คำตอบที่ 1
       ลองดูครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2
       +1 ครับ ร่วมด้วยช่วยกันครับ ผมส่งข้อความไปแล้วครับ.....

ผมเองก็มองหา vigo 2.7 4x4 อยู่นานนึกว่าโฉมล่าสุดจะมีออกมาขายบ้าง รอเก้อเรย

ที่ทำงานผมมีพี่คนนึ่งมี Fortuner 2.7VVTi 4WD ใช้น้อยทะเบียนสวย ยังไม่ติดแก๊ส ขอซื้อไม่ยอมขาย(แต่ผมอยากได้ รถกระบะมากกว่า)

เลยยุแก่ไปติดแก๊สLPG ซะเลย เอาข้อมูลในเวปนี้แหละให้เค้าอ่าน พึ่งไปติดมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว

วันนี้ลองถามเป็นไงบ้างพี่ แก่บอก"รู้งี้ติดตั้งนานแล้ว เร่งดีเหมือนน้ำมัน กม.ประมาณ 1.9 บาท"

ต้องการขายครับ 0816190779 จาก : s2s(s2s) 30/11/2554 0:21:12 [125.24.5.234]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 3
       อยากให้ช่วยกันลองดูครับ ทางช่องทาง E-mail และช่องทางเซลผู้ขายตามดีเลอร์รวมถึงข้อมูลทางการตลาด เป็นการเพิ่มแรงกดดันให้เกิดยอดการผลิตอีกครั้งก็เป็นได้ ถึงแม้ว่ามันจะมีโอกาสน้อยก็ตามทีแต่ว่าดีกว่าเราไม่ทำอะไรเลย

ขอรบกวนครับต้องการขายครับ จาก : s2s(s2s) 30/11/2554 0:18:48 [125.24.5.234]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 4
       มันก็มีเหตุผลอยู่หลายข้อที่ TOYOT THAILAND ไม่เอามาขายอีก


1. ทาง TOYOTA มีข้อมูลทางการตลาดอยู่ว่าลูกค้าชาวไทยที่ซื้อรถ ไปไม่ว่าจะเป็น Hilux หรือ Fortuner ยังคิดว่าไม่จำเป็นต้องมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อก็ได้โดยคิดว่ารถ 4wd ควรจะเป็นเครื่องยนต์ดีเซลมากกว่า เพราะเครื่องดีเซล commonrail แรงบิดดีกว่าให้กำลังมากกว่าเหมาะที่จะมาใช้เป็นรถ 4wd

2. ราคารถ Hilux หรือ Fortuner ที่เป็น 4wd ราคาถ้าทำออกมาขายใหม่อีกครั้งราคายังถือว่าสูงอยู่มาก ถึงแม้ว่าราคารถยนต์ในตลาดมือ 2 ของ 2.7 ทุกรุ่นจะมีราคาสูงแต่ถ้าเทียบกลับไปแบบรุ่นต่อรุ่นจะเห็นว่ายังไม่สูงเกินไป ถ้า TMT เข็นรถใหม่ 2.7 ออกมาขายราคาจัดว่าเป็นอุปสรรคปัญหาที่ผู้ซื้อต้องคิดหนักกันทีเดียวอย่างเช่น Hilux 2.7 4wd 4 doors ราคาในปัจจุบันถ้าจะต้องนำมาขายราคาจะอยู่ที่ประมาณ 850,000 บาทซึ่งตรงนี้ลูกค้าผู้ซื้อคิดหนักทีเดียวถ้าไม่ใช่แฟนพันธ์แท้ชาว 2.7อาจจะเปลี่ยนใจไม่ซื้อก็ได้
สำหรับในต่างประเทศ เขาสามารถซื้อกันได้ไม่มีปัญหาเพราะเขาไม่ซื้อเครื่องดีเซลอยู่แล้วจะซื้อเครื่องเบนซินในระดับราคาที่ใกล้กันหรือแพงกว่าไม่มากนัก
ยกเว้นโซนยุโรปที่จะซื้อ Hilux ดีเซลแต่ตลาดดีเซลส่วนนี้ก็น้อย และราคาแพงเอาการ ปิคอัพ Hilux 3.0 4wd ใน UK ราคาขาย 1.4 ล้านบาทไทยไปแล้ว เพราะอ๊อพชั่นเยอะมากและแรงม้าก็มากกว่าทั่วไปด้วย


3. บทเรียนจากครั้งอดีตครั้งเปิดตัว Vigo Fortuner 2.7 ทำให้ TOYOTA THAILAND คิดหนักทีเดียวในการหวนเอาเครื่องเบนซินกลับมาขายใหม่
อย่าลืมว่าทาง TMT เจ็บหนักทีเดียวในการเอารถ Hilux 2.7 เปิดตลาดในเมืองไทยเป็นครั้งแรก ดีเลอร์เองก็ไม่อยากรับรุ่นนี้มาขาย
ลูกค้าผู้ซื้อเองยังสะกดกับคำว่า ปิคอัพเบนซิน Hilux 2.7 ไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ ไม่มีความรู้เลยว่ารถ ปิคอัพเบนซินมันมีด้วยเหรอ Hilux 2.7 4wd มันจะใช้งานลุยออฟโรดได้เหรอ ปิคอัพ Hilux 2.7 ใช้งานหนักได้หรือเปล่า ยิ่งลูกค้าชาวไทยเพิ่งเจอปิคอัพเกียร์ออโต A/T ยิ่งกลัวหนักไม่กล้าซื้อเข้าไปอีก ทำให้ยอดจำน่ายรถรุ่นเหล่านี้ช่วงแรกไม่เดินเลยยอดสั่งซื้อต่ำมาก บทเรียนครั้งนั้นคงจำกันไปอีกนานทีเดียว
ลูกค้าคนไทยตามเทคโนโลยีตลาดโลกไปไม่ทัน TOYOTA ออกรถมาก่อนล้ำสมัยเกินไป ลูกค้าคนไทยไม่มีความเข้าใจหรือความรู้เพียงพอตลาดถูกเลือกไปแล้วว่าเป็นดีเซลถึงแม้ปัจจุบันตลาดจะยอมรับ Hilux 2.7 Fortuner 2.7 แต่ว่า TMT เองก็ดูแล้วอาจไม่มีความจำเป็นต้องลงไปเล่นกับ 2.7 อีกเพราะรถเดิมในปัจจุบันก็ผลิตไม่พอขายอยู่แล้ว จะหันไปเสี่ยงอีกทำไม

