WeekendHobby.com
เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


ดีเซลพุ่งทุบยอดปิกอัพ3.0L ลูกค้าทิ้ง-รถมือสองราคาตก

จาก Auto
IP:61.90.149.126

พฤหัสบดีที่ , 19/6/2551
เวลา : 19:27

อ่านแล้ว = ครั้ง
 เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งตรวจสอบกระทู้
 แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน ส่งหาเพื่อน

       ดีเซลพุ่งทุบยอดปิกอัพ3.0L ลูกค้าทิ้ง-รถมือสองราคาตก

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 19 มิถุนายน 2551 11:21 น.


ข่าวในประเทศ - ราคาน้ำมันดีเซลพุ่งพ่นพิษ! สะเทือนตลาดปิกอัพและเครื่องยนต์ดีเซลที่มีขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นรถเก่าและใหม่ป้ายแดง “อีซูซุ” เผยปิกอัพเครื่อง 3.0 ลิตร จากที่เคยเป็นตลาดใหญ่ ปัจจุบันลดสัดส่วนเหลือเพียง 40% ลูกค้าหันไปซื้อเครื่อง 2.5 ลิตรแทน แต่ยังไม่เชื่อเทรนด์ปิกอัพเครื่องยนต์เล็กกว่านี้จะมาแทนได้ ขณะที่ตลาดรถหรูไม่ต่างกัน “เมอร์เซเดส-เบนซ์” รับยอดขายวูบ 20% ส่วน “ขวัญชัย” เจ้าพ่อมอเตอร์เอ็กซ์โประบุชัด ปัจจุบันลูกค้าแห่คืนปิกอัพรุ่น 3.0 ลิตร อัดนโยบายรัฐตั้งแต่อดีตเป็นต้นมา ช่วยกันปกปิดโครงสร้างแท้จริงของราคาน้ำมันดีเซล ทำให้ประชาชนเข้าใจและเกิดพฤติกรรมการซื้อรถผิดๆ ซึ่งผลกระทบจากราคาน้ำมันดีเซลแพง และจ่อแซงราคาน้ำมันเบนซินเร็วๆ นี้ ยังทำให้ตลาดรถมือสองป่วนไปหมด ราคารับซื้อตกลงถึง 50,000-100,000 บาท ยอดขายร่วงระนาว มีแต่คนขายไม่มีคนซื้อ แต่งานนี้วงการค้าเชียงกงได้รับอานิสงส์ เครื่องยนต์เบนซินขายดิบขายดี โดยเฉพาะบล็อก 1JZ จนไม่เพียงพอกับความต้องการ เหตุบรรดารถตู้แห่ซื้อไปวางเครื่องใหม่ สำหรับติดตั้งแก๊ส LPG และ NGV ทำให้รถตู้โดยสารมีต้นทุนเพียง 1 บาทกว่าต่อกิโลเมตรเท่านั้น





การปรับตัวทำนิวไฮต์ในแต่ละวันของราคาน้ำมัน ได้ส่งผลกระทบไปทั่วทุกภาคส่วน ทำให้ประชาชนต้องมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นอย่างมาก ดังจะเห็นได้จาการการเลือกซื้อรถยนต์นั่ง หรือเก๋ง ที่ผู้บริโภคหันไปนิยมรถขนาดเล็กมากขึ้นเรื่อยๆ ตามที่ “ผู้จัดการมอเตอริ่ง” ได้รายงานไปแล้ว แต่การที่ราคาน้ำมันดีเซลดีดตัวทะลุกว่า 42 บาทต่อลิตร ใกล้เคียงและจ่อแซงหน้าน้ำมันเบนซินในเร็วๆ นี้ ทำให้ส่งผลต่อปิกอัพที่เป็นตลาดรถใหญ่สุดของไทย รวมถึงรถเครื่องยนต์ดีเซลอื่นๆ ด้วย

