คำตอบที่ 1
       เครื่อง 5L นี่ถือว่าทนอึดสุดๆแล้วนะครับ ตอบตรงๆตามความรู้ที่พอจะมีนะครับ ราคาของบางชิ้นโดนชาร์ตไปพอสมควรนะครับ และของบางตัวก็ไม่เกียวกับการซ่อมเครื่อง ( ถ้าซ่อมเครื่องอย่างเดียว ยกเว้นรื้อไปแล้วเจอพวกของเสื่อมสภาพ ) แต่ถ้าซ่อมมาแล้วใช้ได้ดี และประหยัดน้ำมันเหมือนรถใหม่ ( เล่นทำซะยิ่งกว่าโอเวอร์ฮอลเครื่องสะอีก ) ก็ใช้ได้ครับ แต่ถ้าเป็นผมนะ จะเครื่อง KD มาลง ครับ เพิ่มอีกนิดเดียว เทคโนโลยีใหม่แรงประหยัดกว่าเยอะครับ

แต่ทำมาแล้วก็อย่าคิดมากนะครับ ใช้ให้คุ้มค่าเงินที่เสียไปก็คุ้มแล้วครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2
       เห็นด้วยกับคุณ capmoo ราคานี้วาง kd ดีกว่าครับสดกว่า แต่คิดด้านดี ก็ได้เครื่องฟิตมาใหม่ใช้กันอีกยาวไปเลยครับผมก็ใช้อยู่ 5l ผมว่ามันก็โคตรทนนะถ้าเดิมๆไม่ไปเพิ่มเติมอะไร ไม่จุกจิกดี ไปเรื่อยๆไม่เน้นแรงมาก

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 3
       ขอบคุณทุกคำตอบครับ

จขกท.

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 4
       ถ้าขับได้เครื่องเดินดี ก้อได้เครื่องใหม่ครับ ช่างสมัยนี้เจอดีก้อดี เจอเจอช่างในคราบปลอบน่าเบื่อครับผมเองเคยเจอ พวกช่างหิวเงินเหมือนพี่หัวอกเดียวกันสู้ๆครับ

ร้านเป็นร้านใหญ่ครับ แต่ทำแล้วก็จบนะ แต่ก็ราคาแรงแบบที่ท่าน คคห.1 บอกอ่ะครับ จาก : shorttoeh(shorttoeh) 24/5/2559 19:59:49 [49.49.134.140]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 5
       ตอนนี้ตั้งแต่ทำเครื่องมา วิ่งมาแล้ว 11000 กม. ไม่มีปัญหาครับ แรงดีกว่าเดิมเยอะครับ

 แก้ไขเมื่อ : 24/5/2559 20:36:41

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 6
       ล่าสุดตอนนี้ตั้งแต่ทำเครื่องมาวิ่งมาได้ 21000 กม. แล้ว แต่วันศุกร์ที่ผ่านมาได้ขึ้นเหนือพอรถวิ่งผ่านช่วงนครสวรรค์-กำแพงเพชร ถนนขาขึ้นช่วงนี้ไม่ค่อยจะดีเป็นช่วงๆ

ปรกติเป็นคนที่ขับรถจะคอยมองกระจกหลังบ้าง วันนั้นอยู่ดีๆ รถมันก็มีควันดำๆ ขึ้นที่บริเวณท้ายรถ ตอนแรกผมก็ยังไม่สนใจตอนนั้นวิ่งอยู่ประมาณ 110-120 พอมาถึงตากมันก็มีให้เห็นเป็นพักๆ เลยชะลอรถขับเหลือแค่ 70-80 จนไปถึงเถิน จอดปั้มน้ำมัน ลงมาดูท้ายรถมีแต่ละอองน้ำมันเครื่องกระจาย ท้องรถมีแต่คราบน้ำมันเครื่อง แต่ความร้อน ทุกอย่างยังปรกติ รถวิ่งก็ไม่มีเสียงผิดปรกติอะไร ก็ค่อยๆขับไปถึงลำปาง ตอนนั้นไปถึงเถินก็เย็นๆแล้ว