เมื่อก่อนความไม่รู้ของคนทั่วไป ส่งผลทำให้เกิดความคิดที่น่าตลก ตลกขบขัน ที่ล้าสมัย ของชาวดีเซลที่มีต่อ Hilux 2.7 ไปต่าง ๆ นานา แบบที่พวกคุณเคยเจอกันมานั่นแหละ
ถึงแม้วันนี้เวลาจะผ่านไป 5-6 ปีแล้ว แต่ความคิดอันน่าตลกขบขัน ความเชื่อผิด ๆ ของลูกค้าชาวไทยยังมีให้เห็นอยู่มาก ดังจะเห็นว่าลุยน้ำท่วมครั้งนี้ชาวดีเซลออกมาบอกว่าปิคอัพเบนซินอย่าไปลุย เดี๋ยวน้ำเข้าจานจ่าย เดี๋ยวน้ำเข้าทองขาวทำให้เครื่องดับ
ความจริง ? เครื่องยนต์ 2TR-FE มันมีจานจ่ายด้วยหรือว่ะ !!!!!!!!!!!! ทองขาวยุคนี้มันยังมีหลงเหลือให้เห็นด้วยหรือครับ !!!!!!!!
แค่คำตอบก็น่าตลกไปแล้ว คนตอบก็ไม่มีความรู้อะไรกับเครื่องยนต์เลย คนเชื่อนี่มันก็เชื่อเขาง่ายง่ายจริง ๆ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 5
       ทำใจครับคุณ Auto คงต้องปล่อยให้งมโข่งต่อไปเพราะเราไปเปลี่ยนความคิดเค้าไม่ใด้คงต้องไห้ประสบการณ์เป็นตัวสอนเอง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 6
       ขนาดของผมซื้อ2.7 auto มาทั้งสองรุ่นและติดแก๊สทั้งสองคัน ผมแนะนำเพื่อนๆที่ทำงานให้ใช้แบบผมและเอาไปติดแก๊สเขากลับหัวเราะ และในความคิดเขายังบอกว่าดีเซลดีกว่าทุกด้าน สรุปผมเลยไม่อธิบายอะไรอีกเลย และบอกไปว่าถ้าสนใจจะใช้แบบผมเมื่อไหร่ค่อยมาปรึกษากัน ตอนนี้คิดอย่างไรก้แล้วแต่คุณ อิ อิ...

แสงสว่างจะเจอเมื่อกลางวันและกลางคืนตอนเปิดไฟ..................................งง........... จาก : tar3425(tar3425) 9/11/2554 20:36:20 [124.120.121.194]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 7
       อ่านมาถึงตรงนี้ ผมว่าคนไทยเรา นอกจากที่พี่ Auto กล่าวๆ มาทั้งหลายแล้ว ยังมีความเชื่อผิดๆ อีกอย่างนึงครับ คือ.......

รถใช้แก๊ส (ทั้ง 2 ชนิด) ถือว่าเป็นเชื้อเพลิงคนจน ย้ำนะครับ ไม่เกี่ยวกับว่า ดี หรือไม่ดี ผมเจอมากับตัว โดยผมเอาเอารถกระบะอีกคันไปซ่อมเบรกที่ร้านดังย่านดาวคะนอง เจอคนเอา เชอโรกีมาซ่อมเบรกด้วย คุยกันเรื่องรถบรรทุก ก็คุยกันว่าเจ้าของรถบรรทุกเดี๋ยวนี้ หารวยๆ ไม่มีหรอก ถ้ารวยจริงต้องขับน้ำมัน ไม่ใช้แก๊สกันหรอก......

ผมฟังแล้ว .....แก๊ส ถือเป็นเชื้อเพลิงชนิดหนึ่ง สามารถเอามาใช้ทดแทนน้ำมันเบนซินได้ มันเกี่ยวกับยากดีมีจนตรงไหนเนี่ย......

เลยเห็นได้ชัดครับว่าคนไทยเรา อคติกับเรื่องแปลกๆ กะแค่เชื้อเพลิงยังคิดแบบนี้ ไม่แปลกหรอกครับที่ 2.7 จะขายไม่ดี เพราะ 100 ทั้ง 100 ซื้อมาติดแก๊ส รถ 2.7 ในสายตาคนบางคนเลยกลายเป็นแบบนั้นไปด้วย

แต่สำหรับผม ผม Happy ดีครับ สำหรับ 2.7 ที่มีใช้อยู่

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 8
       ถ้า vigo 2.7 4doors 4wd A/T นำมาขายอีกครั้ง 850,000 ราคาก็ย่อมถูกกว่า vigo 3.0 4doors 4wd A/T ผมไปดูราคาที่ศูนย์ขาดอีกไม่กี่พันก็ถึงล้านแล้ว ก็เห็นขายกันได้ไม่เยอะ เมื่อเทียบกับเกียร์ธรรมดา แถมยังมีพรีรันเนอร์ A/T มาอีก ยังเอาออกมาให้ลูกค้าได้เป็นทางเลือกอีก ทั้งๆที่ยอดขายก็น่าจะไม่เยอะ อาจจะพอๆกับ 2.7 ก็เป็นได้ โตโยต้ายังเอาออกมาขาย
เวลาขับรถบนท้องถนน ถ้าเห็นท้ายรถ 4x4 ecti auto ถ้าเทียบตัวแรก ก่อนไมเนอร์เช้นท์ จำนวนรถ 4X4 A/T ดีเซล ก็แทบจะหายากพอๆกับเบนซิน
โตโยต้ายังผลิตขาย แต่เครื่องเบนซินก็น่าจะทำขายได้บ้าง อาจจะจำนวนน้อย จองนานก็พอรับไหว ตอบสนองลูกค้าได้ทุกความต้องการ

เห็น Isuzu เค้ามีรุ่นย่อยเยอะมาก สีให้เลือกเยอะมาก เค้ายังทำได้เลย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 9
       จาก TaKa_vvti

