราชทานถึง 2 ตัว ในปี 2507 จากเรื่อง ผู้พิชิตมัจจุราช และ 2510 จากเรื่อง ละอองดาว

"ถามว่าได้เรียนการถ่ายภาพมาจากไหนหรือเปล่า ผมเป็นครูของตัวเองนะ ไม่ได้เรียนแต่มีการสั่งตำรามาจากอเมริกา ก็มานั่งอ่านนั่งศึกษาเอง ซึ่งผมจะบอกว่าการทำงานถ่ายภาพของผมนั้นเป็นไปตามตำราของฝรั่งเลย ไม่มีมั่ว ทุกอย่างเป็นไปตามตำรา"

ฉลองหันมารับหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างควบกับตากล้องจากภาพยนตร์เรื่อง "น้ำเพชร" ที่มี ส.อาสนจินดากำกับ นำแสดงโดย "มิตร – เพชรา" ก่อนจะทำหน้าที่ผู้กำกับเต็มตัวครั้งแรกใน "จ้าวอินทรี" โดยใช้นามแฝงว่า "ดรรชนี"

ผลงานที่เริ่มชื่อเสียงให้กับเจ้าตัวเป็นอย่างมากก็คือ "ฝนใต้" ที่เจ้าตัวนั่งแท่นผู้อำนวยการสร้างและกำกับการแสดง..."เรื่องนี้แรงมาก ก็เลยต้องทำคล้ายๆ ภาค 2 ออกมาเรื่อง ฝนเหนือ แล้วก็มีหนังเพลงเรื่อง ระเริงชล เพราะช่วงนั้นกระแสหนังเพลงกำลังมาแรง ซึ่งเรื่องนี้ได้เงินถึง 3 ล้านบาทเลยนะ ซึ่งต้องถือว่าเยอะพอสมควรในสมัยนั้น"

ปี 2515 ผลงานของฉลองเริ่มมีโอกาสออกสู่ตลาดหนังนอกประเทศหลังได้จับมือกับ "ฉั่นทงหมั่น" อดีตหัวหน้าฝ่ายโฆษณาของชอร์แห่งฮ่องกงทำหนังเรื่อง "2 สิงห์ 2 แผ่นดิน" (The Brothers) โดยมีดาราไทยอย่าง สมบัติ เมทะนี, อโนมา ผลารักษ์ ร่วมแสดงกับดาราดังของฮ่องกง "เกาหย่วน" และ "มิสหยีห้วย" อดีตนางงามไซโก้ ร่วมด้วยดาวร้ายอย่าง เฉินซิง และ เถียนฟง เรื่องนี้นอกจากจะฉายในฮ่องกงแล้วยังมีการส่งไปฉายที่อเมริกา ทั้งที่นิวยอร์ก, ซานฟรานซิสโก, ชิคาโก้ และลอสแอนเจลิส อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของผลงานที่ถือว่าเป็นมาสเตอร์พีชและนำมาซึ่งฉายา "ทองทั้งชาติ" ของคนชื่อ "ฉลอง ภักดีวิจิตร" ก็คือ "ทอง" (GOLD หรือ S.T.A.B.) นำแสดงโดย "เกร็ก มอร์ริส" (Greg Morris) พระเอกผิวสีชาวอเมริกาที่กำลังโด่งดังจากซีรีส์เรื่อง "ขบวนการพยัคฆ์ร้าย" (Mission Impossible) พร้อมด้วยนางเอกชาวเวียดนาม "เถิ่ม ถุย หั่ง" ขณะที่ดาราไทยนั้นก็ประกอบไปด้วย สมบัติ เมทะนี, กรุง ศรีวิไล, อโนมา ผลารักษ์, ดามพ์ ดัสกร, ดลนภา โสภี, กฤษณะ อำนวยพร ฯ

เรื่องนี้มีการทุ่มทุนอย่างมโหฬาร(ในสมัยนั้น)กว่า 10 ล้านบาท แต่ก็สามารถทำรายได้อย่างถล่มทลาย โดยเฉพาะที่อเมริกาที่เดียวได้ขอซื้อภาพยนตร์เรื่องทองในราคาที่สูงถึงหนึ่งล้านเหรียญหรือราว 20 ล้านบาทเลยทีเดียว

"คือหลังจากสองสิงห์ประสบความสำเร็จมาก พอเสร็จแล้วก็จะทำเรื่องทอง ก็มีการคุยกับคุณบรรเจิด ทวี ซึ่งมันก็ค่อนข้างจะยากอยู่เพราะโปรเจ็กต์มันใหญ่พอสมควร แต่เราก็เอา ทำเลย เป็นเรื่องที่หลังจากอเมริกาแพ้สงครามเวียดนาม"

"ซึ่งพอมันเป็นเรื่องของทหารอเมริกันเราก็ต้องการความสมจริง ก็บินไปที่อเมริกา ตอนนั้น มอร์ริสเขากำลังดังจากมิสชั่นอิมพอสสิเบิล ตอนแรกไปเจอผู้จัดการของเขาก่อน เขาก็ให้ทำบทภาษาอังกฤษไปให้เขาดู ก็กลับมาทำแล้วก็บินไปใหม่ ก็ปรากฏว่าทางนั้นตอบรับ"

"ค่าตัวไม่แพงนะ แต่จำไม่ได้เหมือนกันว่าเท่าไหร่ เขาก็ให้คิวมา 4 อาทิตย์ ถ่ายทั้งกลางวันกลางคืน หยุด 1 วันคือวันอาทิตย์"

หลังประสบความสำเร็จจากทองนับจากนั้นมาดูเหมือนหนังของฉลองก็จะต้องมีนักแสดงชาวต่างชาติมาร่วมโดยตลอด ทั้ง ตัดเหลี่ยมเพชร (H-Bomb) ในปี พ.ศ. 2518 ที่ได้ โอลิเวีย ฮัสซีย์ ซึ่งโด่งดังจากภาพยนตร์เรื่อง โรมิโอกับจูเลียตมาร่วมแสดง รวมไปถึงทองภาค 2, 3, 4

มิใช่เฉพาะจะมีดาราอินเตอร์เท่านั้น หากแต่หนังแอ็กชั่นภายใต้การกำกับของฉลองนั้นต้องบอกว่ามีความอลังการงานสร้างอยู่ไม่น้อย ซึ่งผู้กำกับรุ่นเก๋าบอกว่าหนังของตัวเองไม่ใช่ประเภทระเบิดภูเขาเผากระท่อมเหมือนกับหนังไทยแอ็กชั่นในยุคเดียวกันอย่างแน่นอน

"ของผมระเบิดรถไฟ ระเบิดเฮลิปคอปเตอร์เลยครับ (หัวเราะ) เอารถไฟชนกันในตัดเหลี่ยมเพชร หรืออย่างทอง 2 นี่ก็มีรถมอเตอร์ไซค์ที่เหาะได้ คือติดเครื่องร่อนไว้ อันนี้เราก็สั่งจากเมืองนอกมาเลยนะ จ้างที่อเมริกาทำ ขับไปจนถึงยอดเขากางปีกปุ๊บบินออกหน้าผาไปเลย"

"หรืออย่างทอง 3 นี่เราเอารถฉลามบกของอเมริกาเอามาเล่นเลยนะแล้วเรื่องนี้ก็ประสบความสำเร็จสูง เพราะมีบริษัทอเมริกาเป็นคนจัดจำหน่ายไปทั่วโลก เป็นเรื่องของการชิงเทวรูปทองคำกัน ส่วนทอง 4 ก็ได้แซม โจนส์มาร่วมแสดงกับดาราผู้หญิงอีก 2 คน"

ทำงานกับดาราต่างชาติเรื่องมากมั้ย?
"ไม่นะ แล้วเขาค่อนข้างจะเป็นระเบียบเสียด้วยซ้ำ นัดเป็นนัด แล้วเขาจะจริงจังมาก ทุ่มเท แล้วผมว่าเขาเชื่อฟังผู้กำกับมากๆ เขาไว้ใจ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าเราทำถูกต้องตามตำราทุกอย่าง บล็อคกิ้งอะไรอย่างไรต้องเป๊ะๆ"

ฉลองทิ้งท้ายผลงานก่อนที่วงการหนังไทยจะเข้าสู่วงการซบเซาด้วยภาพยนตร์อย่าง มังกรเจ้าพระยา และสุดขีด (มังกรเจ้าพระยา 2) จากนั้นเขาหยุดพักการทำงานไประยะหนึ่งก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าสู่วงการละครโทรทัศน์ให้กับช่อง 7 โดยยังยึดในแนวแอ็กชั่นที่ถนัดจากผลงานเรื่อง ระย้า, ดาวคนละดวง, อังกอร์ ก่อนจะทำเรื่อง ทอง 5, ล่าสุดขอบฟ้า, ฝนใต้ มาธาดอร์, อังกอร์ 2, เหล็กไหล, ชุมแพ, ทอง 9, เสาร์ 5

รวมถึง นักฆ่าขนตางอน ที่เพิ่งจะจบลงไป ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากจนต้องมีการขยายวันออกอากาศเพิ่ม

