WeekendHobby.com
เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


สรุปว่า D4D 3000 sport cruiser ต้องเสียภาษีปีหน้า หมื่นกลางๆ ในปีหน้าไม่ว่ารถเก่า ใหม่ หรือครับ

จาก D4D
203.144.187.62
ศุกร์ที่ , 9/7/2547
เวลา : 14:34

อ่านแล้ว = 10680 ครั้ง
 เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งตรวจสอบกระทู้
 แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน ส่งหาเพื่อน

       เหมือนหัวข้อครับ ตอนนี้สับสนมาก


คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 2 จาก >>> 1  2  3  

คำตอบที่ 31
       เห็นด้วยครับ มันแพงเกินไปครับ ทีค่าแรงปรับน้อยจังแล้วจะกินอะไรกันครับ



manansk จาก manansk toc 482 203.188.20.153 เสาร์, 13/8/2548 เวลา : 14:39   


คำตอบที่ 32
       จากคคห.ที่ 17
ของผมเป็นรายการที่ 3 เสียภาษีโภคภัณฑ์อย่างถูกต้อง ปีหน้าต้องเสียภาษีป้ายเท่าไร รอคำตอบอยู่ครับ ส่วนปีที่ผ่านมารับโอนและจดทะเบียนเป็นรถเก๋ง 2,300 บาท
ถ้าเสียภาษีแพงขึ้นกว่าเดิมมากก็เก็บไว้ใช้ในไร่ ไม่คิดจะต่อทะเบียนหรือแจ้งเปลี่ยนเครื่องเป็นเครื่องยนต์ คูโบต้า ยันม่า สูบเดียวทำเป็นรถคุณแต๋นแล้วจึงไปต่อทะเบียน

จาก ระทมกับนโยบาย 203.150.193.59 พุธ, 14/7/2547 เวลา : 08:46   


คำตอบที่ 33
       กระบะสี่ประตู คนมีกะตังค์หรือรัฐมนตรีคนไหนใช้บ้างละ.. ดังนั้นจึงเห็นควรขึ้นภาษีนะถูกต้องแล้วคร้าบบบบบ


จาก ผ่านมา 203.152.13.122 พฤหัสบดี, 15/7/2547 เวลา : 14:05   


คำตอบที่ 34
       เอ เท่าที่อ่านดู ส่วนใหญ่มองมุมเดียวเข้าข้างตัวเองตลอดเลยครับ
ในอดีต รถกระบะแทบทุกยี่ห้อ ก็จะมีเครื่องเบนซิล เป็นตัวเลือกเหมือนกัน แต่ขายไม่ได้เพราะไม่มีใครซื้อ จึงต้องเลิกการผลิตไป เหลือแต่ ดีเซล แล้วทุกคน(ผมด้วย)ก็อยากได้เครื่องแรงๆเหมือนเบนซินกัน สำหรับดีเซลมีทางเดียวก็คือเพิ่มขนาดซีซี(จริงๆแล้วซีซีน้อย ก็ทำให้ดีได้ แต่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไม่ยอมทำเพราะลงทุนสูงและยังหลอกขายคนไทยได้อยู่) สุดท้ายใส่เทอร์โบ ก็จะสูสีกับเครื่องเบนซิน แล้วก็จากรถกระบะธรรมดาสำหรับขนของทำมาหากิน ซึ่งเก็บภาษีน้อยให้ประโยชน์สำหรับคนทำมาหากิน ก็กลายเป็นแบบมีแคป รัฐบาลก็อนุโลมให้ไม่เก็บภาษีเพิ่ม แล้วก็ตามด้วยสี่ประตู ซึ่งผิดวัตถุประสงค์ของรถทำมาหากิน จึงต้องเสียภาษีเยอะ(4 ประตู + ซีซีเยอะ)
ซึ่งถึงทุกวันนี้ทุกคนก็ได้ทำการยกระดับรถกระบะธรรมดาให้เทียบเท่ารถเก๋งแล้ว ซึ่งแต่ก่อนขับกระบะมีแต่คนหาว่าเป็นรถขนของ รถกรรมกร ต้องขับรถเก๋งคนถึงจะนับถือ
แต่ปัจจุบันนี้ รถกระบะเปลี๊ยนไป๋ กลายเป็นรถหรู ขับได้ไม่อายรถเก๋ง มันเปลี๊ยนไป๋เป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไป๋แล้ว
ดังนั้นมันก็ควรจะเสียภาษีแบบรถเก๋งใช่ไหมครับ
แล้วก็รัฐบาลเขาอุ้มราคา ดีเซล มากกว่าเบนซิน นะครับ
เบนซิลขึ้น 2 ครั้งแล้ว ต่อไปอาจจะลอยตัว แต่ดีเซล ยังคงที่อยู่เลย
สุดท้าย ถ้าทุกคนซื้อรถซีซีสูงๆ น้อยลง บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ ก็จะอยู่ไม่ได้ ก็ต้องพัฒนาเครื่องยนต์ที่ซ๊ซ๊น้อยแต่ประสิทธฺภาพสูงๆ มาแทนที่ ดังนั้นผลประโยชน์ก็จะตกอยู่ที่ผู้บริโภคในระยะยาวครับ คิดให้ไกลๆครับ