จำนวนมันน้อยจริงครับ ผมเคยฟังรายงานตัวเลขที่น่าตกใจอยู่อย่างนึงในช่วงขายดีเปรียบเทียบกับขายไม่ดี
รถ 2.7 ทุกรุ่นรวมกัน ( ยกว้นฟอร์จูเนอร์ 2.7 ) ยอดขาย 200 คันต่อเดือนเท่านั้นเองในช่วงปกติ อันนี้ยอดขายน่ะครับไม่ใช่ยอดผลิต
แต่ว่ายอดขายปิคอัพดีเซล ISUZU ในช่วงที่น้ำมันแพง 45 บาท ต้องลดราคาลดปิคอัพดีเซลทุกรุ่นลงมา 1 แสนบาท ISUZU ยังมียอดขายเดือนล่ะ 5,000 คัน นี่คือช่วงเวลาที่ย่ำแย่ที่สุดของ ISUZU แล้วนะครับ แต่ยังขายได้ปริมาณมากกว่าเบนซิน 2.7 เยอะ
จะเห็นว่าไม่น่าแปลกที่กรรมการ ผู้จัดการหญิงแกร่งของค่ายตรีเพชรอีซูซุคุณหมูปนัดดา เจณวนาสินยืนยันหนักแน่นว่าปิคอัพ (เฉพาะในประเทศไทย) ต้องดีเซลเท่านั้น เพราะ ISUZU จะไม่มีวันยอมเสียอู่ข้าวอู่น้ำประเทศไทยที่เลี้ยงพวกเขามาตลอด พวกเขาเติบโตและปลดหนี้ออกมาได้เพราะคนไทยไว้วางใจเลือกปิคอัพดีเซลของพวกเขานี่แหละ ถ้า ISUZU MOTORS เข็นรถปิคอัพเบนซินออกมาขายในประเทศไทยเมื่อไหร่ นั่นหมายถึงพวกเขาจะเสียโอกาสให้กับคู่แข่งรายอื่น ๆ ไปหมด ISUZU ยังไงต้องกัดฟันพูดกับลูกค้าเรื่องดีเซลต่อไป

แต่ในขณะที่ตลาดต่างประเทศรุ่นใหม่ All new d-Max ISUZU ปรับแผนไปแล้ว หลังจากเพิ่มทุนเพิ่มสัดส่วนการขายในตะวันออกกลางและตลาดโลกออสเตรเลียมากขึ้น นั่นหมายความว่า ISuzu ที่ส่งต่างประเทศจะเป็นเครื่องเบนซินเกือบทั้งนั้น
คิดดูเถอะว่าขนาด ISUZU เองที่เป็นเจ้าพ่อตลาดรถปิคอัพดีเซลยังต้องถอยหลังออกมาจากตลาดยุโรปที่ตัวเองส่งขายปิคอัพเครื่องดีเซลออกไปในแถบนั้นเลยและหันมาจับตลาดหลักเหมือนกับ TOYOTA ที่เน้นขายเฉพาะปิคอัพเบนซินไม่ดีกว่าหรือ เนื่องจากในตลาดยุโรปปิคอัพดีเซลยอดขายน่าหดหู่ใจอย่างมาก เคยดูตัวเลขเขาขายในยุโรปตะวันออกในลักซัมเบิร์ก ISUZU ขายปิคอัพดีเซลได้แค่ปีล่ะ 3xxx กว่าคันเท่านั้น ยอดขายทั้งปียังสู้ขายปิคอัพดีเซลในไทยเพียงเดือนเดียวยังไม่ได้เลย เพราะฉะนั้น All new D-Max หันมาจับตลาดโลกโดยส่วนใหญ่เป็นเครื่องเบนซินดีกว่า ในไทยก็ขายดีเซลไปตามระเบียบเดิม

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 10
       ต่อครับ

Hilux 2.7 ทุกรุ่นรวมกันในปี 2007-2008 ช่วงเวลาและเดือนที่มีการสั่งซื้อเข้ามากที่สุดอยู่ที่เดือนล่ะ 2,000 คันเท่านั้น แต่ขายจริงไม่รู้กี่คันเพราะสั่งเท่าไหร่ก็ผลิตได้น้อยเหมือนเดิม เนื่องจากเวลานั้น TMT มีโควต้าเครื่องยนต์ 2.7 ในไทยเดือนล่ะไม่กี่ร้อยเครื่อง นอกนั้นต้องผลิตเพื่อส่งออกอย่างเดียว ตัวเลขการขายผมว่า TOYOTA THAILAND รู้เพราะรถที่ผลิตออกมา ถ้าเป็น Hilux 2.7 4wd อยู่ในมือของรูปธุรกิจเอกชนเป็นรถเช่าจำนวนมาก ไม่ได้อยู่ในรูปแบบรถส่วนบุคคลเท่าไหร่เพราะคุณจะซื้อ Hilux 2.7 ได้ต้องโชคดีและเงินถึงอย่างมาก ขนาดช่วงนั้นที่ช่วยออกมาหารถใหม่ 2.7 4wd 4 ประตู ให้สมาชิกในนี้ยอดขายที่ขายให้ได้มีเพียงแค่สัดส่วนประมาณ เดือนล่ะ 5-6 คันเท่านั้น ที่เหลืออีกเป็น 100 คัน โดนจับส่งออกหมด เพราะในต่างประเทศก็สั่งซื้อเยอะจน TOYOTA ผลิต Hilux 2.7 4 doors 4wd ไม่พอขาย ดีเลอร์ก็เลยอาศัยจังหวะนี้ส่งออกรถไปต่างประเทศเองเลย ได้กำไรมากกว่าขายในประเทศซะอีก
ส่งผลให้เห็นกันว่ารถปิคอัพดีเซลเหมือนรถที่ไม่มีใครต้องการในสายตาเราเรา บริษัทรถก็เลยโปรโมชั่นปิคอัพดีเซลกันเต็มที่ ให้ส่วนลดเยอะจูงใจให้ใช้ดีเซลกันเหมือนเดิม ไม่งั้นทั้งระบบการผลิตพังแน่นอน เพราะตลาดในประเทศไทยแผนถูกวางไว้ให้เป็นดีเซล

จะมีโชคดีตรงที่ Fortuner 2.7 4x4 ที่ตลอดเวลา 4 ปี ขายดีมากมียอดสะสมในไทยไว้น่าจะประมาณ 20,000 คัน ทำให้การหารถมือ 2 Fortuner 2.7 4x4 ไม่ยากเกินไปนักรถมีจำนวนเยอะกว่า ถ้ายอดขายในอดีตมีไม่มากเหมือน Hilux เวลานี้คุณอาจเห็น Fortuner 2.7 4x4 ขายในตลาดมือ 2 แพงกว่านี้เยอะ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 11
       จาก fOnGSteR

แปลกที่เจ้าของเชอโรกี พูดแบบนี้เพราะรถ Jeep รุ่นแบบนี้ติดแก๊สเกือบทุกคัน และคนซื้อรถแบบนี้พื้นฐานก็ไม่ใช่คนจนด้วย


