จาก Fishing Man 210.86.141.8
อังคารที่ , 5/10/2547
เวลา : 19:48
อ่านแล้ว = 4274 ครั้ง
เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน
|
เอามาให้อ่านกันครับ เพื่อนๆ ที่รอรถนาน เหมือนผมจะได้ใจชื้นขึ้นมาบ้าง ทุกวันนี้ตั้งหน้าตั้งตารอ งานการก็ทำไม่เป็นสุขรอเมื่อไหรเซลจะโทรมาหา........
ข้อมูล ผู้จัดการออนไลน์ 4 ตุลาคม 2547 11:02 น.
หลังจากแนะนำรถกระบะ ไฮลักซ์ วีโก้ ใหม่ใน โครงการIMV (Innovative -International Multi- Purpose Vehicle) ที่ลงทุนกว่า 3.3 หมื่นล้านบาทซึ่งเป็นโครงการที่บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น จะใช้ไทยเป็นฐานการผลิตรถกระบะเพื่อการส่งออกไปยัง 140 ประเทศทั่วโลก ซึ่งโตโยต้า เปิดตัวไปเมื่อ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา พร้อมกับยอดจองกว่า 45,000 คัน ทางโตโยต้าจึงได้ทำการเปิดโรงงานการผลิต วีโก้เป็นครั้งแรก ให้สื่อมวลชนหลายแขนงร่วม 100 ชีวิต รวมถึง ผู้จัดการ มอเตอร์ริ่ง ไปสัมผัสแบบเต็มๆตาไปเมื่อวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา ณ โรงงานโตโยต้าสำโรง
ปัจจุบันนี้ทางโตโยต้ามีโรงงานการผลิตในประเทศไทยจำนวน 2 โรงงานคือโรงงานโตโยต้าสำโรงและโรงงานโตโยต้าเกตเวย์ ซึ่งโรงงานสำโรงนั้นจะผลิตแต่ไฮลักษ์ วีโก้ เพียงรุ่นเดียวเท่านั้น ส่วนโรงงานเกตเวย์จะผลิตรุ่นคัมรี่ , โคโรล่า อัลติส และโซลูน่า วีออส ขณะนี้กำลังการผลิตที่โรงงานทั้งสองแห่งอยู่ที่ 240,000 คันต่อปี สำหรับโรงงานการผลิตสำโรงนี้ได้แบ่งออกเป็น 4 โรงงานย่อยได้แก่
โรงงานปั๊มชิ้นส่วนตัวถัง ใช้หุ่นยนต์ขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นระบบอัติโนมัติ โดยใช้เวลาในการผลิตชิ้นส่วนต่อรอบเพียง 6.0 วินาที ตั้งแต่การป้อนแผ่นเหล็กจนถึงการจัดเก็บชิ้นส่วนที่ทำสำเร็จแล้ว
โรงงานเชื่อมตัวถัง เป็นส่วนที่ใช้หุ่นยนต์ทำหน้าที่เชื่อมชิ้นส่วนตัวถัง เผื่อความรวดเร็ว แม่นยำและยังเป็นสายงานผลิตที่มีความยืดหยุ่นสูง สามารถรองรับการผลิตรถยนต์ได้หลายรุ่น
โรงงานพ่นสี เป็นห้องพ่นสีระบบปิดที่มีระบบควบคุมทั้งอุณหภูมิความชื้น และป้องกันฝุ่นละออง พร้อมติดตั้งเครื่องพ่นสีแบบอัติโนมัติ (Mini-Bell) ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ที่ทันสมัย และระบบชุบสีด้วยประจุไฟฟ้า ซึ่งมีประสิทธิภาพในการป้องกันสนิมตัวถังรถ
โรงงานผลิตชิ้นส่วนพลาสติก ใช้เครื่องฉีดขึ้นรูปชิ้นส่วนพลาสติกที่นับว่าใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สามารถผลิตชิ้นส่วนที่มีขนาดใหญ่ เช่น แผงหน้าปัด , กันชน และชิ้นส่วนอื่นๆภายในห้องโดยสาร