พอเช้ามาก็ก้มดูใต้ท้องรถ เช็คระดับน้ำมันเครื่อง ปรากฏว่าไม่มี

ก็ลองใช้กูเกิ้ลหาข้อมูลดูว่าเกิดอะไรกันแน่ สรุปคือ 1.ประเก็นหรือซีลหม้อพักน้ำมันเครื่อง 2.ซีลหน้าเครื่อง

ก็ลองหาราคาอะไหล่ดู พอดีผมรีบกลับ กทม. ก็ค่อยๆขับ 70-80 จอดพักทุก 100 กม. คอยมองเข็มความร้อน ดูความผิดปรกติของรถตลอด ปรกติออก 9 โมง จะมาถึง กทม. ประมาณ 4 โมงเย็นถ้าพักแค่ 2-3 ที่ แต่วันนั้นกว่าจะถึงบ้านก็ราวๆ 2 ทุ่ม

วันอาทิตย์ก็พารถไปอู่แถวๆบ้าน ช่างพึ่งว่างทำให้วันนี้ สรุป เป็นที่ซีลหน้าเครื่อง 2 จุด ผมก็คุยกับช่างอู่นี้ว่าพึ่งไปทำเครื่องมา เอาบิลให้เค้าดู เค้าก็ตกใจ ในกระทู้ผมไม่ได้บอกว่า ลูกสูบ ปั้มน้ำ หลายๆตัว มันเป็นเหมือนอะไหล่มือสองคือมันเขียนด้านหลังว่า % ซึ่งมันตั้งราคาบางตัวแพงยิ่งกว่ามือหนึ่งซะอีก ผมก็งงตอนนั้นรื้อเครื่องออกมาทำครั้งใหม่ซีลไม่กี่ร้อยทำไมไม่เปลี่ยนให้ ช่างที่อู่นี้บอกว่าจริงๆซีลชุดนี้จะมาเป็นชุดกับที่ใช้ทำเครื่องนั่นแหละ ก็คิดว่ามันคงเอาของใหม่ผมไปใส่รถคันอื่น อู่นี้ผมคงไม่ไปเหยียบมันอีกแน่ๆ ต้องให้ผมมาเสียเวลา เสียค่าแรงมาทำใหม่อีกทั้งๆที่มันควรจะจบตั้งแต่ตอนนั้น ทำก็ไม่ใช่ถูกๆ ตอนก่อนทำก็บอกว่าจะทำจะเปลี่ยนอะไรให้โทรบอก ที่ไหนได้ ไม่บอกเลย โทรมาอีกทีตอนเสร็จ บอกราคา ช๊อคสิครับ ตอนแรกๆเตรียมไว้ไม่เกิน 4-50000 ราคาขนาดนี้ซื้อเครื่องอื่นลงได้เลย ผมเองก็ต้องใช้รถไม่อยากเรื่องมากก็ยอมจ่ายๆมันไป แต่ไม่คิดว่ามันจะงกกะอีแค่ซีลราคาแค่นี้กับผม คิดก็แพงมาก ทำไมไม่ทำให้จบๆแต่แรก หลงัจากนั้นมีไปร้านมันนิดๆหน่อยๆ สัมผัสถึงความเขี้ยวลากดินของมัน แต่ไม่คิดว่ามันจะเล่นผมอีก เหอๆ ผมหมดค่าทำหลังสุด ค่าซีล 2 อัน น้ำมันเครื่องใหม่ กรองน้ำมันเครื่อง ค่าแรง 2400 ครับ น้ำมันเครื่องถ่ายมารวมของใหม่ใส่ไปอีกครึ่งลิตร น่าจะเหลือราวๆ 2 ลิตร ดีที่รถไม่เป็นอะไร กลัวเหมือนกันครับ เดี๋ยวอีกสักพัก ผมคงจะเปลี่ยนสายพานไทม์มิ่ง แล้วจะชิงเปลี่ยนปั้มพ์น้ำของแท้ไปเลย ผมกลัวปั้มพ์ % มันจะเล่นผม ผมขี้เกียจเสียเวลาอีก เพราะผมวิ่งไกลบ่อยครั้งหนึ่งก็ 600-1500 กม. เสียทีก็ไม่ต้องไปไหนแล้ว เจอแบบนี้เซ็ง