จาก ผ่านมาเฉยๆ 202.32.178.36 พุธ, 14/7/2547 เวลา : 09:23   


คำตอบที่ 35
       เอางี้ไหมครับ.เราน่าจะหานิยามคำว่ารถยนต์ฟุ่มเฟือยกับรถยนต์ใช้งานในชีวิตประจำวัน.ให้ได้ก่อนแล้วแจ้งให้ทางรัฐบาลทราบ..บางทีรัฐมนตรีของพวกเราบางคนอาจจะไม่ทราบว่ารถกระบะ 4 ประตูที่ผลิตในประเทศจะโดนหางเลขไปกับนโยบายของท่านครั้งนี้ เหมือนกับกรณีนโยบายปิดสถานที่บริการกลางคืนที่ให้รัฐมนตรีท่านหนึ่งไปศึกษานานหลายเดือนเถียงกันแทบตายว่าจะปิดเวลาไหนดี.แต่สุดท้ายเป้าหมายจริงๆ ไม่ได้อยู่ที่เวลาปิด เปิด แต่อยู่ที่จะทำอย่างไรไม่ให้เด็กไปเที่ยวสถานที่บริการต่างหาก บ้านเราเป็นอย่างนี้หล่ะครับ เราต้องช่วยกัน

ปุยหมอก จาก ปุยหมอก พุธ, 14/7/2547 เวลา : 15:56   


คำตอบที่ 36
       ลองดูที่นี่ครับ

http://www.weekendhobby.com/offroad/strada/Question.asp?ID=2087

กรมการขนส่งทางบกกำลังเตรียมปรับอัตราภาษีป้ายทะเบียนรถยนต์ประจำปี

1500 SOLUNA = 4100
1600 COROLLA = 4500
1800 ALTIS = 5300
2000 CORONA = 6300
2400 CAMRY = 9100
3000 RAIDER/CRUISER = 14500

อีกไม่นาน พวกกระบะ 4 ประตู เจอภาษี เป็นหมื่นแล้วครับ เมื่อเช้านี้ขับรถมาทำงาน ฟังข่าว แว่วๆว่า การจัดเก็บภาษีจะเสนอเข้า ครม. เร็วๆ นี้แล้ว copy มาจาก fordclub อีกที ปรับเก็บภาษีรถยนต์รายปี...ใหม่อัตราเพิ่ม 2 เท่า้ ผมได้ข่าวจากกรมการขนส่งทากบก (MOTC news) มาบอกเพื่อนๆ

>อีกแล้วครับ มาคราวนี้รัฐเอา จริง จะปรับปรุงอัตราค่าภาษีป้ายทะเบียนรถยนต์ประจำปีทุกชนิด รวมรถบรรทุกด้วยโดยหยิบยกเอาสาระ มาเขียนให้อ่านกันที่เป็น Highlight สำคัญๆ มาได้ดังนี้

ในขณะนี้กระทรวงการคลังร่วมกับกรมการขนส่งทางบก กำลังเตรียมปรับอัตราภาษีป้ายทะเบียนรถยนต์ประจำปี ซึ่งเป็นการปรับภายใต้ พ.ร.บ.รถยนต์และพ.ร.บ.ขนส่งทางบก พ.ศ. 2522โดยจะปรับอัตราภาษีเพิ่มขึ้นประมาณ 2 เท่าจากปัจจุบัน คราวนี้ล่ะรถใครรถมันคิดกันเอาเอง ใครเครื่องแรงแซงโลด...ต้องมาเจ็บปวดกับการรับภาระนี้ แต่เอ๊!!!!!