รถบรรทุก รถโดยสารพวกนี้ที่เอามาติดแก๊สนี่คนมีฐานะทั้งนั้นเลยนะครับ ส่วนใหญ่เป็นของเถ้าแก่เจ้าของกิจการ
เจ้าของกิจการรถบบรทุกที่ผมฟังมา จ่ายค่าน้ำมันเดือนล่ะ 1 ล้านบาทขึ้นไป เอารถไปเปลี่ยนเป็น NGV ค่าใช้จ่ายเหลือเดือนล่ะ 3-4 แสนบาท ประมาณ 1 ปีกำไรเห็น ๆ
รถ E เกียวแห่งโคราชติด NGV ก็เยอะ ผมเคยถามคนขับรถโดยสารพวกนี้ค่าน้ำมันดีเซลตกกิโลเมตรล่ะ 8 - 10 บาท แต่พอใช้ NGV เหลือกิโลเมตรล่ะ 2-4 บาท ส่วนต่างนี้กำไรกันเห็นจะจะเลยนะครับ คือยอมเสียเวลากับ NGV แต่กำไรมากและคุ้มค่ากว่า

นอกจากนี้รถ 2 แถวที่เราเห็นกันหลายที่ใน กทม. เขาเปลี่ยนเป็น Hilux 2.7 ตอนเดียว ติด NGV 3 ใบใต้ท้องกันเยอะแล้วนะครับ ยิ่งเป็นเถ้าแก่วิน 2 แถวที่มีรถหลายคันเขาเปลี่ยนกันยกล๊อตเลย
คนที่ยังขับปิคอัพดีเซลวิ่งรถ 2 แถวกันอยู่คือเขายังไม่อยากเปลี่ยนรถใหม่ หรือยังไม่มีเงินเปลี่ยน

รวมถึงบริษัทขนส่งหลายที่ บริษัท DHL นี่ก็ 100% แล้วที่เป็น Hilux 2.7 ตอนเดียว ติด NGV รถปิคอัพดีเซลเดิมโดนโล๊ะทิ้งหมด

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 12
       ผมก็คนจนครับคุณ Autoไม่มีเงินเป็นร้อยล้าน ทำงานเงินเดือนหมื่นเดียว พักแฟลตสวัสดิการ ใช้รถติดแก๊สมาสี่คันทุกวันนี้ผมก็ยังจนอยู่เพราะว่าเก็บเงินไม่ถึงร้อยล้านสักที.........เฮ้อ.....คิดแล้วกลุ้ม..... เขาคิดยังไงก็ช่าวหัวเขา....ขอไห้เราสบายใจก็พอแล้ว....งิงิ..ขอหั้ยทุกคนโชคดีรอดพ้นจากอุทกภัยทุกคนด้วยเทอญ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 13
       ถ้าใช้แก๊สแล้วเป็นคนจน ก็คงเป็นคนจนที่มีความสุขมากๆคนนึงล่ะครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 14
       ยอมเป็นคนจนใช้รถติดแก๊สมีความสุข เหลือเงินไว้เที่ยวไว้กินแบบสบายใจดีกว่าครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 15
       จาก Auto
จากที่ผมเห็นเค้าเอามาซ่อมนะครับพี่ เป็น Jeep รุ่นเก่ามากกกก เป็นรุ่นที่เค้าน่าจะไว้สะสมมากกว่าแล้วครับ ไม่ใช่รุ่นที่เค้านิยมเอามาลุยออฟโรดกัน ผมเห็นยังอึ้ง(ว่ารุ่นไหนวะ)...... ที่เค้าเอามาซ่อมเพราะไปชนมา จานเบรกเจียรจนเบรกจม ไปชนเค้ามาคู่กรณียับ ผมมองดู ไม่เห็นรอยชนเลยแข็งมากกกก

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 16
       ยังไงก็ฝากไปช่วยถามไถ่กับเซลเอานะครับ ฝากกดดันกันไปเรื่อย ๆ
ถ้าต้องการให้กลับมาขายกันใหม่จริง มีความหวังเล็กน้อยก็ควรทำดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
เจอหน้าเซลก็เข้าไปถามไถ่กัน ทั้งรุ่น Hilux Extracab A/T 4wd Doublecab A/T 4wd

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 17
       ไปดูรถมา เซลก็เชียร์แต่ดีเซล

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 18
       เซลต้องเชียร์ดีเซลอยู่แล้วครับ
เพราะเป็นคำสั่งจากบริษัทแม่ให้ขายดีเซล ไม่ใช่เบนซิน อีกอย่างรับจองเบนซินเอาไว้ รถมีขายน้อยกว่าดีเซลดีไม่มีดีไม่มีรถขายเซลจะโดนด่า เปล่าๆ
เซลที่ตอบคำถามผมนั้นบอกว่า บริษัทให้พูดว่ารถ Hilux 2.7 เบนซินที่ไม่มีทำ ขับเคลื่อน 4 ล้อ 4wd ออกมาเพราะว่าแรงบิดมันน้อยกว่าดีเซลไม่เหมาะเอามาทำ 4wd เค้าจำเป็นต้องพูดกับลูกค้าแบบนี้แล้วให้ลูกค้าหันไปเลือกดีเซลแทน


ผมแทบจะถามกลับไป ว่า แล้วรถ Landcruiser New Prado วางเครื่องยนต์ 2TR-FE 2.7 vvti ตัวนี้ลงไปล่ะ รถรุ่นนี้ไม่ใช่กระจอกน่ะและส่งขายทั่วโลกและเป็นรถที่มีชื่อเสียง SUV ของ TOYOTA ที่ยังต้องเลือกเอาเครื่องยนต์ตัวนี้มาบรรจุเอาไว้เลย ใครใครก็ทราบเชื่อเสียงของรุ่นนี้
สมรรถนะของรถกับเครื่องยนต์มันก็ไปกันได้ นาทีนี้คนไปมองแค่แรงบิดน้อยกว่าคงไม่ใช่แล้วล่ะ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 19
       ยอมรับว่าเซลล์ขายรถจะแนะนำแต่ดีเซล ซึ่งเราต้องยอมรับครับว่าเครื่องดีเซลรุ่นใหม่มันน่าใช้ แต่มันไม่ประหยัดครับ ใครอยากจ่ายตังค์ค่าเชื้อเพลิงมากกว่าล่ะครับ

รถพี่สวยจังเลยครับ เห็นทีแรกนึกว่ารถถังซะอีก 555 จาก : tucky(tucky) 17/11/2554 21:52:08 [124.121.162.75]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 20
       ก็คิดว่ามาร่วมคุยกันให้ครื้นเครงละกัน ถ้าเป็นผมก็คงใช้แผนแม่บทเดียวกัน ผมก็เป็นพ่อค้าคนหนึ่งเหมือนกัน มันก็ไม่ได้คิดยากเย็นอาไร ดีดลูกคิด หาร คูณ ลบ บวก กับการตลาดระดับโลก ที่ลงทุนผลิตเครื่องดีเซลในไทย ขายดีเซลมันกว่าเยอะ โตต้าว่าอย่างนั้น.........