อู่นี้อยู่ถนนเอกชัยขาวิ่งจากพระราม 2 เข้ามหาชัย จะอยู่ขวามือตรงข้ามห้างค้าส่งป้ายสีแดง จะมีร้านขายอะไหล่อยู่แถวๆนั้น ถ้าใครไม่อยากโดนอย่างผมก็อย่าไปใช้บริการร้านนี้นะครับ อู่บ้านๆ ไม่ได้ดูใหญ่โต บางทีช่างฝีมือดีกว่า จริงใจกว่าซะอีก ถือว่าเป็นการเรียนรู้แล้วกันครับ เฮ้อ...

 แก้ไขเมื่อ : 7/11/2559 21:01:19

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 7
       ล่าสุด 555

วันนี้เจออีกรายการครับ กับอู่ๆนั้น

พอดีราวๆ 1 สัปดาห์ก่อน ผมไปสวนผึ้ง เลยกะเอารถไปลองเขากระโจมสักหน่อย ขึ้นไปถึงตรงหน้าทางขึ้นตรงที่ทางพังเยอะๆ ผมก็เข้าเกียร์ขับ 4 ปรากฏว่าไฟขับ 4 ไม่ขึ้น ผมก็เลยต้องกลับรถตรงข้างๆนั่น ไม่กล้าเสี่ยงไปต่อ กลัวงานเข้า กลับมาจัดการเช็คฟรีล๊อค เอาออกมาล้าง ใส่จาระบีใหม่ ลองเช็คระบบขับ 4 ไม่ว่า h l ไฟก็ไม่ขึ้น เช็คปลั๊กเสียบที่เกียร์ก็เหมือนเสียไว้ไม่แน่ ผมก็เสียบให้แน่นซะ

วันนี้ลองอีกที ก็ไม่ขึ้น เลยเอาไปให้อู่ใกล้ๆบ้านดู 555 ไอ้ช่างอู่นั้นมันลืมใส่สาย vacumm ให้ครบครับ ผมก็ว่าปรกติถ้าขับ 4 มันติด มันจะต้องพวงมาลัยหนัก วงเลี้ยวแคบ คือผมไปลองใส่ 4L ที่เกียร์ 1 มันก็ยัง walking speed นะ แต่ไฟไม่ขึ้น พอพี่เค้าใส่สายปุ๊บ ไฟขึ้นปั๊บ เค้าเอาตะเข้มายกให้ล้อลอยจากพื้น ดูเพลาหน้ามันขับแล้ว เสร็จผมก็เลยเอาไปลองแอ่งดินหนังหมูใกล้ๆหมู่บ้าน รถตู ขับ 4 ได้เหมือนเดิมแล้ววววว

ไอ้ช่างอู่นี้ มันทำมันชุ่ยจริงๆ ผมสาบส่งอู่มันเลย มิรถจอดหน้าอู่มันหลายคัน ผ่านเมื่อไหร่ก็จอดไว้แบบนั้น ไม่ได้เอาเข้าไปเก็บนะ จอดบนถนนบ้าง ฟุตบาทบ้าง เอาที่สาธารณะจอดเลย 555 สงสัยคงไม่มีเงินมาจ่ายค่าซ่อมมั้ง ฟันทีหัวแบะ ค่าซ่อมพอๆกับค่ารถล่ะมั้ง เอาเงินค่าซ่อมไปดาวน์รถใหม่ ดีกว่า... เขี้ยวลากดินนนนนนน

 แก้ไขเมื่อ : 20/11/2559 22:47:40

 แก้ไขเมื่อ : 20/11/2559 22:48:24

แสดงความคิดเห็นย่อย