ไพบูลย์ ภู่เจริญ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ตรีเพชรอีซูซุ เซลส์ จำกัด เปิดเผย “ผู้จัดการมอเตอริ่ง”ว่า ตลาดปิกอัพมีการเปลี่ยนแปลงมาระยะหนึ่งแล้ว ตั้งแต่ราคาน้ำมันเริ่มมีการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงที่น้ำมันดีเซลราคาปรับเพิ่มเรื่อยๆ จนปัจจุบันระดับเดียวกับราคาน้ำมันเบนซินไปแล้ว ส่งผลให้ลูกค้าส่วนใหญ่เปลี่ยนพฤติกรรมใหม่ จากที่เคยนิยมปิกอัพเครื่องยนต์ขนาด 3.0 ลิตร กลับหันไปเลือกซื้อปิกอัพหรือรถที่มีขนาดเครื่องยนต์เล็กลงแทน

“เดิมสัดส่วนยอดขายปิกอัพอีซูซุเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร จะอยู่ที่ประมาณ 60% ที่เหลือจะเป็นปิกอัพขนาด 2.5 ลิตร ซึ่งจะเป็นกลุ่มที่ใช้งานในภาคขนส่ง แต่ผลจากราคาน้ำมันดีเซลปรับขึ้นต่อเนื่อง ทำให้สัดส่วนยอดขายปิกอัพขนาด 2.5 ลิตร ขยายตัวเป็น 60% แทนปิกอัพเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร ทั้งที่จริงๆ แล้วก็ไม่ได้มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันแตกต่างกันมากเท่าใด โดยลูกค้าที่เปลี่ยนไปจะเป็นกลุ่มที่ซื้อปิกอัพรุ่นกลางๆ อย่างรุ่นมีแค็บ ขณะที่กลุ่มบนพวกปิกอัพขับเคลื่อน 4 ล้อ หรือรุ่นท็อป ฐานลูกค้ายังไม่เปลี่ยนแปลงไปนัก เพียงแต่กลุ่มนี้จะมีจำนวนน้อยกว่าลูกค้าที่เลือกซื้อรถรุ่นระดับกลางๆ เท่านั้น ทำให้ปัจจุบันสัดส่วนของตลาดปิกอัพเปลี่ยนไป แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไรเพราะเราได้ปรับไลน์การผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าแล้ว”





ส่วนผลกระทบจากราคาน้ำมันดีเซลปรับขึ้น จะทำให้แนวโน้มตลาดปิกอัพหันมานิยมเครื่องยนต์เล็กลง หรือต่ำกว่า 2.5 ลิตรหรือไม่ นายไพบูลย์ให้ความเห็นว่า… “ดูพฤติกรรมการใช้งานของลูกค้าในไทยแล้ว ไม่น่าจะลงต่ำไปกว่านั้น เพราะเครื่องยนต์เล็กหากจะต้องบรรทุก หรือใช้งานหนักๆ แทนที่จะประหยัดกลับมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากขึ้นอีก ยิ่งไปเพิ่มแรงม้าในเครื่องยนต์ที่เล็กมาก ก็ยิ่งทำให้กินน้ำมันมากกว่าปกติเข้าไปอีก”

สมพงษ์ ผลจิตจรูญ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ทาทา มอเตอร์ส จำกัด เปิดเผยว่า ผลจากราคาน้ำมันแพงทำให้พฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยน โดยหันมาซื้อปิกอัพที่มีขนาดเครื่องยนต์เล็กลง ดังจะเห็นได้จากปัจจุบันสัดส่วนตลาดปิกอัพเครื่องยนต์ขนาดเล็กมีอัตราเพิ่มขึ้นสูงมาก

“จากสถานการณ์ปัจจุบันทำให้ปิกอัพทาทา ซีนอน ที่มีเครื่องยนต์ขนาดเพียง 2.2 ลิตร แต่ด้วยเทคโนโลยีทันสมัยจึงให้กำลังมากถึง 140 แรงม้า และมีอัตราสิ้นเปลื้องเชื้อเพลิงที่ต่ำ ได้รับความสนใจจากลูกค้ามากขึ้นเรื่อยๆ จึงคาดว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายการขายที่ตั้งไว้ปีแรกไม่ต่ำกว่า 5,000 คัน และปลายปีก็จะมีรุ่นเครื่องยนต์ใช้พลังงานก๊าซธรรมชาติสู่ตลาดด้วย”

ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธาน บริษัท สื่อสากล จำกัด และประธานจัดงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 25” หรืองานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2008 เปิดเผยว่า จากการพูดคุยกับผู้จำหน่ายรถยนต์ ได้มีลูกค้าจำนวนหนึ่งได้คืนจองปิกอัพที่มีเครื่องยนต์ 3.0 ลิตรแล้ว เนื่องจากไม่สามารถสู้กับราคาน้ำมันดีเซล ที่ปัจจุบันปรับตัวสูงขึ้นเทียบเท่ากับน้ำมันเบนซินได้

“ปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากการปกปิดโครงสร้างราคาน้ำมันดีเซลที่แท้จริงของรัฐบาลตั้งแต่อดีตมาแล้ว ทั้งที่ราคาน้ำมันดีเซลในตลาดโลกแพงกว่าเบนซินอยู่แล้ว แต่การเข้ามาสนับสนุนทำให้ราคาดีเซลในไทยถูกกว่าเบนซินมาตลอด จนเกิดความเข้าใจผิดในหมู่ประชาชน เมื่อวันหนึ่งไม่สามารถทนแบกรับภาระได้อีกต่อไป ที่สุดราคาน้ำมันที่แท้จริงของดีเซลก็ถูกเผยออกมาจนสูงกว่าเบนซิน สุดท้ายก็เกิดปัญหากับตลาดเครื่องยนต์ดีเซล รวมถึงรถมือสองของไทยด้วย”





สำหรับสถานการณ์ตลาดรถมือสอง จากการสำรวจของ “ผู้จัดการมอเตอริ่ง” พบว่า ขณะนี้รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลกำลังประสบกับปัญหายอดขายไม่วิ่ง เนื่องจากลูกค้าหันมาสนใจเลือกซื้อรถเครื่องยนต์เบนซินแทน เพื่อนำไปติดแก๊สใช้งานแทน โดยราคารับซื้อปัจจุบันของปิกอัพเครื่องยนต์ดีเซล ลดลงถึงคันละประมาณ 50,000 บาท

“ปัจจุบันรถดีเซลยอดขายไม่เดินเลย มีแต่คนขาย รถบางรุ่นเคยตีราคากันอยู่ประมาณ 250,000 บาท เมื่อ 2-3 สัปดาห์ก่อน หรือบางครั้งก็อาจจะซื้อไม่ได้ เพราะลูกค้าไม่ตัดสินใจขาย แต่ขณะนี้รุ่นเดียวกันตีราคาประมาณ 200,000 บาท ลูกค้าก็พร้อมที่จะปล่อยรถเลยทันที หากพ่อค้ารายใดไม่แลกเปลี่ยนข้อมูลราคากลางกัน อาจจะทำให้ซื้อรถผิดราคาได้” นายธนศักดิ์ สุภาพล พ่อค้ารถยนต์มือสองกล่าว

พิตินันทน์ กฤษดาธานนท์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.เค. คาร์ พลาซ่า จำกัด ผู้จำหน่ายรถเบนซ์มือสองรายใหญ่ เปิดเผยว่า ยอดขายของรถเบนซ์มือสองเครื่องยนต์ดีเซล เริ่มชะลอตัวอย่างมาก ทำให้ต้องลดราคาต่ำลงจากเดิมที่เคยขายถูกว่าเครื่องยนต์เบนซินประมาณคันละ 200,000 บาท กลายเป็นส่วนต่างถึง 300,000 บาท ทำให้ราคารับซื้อเข้ารถเบนซ์เครื่องยนต์ดีเซลก็ลดลงประมาณ 50,000-100,000 บาทต่อคันเช่นกัน

“ราคาน้ำมันดีเซลสูงขึ้นเทียบเท่าน้ำมันเบนซิน ส่งผลกระทบต่อยอดขายรถเบนซ์เครื่องยนต์ดีเซลมาก เรียกได้ว่า ลูกค้าแทบจะไม่เล่น หากเราไม่ลดราคาให้ต่ำกว่ารุ่นเบนซินมากพอ ขณะนี้ในรถปีเดียวกันเครื่องยนต์ดีเซลต้องถูกกว่าเบนซิน 300,000 บาทต่อคัน ลูกค้าจึงจะสนใจ”