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 21
       แผนมันก็เป็นแบบนั้น เพราะหลายบริษัทที่เข้ามาต่างรู้ดีว่าลูกค้าคนไทยมองดีเซลไว้ก่อน จึงเข้ามาตั้งโรงงานผลิตเครื่องดีเซลด้วย
เพราะฉะนั้นเวลาขายต้องเน้นขายรถดีเซลเพื่อให้ถึงจุดคุ้มทุนที่ตั้งโรงงาน และการวิจัยลงทุนกับดีเซลที่เอามาลง
เพราะอย่าลืม ถ้าดีเซลขายในประเทศได้ก็จะมีจำนวนเพียงพอในการสต๊อกอะไหล่และจุดคุ้มทุนที่เหลือ
ถ้าดีเซลขายในประเทศไม่ได้ แล้วจะส่งไปขายใครล่ะครับ ไม่เท่ากับว่าต้องปิดไลน์ผลิตกันงั้นหรือ

ส่วนเครื่องเบนซิน 2.7 TOYOTA CORP เขามีโควต้าอยู่ว่าอนุญาตให้ขายในประเทศไทยได้กี่เครื่อง ลงกับรถรุ่นใดได้บ้าง
หลังจากนั้นก็วางแผนกันใหม่ประมาณปีต่อปี ส่วนเครื่อง V6 ไม่อนุญาตให้ขาย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 22
       ส่วนเครื่องเบนซิน 2.7 TOYOTA CORP เขามีโควต้าอยู่ว่าอนุญาตให้ขายในประเทศไทยได้กี่เครื่อง ลงกับรถรุ่นใดได้บ้าง
หลังจากนั้นก็วางแผนกันใหม่ประมาณปีต่อปี ส่วนเครื่อง V6 ไม่อนุญาตให้ขาย

เสียดาย.....น่าจะขายเครื่อง V6 บ้างจะเป็นลูกค้าหนึ่งคน

ติดเรื่องภาษีแพงมาก V6 ผลิตในญี่ปุ่น ยากที่จะตัดโควต้าให้ไทย จาก : Auto.(Auto.) 16/11/2554 13:39:23 [202.80.239.130]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 23
       ก็ได้แต่รอกันต่อไปว่าจะมีโอกาสมั๊ย ผมก็รออยู่

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 24
       วันนี้ไปดู ISUZU กับ CHEV ตัวใหม่มา
ภายในออฟชั่นการใช้งานคล้าย VIGO เลยครับ
แต่เกียร์ออโต้ เป็นเหมือนของ Pajero Sport ไม่ได้เป็นแบบขั้นบันได้
ส่วนตัวก็ยังชอบ VIGO อยู่ดี เพราะดูภายในล้ำสมัยเกินไป
คงต้องรอ 2.7 A/T ต่อไป

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 25
       ผมว่าถ้าคิดแบบ คนขับเชโรกีคันนั้นต่อไป คนรวยก้จะกลายเป็นคนจนซักวันเองหละคับ
ถามหน่อยถ้าเค้าเป็นเจ้าของบริษัทใหญ่สมมุติมีรถซัก10พอนะคับ ละวันนึงวิ่งกันกี่กม. เค้าจะผลานเงินตัวเองไปเท่าไหร่ 555
แต่ถ้าบอกคนติดแก๊สคือคนจน งั้นคนขับเบนท์ NGT ก้เป็นคนจนสิคับ
แต่ถ้าบอกว่าคนติดแก๊สเป็นคนจน ผมก็ยอมเป็นคนจนที่มากความรู้กว่าคนรวยใช้น้ำมันกับรถเซโรกีแบบนี้หละคับ

คุณอาออโต้ ผมยังสงสัยจริงๆว่า เหตุผลที่คนต่างประเทศเค้าถึงไม่นิยมใช้เครื่องยนต์ดีเซลกับรถกระบะกันแล้วเพระาอะไรคับ เพราะค่าซ่อมบำรุง...?? หรือเค้าเอาเครือ่งเบนซินไปติดแก๊สใช้งานแบบบ้านเรากันหมดคับ..?? หรือเพราะเหตุผลได้
แต่อยากรถเก่งดีเซลที่รู้ๆกันอยู่เค้าก้ยังเป็นที่นิยมอย่างที่คุณอาเคยพูด
แต่ถ้าคนต่างประเทศเค้านิยมเครื่องเบนซินกันจริงๆ ละพวกรถบรรทุกขนาดใหญ่ หรือพวกรถบัสใหญ่ เค้าใช้เครื่องเบนซินกันบ้างมั้ยคับ ยิ่งคิดยิ่งงง 555

