คำตอบที่ 1
       ต่างกันครับ ในกระทู้ที่เคยรายงานไว้ตอนผมคุยกับอาจารย์รุ่งนั้นแจ้งไว้ดังนี้

1.ถ้าเป็นน้ำมันเบนซินจะอยู่ที่ 400 + - องศา
2.ถ้าเป็น LPG จะอยู่ที่ 500 + องศา
3. ถ้าเป็น NGV อยู่ที่ 600 -700 องศา

การสึกหรอจึงต่างกันด้วย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2
      

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 3
       ขอบคุณครับคุณ Auto รบกวนอีกนิดนึงครับ หมายถึง องศา C* หรือ องศา F*ครับ แล้วความร้อนสูงมีผลต่อการเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติของอุปกรณ์บางชนิด รวมถึงสายไฟ หรือไม่อย่างไรครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 4
       เป็นองศา C ครับ ในห้องเผาไหม้ ที่ว่าเสื่อมนี่คือวาล์ว บ่าวาล์ว ฝาสูบ หมวกวาล์ว อะไรพวกนี้ครับ
จะเกิดการสึกหรอมากกว่าตอนใช้น้ำมันเพราะความร้อนที่ไปบั่นทอนมันลงไป
รถเก๋ง หลายรุ่นและรถเล็กอย่างอีโคคาร์จึงติดแก๊สไม่ได้ผลดีเหมือน 2.7 เพราะยังต้องมีค่าซ่อม ค่าเสื่อมของรถ มาก ทำให้ไม่คุ้มถ้าติดแก๊ส

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 5
       แล้วพวกสายไฟกับอุปกรณ์พ่วงต่อต่างๆจะเสื่อมเร็วขึ้นหรือเปล่าครับ(ผลจากความร้อน)เห็นมีข่าวรถติดแก๊สขับอยู่ดีๆแล้วมีควันออกมาแล้วเกิดไฟไหม้ตามมาทีหลัง อยู่บ่อยๆ ไม่ทราบสาเหตุจากส่วนนี้หรือเปล่าครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 6
       อุปกรณ์อื่น ๆ ภายในห้องเครื่องไม่ได้มีผลมากนักครับ เพราะว่าความร้อนที่ร้อนขึ้นมันอยู่ในห้องเผาไหม้มากกว่า
หลังจากนั้นก็ถูกระบบหล่อเย็นทำหน้าที่ระบายความร้อนออกไป เกจ์ความร้อนอยู่เท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่วัดจากสมาร์เกจ์จะร้อนขึ้นมาบ้าง
ห้องเครื่องรู้สึกว่าร้อนขึ้นบ้างนิดหน่อย เท่านั้น การเสื่อมของอุปกรณ์มาจากอายุและความร้อน
เราจะป้องกันหรือชะลอความแก่ของอะไหล่เหล่านี้คือเปิดฝากระโปรงหน้ารถหลังจากถึงที่หมายแล้วจะช่วยได้ระดับนึงทีเดียว เพราะว่าความร้อนจะถูกระบายออกไปง่าย ๆ รวดเร็วไม่อบอวลภายในห้องเครื่อง สายไฟจะไม่กรอบ แต่อย่างไรก็ดีก็ขึ้นกับอายุด้วย
และก็ TOYOTA ทุกรุ่นมีจุดอ่อนที่แผงฟิวส์ห้องเครื่องยนต์ถ้าอายุรถเกิน 15 ปีแล้ว วงจรฟิวส์จะละลาย เป็นแทบทุกคันเลยก็ว่าได้

แสดงความคิดเห็นย่อย