ถ้ามีตังค์ซื้อรถได้...ก็น่าจะจ่ายค่าภาษีได้ด้วยมั๊ง ภาษีป้ายรถยนต์ใหม่ที่จะประกาศใช้เร็วๆ นี้จะเก็บตาม ขนาดความจุกระบอกสูบรถยนต์ ที่คิดเป็นลูกบาศก์เซ็นติเมตรหรือ ซีซี. สำหรับรถยนต์นั่งไม่เกิน 7 ที่นั่ง.......แต่มี Highlight สุดๆยิ่งกว่า นั้นคือ จะมีหลักเกณฑ์เก็บใหม่ คือจะเก็บภาษีตามมูลค่ารถยนต์สำหรับรถยนต์นั่งไม่เกิน 7 ที่นั่ง ที่มีราคา ขายตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไป ทำให้รถยนต์ราคาสูงๆ จะถูกเก็บภาษี 2 ต่อ คือเก็บภาษีทั้งตามขนาดจซีซี.ของเครื่องยนต์ และตามมูลค่ารถ ประเด็นที่สองอาจปรับภาษีป้ายรถยนต์เกิน 7 ที่นั่งซึ่งปัจจุบันเก็บตามน้ำหนักอีกด้วยมาดูการสร้างโครงร่างภาษีใหม่ มีดังนี้



OLD ของเดิม(ปัจจุบัน) รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่งเก็บภาษีโดย

* 1 ถึง 600 ซีซี.แรก เก็บ 50 สตางค์ต่อซีซี.
* 601 ถึง 1,800 ซี.ซี.เก็บ 1.50 บาท ต่อซีซี. * 1,801 ซีซี.ขึ้นไป เก็บ 4 บาทต่อซีซี.

นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 เก็บภาษีโดย

1. การปรับภาษีป้ายกรณีรถยนต์นั่งไม่เกิน 7 ที่นั่ง (รถเก๋ง)

>ปรับเพิ่มภาษีตามขนาดความจุก ระบอกสูบคิดเป็นซีซี. ดังนี้

* รถยนต์ขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 600 ซีซี. เสียภาษี 2 บาทต่อซีซี.
* ขนาด 1,301-1,800 ซีซี. เสีย ภาษี 4 บาทต่อซีซี. ต่อซีซี.
* ขนาด 2,001-2,400 ซีซี. เสีย ภาษี 7 บาทต่อซีซี. ต่อซีซี.
* ขนาดเครื่องยนต์เกิน 3,000 ซี ซี. เสียภาษี 12 บาทต่อซีซี.


>รถยนต์ไม่เกิน 7 ที่นั่ง ตามมูลค่ารถ ดังนี้

* ราคาระหว่าง 3 ถึง 6 ล้านบาท เสียภาษี 1- 2 หมื่นบาทต่อคัน่ง
* ราคาสูงกว่า 6 ล้านบาทจนถึง 10 ล้านบาท เสียภาษี 2-4 หมื่นบาทต่อคัน
* ราคาสูงเกินกว่า 10 ล้านบาท เสียภาษี 3- 6 หมื่นบาทต่อคัน การเพิ่มภาษีและเพิ่มฐานจัดเก็บนี้รัฐเห็นว่าควรส่งเสริมความเป็นธรรมการเสนอปรับภาษีป้าย ทะเบียนครั้งนี้จึงไม่เพียงเน้นปรับจำนวนเงินภาษีที่ต้องเสีย

>เพื่อให้สอดคล้องสถานการณ์ความเป็นจริง เพราะไม่ได้ปรับมานานกว่า 20 ปี ขณะที่ราคารถยนต์เพิ่มขึ้นหลายเท่าช่วงที่ผ่านมา และมีแนวคิดใหม่ให้ ใช้หลักเกณฑ์มูลค่ารถ

คิดภาษีด้วย........

คนที่เป็นเจ้าของรถยนต์ที่มูลค่าสูง ราคาแพงๆ ควรต้องเสียภาษีรถยนต์สูงตาม อีกทั้งสอดคล้องกับ นโยบายรัฐที่สนับสนุนประชาชนใช้จ่ายอย่างประหยัดไม่นิยม สินค้าฟุ่มเฟือย โดยเฉพาะสินค้านำเข้า ขณะอง เดียวกันการเก็บภาษีตามน้ำหนักรถ ซึ่งเป็นฐานภาษีที่ใช้อยู่แล้วปัจจุบัน เก็บภาษีตามหลักการประโยชน์ที่ ได้รับ เนื่องจากรัฐต้องใช้งบประมาณปีหนึ่งๆ จำนวนมาก เพื่อก่อสร้าง และซ่อมแซมถนนหนทางให้ยวด้า ยานต่างๆ ยิ่งรถยนต์ที่น้ำหนักรถมาก ยิ่ง สร้างความสึกหรอ และความเสีย

จาก แย่จัง 203.154.15.217 จันทร์, 12/7/2547 เวลา : 11:06   


คำตอบที่ 37
       ภาษีปีละหมื่นกว่าๆ ค่าตกแต่งรถปีละเกือบแสน(หรือเกิน) พอกลับจากป่าต้องมาซ่อมแซมกันใหม่........??????