ซึ่งในขณะที่บางส่วนอาจจะสนุกสนานไปกับผลงานของเขาแบบไม่ได้คิดอะไร ทว่าก็มีไม่น้อยทีเดียวที่มองว่างานของผู้กำกับรุ่นเก่าคนนี้ค่อนข้างจะเชย ทว่าก็เป็นความเชยที่บอกได้ยากว่าทำไมถึงดูสนุก

"ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่ามันยังไง (หัวเราะ) แต่แฟนละครผมเด็กเยอะมากนะ หลักคิดก็ง่ายๆ แหละครับทำอย่างไรให้มันดูสนุก แต่ที่สำคัญคือต้องมีเหตุมีผลในตัว แล้วอีกอย่างเราค่อนข้างจะลงทุนมาก ไม่มีเลยว่าได้มา 100 ลงทุน 50 ได้มา 100 ไป 100 คือเท่าทุนไม่มีกำไร บางทีก็เกินร้อย ก็ขาดทุน ซึ่งก็ไม่เป็นไรเพราะเราถือว่าเราให้ความบันเทิง"

"ถามว่าตอนนี้โปรเจ็กต์หนังอยากทำมั้ย ก็อยากนะ อาจจะเป็นเรื่องของไสยศาสตร์ ก็ไม่แน่เพราะผมอยากจะเอา อังกอร์ กลับมาทำเป็นหนังดูบ้าง แต่ก็แค่คิดๆ ไว้นะ"

จุดเด่นอีกประการของยี่ห้อฉลองก็คือบรรดาตัวประกอบทั้งหลายซึ่งมักจะมีบทเด่นสำคัญไม่แพ้ตัวเอก ซึ่งสวนใหญ่นั้นจะมีหน้าตาที่ดูเป็นธรรมชาติชนิดหื่นเป็นหื่น ร้ายเป็นร้าย ได้ใจเอามากๆ

"แล้วก็จะมีพวกฝรั่งเข้ามาด้วยถ้ามันมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกัน...คัดเลือกมาจากไหนหรือ ก็คือส่วนใหญ่พวกที่เล่นๆ อยู่เขาจะชวนๆ กันมาเอง หรือบางทีเราก็ถามว่ามีใครอีกมั้ย แล้วโดยส่วนมากที่เป็นคนรู้จักพอวันไหว้ครูบวงสรวงละครอะไรพวกนี้เขาก็จะพากันมาเต็มไปหมด มาให้เห็นหน้า ถ้าบังอิญเหมาะเราก็เอา บางคนก็มาขอเล่นเลยก็มี"

สุดท้ายที่จะขาดไม่ได้เลยในละครของคนที่ชื่อ "ฉลอง ภักดีวิจิตร" ก็คือดาราหญิงหน้าอกใหญ่ๆ ซึ่งพอถามถึงเรื่องนี้ขึ้นมาผู้กำกับรุ่นใหญ่ถึงกับหัวเราะร่วนก่อนรีบชิงตอบ.."เราก็ต้องเลือกเอง นมใหญ่ทุกคน (หัวเราะ) คือมันไม่มีอะไรหรอก เพราะว่าละครของเรามันเป็นละครบู๊ บางทีก็เครียดก็เอาตรงนี้เข้ามาช่วยให้ความบู๊มันลดลงไปบ้าง"

"สังเกตไม่ทิ้งเลยนะ นมเบ้อเริ่ม (หัวเราะ) แล้วมันก็เป็นเรื่องของการประเล้าประโลมซึ่งมันก็เป็นเรื่องธรรมดาตามหลักธรรมชาติ แต่ถ้าสังเกตผมไม่ได้ไม่ได้มาเน้นกับฉากพวกนี้มากมายนะ โดยเฉพาะในละคร จะมีบ้างก็ต้องเป็นไปตามเรื่อง มีเหตุมีผล ซึ่งเราทำให้ดูกันเพลินๆ มากกว่า..."


Ref. http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9530000092228>






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

005 จาก BoyDogtag,TTC-005 202.122.130.31 อังคาร, 20/7/2553 เวลา : 15:17  IP : 202.122.130.31   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 97720

คำตอบที่ 34
      

fiogf49gjkf0d
เกิดไม่ทันหนังเก่า
มาทายชื่อหนังใหม่ๆกันบ้างดีกว่า





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

thebank44 จาก thebank44TTC121 124.120.56.11 อังคาร, 20/7/2553 เวลา : 21:55  IP : 124.120.56.11   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 97771

คำตอบที่ 35
      

fiogf49gjkf0d
Super ......





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

thebank44 จาก thebank44TTC121 124.120.56.11 อังคาร, 20/7/2553 เวลา : 21:56  IP : 124.120.56.11   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 97772

คำตอบที่ 36
      

fiogf49gjkf0d






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

thebank44 จาก thebank44TTC121 124.120.56.11 อังคาร, 20/7/2553 เวลา : 21:56  IP : 124.120.56.11   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 97773

คำตอบที่ 37
      

fiogf49gjkf0d
เรื่องอะไรเนี่ย





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

thebank44 จาก thebank44TTC121 124.120.56.11 อังคาร, 20/7/2553 เวลา : 21:57  IP : 124.120.56.11   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 97774

คำตอบที่ 38
      

fiogf49gjkf0d
what about this ......





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

thebank44 จาก thebank44TTC121 124.120.56.11 อังคาร, 20/7/2553 เวลา : 21:58  IP : 124.120.56.11   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 97775

คำตอบที่ 39
      

fiogf49gjkf0d
คุณแบงค์เล่นทายแบบนี้....แย่แลย





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

ttc051 จาก ย้ง 58.9.40.85 อังคาร, 20/7/2553 เวลา : 23:33  IP : 58.9.40.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 97776

คำตอบที่ 40
      

fiogf49gjkf0d
ชีวิตเราไม่มีพรุ้งนี้......จะมีก็แค่ตอนนี้ที่เรายังหายใจอยู่





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

sailom_276 จาก TTC048 125.24.181.157 พุธ, 21/7/2553 เวลา : 14:12  IP : 125.24.181.157   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 97806

คำตอบที่ 41
      

fiogf49gjkf0d






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

sailom_276 จาก TTC048 125.24.181.157 พุธ, 21/7/2553 เวลา : 14:12  IP : 125.24.181.157   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 97807

คำตอบที่ 42
      

fiogf49gjkf0d
เอานี่มั่ง เรื่องของความฉลาด

หญิงชรานางหนึ่งถือถุงใบเขื่องเดินเข้าไปในธนาคาร
และกล่าวกับพนักงานที่เคาน์เตอร์ ว่าต้องการ
ฝากเงินสามล้านบาทแต่ขอคุยกับผู้จัดการโดยตรง
พนักงานเห็นว่าหญิงชรามีเงินจำนวนมาก เลยพาไปห้องผู้จัดการเมื่อไปถึง
ผู้จัดการเกิดความสงสัยว่า
หญิงชราไปเอาเงินมาจากไหนเลยถามขึ้นว่า
ผู้จัดการ - คุณยายเอาเงินมาจากไหนมากมายครับ?
คุณยาย - ยายชนะพนันมาจ้ะ
ผู้จัดการ - ยายไปพนันอะไรมาเหรอครับ?
คุณยาย - ก็ไม่มีอะไรมากหรอกพ่อหนุ่ม....อยากรู้ใช่ไหม?
เรามาลองพนันกันก็ได้สักแสนนึง เอาไหมล่ะ?

ว่าก่อนเก้าโมงเช้าวันพรุ่งนี้ไข่ของพ่อหนุ่ม
จะกลายเป็นสี่เหลี่ยม
ผู้จัดการ - ฮ่าฮ่าฮ้า ล้อเล่นน่า จะพนันกันจริงๆเหรอ?
คุณยาย - จริงๆซิ ยายมีเงินไม่เห็นเหรอนี่ไงตั้งสามล้าน
คุณยายเปิดถุงเงินให้ผู้จัดการดู
ผู้จัดการเห็นว่าไม่มีทางเป็นไปได้ที่ไข่ของตนจะกลาย เป็นสี่เหลี่ยมเลย
ตอบตกลงรับคำท้าและนัดแนะกันว่าพรุ่งนี้เช้าเก้าโมงจ ะมาพบกันอีกที
ตลอดวันนั้นผู้จัดการไม่เป็นอันทำงานเฝ้าแต่คอยคลำไข ่ตัวเองว่ายังกลมๆรีๆ
อยู่เหมือนเดิมหรือเปล่า รุ่งเช้าตื่นขึ้นมาผู้จัดการก็ไม่ลืมที่จะ
ตรวจสอบลูกน้อยทั้งสองใบว่ายังกลมอยู่เหมือนเดิมจริง ๆ
เมื่อคลำดูแล้วก็ยังกลมๆดีอยู่ ผู้จัดการเลยรู้สึก
กระหยิ่มใจว่าวันนี้รวยแน่