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 26
       ถ้าเป็นในยุโรปดีเซลขายได้ครับ และตอนนี้ก็ขายดีด้วยยอดขายน่าจะมากกว่า 60% จะเป็นดีเซล พวกรถเก๋งไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ต่างก็เป็นดีเซลเกือบทั้งหมดเพราะดีเซลคอมมอนเรลได้อัตราเร่งที่ดีพละกำลังดีมากและความประหยัด ถ้าใช้เครื่องดีเซล ขนาดซัก 2000 cc พละกำลังจะมากไม่ต้องใช้เครื่องใหญ่เหมือนเครื่องเบนซินที่ต้องมีขนาดถึง 3000-3500 cc สำหรับรถแบบนี้ทนทานไม่จุกจิกถ้าเทียบกับเทคโนโลยีเบนซิน ที่วางในรถเก๋งเหมือนกันอันนี้คือรถดีเซลสำหรับรถเก๋งนะครับ ตอนนี้แม้แต่ประเทศเราเอง BMW ก็เอารถเก๋งเข้ามาจำหน่ายก็จะเป็นเครื่องดีเซล ใครต่อใครได้มีโอกาสเป็นเจ้าของจะยอมรับว่ามันเร่งดีเประหยัดน้ำมัน เสียงเงียบ คือมีความน่าใช้กว่าเบนซินมาก อันนี้สำหรับรถเก๋งครับ แต่ทว่าราคาสำหรับรถเก๋งที่วางเครื่องดีเซลแบบนี้ในบ้านเราอย่างต่ำ ก็มีฟอร์ดโฟกัส เชฟโรเลตครูส ราคามันเกิน 1 ล้านบาท แลกกับความน่าใช้ ถ้าเป็น BMW ก็ราคาตั้งแต่ 3-4 ล้านบาทขึ้นไป
ถ้ามองไปที่เก๋งระดับล่างราคาไม่แพงนักในบ้านเราก็ดันกลายเป็นเครื่องเบนซินไปอีก ทั้งนั้นเพราะว่าเครื่องดีเซลคอมมอนเรลที่วางในรถเก๋งจัดจ้านไปด้วยพลังและเทคโนโลยี การบูสต์เทอร์โบก็มากกว่า เครื่องเล็กแต่ให้พลังแรงเท่าเครื่องใหญ่ ยิ่งถ้าเครื่องทันสมัยมากอัตราการคายไอเสียยิ่งต่ำมาก ในยุโรปจะไม่มีปัญหาเลยเพราะน้ำมันดีเซลที่เป็นเชื้อเพลิงมีคุณภาพสูงมาก ราคาน้ำมันดีเซลในต่างประเทศแพงกว่าเบนซินและราคาน้ำมันในยุโรปก็ถือว่าแพง ราคามากกว่าลิตรล่ะ 50 บาท แต่คนยุโรปจ่ายได้และราคาน้ำมันก็ขึ้นลงตามตลาดโลกในสภาวะที่เป็นธรรมกับผู้บริโภค อีกอย่างคนยุโรปไม่เดือดร้อนมากนักในสภาวะราคาน้ำมันขึ้นราคาเพราะเขามีระบบขนส่งที่ดีไม่ได้พึ่งพาการใช้รถส่วนตัวมากนักในชีวิตประจำวันในการไปทำงานสามารถใช้รถสาธารณะได้ น้ำมันขึ้นราคาจึงไม่ค่อยมีผลมากนัก เขาสามารถลดการใช้น้ำมันในช่วงนั้นได้รอให้ราคาน้ำมันลดลงตามราคาตลาดโลก น้ำมันดิบในโลกนี้ตามบ่อน้ำมันได้ถูกแบ่งเป็นหลายเกรด น้ำมันดิบคุณภาพสูงที่ส่งไปขายยุโรปจะเป็นบ่อน้ำมันใน ลิเบีย มาเลเซียก็เป็นประเทศนึงที่ส่งน้ำมันคุณภาพสูงขายต่างประเทศเพราะได้ราคาที่สูงกว่าแล้วน้ำมันดิบด้อยคุณภาพจะขายเข้าโรงกลั่นในประเทศ


แต่ในทางตรงกันข้ามถ้าเป็นในบ้านเรา น้ำมันดีเซลคุณภาพต่ำไม่สามารถรองรับกับเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรลที่เป็นยูโร 5 ได้สังเกตุไหมว่า สมอ.หยุดเล่นเรื่องการควบคุมมลพิษตามมาตรฐานยูโรไปแล้ว เพราะข้อจำกัดของน้ำมันดีเซลในบ้านเรา ที่ยังหลงอยู่กับน้ำมันปาล์ม B5 ที่เครื่องคอมมอนเรลยูโร 5 รองรับไม่ได้ และถ้าจะทำให้รองรับได้โรงกลั่นจะต้องซื้อน้ำมันดิบคุณภาพสูงมาเข้าโรงกลั่นปรับสารเติมแต่งเพิ่มคุณภาพน้ำมันดีเซลเพื่อให้รองรับได้ เมื่อนั้นราคาน้ำมันดีเซลตามปกติที่แพงกว่าเบนซินอยู่แล้ว จะยิ่งมีราคาแพงกว่านี้มากนัก
สมมติฐาน
ถ้าคิดราคาน้ำมันอย่างเป็นธรรมทั้งคู่ดีเซลและเบนซิน ไม่คิดภาษีกองทุนทำให้ราคาน้ำมันแพงโอเวอร์
ถ้าเบนซิน 91 ตอนนี้ราคา 34 บาท
ถ้าเบนซิน 95 ราคาจะแพงกว่าเป็นราคา 35 บาท
ถ้าเป็นดีเซลปกติราคาจะอยู่ที่ 35-36 บาท จะแพงกว่าเบนซิน 95
ถ้าเป็นดีเซลสำหรับรถดีเซลคอมมอนเรล มาตรฐานยูโร 5 ราคาน้ำมันดีเซลจะอยู่ที่ลิตรล่ะ 38-40 บาท
คำถามที่ตามมาคือ คนที่ใช้ดีเซลยอมรับสภาพกับราคาน้ำมันที่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงได้หรือไม่ ว่าดีเซลปกติก็แพงกว่าราคาน้ำมันเบนซินอยู่แล้วถ้าไม่ได้รับการอุดหนุนและถ้าต้องปรับสภาพน้ำมันดีเซลเพื่อให้รองรับกับคอมมอนเรล ราคาน้ำมันดีเซลก็จะยิ่งพุ่งทะยานขึ้นไปอีกระดับนึง น้มัน B5 แทบจะเลิกคิดไปได้เลย จุดนี้ล่ะที่เป็นจุดแตกต่างเพราะถ้าเป็นในยุโรปเขารับสภาพได้ในการที่ต้องจ่ายเงินแพงกว่าในการซื้อรถยนต์เครื่องดีเซล และยินดีที่จะจ่ายราคาน้ำมันที่แพงกว่าคนที่ใช้เบนซินเพราะตัวเองเลือกที่จะซื้อเครื่องดีเซลมาแล้วและ Lifetime หรือระยะเวลาการใช้รถยนต์ของเขาจะอยู่ประมาณ 10 ปีก็จะทิ้งรถคันนั้นไปเลย ไม่ว่าดีเซลหรือเบนซิน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 27
       ความจริงคือบ้านเราและประเทศส่วนใหญ่ซื้อน้ำมันจากซาอุ ยูเออี บาห์เรน ซึ่งไม่ใช่แหล่งน้ำมันดิบคุณภาพสูงของโลก ต้นทุนน้ำมันดิบไม่มากนัก เมื่อนำมากลั่นเป็นน้ำมันสำเร็จรูป อย่างที่รู้กันอยู่ว่าเาจะได้น้ำมันเบนซินที่เยอะกว่าราคาถูกกว่า น้ำมันดีเซลน้อยกว่าราคาแพงกว่า ความจำเป็นในการใช้เครื่องดีเซลสำหรับประเทศที่กำลังพัฒนานอกจากใช้เพื่อการขนส่งแล้วดูจะไม่มีความหมายจำเป็นนักที่ต้องสรรหาน้ำมันดีเซลคุณภาพสูงเพื่อรองรับกับรถยนต์ดีเซลหรูหราราคาแพง ถ้าใช้น้ำมันเบนซินซึ่งเดี๋ยวนี้หาง่ายคือตั้งแต่ 87-91 ขอให้เป็นน้ำมันเบนซินเอาอะไรยัดลงถังรถก็วิ่งได้ทั้งนั้น
อีกทั้งในประเทศที่ราคาน้ำมันระหว่างดีเซลและเบนซินไม่ได้ต่างกันมากเหมือนบ้านเรา ถ้าเราลองคำณวนดีดีจะเห็นว่าไม่มีความจำเป็นที่เราต้องไปจ่ายราคาแพงกว่าเพื่อจะเลือกเครื่องดีเซลมาใช้งงานแต่อย่างใด