จาก ทอมมี่ - Prerunner 203.144.235.174 อังคาร, 13/7/2547 เวลา : 14:47   


คำตอบที่ 38
       เทียบอย่างนี้ดีกว่าครับ
1. .รถ land rovew รุ่น new Freelandder Td 4 เครื่อง ยนต์ ดีเซล 2000 ซีซี ราคา 2.000.000บาท ต้องเสียภาษีเท่าไรครับ.
2. รถปิ๊คอัพ 4 ประตู ขับ 2 ล้อ ธรรมดา เครื่องยนต์ดีเซล 3000 ราคา 650.000 บาท ต้องเสียภาษีเท่าไรครับ
3. รถปิ๊คอัพโตโยต้า รุ่นไฮลักษ์ ฮีโร่ ประมาณ 20ปีที่แล้ว เครื่องยนต์ ดีเซล 2400 ซีซี แต่ดัดแปลงให้เป็น 4 ประตู(แจ้งขนส่งแล้ว)เพราะไม่มีตังซื้อรถใหม่และครอบครัวมันใหญ่ขึ้น มูลค่าประมาณ แสนกว่าบาท จะต้องเสียภาษีเท่าไหร่ครับ

ปุยหมอก จาก ปุยหมอก 203.172.55.14 พุธ, 14/7/2547 เวลา : 08:13   


คำตอบที่ 39
       รมต. ฉลาด(แกมโกง)กันทั้งนั้น คิดแต่ประโยชน์ส่วนตัว มีอะไรก็อ้างประชาชน ประชาชน ประชาชนเขาเลือกมา น่าเบื่อ คำพูดแบบนี้ ไม่จริงจรังอย่าพูดดีกว่า

จาก ทาโร่ 203.155.110.201 พฤหัสบดี, 15/7/2547 เวลา : 16:54   


คำตอบที่ 40
       คุณทอมมีคะ ที่แต่งไปทั้งหมด 5,500 บาทเป็นค่า Liner กระบะ ค่ะ

ต้อมคนสวย จาก ต้อมเองค่ะ 61.90.33.161 อังคาร, 13/7/2547 เวลา : 18:09   


คำตอบที่ 41
       ดีค่ะถ้าจะให้ลงชื่อบอกด้วย ตั้งใจซื้อเพื่อเป็นรถครอบครัวอเนกประสงค์ ไม่ใช่เพื่อฟุ่มเฟือยเสียหน่อย เดี๋ยวนี้ diesel ต่ำกว่า 2500 แทบหาไม่เจอแล้ว ถ้าประกาศใช้จริงอยากให้รวมตัวกันไปจอดล้อมทำเนียบรัฐบาลเลยดีกว่า

ต้อมคนสวย จาก ต้อมเองค่ะ 61.90.33.127 อาทิตย์, 11/7/2547 เวลา : 13:16   


คำตอบที่ 42
       เอาด้วย ๆ ๆ เพราะกำลังจะซื้อพอดี

จาก sam 202.44.130.123 อาทิตย์, 11/7/2547 เวลา : 15:46   


คำตอบที่ 43
       ไอ้แม่ เฟ็ด แม่งจะขูดประชาชนไปถึงไหนว๊ะ

จาก มะขาม 203.147.59.20 อาทิตย์, 14/8/2548 เวลา : 16:03   


คำตอบที่ 44
       มำไมรัฐบาลไม่จำกัด ว่าเป็นเครื่อง เบนซิน หรือดีเซล เพราะรถดีเซลส่วนมาก cc จะสูงกว่าอยู่แล้ว งั้นคนดีเซล 4 ประตู กูแย่สิครับ