เวลาเก้าโมงตรงหญิงชรามาที่ธนาคารและตรงไปที่ห้องผู้ จัดการทันทีพร้อมกับชายอีกคน
ผู้จัดการ - สวัสดีครับคุณยาย อ้าว...พ าใครมาด้วยละนี่?
คุณยาย - อ๋อ…ทนายน่ะ ยายเห็นเงินพนันมันมากเลยพาทนายมาด้วย
ผู้จัดการ - ฮุฮุ…คุณยายผมเสียใจด้วยนะคุณยายแพ้พนันผมแล้วหละไข่ ผมยังกลมอยู่เลยนี่ไง

ว่าแล้วผู้จัดการก็จัดแจงปลดกางเกงลงและเรียกให้หญิง ชรามาตรวจสอบน้องชายได้

หญิงชราจึงเดินเข้าไปแล้วก็ลูบๆคลำๆไข่ผู้จัดการอยู่ สักพักแล้วพูดขึ้นว่า
คุณยาย - อืมมมม ยังกลมอยู่จริงๆ ยายยอมแพ้แล้ว
ขณะที่คุณยายกำลังคลำไข่ผู้จัดการอยู่นั้น...
ผู้จัดการเหลือบไปเห็นทนายที่มากับหญิงชรากำลังเอาหั วโขกกำแพงอย่างแรงติดๆ
กันหลายครั้ง

เลยถามคุณยายว่า
ผู้จัดการ - ยายๆ ทนายของยายเขาเป็นอะไรเหรอ?
คุณยาย - อ๋อ… เขาแพ้พนันยายน่ะ
ยายบอกเขาว่า ภายในเที่ยงวันนี้ยายจะได้คลำไข่ผู้จัดการแบ็งค์ใน
officeของผู้จัดการเองเลย
ทนายเขาไม่เชื่อ เราเลยพนันกันสองแสน....อิอิอิ..................

5 5 5 5
... กำไรเห็น ๆ ....

มอบรอยยิ้มให้คนอื่นบ้างนะขอรับ . . .





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

thebank44 จาก thebank44TTC121 125.24.205.186 พุธ, 21/7/2553 เวลา : 14:23  IP : 125.24.205.186   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 97809

คำตอบที่ 43
      

fiogf49gjkf0d
สิ่งเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่ในคุณค่า...
กรวดเม็ดเล็กๆ รวมกันเป็นภูเขาสูงใหญ่
ก้าวเดินก้าวเล็กๆ เป็นระยะทางได้หลายกิโล
การกระทำเล็กๆ ด้วยความรักความกรุณา
สร้างโลกให้สดใส สดสวยด้วยรอยยิ้ม
คำพูดเล็กๆ สามารถบรรเทาปัญหาที่แสนจะยากเย็น
อ้อมกอดเล็กๆ เช็ดน้ำตาให้เหือดแห้ง
เทียนไขเล็กๆ ส่องแสงนำทางในความมืดมิด
ความจดจำสิ่งเล็กๆ คงอยู่นานหลายปี
ความฝันใฝ่เล็กๆ นำไปสู่ความยิ่งใหญ่
ชัยชนะเล็กๆ นำไปสู่ความสำเร็จที่ปรารถนา
สิ่งเล็กๆ ต่างๆ ในชีวิต
นำมาซึ่งความสุขอันยิ่งใหญ่
ถ้าเราได้คิดสักนิด ถึงสิ่งเล็กๆ เหล่านี้แล้วหละก็
ความอบอุ่นเมื่อคิดถึงเธอก็ผุดขึ้นในใจ
มันเป็นความสุขใจอันสุดแสนจะบรรยาย
.. เสมอและตลอดไป ..



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

ttc051 จาก ย้ง 58.9.138.203 พุธ, 21/7/2553 เวลา : 22:17  IP : 58.9.138.203   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 97827

คำตอบที่ 44
      

fiogf49gjkf0d
ได้รับ เมล์ เตือนภัย มาใหม่

วันก่อนไปกินข้าวกับเพื่อนที่ร้านเล็ก ๆ ริมถนนใน จ.ปราจีนบุรี ไปกินกัน 5 คน กินเสร็จก็สั่งเก็บเงิน ยอมรวม 280 บาท เพื่อนผมจ่ายแบ็งค์ 1,000 บาทให้ไป แม่ค้าก็รับไปแล้วเดินไปจะทอนเงิน สักพักเดินกลับมาโวยวายว่า แบ็งค์ 1,000 บาท ที่จ่ายให้ไปนั้น เป็น " แบงค์ปลอม " แม่ค้าตะโกนว่าโต๊ะผมเสียงดังมาก แล้ววางแบงค์ปลอม 1,000 บาท ลงบนโต๊ะ ตอนนั้นคนในร้านมีอยู่ 3 - 4 โต๊ะ ก็เริ่มมอง ๆ มาที่โต๊ะผม

เพื่อนผมเพิ่งจะกดเงินมาจากตู้เอทีเอ็ม เป็นแบงค์ใหม่หมด เลขในแบงค์ก็เรียงกัน แต่ใบที่แม่ค้าเอามาวางคืนให้เป็นแบงค์เก่า ก็เลยเถียงกันไปเถียงกันมา แม่ค้าก็ยังไม่ยอม เพื่อนผมมันจึงแกล้งบอกว่า จำเลขในแบงค์ได้ แม่ค้าก็ไม่ยอม

พอดีมีสายตรวจมาซื้อของที่ร้านข้าง ๆ ก็เลยเดินไปเรียกตำรวจมา บอกให้ช่วยค้นตัวแม่ค้า ดูว่า มีแบงค์ 1,000 บาท ใบอื่นหรือไม่ แม่ค้าไม่ยอมให้ค้นตัว แต่เดินไปหยิบทอนมาให้ 800 บาท ( ทอนเกิน ) แล้วบอกตำรวจว่า ไม่มีอะไร ( ตำรวจไม่ยอมโวยวาย ) เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงนะครับ อยากจะเตือนทุกคนให้ระมัดระวังมุกใหม่นี้ด้วย จ่ายแบงค์ 1,000 บาท จริง แต่ถูกหาว่าเป็นแบงค์ปลอม ทางที่ดีก่อนจ่ายแบงค์ 1,000 บาท ควรจำหมายเลขในแบงค์ไว้บ้างนะครับ เพื่อความปลอดภัย









 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

TTC-054 จาก TTC-054 มๅรบูรพา 118.172.174.155 พฤหัสบดี, 22/7/2553 เวลา : 14:37  IP : 118.172.174.155   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 97854

คำตอบที่ 45
      

fiogf49gjkf0d
เวลานี้หาเงินก็ยาก...จะใช้ยังจะมายากอีก......เซ็งเลย





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

ttc051 จาก ย้ง 58.9.100.119 พฤหัสบดี, 22/7/2553 เวลา : 16:04  IP : 58.9.100.119   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 97857

คำตอบที่ 46
      

fiogf49gjkf0d
" นิสสันเผยเครื่องยนต์ใหม่สุดประหยัด "

ข่าวต่างประเทศ- นิสสัน มอเตอร์ วางเป้าหมายเครื่องยนต์บล็อกใหม่รหัส HR12DDR จะเป็นขุมพลังเบนซินที่มีความประหยัดน้ำมันมากที่สุดในโลก และเตรียมนำมาติดตั้งกับซิตี้คาร์รุ่นดังอย่างมาร์ช หรือไมครา ที่เพิ่งเปิดตัวขายเมื่อต้นปี 2010

เครื่องยนต์รุ่นนี้ได้รับการพัฒนาต่อยอดจากพื้นฐานรหัส HR12DE ซึ่งเป็นแบบ 3 สูบ 1,200 ซีซี ติดตั้งซูเปอร์ชาร์จ พร้อมกับปรับปรุงระบบการเผาไหม้มาเป็นแบบ Miller Cycle ใช้ระบบไดเร็กต์อินเจ็กชัน หรือ Gasoline Direct Injection system (DIG) มีการเพิ่มอัตราส่วนการอัด หรือ Compression Ratio ขึ้นมาอยู่ในระดับ 13.0 : 1 ] สำหรับแหวนลูกสูบมีการเคลือบวัสดุที่เรียกว่า DLC หรือ Diamond-Like Carbon ซึ่งจะช่วยลดการเสียดทานของชิ้นส่วนลงได้ 30% เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์แบบ 4 สูบที่มีการผลิตกำลังขับเคลื่อนในระดับเดียวกัน

นอกจากนั้น ยังมีการติดตั้งระบบ Auto Start/Stop ซึ่งจะมีการดับเครื่องยนต์ เมื่อจอดติดอยู่กับที่ เพื่อลดการกินน้ำมัน และช่วยในเรื่องการปล่อยมลพิษออกสู่อากาศ

เรื่องกำลังขับเคลื่อน ทางนิสสันไม่ได้เผย บอกแค่ว่าอยู่ในระดับใกล้เคียงกับที่ได้จากเครื่องยนต์ 1,500 ซีซี พร้อมระดับการคายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 95 กรัมต่อ 1 กิโลเมตร ตามมาตรฐานการทดสอบรูปแบบใหม่ของยุโรป หรือ New European Drive Cycle โดยการพัฒนาครั้งนี้เป็นไปตามแนวทางโปรแกรม Nissan Green Program 2010 (NGP 2010) ในการพัฒนาเทคโนโลยี และผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