แล้วก็ประเทศอื่นๆ เขาไม่ได้มีอู่ซ่อมรถยนต์มากมายทันสมัยเหมือนในบ้านเรา ถ้าความคุ้นเคยสามารถซ่อมเบนซินได้ง่ายกว่า เสียหายน้อยกว่า รถจุกจิกน้อยกว่า อะไหล่ก็ไม่ได้แพงกว่ารถดีเซลคอมมอนเรล ความน่าใช้ยังไงก็ตกอยู่กับเบนซิน ในตะวันออกกลางมันมีอู่ซ่อมแต่ทว่าการซ่อมรถมันไม่ได้ง่ายบ้านเรา ซ่อมแต่ล่ะทีรอกันนานมากจนอยากจะต้องซื้อรถใหม่มาไว้อีกคัน แทนที่จะหันไปหาดีเซลที่ซ่อมยากกว่าแพงกว่าก็เอาเบนซินไม่ดีกว่าหรือ


ในรถบรรทุกน่ะไม่ทราบแต่เห็นเขาก็ยังใช้ดีเซลกันอยุ่ แต่เชื่อหรือไม่ว่าในอดีตบ้านเราประมาณ -40 ปีผ่านมาแล้ว ปตท เคยให้อาจารย์จุฬาค้นคว้าการเอา LPG มาใช้เป็นเชื้อเพลิงกับรถโดยสาร แต่ทว่าตอนนั้นด้วยราคาน้ำมันที่ยังถูกอยู่มากและผลประโยชน์ทับซ้อนกันจึงล้มโครงการออกไป

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 28
       ถ้าพูดสั้นๆง่ายๆ แถบตะวันออกกลางเค้านิยมเครื่องยนต์เบนซินขนาดใหญ่ เพื่อความทนทานเนื่องจากการซ่อมบำรุงที่ลำบากโดยไม่มองเรื่องการประหยัดของเชื้อเพลิงหรือประหยัดเงินแต่อย่างใด ใช่มั้ยคับคุณอา...

ละในเรื่องเครื่องดีเซล ผมยังสงสัยว่า ที่เครื่องยนต์ขนาดเล็กของรถเก่ง มีความทนทานไม่จุกจิกเมื่อเทียบกับเบนซินแล้ว แต่ทำไมเครื่องยนต์ดีเซลในรถกระบะบ้านเราถึงกลับกายเปนจุกจิกกว่าเครื่องเบนซินหละคับ ทั้งๆที่มันก็มีระบบเทอโบว์คอมมอนเรล เหมือนกัน หรือว่าเป็นเพราะเกรดน้ำมันเป็นสาเหตุหลัก
และเครื่องยนต์ดีเซลที่ผมเห็นในรถเก่งบ้านเราก็มีหลายยี่ห้อมาก เช่น ออดี้A3 ของMTM โฟร์คพาสสาด โฟร์คตู้TDi บีเอ็ม520d 525d เบนท์E220 E250CDI ฟอร์ดโฟกัส ซึ่งเครื่องยนต์รถพวกนี้ก้ไม่ได้มีซีซีที่น้อยไปกว่าเครื่องเบนซินกันเลยนะคับ มันก็พอๆกัน แต่สงสัยว่าทำมัยคุณอาบอกใช้เครืองยนต์เล็กกว่า
และพอผมยิ่งคิดผมก็สงสัยอีกว่าในเมื่อรถเก่งเครื่องดีเซลมีอัตราเร่งดีมากแล้ว ทำไมรถแข่ง หรือพวกรถสปอร์ตยังนิยมเครื่องเบนซินอยู่ ไม่พัฒนาดีเซลออกมาแข่งกันนะคับ หิหิ ข้อนี้ผมคิดเล่นๆ

ที่ผมถามนี่ ไม่ได้ต้องการดิสเครดิตคุณอาหรืออะไรนะคับ เพียงแต่ว่าสงสัยจริงๆและคล่องใจมานานแล้ว
แต่ถ้ามุมมองผมตอนนี้ ผมจะซื้อรถใหม่ซักคัน ถ้าเป็นกระบะก็คงจะเป็นเบนซินติดแก๊ส แต่ถ้าเป็นรถเก่งก็คงคิดยากอยู่ดีระหว่างดีเซลกับเบนซินติดแก๊ส เพราะความประหยัดพอๆกัน แต่ในเรื่องความทนทานผมไม่มีความรู้จริงๆคับ