จาก tt 203.144.235.195 เสาร์, 10/7/2547 เวลา : 11:00   


คำตอบที่ 45
       ใข่ค่ะ แต่เราก็เดือดร้อนเรื่องราคาน้ำมันอยู่แล้วนะคะ ยิ่งได้ข่าวว่ากองทุนน้ำมันไม่สามารถตรึงราคาได้ถึงสิ้นปี ถึงแค่ประมาณเดือนสิงหาเท่านั้น ทีนี้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคก็จะขึ้นราคากันขนานใหญ่ แต่มนุษย์เงินเดือนยังรับเงินเดือนเท่าเดิมนะคะ ยังมาซ้ำเติมโดยภาษีประจำปีที่ไม่เป็นธรรมอีกเหรอ ดิฉันคิดว่าการใช้กระบะสองตอนน่าจะดีกว่ากระบะตอนเดียวในแง่ความปลอดภัยนะคะ แทนที่จะเอาคนไปนั่งกระบะหลังยังได้นั่งในเก๋งแทนซึ่งปลอดภัยกว่า ดูอุบัติเหตุที่คนนั่งกระบะหลังตกทางด่วนสิคะ ถ้าเป็นสี่ประตูสองตอนคนเหล่านั้นยังนั่งเบาะหลังได้เขาคงไม่ตายหรอกค่ะ คนที่ซื้อกระบะสองตอนนี่หลายคนเค้าคิดไว้สำหรับสมาชิกในครอบครัวที่มากกว่าสองคนด้วยนะคะ แต่ยังมีความจำเป็นในการบรรทุกของ อันนี้มันฟุ่มเฟือยตรงไหน การจำแนกประเภทรถยนต์มันน่าจะอยู่บนพื้นฐานแห่งความเป็นจริงและความยุติธรรม รถกระบะสองตอนมันควรจะเสียภาษีเท่ากับหรือมากกว่ารถวอลโว่หรือบีเอ็มหรือ ลองคิดดูสิคะ