นิสสันเผยว่าเครื่องยนต์บล็อกนี้จะถูกนำมาติดตั้งในมาร์ช หรือไมคราที่ขายอยู่ในยุโรป โดยจะเริ่มทำตลาดช่วงกลางปี 2011 เป็นต้นไป

Ref. http://www.manager.co.th/Motoring/ViewNews.aspx?NewsID=9530000099363






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

005 จาก BoyDogtag,TTC-005 202.122.130.31 ศุกร์, 23/7/2553 เวลา : 09:17  IP : 202.122.130.31   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 97894

คำตอบที่ 47
      

fiogf49gjkf0d
" พัฒนาเข็มจิ๋วใช้ “แปะ” ไม่ต้องแทง "

ไม่เฉพาะคนที่กลัวเข็มแต่เป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับทุกคน หากเราได้รับวัคซีนโดยไม่ต้องใช้เข็มฉีดยา ซึ่งทีมวิจัยสหรัฐฯ กำลังพัฒนา “เข็มฉีดยาจิ๋ว” ที่ให้ความรู้สึกเหมือนสัมผัสกระดาษทรายละเอียด และถ้าทุกอย่างเป็นไปตามเป้าหมาย อีก 5 ปีเราจะมีวัคซีนแบบ “แผ่นแปะ” ไว้ใช้

การใช้ “แผ่นแปะ” เพื่อการรักษาทางยานั้น มีตัวอย่างความสำเร็จให้เห็นอยู่บ้าง เช่นที่เอพียกตัวอย่างคือ “แผ่นนิโคติน” สำหรับคนที่ต้องการเลิกบุหรี่ แต่ยังไม่มีความสำเร็จที่จะนำแผ่นแปะมาใช้กับวัคซีน หากแต่ทีมวิจัยจากสถาบันเทคโนโลยีจอร์เจีย (Georgia Institute of Technology) หรือจอร์เจียเทค (Georgia Tech) กำลังพัฒนาแถบ “เข็มฉีดยาจิ๋ว” ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนสัมผัสกระดาษทรายละเอียด

มาร์ก พรอสนิตซ์ (Mark Prausnitz) จากจอร์เจียเทคซึ่งเป็นหัวหน้างานวิจัยนี้กล่าวว่า การให้ความรู้สึกเหมือนกระดาษทรายเป็นจุดขายของผลงานวิจัยชิ้นนี้ ซึ่งจากการทดสอบให้อาสมัครทดลองใช้แบบไม่มีวัคซีน ผู้รับการทดสอบต่างให้คะแนนว่าแถบจิ๋วนี้สร้างความเจ็บปวดน้อยกว่าการใช้เข็มฉีดยา 1 ใน 10 ถึง 1 ใน 20 เท่า และเกือบทุกคนกล่าวว่าไม่มีความเจ็บปวดเลย

อย่างไรก็ดี แถบเข็มจิ๋วของทีมวิจัยจอร์เจียเทคยังคงจิ้มทะลุผิวหนังลงไป แต่ด้วยขนาดเข็มที่เล็กมากจึงทำให้ไม่รู้สึกเจ็บปวด และการใช้งานเข็มฉีดยาพันธุ์ใหม่นี้ยังไม่ต้องอาศัยผู้ที่ได้รับการฝึกฝนเป็นพิเศษ ซึ่งพรอสนิตซ์กล่าวว่า นอกจากลดความน่ากลัวของเข็มแล้ว ยังช่วยให้ผู้ป่วยสามารถจัดการฉีดยาได้เอง โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ต้องฉีดด้วยตัวเอง โดยเข็มฉีดยานี้ช่วยขจัดปัญหาออกไปได้ 2 อย่างคือ แก้ปัญหาการกลัวเข็ม และเขี่ยเข็มฉีดยาแบบต้องแทงผิวลึกๆ ทิ้งไป

การพัฒนาเข็มฉีดยาที่ให้ความรู้สึกเจ็บปวดน้อยและลดความน่ากลัวลงนี้เป็นความร่วมมือระหว่างจอร์เจียเทคและมหาวิทยาลัยอีโมรี (Emory University) ในแอตแลนตา สหรัฐฯ โดยการสนับสนุนจากสถาบันสุขภาพสหรัฐฯ (National Institutes of Health) ซึ่งงานวิจัยได้พัฒนาถึงขั้นการทดสอบในหนูทดลอง และตอนนี้ทีมวิจัยกำลังหาทุนเพื่อวิจัยในคน และหากทุกอย่างไปได้ดี พรอสนิตซ์คาดว่าเราจะได้ใช้แถบเข็มจิ๋วนี้ในอีก 5 ปีข้างหน้า

ด้านไซน์เดลีให้ความเห็นของ ริชาร์ด คอมแพนส์ (Richard Compans) ศาสตราจารย์ด้านจุลชีววิทยาและภูมิคุ้มกันวิทยา จากวิทยาลัยแพทย์แห่งมหาวิทยาลัยอีโมรี ว่าผิวหนังนั้นเป็นบริเวณที่น่าสนใจต่อการสร้างภูมิคุ้มหันให้ร่างกาย เพราะเป็นบริเวณที่มีเซลล์หลากหลายชนิดและมีความสำคัญต่อการกระตุ้นภูมิคุ้มกันจากวัคซีน

สำหรับแถบเข็มจิ๋วที่ใช้ศึกษาในหนูมีขนาดเข็มจิ๋วที่ยาวเพียง 650 ไมครอน และเรียงกันเป็นแถบอยู่ 100 เข็ม โดยแปะแถบเข็มลงไปที่ผิวหนังนาน 5-15 นาที แต่สามารถแปะได้นานกว่านั้นโดยไม่ทำให้เกิดอันตราย ซึ่งการทดลองในหนูนั้นสามารถส่งวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้ในโดสหรือปริมาณยาที่ถูกต้อง

ทั้งนี้ไซน์เดลีอธิบายขั้นตอนการศึกษาว่า ทีมวิจัยได้แบ่งหนูทดลองออกเป็น 3 กลุ่ม โดยกลุ่มแรกได้รับวัคซีนด้วยวิธีฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อแบบเก่า อีกกลุ่มได้รับวัคซีนที่ละลายผ่านแถบเข็มจิ๋ว ส่วนกลุ่มควบคุมได้รับการแปะแถบเข็มจิ๋วที่ไม่มีวัคซีน เมื่อได้รับเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่หลังจากนั้น 30 วัน กลุ่มที่ได้รับวัคซีนยังคงแข็งแรง แต่กลุ่มควบคุมนั้นเมื่อได้รับเชื้อไวรัสก็ตายในที่สุด

หลังจากนั้นอีก 3 เดือนทีมวิจัยนำหนูที่ได้รับวัคซีนไปรับเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่อีกครั้ง พบว่าหนูที่ได้รับวัคซีนจากแถบเข็มจิ๋วนั้นตอบสนองต่อไวรัสได้ดีกว่า และยังกำจัดเชื้อไวรัสออกจากตับได้มีประสิทธิภาพมากกว่าหนูกลุ่มที่ได้รับวัคซีนผ่านเข็มฉีดยาแบบทั่วไป

สำหรับการทำงานของเข็มจิ๋วนี้เมื่อกดลงบนผิวหนัง เข็มเล็กๆ จะละลายในของเหลวของร่างกายอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงแถบที่ละลายน้ำได้ซึ่งสามารถทิ้งได้ทันทีเพราะไม่เหลือปลายแหลมที่เป็นอันตรายอีก ส่วนวัสดุที่ใช้ผลิตเข็มจิ๋วคือ “พอลิไวนีลไพร์โรลิโดน” (poly-vinyl pyrrolidone) ซึ่งได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นพอลิเมอร์ที่ปลอดภัยต่อภายในร่างกาย

ทั้งนี้ วัคซีนจะถูกเป่าแห้งแล้วผสมเข้ากับพอลิเมอร์ดังกล่าวก่อนหลอมขึ้นเป็นเข็มจิ๋ว จากนั้นทำให้เป็นพอลิเมอร์ที่อุณหภูมิห้องด้วยแสงอัลตราไวโอเลต

“อีกความได้เปรียบของเข็มจิ๋วคือวัคซีนถูกเก็บไว้ในรูปแห้ง ซึ่งจะเพิ่มความคงทนในการขนส่งและเก็บรักษา” เอียนนา สกูนซัว (Ioanna Skountzou) ผู้ช่วยศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยอีโมรีให้ความเห็น

พร้อมกันนี้พรอสนิตซ์ยังกล่าวอีกว่า ทุกๆ คนควรได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปี ซึ่งกลายเป็นภาระใหญ่สำหรับเครือข่ายสุขภาพ ซึ่งมีคนจำนวนมากไม่เข้ารับการฉีดวัคซีนเนื่องจากความไม่สะดวก แต่หากคนเหล่านั้นสามารถรับวัคซีนผ่านทางจดหมาย หรือซื้อหาได้ที่ร้านขายยาก็จะแก้ปัญหานี้ได้

