คำตอบที่ 1
       คุณมือใหม่ครับ แล้วแต่ตัวเองด้วยนะ ผมเคยลองเที่ยวแบบโหดๆมาเหมือนกันแต่ทนค่าซ่อมบำรุงไม่ไหวครับ เลยต้องปรับตัวเองมาเที่ยวแบบเบาๆบ้างจนถึงปานกลางครับ ถ้าโหดก็เกาะเค้าไปครับ บางคนชอบครับยังไงก็จะไปอันนี้อีกประเด็น ถ้าชอบอะไรก็ไม่หวั่นครับ มันก็สนุกไปอีกแบบ ผมเคยเที่ยวน้ำตกจ๊อดกะดิ่ง ขาเข้าไม่เท่าไหร่ คืนก่อนกลับฝนตกพร่ำๆทั้งคืน เราตื่นแต่เช้าเพื่อออกเดินทาง วันนั้นทั้งฉุดทั้งลากกัน พ้นออกมาได้ประมาณ 1 ทุ่มกว่าครับ ระยะทางไม่เท่าไหร่ครับ จำไม่ได้
ผมก็ว่ามันสนุกดีครับ แล้วแต่ชอบนะ
เรื่องการเลือกรถลองดูกระทู้เครื่องเสียงนะ
รถแข่งทำกันหมดไปหลายตังค์ เพื่อนคนนึงก็ชอบแข่ง ตอนนี้เป็นนักแข่งอาชีพไปแล้ว มีพรสวรรค์จริงๆครับ ดูลายเก่ง ผมเองไม่ได้ครึ่งเค้าเลย

คำตอบที่ 2
       เสน่ห์การเที่ยวแบบนี้ น่าอยู่ที่พวกเราได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันในการเดินทางทริปนั้นๆ อีกอย่างก็คือความเป็นธรรมชาติทีเราได้พบครับ สำหรับผมคงมีเท่านี้ครับ
"ความมีน้ำใจต่อกัน ช่วยเหลือกันคนละไม้คนละมือ" เป็นเสน่ห์ของออฟโรด (ความรู้สึกส่วนตัวนะครับ)

คำตอบที่ 3
       รถที่เข้าแข่งขันกีฬาออฟโรดส่วนมากจะมีสปอน์เซอร์ครับเลยแต่งกันได้สุดๆ..ถ้ามีไว้สำหรับท่องเที่ยวแบบเบาๆถึงปานกลางเหมือนพี่ตัวต่อผมว่าก็OKนะครับไม่ต้องมานั่งปวดหัวเวลาจ่ายค่าซ่อมรถ..ผมก็คิดแบบเดียวกับพี่ตัวต่อครับ"ช่วยเหลือกันและกันสามัคคีรวมพลัง"สนุกดีครับ

คำตอบที่ 4
       ผมออกทริปครั้งแรกเมื่อตอนงาน OffRoad Caravan ครั้งที่ 1 ครับจาก กทม.ไป ห้วยแม่ขมิ้นครับ คืนแรกนอนในเมืองมีการสาธิตอบรมการขับออฟโรดเบื้องต้นครับ รู้สึกตื่นตาตื่นใจมาก มีคนเข้าร่วมขบวนมากมายครับ
แต่มาประทับใจวันที่สองตอนเดินทางเข้าห้วยแม่ขมิ้นแล้วออกไปทางพระพุทธรูปขาว
ช่วงนั้นฝนตกจึงแบ่งกลุ่มเป็นสองกลุ่ม เส้นทางง่ายกับเส้นทางลุย รถผมตอนนั้นเป็นโรดิโอครับ ไม่มีวินซ์ เจ้าหน้าที่ให้ไปทางง่าย ส่วนพี่อีกคนใช้เกียให้ไปเส้นยาก(ด้านหลังน้ำตก แต่ก่อนมาป้าขายไก่) ผมติดต่อกับพี่อยู่ตลอดเพราะเราเป็น VR ด้วยกัน ได้รับแจ้งมาว่า เส้นทางยากรถติดกันหลายคัน ผมเลยรอตรงแยกแล้วสมทบกับอีกหลายคันเข้าไปช่วยกัน สนุกมากครับ จนมืดค่ำยังไม่ทะลุถนนดำเลย ผมจำไม่ได้ว่าถึงถนนดำเมื่อไหร่ แล้วก็วิ่งย้อนมานอนที่ปราสาทเมืองสิงห์ เกือบเทที่ยงคืนมั๊งครับ เป็นที่มาของกลุ่มออฟโรดกลุ่มหนึ่งที่มีความผูกพัน ช่วยเหลือกันออกมาเมื่อครั้งนั้น
เป็นความประทับใจครั้งแรกของการใช้รถประเภทนี้และท่องเที่ยวแบบนี้ครับ
ผมจึงมองว่าเสน่ห์ของออฟโรดน่าจะอยู่ตรงนี้มากกว่าการเอาชนะกันหรือโชว์ออฟว่าตัวเองเก่งกว่าคนอื่นครับ
(ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ถ้าไม่ตรงความคิดท่านใดก็ขอพระอภัยมณีมา ณ ที่นี้ครับ)