ต้อมคนสวย จาก ต้อมเองค่ะ 61.90.33.236 อังคาร, 13/7/2547 เวลา : 13:20   


คำตอบที่ 46
       เสนอภาษีรถยนต์ใหม่ รถหรู3,000 ซีซีแพงขึ้น เสียภาษีอัตรา 50%

กรมสรรพสามิต เสนอโครงสร้างภาษีรถยนต์ แบ่งตามความจุกระบอกสูบ ส่งผลรถยนต์ขนาดเล็กเครื่องยนต์ไม่เกิน 2,500 ซีซี ถูกลงไม่มาก ส่วนรถหรูหราเครื่องยนต์ 3,000 ซีซีขึ้นไปแพงขึ้น โดยเสียภาษีในอัตรา 50%
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า วานนี้ (12 ก.ค.47) คณะทำงานศึกษาโครงสร้างภาษีรถยนต์ กรมสรรพสามิต ได้มานำเสนอโครงสร้างใหม่ที่ได้หารือร่วมกับภาคเอกชนแล้วต่อ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยโครงสร้างภาษีใหม่จะเน้นการจัดหมวดหมู่รถยนต์นั่งส่วนบุคคลออกเป็น 4 ระดับ ตามความจุกระบอกสูบ และมีกำหนดอัตราภาษีที่แตกต่างกันไป เพื่อสนับสนุนให้มีการประหยัดพลังงาน
สำหรับคำจำกัดความของรถยนต์นั่งส่วนบุคคลจะครอบคลุมถึงรถที่มีที่นั่งต่ำกว่า 11 ที่นั่งทุกประเภท ซึ่งรวมถึงรถออฟโรด รถตู้ 7 ที่นั่ง ที่เคยมีปัญหาการตีความพิกัดมาก่อนหน้านี้เข้าไปด้วย โดยจะแบ่งกลุ่มเป็น
1.รถยนต์นั่งที่มีความจุกระบอกสูบ 1-2,000 ซีซี จะจัดเก็บในอัตรา 30% 2.รถยนต์นั่งที่มีความจุกระบอกสูบระหว่าง 2,001-2,500 ซีซี จัดเก็บในอัตรา 35% 3.รถยนต์นั่งที่มีความจุกระบอกสูบ 2,501-3,000 ซีซี จัดเก็บในอัตรา 40% และ 4.รถยนต์นั่งที่มีความจุกระบอกสูบมากกว่า 3,000 ซีซีขึ้นไป จัดเก็บในอัตรา 50%
ทั้งนี้ สำหรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์นั่งที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.รถที่มีขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 2,400 ซีซี เสียภาษี 35% 2.ขนาด 2,401-3,000 ซีซี เสียภาษี 41% 3.ขนาดเครื่องยนต์มากกว่า 3,000 ซีซี เสียภาษีในอัตรา 48%
ซึ่งหากเปรียบเทียบโครงสร้างเก่ากับแนวคิดโครงสร้างใหม่ ผู้ที่จะได้รับประโยชน์คือ กลุ่มรถที่มีขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 2,000 ซีซี ซึ่งปัจจุบันเป็นตลาดใหญ่ที่สุด มีรถทำตลาดที่สำคัญ เช่น โตโยต้า โคโรลล่า อัลติส โตโยต้า โซลูน่า โตโยต้า อาวันซ่า ฮอนด้า ซีวิค ฮอนด้า ซิตี้ ฮอนด้า แจ๊ซ นิสสัน ซันนี่ มิตซูบิชิ แลนเซอร์ ฟอร์ด เลเซอร์ เทียร่า มาสด้า 323 โปรทีเจ หรือว่า เชฟโรเลต ออพตร้า โดยกลุ่มนี้จะเสียภาษีลดลงจาก 35% เหลือ 30% ตามแนวคิดโครงสร้างภาษีใหม่
นอกจากนั้น รถยนต์ที่มีขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 3,000 ซีซี ก็จะได้รับประโยชน์จากเดิมที่เสีย 41% ก็จะลดเหลือ 40% ส่วนรถที่มากกว่า 3,000 ซีซี เป็นกลุ่มเดียวที่เพิ่มจาก 48 เป็น 50% ซึ่งปัจจุบันรถที่ใช้เครื่องยนต์สูงกว่า 3,000 ซีซี มีตลาดอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เท่ากับว่าแนวคิดใหม่ จะทำให้รถยนต์นั่งส่วนใหญ่ได้รับประโยชน์
ส่วนรถที่จะได้รับผลกระทบอีกตัวหนึ่งก็คือ รถในกลุ่มออฟโรด ที่ปัจจุบันเสียภาษี 29% เพราะจะถูกจับเข้าไปรวมอยู่ในกลุ่มรถยนต์นั่ง และจะเสียภาษีตามปริมาตรกระบอกสูบ
"โครงสร้างใหม่จะจัดแบ่งหมวดหมู่เพื่อให้รถยนต์ที่เครื่องยนต์ขนาดใหญ่ และรถประเภทหรูหรา ต้องเสียภาษีในอัตราที่สูงกว่ารถยนต์ขนาดเล็ก ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายในการประหยัดพลังงาน?
นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มประเภทภาษีสรรพสามิตสำหรับรถยนต์ที่ใช้พลังทดแทน (ไฮบริด) ให้แยกออกจากรถยนต์ประเภทอื่นๆ โดยให้จัดเก็บภาษี 15% จากราคาหน้าโรงงาน ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำกว่ารถยนต์นั่งทั่วไป เพื่อสนับสนุนให้คนใช้รถยนต์ประเภทนี้เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ในส่วนของรถยนต์ประหยัดพลังงาน (อีโคคาร์) ยังไม่ได้ข้อสรุปชัดเจนว่าจะจัดอยู่ในประเภทใด
แหล่งข่าว กล่าวว่า สำหรับรถกระบะนั้นยังจัดเก็บในอัตรา 3% เท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง และยังคงมีรถกระบะ 4 ประตู (ดับเบิลแค็บ) ที่เสียภาษีในอัตรา 12% เช่นเดิม เพราะเป็นฐานผลิตที่ใหญ่ในประเทศ และเป็นรถใช้งาน หากเปลี่ยนแปลงจะส่งผลกระทบในวงกว้าง ส่วนรถยนต์นั่งกึ่งรถบรรทุก (พีพีวี) จัดเก็บเพิ่มขึ้นเป็น 20% จากปัจจุบันเก็บในอัตรา 18%
?โครงสร้างภาษีดังกล่าวเป็นเพียงข้อเสนอของคณะทำงาน จะต้องมีการพิจารณาในการประชุมใหญ่อีกครั้ง หลังจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเดินทางกลับจากจีนในสัปดาห์หน้า? แหล่งข่าว กล่าว
ขณะที่ก่อนหน้านี้ ดร.สมคิด กล่าวว่า กระทรวงการคลังเลื่อนการหารือกับกระทรวงอุตสาหกรรมเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างภาษีรถยนต์ออกไปก่อน เนื่องจากเห็นว่าเรื่องดังกล่าวมีผลกระทบในวงกว้างและอุตสาหกรรมรถยนต์เป็นอุตสาหกรรมใหญ่ที่มีมูลค่ามหาศาล การที่รัฐบาลจะออกนโยบายใดๆ ออกมา ย่อมก่อให้เกิดผลได้ผลเสียกับหลายฝ่าย จึงต้องการรับฟังเสียงจากภาคเอกชนให้มากที่สุด
การเลื่อนหารือกับกระทรวงอุตสาหกรรมของกระทรวงการคลังครั้งนี้ ส่งผลให้กระทรวงการคลังต้องเลื่อนนำโครงสร้างภาษีเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี จากเดิมที่กำหนดไว้ในสัปดาห์หน้าออกไปโดยปริยาย
"ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนที่รอไม่ได้ เราจำเป็นที่ต้องดูเรื่องนี้รอบคอบ เพราะมีผลกระทบมาก แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องการทอดเวลาออกไปจะมีใครเข้ามาล็อบบี เพราะผมไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องการให้คลังได้รับฟังความเห็นจากผู้ประกอบการ ซึ่งที่ผ่านมา ปลัดกระทรวงการคลังก็ได้เชิญผู้ประกอบการมาหารือแล้ว ส่วนวานนี้ อธิบดีกรมสรรพสามิต ก็ได้เชิญผู้ประกอบการรายย่อยมาหารือ" ดร.สมคิด กล่าว
ดร.สมคิด กล่าวว่า หลักใหญ่ของโครงสร้างภาษีรถยนต์ใหม่นั้น ประกอบด้วย 1.การส่งเสริมให้เกิดศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน 2.จัดการปัญหาความเหลื่อมล้ำในการเสียภาษี เช่น กรณีของรถตู้ ที่มีปัญหามาตลอดให้หมดไป และ 3.ส่งเสริมการประหยัดพลังงาน และการใช้พลังงานทดแทน
"ตอนนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะมีอีโคคาร์หรือไม่ แต่ทิศทางในอนาคต เราเห็นว่าเรื่องของพลังงานเป็นเรื่องสำคัญ และเราสนับสนุนให้ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออก ดังนั้น หากจะมีก็ต้องดูว่าไทยจะต้องได้ประโยชน์" ดร.สมคิด กล่าว