Ref. http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9530000103585

ภาพ : แท่งจิ๋ว ซึ่งย้อมสีชมพู เพื่อแสดงให้เห็นการบรรจุวัคซีนลงเข็ม ( เอพี/Nature )






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

005 จาก BoyDogtag,TTC-005 202.122.130.31 พุธ, 28/7/2553 เวลา : 16:47  IP : 202.122.130.31   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 98110

คำตอบที่ 48
      

fiogf49gjkf0d
ภาพ : แถบเข็มจิ๋ว 36 แท่งที่เรียงกัน เปรียบเทียบกับขนาดนิ้วมือ ( ไซน์เดลี )





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

005 จาก BoyDogtag,TTC-005 202.122.130.31 พุธ, 28/7/2553 เวลา : 16:49  IP : 202.122.130.31   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 98111

คำตอบที่ 49
      

fiogf49gjkf0d
" ญี่ปุ่นปลื้ม!“นิสสัน มาร์ช”กวาดยอดจอง12,000 คัน "

ข่าวต่างประเทศ - นิสสัน มาร์ช ที่ญี่ปุ่นขายดีไม่แพ้ประเทศไทย หลังเปิดตัว 2 สัปดาห์ มียอดจองกว่า 12,000 คัน คุยมาตรฐานการผลิตจากไทยเป็นที่ยอมรับ

รายงานข่าวจากบริษัท นิสสัน มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า หลังจากแนะนำรถยนต์ นิสสัน มาร์ช ซึ่งผลิตในประเทศไทย ภายใต้โครงการรถยนต์นั่งประหยัดพลังงาน หรือ Eco-Car ให้กับผู้บริโภคชาวญี่ปุ่นไปเมื่อประมาณกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ปรากฎว่าได้กระแสตอบรับเป็นอย่างดี สามารถสร้างยอดจองได้สูงกว่า 12,000 คันภายในเวลาเพียง 2 สัปดาห์

เดิมนิสสันคาดว่า นิสสัน มาร์ช จะมียอดจองอยู่ที่ประมาณ 4,000 คันต่อเดือนเท่านั้น แต่ปรากฎว่าได้การยอมรับเกินความคาดหมาย ด้วยยอดจองสูงเกินกว่า 3 เท่า ซึ่งถือเป็นปรากฎการณ์ครั้งสำคัญของตลาดรถยนต์ในญี่ปุ่น เพราะไม่เพียงจะแสดงให้เห็นถึงการยอมรับในคุณภาพการผลิตรถยนต์ของบริษัท นิสสัน ในประเทศไทย เท่านั้น แต่ยังเป็นการยอมรับในคุณสมบัติของรถยนต์ มาร์ช ที่สามารถชนะใจผู้บริโภคได้อีกด้วย

ทั้งนี้ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ นิสสัน มาร์ช ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภค คือ คุณสมบัติในการประหยัดน้ำมัน และสมรรถนะในการขับขี่คล่องตัว ครบครันด้วยอุปกรณ์ให้ความสะดวก ในราคาที่เหมาะสม โดยรุ่นที่ได้รับความนิยมและมียอดจองสูงสุดคือ รถยนต์รุ่น 12X (2WD) ซึ่งมีเทคโนโลยี Idle Stop ที่มีคุณสมบัติที่ช่วยในการประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีสัดส่วนในการจองสูงถึง 60%

อนึ่งนิสสัน มาร์ช ถือเป็นรถยนต์รุ่นแรกของนิสสัน ที่ผลิตขึ้นในประเทศไทยและส่งออกไปจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่น ภายใต้โครงการ Eco-Car ซึ่งรัฐบาลไทยให้การสนับสนุนเพื่อให้เป็น Product Champion ตัวที่ 2 ซึ่ง บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ทำการฉลองการส่งออกไปประเทศญี่ปุ่นครั้งแรกขึ้น เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ที่ผ่านมา

Reference : http://www.manager.co.th/Motoring/ViewNews.aspx?NewsID=9530000104096>






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

005 จาก BoyDogtag,TTC-005 202.122.130.31 พฤหัสบดี, 29/7/2553 เวลา : 15:42  IP : 202.122.130.31   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 98240

คำตอบที่ 50
      

fiogf49gjkf0d
" สจล.พัฒนา"หัวเตาเผาน้ำมันพืชใช้แล้ว" ระบุใช้ง่าย-ลดรายจ่ายครัวเรือน "

น้ำมันพืชใช้แล้ว นับเป็นแหล่งพลังงานที่น่าสนใจอีกแหล่งหนึ่ง เนื่องจากเป็นของเหลือใช้ในครัวเรือนหรือร้านค้าที่ประกอบอาหารประเภทที่ใช้น้ำมันจำนวนมากรวมไปถึงอุตสาหกรรมบางประเภท โดยข้อมูลจากมูลนิธิพลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อมระบุว่าประเทศไทยมีน้ำมันพืชเหลือใช้ทั้งหมดปีละประมาณ 74.5 ล้านลิตร และกว่า 60 % มาจากภาคครัวเรือน ซึ่งน้ำมันพืชเหลือใช้จำนวนมากเหล่านี้ หากครัวเรือนสามารถนำกลับมาใช้เป็นเชื้อเพลิงจะช่วยลดการใช้ซ้ำสำหรับการประกอบอาหารอันจะเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค เช่น เกิดการก่อตัวของสารก่อมะเร็ง เป็นต้น

ด้วยเหตุนี้ รศ.ดร.จารุวัตร เจริญสุข สาขาวิศกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหาร ลาดกระบัง (สจล.) และคณะผู้วิจัย ประกอบด้วย นายเกษมศิลป์ อ่อนทอง และนายอาวุธ ลภิรัตนากูล นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ สจล. จึงได้พัฒนา”หัวเผาน้ำมันพืชใช้แล้ว” สำหรับการใช้กับเตาหุงต้มในครัวเรือนและอุตสาหกรรม โดยมีแนวคิดในการช่วยลดต้นทุนการใช้ทรัพยากรและประหยัดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนรวมทั้งเป็นการช่วยประหยัดพลังงานได้อีกทางหนึ่ง โดยในการคิดค้นหัวเผาดังกล่าวได้นำเทคโนโลยีการเผาไหม้โดยใช้วัสดุพรุนมาปรับใช้เพื่อให้เปลวไฟมีเสถียรภาพสูงสามารถกักเก็บอุณหภูมิได้ดี รวมทั้งนำน้ำมันปาล์มใช้แล้วมาเป็นเชื้อเพลิงในการทดสอบหัวเผาที่คิดค้นขึ้น โดยเปรียบเทียบประสิทธิภาพกับหัวเผาที่ใช้ก๊าซหุงต้ม

ภาพ : รศ.ดร.จารุวัตร เจริญสุข สาขาวิศกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหาร ลาดกระบัง (สจล.) และคณะผู้วิจัย






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

005 จาก BoyDogtag,TTC-005 202.122.130.31 ศุกร์, 30/7/2553 เวลา : 16:44  IP : 202.122.130.31   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 98340

คำตอบที่ 51
      

fiogf49gjkf0d
รศ.ดร.จารุวัตร กล่าวว่า จากการศึกษาโดยการเปรียบเทียบประสิทธิภาพเชิงความร้อนที่ได้จากหัวเตาเผาน้ำมันปาล์มใช้แล้วกับหัวเผาก๊าซหุงต้มพบว่า ประสิทธิภาพเชิงความร้อนของหัวเผาน้ำมันปาล์มใช้แล้วมีค่าต่ำกว่าเล็กน้อย เนื่องจากความร้อนจากหัวเผาน้ำมันปาล์มส่วนหนึ่งจะต้องเสียให้กับขดท่อไอน้ำมัน ประกอบกับค่าความร้อนของเชื้อเพลิงของน้ำมันปาล์มต่ำกว่า LPG และคุณสมบัติของน้ำมันปาล์มที่มีการผสมกับอากาศและการเผาไหม้ที่ยากกว่าก๊าซ LPG





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

005 จาก BoyDogtag,TTC-005 202.122.130.31 ศุกร์, 30/7/2553 เวลา : 16:45  IP : 202.122.130.31   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 98342

คำตอบที่ 52
      

fiogf49gjkf0d
อย่างไรก็ดี เมื่อเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายจากการใช้งานของหัวเผาน้ำมันปาล์มกับหัวเตาเผา LPG ที่ใช้หุงต้มในครัวเรือนทั่วไป โดยนำมาทำการต้มน้ำให้เดือดที่ระดับพลังงานเดียวกันเป็นเวลา 30 วัน ๆ ละ 2 ครั้ง นำระยะเวลาในการต้มแต่ละครั้งมาคำนวณหาค่าการใช้เชื้อเพลิงจากการต้มน้ำของหัวเตาเผาทั้งสองชนิด

ปรากฏว่าหัวเผาน้ำมันปาล์มใช้เวลาในการต้มนานกว่าหัวเผา LPG ประมาณ 1-3 นาที แต่เมื่อนำมาคำนวณค่าใช้จ่ายพบว่า หัวเตาเผาน้ำมันปาล์มใช้แล้วจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายลงมาได้ประมาณ 36.5% ต่อหน่วยพลังงานความร้อนที่ใช้ไป