สำหรับโรงงานสำโรง สามารถผลิตได้ด้วยประสิทธิภาพ 1.6 นาที/คัน คิดเป็น 530คัน/วัน ในปัจจุบัน ทั้งนี้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2548 เป็นต้นไป ทางโรงงานจะเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตให้ได้วันละ 700 คัน คิดเป็น 1.1 นาที/คัน ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา และยอดการผลิตวีโก้ภายใน 3 เดือนที่ผ่านก็ถือว่าสูงพอสมควรนั่นก็คือเดือนสิงหาคมอยู่ที่ 3,800 คัน เดือนกันยายนอยู่ที่ประมาณ 14,000 คัน และคาดว่าภายในเดือนตุลาคมจะสามารถผลิตได้ 16,000 คัน เผื่อให้จัดส่งตามยอดจองที่ล้นหลาม
นอกจากนี้ ทางโตโยต้ายังมีแผนการเพิ่มจำนวนหุ่นยนต์ (Robot) สำหรับการผลิตจากเดิม 16 เครื่อง เพิ่มเป็น 54 เครื่อง และในปีหน้ามีแผนจะเพิ่มอีก 16 เครื่อง สำหรับโรงงานสำโรงซึ่งเป็นโรงงานหลักในการผลิตรถกระบะไฮลักซ์ วีโก้ ยังจะมีการเพิ่มจำนวนพนักงานในปีหน้าอีก 700 คน เพื่อรองรับการผลิตจากเดิมที่มีอยู่ 3,500 คน โดยจะเริ่มรับในเดือน ธ.ค.นี้ เพื่อให้ทันการผลิตที่จะเริ่มขึ้นประมาณเดือน ก.พ.ปีหน้า
ทางด้านนายเรียวอิจิ ซาซากิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า โตโยต้าได้เพิ่มกำลังการผลิตเพื่อให้สามารถรองรับกับการส่งออกและการจำหน่ายรถกระบะโตโยต้าไฮลักซ์ วีโก้ ในประเทศไทย จากเดิมที่เคยผลิตเพียงปีละ 2 แสนคัน เพิ่มเป็น 2.8 แสนคัน ซึ่งแบ่งเป็นสัดส่วนการส่งออก 50% และขายในประเทศ 50%
ส่วนนายไพบูลย์ ไวความดี รองผู้จัดการใหญ่ สายการตลาด บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า กลางเดือนต.ค.และต่อเนื่องไป 6 เดือน โตโยต้าได้ร่วมมือกับห้างค้าปลีกเทสโก้ โลตัส ในการจัดกิจกรรมทดสอบการขับรถกระบะวีโก้ในเขตกรุงเทพมหานคร 5 มุมเมือง ตามสาขาของเทสโก้ โลตัส เพื่อเป็นการกระตุ้นตลาด และประชาสัมพันธ์เสริมสร้างภาพลักษณ์ให้กับรถยนต์รุ่นใหม่ของบริษัท
ส่วนสถานการณ์ตลาดโดยรวมในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ โตโยต้า จะมียอดขาย รถทุกประเภท ราว 2.3 แสนคัน คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 37-38% โดย 55% มาจากยอดขายของรถกระบะ ส่วนในปีหน้าโตโยต้าตั้งเป้าการเติบโต 10% จากยอดขายในปีนี้
งานนี้คงต้องรอดูกันต่อไปว่าการเร่งสายพานผลิต ไฮลักษ์ วีโก้ เป็น 1.1 นาที/คัน กับยอดปีหน้า 2.8 แสนคันนั้นจะเป็นกลยุทธ์ที่ทางโตโยต้าทำได้เข้าทางหรือไม่ เพราะอีกไม่กี่วันนี้เจ้าตลาดปิกอัพอย่าง อีซูซุ จะโดดออกมาป้องกันแชมป์ของตนเองอย่างเต็มที่ โดยในวันที่ 6 ต.ค.นี้ ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติ ไบเทค บางนา อีซูซุจะเปิดตัวปิกอัพ "ดีแมคซ์" เครื่องยนต์ใหม่แบบ รหัส I-TEQ 3000 Ddi สู่ตลาด โดยอีซูซุอ้างว่าเป็นเครื่องยนต์ "ซูเปอร์คอมมอนเรล สายพันธุ์แท้" ซึ่งจะว่าไปแล้วถือเป็นการเกทับโตโยต้าก็ได้ว่า
|