bawview จาก เบาหวิว263 203.170.236.195 อังคาร, 13/7/2547 เวลา : 17:57   


คำตอบที่ 47
       รวมตัวกันไว้เยอะ ๆ ดีครับ อย่างน้อยมันน่าจะมีการต่อรองได้ครับ.....ตอนนี้รู้สึกเหมือนถูกมัดมือชก...แล้วก็ปล้น ๆ ๆ ....

จาก คุณเอ294 203.150.64.254 อังคาร, 13/7/2547 เวลา : 23:58 edit แก้ไข delete ลบ   


คำตอบที่ 48
       รวมตัวกันไว้พวกเรา ถ้าฝันร้ายเป็นจริง เราควรเริ่มจากในเวปนี้แล้วค่อย ๆ ขยายหาสมาชิกเพิ่ม แล้วค่อยเรียกร้องความเป็นธรรม สงสัยงานนี้ต้องพึ่ง "ถึงลูกถึงคน" เพราะเป็นกระบอกเสียงของประชาชนได้ดีจริง ๆ ครับ ผมอยากทราบจัง ถ้ารถที่ใช้ดีเซล ลดซีซีลง เหลือ 1500-1600 มันจะเป็นอย่างไร ภาษีมันจะได้ถูกกับเขาบ้าง รถเก๋งที่ซีซีเกิน 3000 นั้นเป็นรถยนต์ราคาล้านขึ้นไปเกือบทั้งนั้น อันนี้น่าคิดนะครับ พวกที่มีรถเก๋งซีซีมากได้ขนาดนี้ คงเป็นพวกเห็นเงินหมื่นเป็นแค่เศษเงิน

จาก โอ๋ 203.209.117.169 พุธ, 14/7/2547 เวลา : 00:39   


คำตอบที่ 49
       ขอให้พวกเราช่วยกันสู้ครับ เหนียวแน่นกันไว้ ล่ารายชื่อ 50,000 ซื่อก็ว่ากันมา จะได้ร่วมลงด้วย

sompote จาก Poteร่มบิน 203.147.14.3 พฤหัสบดี, 11/8/2548 เวลา : 17:12   


คำตอบที่ 50
       ซื้อ 4 ประตู เพราะต่างจังหวัด ถนนไม่ดี เก๋งเดี๋ยวพัง
ต้องนั่งหลายคน บรรทุกของได้ด้วย ฟุ่มเฟือยตรงไหน
หรือให้ซื้อกระบะ 1 คัน แล้วเก๋งให้ปล้นเอา อีก 1คัน
แ ง