รศ.ดร.จารุวัตร กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการพัฒนาหัวเผาน้ำมันพืชใช้แล้วในครั้งนี้ เนื่องจากต้องการให้ในท้องตลาดหรือครัวเรือนทั่วไป มีเตาให้ความร้อนที่สามารถใช้เชื้อเพลิงได้หลายชนิดโดยปรับให้เหมาะสมกับเชื้อเพลิงที่หาได้ในขณะนั้น และมีขั้นตอนในการจุดและดับไฟที่ไม่ซับซ้อน ราคาไม่แพง เพื่อให้ผู้ประกอบการหรือประชาชนทั่วไปหันมาใช้เตาหุงต้มชนิดนี้มากขึ้น






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

005 จาก BoyDogtag,TTC-005 202.122.130.31 ศุกร์, 30/7/2553 เวลา : 16:46  IP : 202.122.130.31   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 98344

คำตอบที่ 53
      

fiogf49gjkf0d
"สำหรับต้นทุนของเตาหุงต้มที่คิดค้นขึ้นนี้มีต้นทุนเตาละประมาณ 3,000 บาท ดังนั้น หากสถานประกอบการที่มีการใช้ก๊าซหุงต้มในปริมาณมากและหัวเตาเผาน้ำมันพืชใช้แล้วที่ได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพเท่าเทียมกับแก๊สหุงต้มที่ใช้อยู่เดิม จะสามารถคำนวณระยะเวลาคืนทุนได้ในระยะเวลาสั้น เช่น ครัวเรือนขนาดกลาง-ใหญ่ และผู้ประกอบการที่มีอัตราการใช้ก๊าซหุงต้ม 1 ถังต่อสัปดาห์ มีค่าใช้จ่าย 315 บาท/สัปดาห์ และเมื่อใช้น้ำมันพืชเก่าเป็นเชื้อเพลิง ประหยัดค่าใช้จ่ายได้ 36.5% ต่อปริมาณพลังงานที่ใช้เท่ากัน คิดเป็นเงินที่ประหยัดได้ 115 บาท/สัปดาห์ ขณะที่เงินลงทุนสำหรับเตาหุงต้มชนิดนี้ประมาณ 3000 บาท ทำให้มีระยะคืนทุน 26 สัปดาห์ หรือ ประมาณ 6.5 เดือน ในกรณีที่ผู้ประกอบการหรือโรงงานอุตสาหกรรมมีอัตราการใช้ก๊าซหุงต้มมากกว่านี้ ระยะเวลาในการคืนทุนก็จะสั้นลงอีกเป็นลักษณะผกผันกัน”

Ref. : http://www.manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9530000105093>






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

005 จาก BoyDogtag,TTC-005 202.122.130.31 ศุกร์, 30/7/2553 เวลา : 16:46  IP : 202.122.130.31   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 98345

คำตอบที่ 54
      

fiogf49gjkf0d
วิทยาศาสตร์ แก๊งค์ต้มตุ๋นดูจาก web นี้ได้เลย ดูแล้วคิดให้ทัน http://www.weekendhobby.com/offroad/newenergy/question.asp?id=1659





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

ttc051 จาก ย้ง 58.9.43.248 พฤหัสบดี, 5/8/2553 เวลา : 18:05  IP : 58.9.43.248   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 98719

คำตอบที่ 55
      

fiogf49gjkf0d
" การมีเงินมากๆ ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้เรามีความสุข
ความสุขที่แท้จริงของชีวิต ก็คือความมีอิสระในด้านความคิดและการกระทำ
และทำงานอย่างมีความสุข "

นฤทธิ์ คำธิศรี



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

sailom_276 จาก TTC048 125.24.143.97 เสาร์, 7/8/2553 เวลา : 11:00  IP : 125.24.143.97   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 98801

คำตอบที่ 56
      

fiogf49gjkf0d
" หลักฐานชี้ "มนุษย์โบราณ" รู้จักใช้มีดหินแล่เนื้อสัตว์ตั้งแต่ 3.4 ล้านปีก่อน "

พบกระดูกสัตว์ดึกดำบรรพ์ในเอธิโอเปียมีร่องรอยคล้ายถูกแล่เนื้อด้วยมีดหิน นักวิจัยเชื่อเกิดจากฝีมือมนุษย์เผ่าพันธุ์เดียวกับ "ป้าลูซี่" ระบุเป็นหลักฐานชี้บรรพบุรุษมนุษย์รู้จักใช้เครื่องมือหินตั้งแต่ 3.4 ล้านปีก่อน เก่าแก่กว่าที่เคยพบถึง 8 แสนปี

ทีมนักบรรพชีวินวิทยาพบฟอสซิลกระดูกสัตว์ยุคโบราณจำนวน 2 ชิ้น ในเขตอะฟาร์ (Afar Region) ประเทศเอธิโอเปีย มีอายุเก่าแก่ราว 3.4 ล้านปี และมีร่องรอยถูกตัดและถูกทุบอยู่บนกระดูกด้วย นับเป็นหลักฐานชิ้นแรกที่แสดงให้เห็นถึงการใช้เครื่องมือที่ทำจากหินของมนุษย์โบราณสปีชีส์ ออสเตรโลพิเธคัส อะฟาเรนซิส (Australopithecus afarensis) ที่มีชีวิตอยู่ร่วมยุคสมัยและสถานที่บริเวณเดียวกันกับฟอสซิลสัตว์ที่พบ ทั้งยังเป็นหลักฐานอายุเก่าแก่ที่สุดที่แสดงให้เห็นถึงการบริโภคเนื้อสัตว์ของสิ่งมีชีวิตในตระกูลคน (hominin)

"เรากำลังเอาเครื่องมือหินใส่ไว้ในมือพวกเขา" เซเรเซเนย์ อูเลมส์อูเกด (Zeresenay Alemseged) นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันวิทยาศาสตร์แคลิฟอร์เนีย (California Academy of Sciences) ในสหรัฐฯ ผู้ศึกษาวิจัยฟอสซิลสัตว์จากเอธิโอเปีย ซึ่งผลการวิจัยของพวกเขาได้รับการตีพิมพ์ในวารสารเนเจอร์ (Nature) เมื่อวันที่ 12 ส.ค. ที่ผ่านมา ตามรายงานข่าวในเอพี

เอเอฟพีระบุว่า ทีมวิจัยทดสอบด้วยเทคนิคการสร้างภาพอิเล็กตรอน (Electron imaging analysis) และเอกซ์เรย์ สเปคโตรเมตรี (x-ray spectrometry) แสดงให้เห็นว่าร่องรอยเหล่านี้เกิดขึ้นก่อนที่กระดูกทั้งสองชิ้นจะกลายเป็นฟอสซิล ดังนั้นจึงไม่มีทางที่จะถูกทำให้เกิดขึ้นได้เมื่อไม่นานนี้แน่ และยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นรอยที่เกิดจากเครื่องมือที่แหลมคมอย่างชัดเจน ไม่ใช่รอยฟันของสัตว์แน่นอน

นักวิจัยกล่าวว่า ร่องรอยที่พบบนกระดูกสัตว์นั้นบ่งชี้ว่าเป็นร่องรอยที่เกิดจากหินแหลมคมที่มนุษย์ยุคโบราณใช้สำหรับแล่เนื้อออกจากซากสัตว์ขนาดใหญ่ และยังมีร่องรอยคล้ายถูกทุบด้วยหินเพื่อเอาไขกระดูกที่อยู่ภายในด้วย โดยกระดูกชิ้นหนึ่งเป็นส่วนซี่โครงของสัตว์ที่มีขนาดใกล้เคียงกับวัว ส่วนอีกชิ้นกระดูกโคนขาของสัตว์ขนาดประมาณแพะในปัจจุบัน แต่ไม่พบเครื่องไม้เครื่องมือใดๆ ที่ทำจากหินในบริเวณใกล้เคียงเลยสักชิ้นเดียว

ทีมวิจัยเชื่อว่าผู้ที่ใช้เครื่องมือหินแล่เนื้อจากกระดูกสัตว์เหล่านี้คือพวก ออสเตรโลพิเธคัส อะฟาเรนซิส เนื่องจากเท่าที่ทราบกันมา ไม่มีเผ่าพันธุ์มนุษย์โบราณอื่นๆ อยู่ในช่วงเวลาและสถานที่ที่พบกระดูกสัตว์สองชิ้นนี้อีกแล้ว โดยเอเอฟพีให้รายละเอียดว่าก่อนหน้านั้นเมื่อปี 2000 ทีมนักวิทยาศาสตร์ชุดเดียวกันนี้ได้ขุดพบฟอสซิลของ ออสเตรโลพิเธคัส อะฟาเรนซิส วัยสาวรุ่นที่มีอายุราว 3.3 ล้านปี ในบริเวณที่อยู่ห่างออกไปจากบริเวณที่พบกระดูกสัตว์ไม่ถึง 200 เมตร ซึ่งภายหลังนักวิจัยตั้งชื่อฟอสซิลดังกล่าวว่า "ซีแลม" (Selam) ส่วนฟอสซิลมนุษย์ ออสเตรโลพิเธคัส อะฟาเรนซิส ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือ "ป้าลูซี" (Lucy) ซึ่งถูกพบในเอธิโอเปียเช่นกันเมื่อปี 1974