อย่าง F1 เครื่องไม่เกิน 2500cc ไม่มีระบบอัดอากาศ ถ้าใช้เครื่องดีเซลรอบไม่จัดน้ำหนักก็เยอะไง จาก : Aod SRT(Aod SRT) 20/11/2554 12:44:21 [111.235.70.29]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 29
       ทางตะวันออกกลางและอีกหลายประเทศใช้น้ำมันดีเซลไม่ได้มีคุณภาพสูงเหมือนยุโรป ถ้าในตะวันออกกลางภาระค่าน้ำมันไม่ใช่ปัญหาหลักเพราะราคาน้ำมันบ้านเขามันมีราคาถูก ถ้ารถ 2 คันเปรียบเทียบกันแรงม้าแรงบิดเท่ากันหมดทุกอย่างใครจะไปยอมขับดีเซลล่ะครับ
เมื่อกอ่นผมเคยเปรียบเทียบสมการให้เห็นง่าย ๆ ในเวปเรานี่แหละ อย่าเพิ่งแข็งใจหรือพยายามยกข้ออ้างข้อดีของดีเซลขึ้นมา
ถ้ามีรถ 2 คันเปรียบเทียบ เอา Hilux นี่แหละรุ่นใดรุ่นนึง ถ้ารถ รุ่นนี้มีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 เครื่องยนต์
ดีเซล 3.0 คอมมอนเรล 163 แรงม้า ให้เป็น 173 แรงม้าเลยเอา
กับอีกตัวนึงเป็นเครื่อง 1GR-FE V6 4000 cc ให้แค่ 250 แรงม้าก็พอสำหรับเครื่องตัวนี้
รถ 2 คันนี้ให้ผู้ใช้เลือกเอาไปใช้นะครับ ใช้ฟรี เติมน้ำมันฟรีตลอดอายุการใช้งาน ด้วยปัจจัยดังกล่าวเราคงพอทราบคำตอบคร่าว ๆ แล้วนะครับว่าคำตอบจะออกมารูปแบบไหน เพราะไม่มีใครเลือกเครื่องดีเซลมาใช้แน่นอนทุกคนรู้หมด และการที่ทุกคนยกเครื่องดีเซลมาอ้างโน่นอ้างนี่เพราะเรื่องหลักคุณคำนึงถึงราคาน้ำมันที่ต้องจ่ายในแต่ล่ะวัน
ในต่างประเทศที่เขาใช้มันจะมีปัจจัยคล้าย ๆ แบบนี้แหละ คือการซื้อรถคันนึงถ้าคุณคิดจะซื้อเครื่องดีเซลคอมมอนเรล
คุณต้องจ่ายแพงกว่าในการซื้อรถ (แพงกว่ามาก) และเมื่อซื้อแล้วก็ต้องจ่ายราคาน้ำมันดีเซลแพงกว่า เพราะต่างประเทศดีเซลแพงกว่าเบนซินและถ้าเป็นน้ำมันดีเซลระดับสูงขึ้นราคายิ่งแพงเพราะแหล่งซื้อน้ำมันดิบยิ่งหายากแพงกว่าเพราะฉะนั้นประเทศที่นิยมดีเซลเป็นหลักจึงมีแต่ในยุโรปมากกว่าประเทศอื่น ๆ



แต่ถ้าเป็นในไทยราคาดีเซลโดนกดราคาต่างกับเบนซิน 7 บาทกว่า มันเป็นไปได้ยังไง แน่นอนว่ารถเหมือนกัน การเลือกเครื่องเบนซินจึงเสียเปรียบกว่ากันเห็นๆ ในเรื่องการจ่ายค่าเชื้อเพลิงความนิยมจึงตกอยุ่กับเครื่องดีเซล
แล้วก็มีปัจจัยเรื่องเครื่องยนต์และภาษีมาเกี่ยวเนื่องจากซีซียืิ่งมากภาษียิ่งแพง ราคารถยิ่งสูงจนทำตลาดยาก แรงม้ายิ่งมาก ยิ่งโดนภาษีหนักจุดนี้เบนซินจึงยิ่งเสียเปรียบกว่าเห็น ๆ ในบ้านเรา


ดีเซลรถเก๋งทำไมน่าใช้กว่าเบนซินรถเก๋ง ให้ลองดูราคารถเก๋งที่เอาเครื่องดีเซลมาวางซิครับแน่นอนว่าดีเซลเหมือนกัน แต่สิ่งที่ต่างกันย่อมมี
การจะเอาเครื่องดีเซลคอมมอนเรลมาใช้ในรถเก๋ง มันมีความต่างกันอยู่เรื่องการใช้งานด้วยเพราะถ้าเป็นรถบรรทุกคำตอบแน่นอนคือบรรทุก
แต่ถ้าเอาวางในรถเก๋งได้ทั้งอัตราเร่งและความประหยัดที่ต่างกันมากเพราะรถเก๋งเบากว่า ไม่ได้ทดเกียร์เพื่อการบรรทุกยังไงก้ประหยัด คนใช้งานรถเก๋งคือแนว soft แต่การใช้งานรถบรรทุกมันก็คือการบรรทุกและหนักหน่วงกว่า

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 30
       BMW 520 D จัดเป็นรถน่าใช้มากมาก ๆ แน่อนว่าคนซื้อบีเอ็มเวลานี้ต้องมองที่เครื่องดีเซล
แต่ราคารถแบบนี้แพงมาก หลายล้านบาทเกินกว่าคนธรรมดาที่ฝันถึงดีเซลคอมมอนเรลจะเอื้อมถึงง่าย ๆ
เทียบกับปิคอัพที่วางดีเซลเหมืนกันปิคอัพราคาหลักแสนบาท เครื่องยนต์จะให้สมรรถนะยอดเยี่ยมเหมือนกับดีเซลของ BMW คงเป็นไปไม่ได้แต่ด้วยราคาปิคอัพแบบนี้คนทั่วไปเป็นเจ้าของง่าย

ซ๊ซีรถถ้ารถเทียบซีซีเดียวกันคือ 2000 ซีซีเท่ากัน รถเบนซินให้อัตราเร่งด้อยกว่าและกินน้ำมันมากกว่า
สังเกตุไหมล่ะสมรรถนะความประหยัดดีเซลจะได้เปรียบกว่า อย่างเชฟโรเลตแคปติว่าเครื่อง 2.4 อืดกินน้ำมันแต่ดีเซลดีกว่าน่าเล่นกว่า
ฟอร์ดโฟกัสก็เหมือนกันซีซีเครื่องเบนซินและดีเซลพอพอกันแต่เบนซินรถพวกนี้ด้อยกว่า
แต่การจะให้เบนซินพวกนี้มีสมรรถนะเท่าดีเซลต้องเพิ่มซีซีให้เกินกว่านี้อีก


พวกรถแข่งเค้าก้เป็นดีเซลกันเยอะแล้วนา
ผมให้ดูในดาการ์แรลลี่ในกระทู้เก่า ๆ เรานี่แหละ เวปเดียวที่เอามาโชว์ Hilux Vigo ที่ลงแข่งในดาการ์อาจาร์เจนติน่า ชิลีเป็นรุ่นดีเซล 3.0 ทั้งนั้นเลย

แสดงความคิดเห็นย่อย