จาก ตายแล้ว 202.28.68.11 พฤหัสบดี, 11/8/2548 เวลา : 13:14   


คำตอบที่ 51
      

จาก ชาย 203.118.104.101 ศุกร์, 12/8/2548 เวลา : 21:42   


คำตอบที่ 52
       ปัญหามากมาย อยากซิ่ง อยากหรู อยากแรง อยากประหยัด อีกหลายอยาก แต่ไม่อยากเสียกาตางส์มากๆ ลองมาขี่รถแบทเตอรี่สิครับ บรรทุกก้อได้ แอร์ก้อเย็น เพลงก้อเพราะ ความเร็วพอประมาณ(ปลอดภัยดี) แถมยังไม่เสียค่าน้ำมัน(เสียค่าชาร์ทเฉยเลย)ดีดี ผมว่าน่าจะผลักดันคนผลิตรถประเภทนี้ขึ้นมากกว่านะ

จาก คนยังไม่มีรถ 203.148.194.36 ศุกร์, 30/7/2547 เวลา : 15:03   


คำตอบที่ 53
       ภาษีรถใหม่ toyota สปอร์ไรเดอร์ 2500 และ3000 เท่าไหร่ครับ
หาข้อมูล

chart777 จาก chart777 203.170.209.98 ศุกร์, 30/7/2547 เวลา : 13:35   


คำตอบที่ 54
       ตอนนี้ D4D 2.5S 4WD 4 ประตูของผม 2,500 ซีซี เสียภาษีแค่ 4,800 บาทถ้วนครับ<<จดทะเบียน 01.01.2004>>

yuttana_c จาก cembe' 203.155.198.1 ศุกร์, 30/7/2547 เวลา : 15:33   


คำตอบที่ 55
       งง

จาก Edw@rd 203.156.90.44 เสาร์, 7/8/2547 เวลา : 15:39   


คำตอบที่ 56
       ที่รัฐบาลตรึงราคาน้ำมัน Diesel ก็ไม่ค่อยถูกนัก
เพราะตอนนี้พยุงไปแล้ว สองหมื่นล้านแล้วนะ จะให้ดีผมว่า
ลอยตัวราคาน้ำมันไปเถอะ แต่อย่าขึ้นภาษีสรรพสามิตเลย
มันไร้เหตุผล โดยเฉพาะรถ สี่ประตู ถ้ารัฐบาลอ้างว่าเป็นเครื่อง ดีเซล สร้างมลภาวะมากกว่า เบนซิน 3 เท่า มันก็จริง
แต่ไม่น่าจะเอาเรื่อง ของ สองประตู และสี่ประตู อย่างนี้

eakkachit จาก ต้าน้อย 202.28.25.147 อาทิตย์, 8/8/2547 เวลา : 11:53   


คำตอบที่ 57
       ความซวยของประชาชน:
จะไปคิดให้มันยุ่งยากทำไม ที่จริงเก็บภาษีง่ายๆ ปีละ 0.5% ของราคารถใหม่ตอนที่ซื้อมา ง่าย เร็ว ดี ยุติธรรม ไม่ยุ่งยาก ไม่ปวดหัว แค่นี้คิดไม่ได้น่าจะให้ไปเลี้ยงควายดีกว่า

จาก เมี้ยว 203.113.32.13 พฤหัสบดี, 15/7/2547 เวลา : 18:50   


คำตอบที่ 58
       ถามว่าใครได้ประโยชน์

จาก กลุ้มใจ 203.147.9.71 พุธ, 14/7/2547 เวลา : 19:29   


คำตอบที่ 59
       สงสัยจะแย่แฮะผม ซื้อสี่ประตูมาเผื่อบันทุก เผื่อนั่งไม่อึดอัด ไหนจะไฟแนนซ์ ภาษีอีกหมื่อนฝ่า แล้วทำไมไอ้รถเก๋งที่มานซื้อแพงก่าของผมเกือบสองเท่า มานเสียภาษีถูกฝ่าผมฟะ เฮ้ออออ แถมซื้อมาแล้วด้วยย จะขายก็ขาดทุนอีกตั้งหลายตังค์

putawchaww จาก นาย เฉา 203.113.41.44 พุธ, 14/7/2547 เวลา : 18:22   


คำตอบที่ 60
       เราควรต้องช่วยกันส่งข้อความร้องทุกข์ ไปที่ ระฆัง ห่วงใย จากใจนายก นะครับ หรืออธิบายถึงความไม่เป็นธรรมให้ท่านผู้มีอำนาจได้พิจารณา

จาก เด็กบ้านนอก 203.148.136.67 พฤหัสบดี, 19/5/2548 เวลา : 23:27   

กระทู้ข้อมูลเก่า สำหรับอ่านได้อย่างเดียว

ยังมีคำตอบมากกว่านี้นะครับ คลิ๊กเพื่อดูหน้าถัดไป


คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 2 จาก >>> 1  2  3  



      




Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วันพฤหัสบดี,16 พฤษภาคม 2567 (Online 1279 คน)