เอพีรายงานเพิ่มเติมว่านักวิจัยสันนิษฐานว่าพวกญาติๆ ของป้าลูซี่น่าจะแล่เอาเนื้อจากซากสัตว์ที่ตายแล้วมาเป็นอาหารมากกว่าล่าสัตว์ที่ยังมีชีวิตอยู่ และน่าจะกินเนื้อดิบๆ ด้วย แต่ไม่แน่ใจว่าเครื่องมือหินที่พวกนั้นใช้กันเป็นเครื่องมือที่ทำขึ้นมาหรือว่าเป็นหินทั่วๆ ไปที่มีลักษณะเหมาะเจาะพอจะใช้เป็นเครื่องไม้เครื่องมือได้ และพฤติกรรมการเสาะหาเนื้อจากสัตว์ที่ตายแล้วของมนุษย์โบราณดังกล่าวยังแสดงถึงพฤติกรรมความร่วมมือกันในเผ่าพันธุ์ด้วย โดยในขณะที่ฝ่ายหนึ่งกำลังแล่เนื้ออยู่นั้น จะต้องมีอีกฝ่ายหนึ่งคอยเฝ้าระวังสัตว์อื่นที่อาจเข้าโจมตีหรือแย่งซากสัตว์นั้นด้วย

"ตอนนี้เราสามารถนึกภาพลูซี่ที่ถือเครื่องมือหินอยู่ในมือและกำลังกวาดตามองหาเนื้อสัตว์ได้แล้วเป็นครั้งแรก" แชนนอน แมคเฟอรอน (Shannon McPherron) นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันมานุษยวิทยาและวิวัฒนาการมักซ์พลังก์ (Max Planck Institute for Evolutionary Anthropology) ในเยอรมนี ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมวิจัยเผยในเอเอฟพี

ทั้งนี้ ก่อนหน้านั้นนักวิทยาศาสตร์เคยพบหลักฐานที่เก่าแก่ที่สุดของการใช้เครื่องมือหินโดยมนุษย์ยุคโบราณมาแล้ว โดยพบในเอธิโอเปียเช่นเดียวกัน ซึ่งวัดอายุได้ประมาณ 2.6 ล้านปี แต่ไม่มีความกระจ่างชัดว่าใครคือผู้ใช้เครื่องมือดังกล่าว

อย่างไรก็ดี มีนักวิจัยบางส่วนไม่เห็นด้วยกับผลการศึกษาในครั้งนี้ หนึ่งในจำนวนนี้มีนิโคลัส ทอธ (Nicholas Toth) นักบรรพชีวินวิทยาผู้ศึกษาเกี่ยวกับเครื่องมือยุคหิน จากมหาวิทยาลัยอินเดียนา (Indiana University)

เขาบอกได้พิจารณารายงานผลการวิจัยข้างต้นอย่างละเอียดแล้ว ฟอสซิลกระดูกสัตว์ที่ว่านั้นทีมวิจัยพบบนพื้นผิวดิน แทนที่จะเป็นการขุดพบ นั่นหมายความว่าไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้วฟอสซิลนี้มาจากไหนแน่ ซึ่งเป็นเหมือนกุญแจสำคัญที่จะทำให้รู้อายุของมันและความสัมพันธ์กับกระดูกชิ้นอื่นๆ รวมถึงวัตถุต่างๆ ที่ทำให้มันมีร่องรอยแบบนั้น และเมื่อพิจารณาจากรูปภาพที่ลงในวารสารเนเจอร์ ยังพบว่าร่องรอยบนกระดูกสัตว์แตกต่างจากรอยที่เกิดจากเครื่องมือหินโดยทั่วไป ทำให้เกิดคำถามว่าแท้จริงแล้วเป็นรอยที่เกิดจากการถูกเหยียบย่ำหรือเป็นรอยกัดของสัตว์อื่นหรือเปล่า

ด้านทิม ไวท์ (Tim White) นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียในเบิร์กเลย์ (University of California, Berkeley) ตั้งข้อสังเกตว่ารอยดังกล่าวดูเหมือนเกิดจากจระเข้ ซึ่งไม่เคยปรากฎว่ามีอยู่ในบริเวณที่พบกระดูกเหล่านี้ และช่วงระยะ 30 ปีมานี้ ยังไม่เคยมีใครประสบความสำเร็จในการค้นหาเครื่องมือยุคหินที่มีอายุเก่าแก่พอกับกระดูกสัตว์ที่ว่า

"การกล่าวอ้างในสิ่งที่เกินธรรมดาย่อมต้องมีหลักฐานที่เกินธรรมดาด้วย แต่หลักฐานที่ทีมวิจัยพบนั้นยังเบาบางมากและกำกวมเกินไป" ไวท์ กล่าว

ทว่าเบอร์นาร์ด วูด (Bernard Wood) จากมหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน (George Washington University) ประกาศชัดว่าเขายินดีวางเดิมพันด้วยเงินเดือนของเขาทั้งเดือนเลยว่า รอยที่พบนั้นเป็นรอยถูกตัดจากเครื่องมือหิน ไม่ใช่รอยฟันกัดอย่างแน่นอน และยังนำไปเปรียบเทียบกับการค้นพบอันน่าตื่นเต้นเมื่อปี 1978 ที่นักวิทยาศาสตร์ค้นพบรอยทางเดินในแทนซาเนียที่แสดงถึงการเดินตัวตรงเมื่อ 3.6 ล้านปีก่อน ที่น่าจะเป็นของมนุษย์ออสเตรโลพิเธคัส อะฟาเรนซิส เช่นกัน

Reference : http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9530000113781

ภาพ : Zeresenay Alemseged ขณะขุดค้นพบฟอสซิลของแรดชนิดหนึ่งอายุราว 3.4 ล้านปี ที่เคยมีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาและสถานที่เดียวกับบริเวณที่พบหลักฐานการใช้เครื่องมือหินแล่เนื้อสัตว์ของบรรพบุรุษมนุษย์สปีชีส์ Australopithecus afarensis ซึ่งอยู่ในประเทศเอธิโอเปียในปัจจุบัน (ภาพจาก เอเอฟพี)






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

005 จาก BoyDogtag,TTC-005 202.122.130.31 อังคาร, 17/8/2553 เวลา : 16:47  IP : 202.122.130.31   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 99269

คำตอบที่ 57
      

fiogf49gjkf0d
ภาพ : ฟอสซิลกระดูกของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 2 ชิ้น
ที่มีร่องรอยคล้ายเกิดจากเครื่องมือหิน เมื่อราว 3.4 ล้านปีที่แล้ว
( ภาพจาก เอเอฟพี )






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

005 จาก BoyDogtag,TTC-005 202.122.130.31 อังคาร, 17/8/2553 เวลา : 16:51  IP : 202.122.130.31   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 99270

คำตอบที่ 58
      

fiogf49gjkf0d
ภาพ : ร่องรอย 2 รอยขนานกันที่พบบนกระดูกซี่โครงของสัตว์
ขนาดใกล้เคียงกับวัว ที่นักวิจัยระบุว่าเกิดจากเครื่องมือหิน ( ภาพจาก เอเอฟพี )






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

005 จาก BoyDogtag,TTC-005 202.122.130.31 อังคาร, 17/8/2553 เวลา : 16:55  IP : 202.122.130.31   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 99271

คำตอบที่ 59
      

fiogf49gjkf0d
ระวัง ไม้ตียุงไฟฟ้า และวงจร CDI

มาวันนี้จะกล่าวถึงเรื่องอันตรายของวงจร CDI (Capacitor Discharge Ignition) ซึ่งก็คือวงจรที่อาศัยการดิสชาร์จประจุจากคาปาซิเตอร์ เพื่อสร้างแรงดันสูงสำหรับจุดแกส จุดไฟ จุดระเบิดเครื่องยนต์ จุดหลอด HID หรือแม้กระทั่งใช้ทำไม้ตียุงไฟฟ้า !!!

