คำตอบที่ 1
ไม่ต้องไปร้านป้ายเหลืองหรอกครับ เอาไว้เข้าไปตั้งศูนย์ถ่วงล้อก็พอ ไปอู่ดีๆแถวบ้านดีกว่าจะให้หาของให้หรือซื้อไปให้เปลี่ยนก็ได้เหมือนกัน
1. นมค.+ กรองนมค. (เลือกเกรดเอาเลยครับ ธรรมดาเปลี่ยนทุก 5000 กิโลฯ, กึ่งสังเคราะห์ เปลี่ยนทุก 8000 กิโลฯ หรือ สังเคราะห์ก็เปลี่ยนทุกหมื่นกิโลฯ)
2. กรองอากาศ (เปลี่ยนทุก หมื่นห้า หรือ สองหมื่นโล แต่...ถ้าดำจนเป่าไม่ออกแล้วก็เปลี่ยนเถอะครับ)
3. น้ำมันเกียร์ (เกียร์ปกติ + เกียร์สโลว์) เปลี่ยนทุกสองหมื่นโล
4. น้ำมันเฟืองขับท้าย + ขับหน้า เปลี่ยนทุกสองหมื่นโล (ดูน้ำมันคลัชด้วยนะครับ ถ้าเป็นเกียร์ธรรมดา)
5. อัดจาระบีตามจุดต่างๆ (ดูในคู่มือก็ได้ครับ)
6. จานเบรก + ผ้าเบรก (ถ้ายังหนาอยู่แต่ ถอดมาเช็คแล้วปรากฎว่าเนื้อผ้าเบรกด้านที่สัมผัสกับจานเบรกไม่เรียบมีรอยลักษณะเป็นลูกคลื่นหรือเป็นร่องแผ่นเสียง ก็ให้เขาปาดให้เรียบครับ แล้วก็เช็คจานเบรกด้วยครับว่าเป็นเช่นเดียวกันหรือไม่ ถ้าเป็นและยังเจียรจานได้อยู่ก็เจียรให้เรียบไปเลยครับ) เวลาอยู่บ้านการจะดูว่าจานเบรกเป็นรอยอย่างที่ว่ามาหรือไม่ (โดยไม่ต้องถอดออกมา) มองด้วยตาเปล่าก็เห็นได้ครับ ถ้าจานเบรกเป็นก็สันนิษฐานได้เลยว่าผ้าเบรกก็เป็นเหมือนกัน อ้อ อีกอย่างถ้าจะต้องถอดขนาดนี้แล้วก็ดูลูกปืนล้อไปด้วยนะครับ
เรื่องเบรกนี่สำคัญครับ ขอกล่าวเยอะๆหน่อย เพราะผมมีปสก.ตรง เวลาเราจะดูว่าสมควรเปลี่ยนผ้าเบรกหรือยังนั้นก็ขอให้ดูง่ายๆเลยครับ คือ เปิดฝากระโปรงรถแล้วดูว่า น้ำมันเบรกอยู่ในระดับปรกติหรือไม่ ถ้ามันลดไปเยอะ หรือ พร่องไปเยอะ ก็เอาเข้าเช็คได้เลยครับ เพราะนั่นเป็นสัญญาณว่าผ้าเบรกเริ่มบางแล้ว.... เพราะผ้าเบรกเริ่มบางระบบเบรกก็จะต้องดึงน้ำมันมันไปเยอะเพื่อให้มีแรงกด(มากกว่าปกติ)
ในกรณีที่ว่านี้ผมเคยเจอว่า น้ำมันเบรกพร่องไปเยอะและถี่มาก ทั้งๆที่ผ้าเบรกยังหนาๆอยู่ เช็คไปเช็คมาอยู่หลายครั้ง(แม้แต่ตอนที่เอาไปยกคลัชใหม่ก็เช็คไม่เจอ)ปรากฎว่า น้ำมันเบรกรั่วครับ เช็คแล้วไม่เห็นว่ามันรั่วที่สายน้ำมันเบรกหรือตรงท้ายปั๊มเบรกเลย แต่ดูๆไปมาเจอว่ารั่วตรงคาลิปเปอร์เบรกครับ เพราะ ซีลยางคาลิปเปอร์เบรกมันขาดทำให้น้ำมันเบรกรั่ว แต่...ผมสังเกตไม่เห็นเพราะมันจะรั่วด้านในของล้อ (เรื่องนี่พี่เต่าบินยืนยันได้ครับ เพราะมาจบที่อู่พี่เขา) ก็เลยไม่ปล่อยให้มันลอยนวล (รอนานหน่อยเพราะมันต้องถอดคาลิปเปอร์มาถอดชิ้นส่วนเพื่อใส่ซีลยางใหม่อีกครับ)
7. ถ้าวิ่งมาจะครบแสนโลแล้วก็เช็ค+เปลี่ยนผ้าคลัช หวีคลัช และฟลายวีล (ถ้ายังไม่บางแต่เป็นรอยก็ให้เขาเจียรเอาใช้ของเดิมได้ครับ)
8. ยางซีลต่างๆเช่น ลูกยาง/บูชยาง(ปลายเกียร์, ยางรองแท่นเครื่องแท่นเกียร์ เปลี่ยนไปเลยตอนที่ทำคลัชครับ จะได้เสียค่าแรงทีเดียว ถ้ายังไม่ทำข้อ 7 ก็ไม่ต้องไปยุ่งกะมันก่อน), ยางหุ้มเพลาขับ (มุดเข้าไปดูได้ครับ ถ้าฉีกขาดแล้วก็เปลี่ยนครับอย่าปล่อยไว้ เดี๋ยวฝุ่นทรายมันจะเข้าไป) อ้อ อีกอย่างนึง ถ้าสังเกตว่ารถสั่นสะท้านมากเวลาเครื่องยนต์ทำงานแม้จะในรอบนิ่ง ก็ลองเช็คยางถ่วงเกียร์ด้วยครับ มันจะอยู่ใต้ท้องรถ แถวๆใต้ห้องเกียร์นั่นแหละ (มีหลายท่านมาตั้งกระทู้ถามเหมือนกันครับ เจอแล้วจะโพสท์ลิ้งค์ให้)
ทำทั้งหมดที่กล่าวมา รวมค่าแรงช่างก็น่าจะไต่หมื่น ขึ้นอยู่กับของที่ใช้ด้วยครับ
ความจริงแล้ว ที่กล่าวมาทั้งหมดก็ไม่ใช่การปรับปรุงอะไรหรอกครับ เป็นการบำรุงรักษา (Maintenance) ตามปรกติมากกว่า แน่นอนว่ารายการที่ว่ามาจะดูเยอะ เพราะรถยนต์ที่มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อก็ย่อมต้องมีอะไรเพิ่มเติมขึ้นมามากกว่ารถปกติทั่วไปอยู่แล้วครับ
แก้ไขเมื่อ : 13/5/2554 9:16:23
แก้ไขเมื่อ : 13/5/2554 9:35:53
แก้ไขเมื่อ : 13/5/2554 9:48:15
แก้ไขเมื่อ : 13/5/2554 9:52:49