อันนี้ขอเล่าจากประสพการณ์จริง คือ ผมได้ทำวงจรจุดหลอด HID เพื่อใช้ในงาน ก็มีอุปกรณ์คือ R, C, Sidac, Pulse Transformer 1:20 และแหล่งจ่ายไฟ 300V โดยวงจรก็ง่ายนิดเดียว ต่อแหล่งจ่าย ชาร์จ Capacitor (C) ผ่าน Resistor (R) โดยมี Sidac ต่อเป็นตัวสวิทช์เพื่อจ่ายไฟจาก C เข้าไป Pulse Transformer
การทำงานคือ เมื่อแรงดันชาร์จ C สูงถึงแรงดันทำงานของ Sidac ตัว Sidac จะลัดวงจรตัวเอง ทำให้ประจุใน C ที่มีแรงดันประมาณ 230V วิ่งเข้าไปใน Pulse Transformer สร้างแรงดันออกมา 4-5 kV เป็นพัลส์ประมาณ 1us (หนี่งไมโครวินาที - หนึ่งในล้านของวินาที) . สามารถสร้างสปาร์ก หรือประกายไฟกระโดดได้ประมาณ 4-5 มิลลิเมตร ซึ่งวงจรนี้ใช้ C ค่าประมาณ 470nF ซึ่งถือว่าเป็นพลังงานไม่มาก แต่ ออกมาในเวลาสั้นนิดเดียว เรียกว่าเป็น impulse ครับ พลังงานที่ปล่อยออกมาใน 1 สปาร์ก คือประมาณ 15,000วัตต์ (Watt, W) ในเวลาหนึ่งส่วนในหนึ่งล้านส่วนของวินาที

มันอันตรายตรงไหน ? ไฟดูดเหรอ ? ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่ มันคือพลังงานเสียง !!!!!
เสียง แปะๆ ตอนที่ไม้ตียุงไฟฟ้ากระทบตัวยุงนั่นแหละครับ ซึ่งก็เหมือนกับเสียงจากวงจร CDI ทำงานเช่นกัน เป็นเสียงที่เกิดจากการกระโดดของประจุไฟฟ้าในเวลาสั้นๆ ฟังดูไม่ดังนะครับ ไม่น่ากลัวสักกะนิด ปริมาณพลังงานจากวงจรที่ผมทดลองเมื่อเทียบกับวงจรในไม้ตียุงไฟฟ้า ก็เป็นปริมาณพลังงานจำนวนใกล้เคียงกันมากๆ เมื่อดูจากค่าต่างๆ ในวงจรไม้ตียุงไฟฟ้า (ไม้ตียุงของเพื่อนครับ บ้านผมยุงไม่เยอะ เลยไม่ได้ซื้อไว้ใช้)
ไม้ตียุงไฟฟ้า หลักการเหมือน CDI ที่การใช้ Capacitor Discharge แต่ที่ต่างก็คือ ไม้ตียุงไฟฟ้า ไม่มี Pulse Transformer เพื่อแปลงพลังงานที่ discharge จาก C แต่ใช้การ discharge ใส่ตัวยุงโดยตรงเพื่อให้ยุงตาย

กดเครื่องคิดเลขสองสามจึ้ก พบว่า ถ้าพลังงานจำนวนนี้ สูญเสียเป็นเสียงเพียง 1% มันมีพลังงานถึง 150W ทีเดียว !!!

วันที่ผมทำงานนั้น มีการทดลองให้เกิดสปาร์กต่อเนื่องประมาณ 5 ครั้งต่อวินาที เป็นเวลาประมาณ 10 นาที เพื่อทดสอบอุปกรณ์ว่าทนการทำงานนี้ได้หรือไม่ ซึ่งผลคือ C บางยี่ห้อ ขาด เมื่อใช้ไปไม่ถึง 10 วินาที และ C บางยี่ห้อ ก็ทำงานได้โดยไม่มีปัญหา

ทดลองไปทดลองมา หูอื้อครับท่าน รู้สึกไม่ค่อยดี เลยหยุดการทดลองก่อน แต่ไม่ค่อยได้สนใจอาการหูอื้อ คิดว่ามันคงหายไปเอง .... แต่ มันหายไม่สนิทสิครับ ตั้งแต่วันนั้น หูผมไม่สามารถได้ยินเสียงความถี่สูงกว่า 10kHz อีกต่อไป !!! ผมค้นข้อมูลงานวิจัยในอินเตอร์เน็ท พบผลงานวิจัยที่มีการสำรวจเรื่องชนิดของเสียงรบกวนที่เกี่ยวข้องกับการสูญเสียการได้ยิน พบว่า เสียงรบกวนชนิด Impulse ก่อให้เกิดโรคประสาทหูเสื่อมได้มากที่สุด !!!!!!!!!!!!

ณ เวลาที่เขียนบทความนี้ ผ่านมาสี่เดือนแล้ว หลังจากการทดองนั้น หูผมก็ไม่กลับมาดีเหมือนที่เคยเป็น โชคดีอยู่อย่าง ที่โต๊ะทดลองนั้น อยู่ทางซ้ายมือ หูซ้ายรับเคราะห์หนักข้างเดียวครับ ส่วนข้างขวาไม่ปกติซะทีเดียว แต่ก็ถือว่าดีกว่าข้างซ้ายมากๆ หูซ้ายนั้นไม่สามารถได้ยินเสียงจิ่งหรีดเลยแม้แต่น้อย ขณะที่หูขวายังได้ยินอยู่ ส่วนเสียงสนทนา ซึ่งมีค่าที่ประมาณ 300-4000Hz นั้น ยังอยู่ครบ ได้ยินชัดปกติ


สรุปคือ เสียงที่ดังจากวงจร CDI นั้น อันตรายมากๆ ทำให้สูญเสียการได้ยินที่ความถี่สูงอย่างถาวรได้ ใครที่กำลังทำวงจรนี้ แนะนำให้หาโฟมอุดหูมาใช้ครับ จำเป็นมากๆๆ ส่วนคุณๆ ที่ไม่ได้ทำงานด้านนี้ อย่าคิดว่ารอดครับ เพราะวงจรนี้มันอยู่ใน ไม้ตียุงไฟฟ้า ครับ !!! เสียงแป๊ะที่ท่านได้ยินแต่ละครั้ง จะทำลายหูของท่านอย่างช้าๆ ดังนั้นการใช้งานไม้ตียุงไฟฟ้า ต้องระวังมากๆ ควรหาอะไรมาอุดหู อย่างน้อยสำลีอุดหูก็ยังดีครับ และพยายามตีห่างๆ ตัวมากๆ อย่าให้เด็กๆ เอาไม้ตียุงไฟฟ้าไปเล่น เด็กไม่เอาไปตียุงหรอกครับ แต่เขาจะเอาตัวนำมาช็อตให้มีเสียงแปะๆๆๆ เล่น และนั่นคืออันตรายต่อประสาทหูอย่างถาวร ไม่มีทางรักษา !!!!!
เสียงฟังดูไม่รู้สึกว่าดัง รู้สึกไม่น่ากลัว ไม่รุนแรง แต่ อันตรายต่อหูมาก !!





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

thebank44 จาก thebank44TTC121 124.120.51.31 เสาร์, 21/8/2553 เวลา : 20:06  IP : 124.120.51.31   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 99470

คำตอบที่ 60
      

fiogf49gjkf0d
รถสีอะไรครองใจคนทั่วโลก?

การเลือกซื้อรถยนต์สักหนึ่งคันหลายคนอาจจะมีเหตุผลในการตัดสินใจเลือกแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสมรรถนะ รูปทรง แบรนด์ ระบบความปลอดภัย รวมถึงเรื่องของ "สีรถ" เพราะเป็นองค์ประกอบภายนอกที่สามารถดึงดูดความสนใจรองจากดีไซน์ ทำให้บริษัทผู้ผลิตรถต่างให้ความสำคัญในการเลือกสีเพื่อให้ตรงตามความต้องการของผู้ซื้อมากที่สุด

Nancy Lockhart ผู้จัดการฝ่ายการตลาดบริษัท ดูปองท์ ผู้ผลิตสีสำหรับรถยนต์รายใหญ่ในสหรัฐอเมริกากล่าวว่ารถสีเงินยังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องสำหรับรถยนต์ที่มีการผลิตออกสู่ตลาดในช่วงปี 2007-2010 พบว่าสีเงินยังมาแรงเป็นอันดับ 1 ขณะที่สีดำอยู่ในอันดับที่ 2 เริ่มมีความนิยมเพิ่มมากขึ้น

"จากการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลความนิยมทั่วโลก เราสามารถระบุแนวโน้มที่ดีขึ้นและช่วยให้ลูกค้าในอุตสาหกรรมยานยนต์พัฒนาสีสำหรับอนาคตในการเป็นแนวทางการออกแบบอีกด้วย แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดคือสีเงิน สีขาว และสีดำยังคงเป็นสีที่ได้รับความนิยมทั่วทุกภูมิภาคของโลกในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา"






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

005 จาก BoyDogtag,TTC-005 115.87.39.10 เสาร์, 11/9/2553 เวลา : 21:14  IP : 115.87.39.10   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 100132

      

ยังมีคำตอบมากกว่านี้นะครับ คลิ๊กเพื่อดูหน้าถัดไป


คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 2 จาก >>> 1  2  3  4  5  6  7  8  9  



website รองรับการใช้งานทุกระบบปฏิบัติการของ PC Tablet SmartPhone ทุกระบบสามารถโพสข้อความและรูปภาพได้โดยไม่ต้องย่อไฟล์
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ website WeekendHobby.Com สมาชิก เท่านั้น จึงจะตั้งกระทู้ หรือ ตอบกระทู้ได้ครับ
Login Click ที่นี่
สมัครสมาชิก Click ที่นี่



Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วันศุกร์,26 เมษายน 2567 (Online 5853 คน)