ส่วนค่ายรถหรู “เมอร์เซเดส-เบนซ์” ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดีเซลเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน จากการเปิดเผยของ สเตฟาน เมอบิอุส รองประธานฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ว่า ยอดขายรถยนต์เครื่องยนต์ดีเซล รวมทุกรุ่นของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ตกลงมาประมาณ 20%

“ลูกค้าของเราในรุ่นอี-คลาส มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหันมาเลือกใช้รถรุ่น E200 NGT มากขึ้น เนื่องจากใช้เชื้อเพลิงได้ทั้งน้ำมันเบนซินและก๊าซเอ็นจีวี(NGV) ที่มีราคาถูก โดยขณะนี้มีสัดส่วนการขายสูงกว่า 50% ของยอดขายรุ่นอี-คลาสทั้งหมด และการที่ยอดขายของรถดีเซลลดลง ยังเป็นผลมาจากรุ่นซี-คลาส ใหม่ไม่มีเครื่องยนต์ดีเซลออกจำหน่าย ทั้งนี้ในอนาคตจะนำออกมาจำหน่ายหรือไม่ ยังรอทิศทางของตลาดก่อน”





อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์น้ำมันดีเซลราคาสูงขึ้น ยังมีกลุ่มผู้ประกอบการที่ได้รับผลดีจากเรื่องกล่าวคือ กลุ่มผู้ค้าเครื่องยนต์เก่า(มือสอง)จากญี่ปุ่น หรือเชียงกง ที่ปัจจุบันมีลูกค้ากลุ่มผู้ประกอบการรถตู้โดยสารหันมาเลือกใช้เครื่องยนต์เบนซินบล็อกเจแซด (JZ) ของโตโยต้ากันเป็นจำนวนมาก จนเครื่องยนต์ขาดตลาดและมีราคาถีบตัวสูงขึ้น

สำหรับเครื่องยนต์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด คือ เครื่องเบนซินรหัส 1 เจแซด ขนาด 2.5 ลิตร ทั้งฝาขาว(เก่า)และฝาดำ(ใหม่) จากราคาเครื่องละประมาณ 8,000 – 12,000 บาท (ไม่รวมค่าแรงเปลี่ยนเครื่อง) เมื่อปีที่แล้ว ช่วงเวลานี้ราคาขึ้นมาถึงเครื่องละ 15,000- 20,000 บาท ซึ่งหากเป็นเครื่องรุ่นใหม่ และสภาพดีหน่อยราคาจะสูงเกินกว่า 2 หมื่นบาท ขณะที่เครื่อง 1 เจแซด รุ่นมีเทอร์โบ กลับไม่ได้รับความนิยม เนื่องจากมีอัตราการบริโภคน้ำมันสูงกว่าเครื่องรุ่นไม่มีเทอร์โบ ซึ่งกลุ่มผู้ประกอบการณ์รถตู้โดยสาร จะเปลี่ยนจากเครื่องยนต์ดีเซลเดิมเป็นเครื่องยนต์เบนซิน แล้วนำไปติดแก๊สไม่ว่าจะเป็นแบบแอลพีจี (LPG) หรือเอ็นจีวี (NGV) เพื่อทำให้ต้นทุนการวิ่งต่อกิโลเมตรถูกลง

“แม้ว่าเครื่อง 1JZ จะดูเหมือนว่ามีขนาดใหญ่ และบริโภคน้ำมันในอัตราสูง แต่จริงๆ แล้วพอดีกับความต้องการของกลุ่มรถตู้ เนื่องจากรถตู้จำเป็นต้องใช้เครื่องยนต์ที่มีกำลังมากพอ หากใช้เครื่องเบนซินที่มีขนาดเล็กจะทำให้รถวิ่งไม่ออก และเมื่อติดแก๊สแล้วต้นทุนการวิ่งจะอยู่เพียงกิโลเมตรละ 1 บาทกว่าเท่านั้น” แหล่งข่าวจากอู่รับติดตั้งเครื่องยนต์และแก๊สรถยนต์กล่าว

นี่คือทิศทางตลาดปิกอัพ หรือรถเครื่องยนต์ดีเซลในไทย ที่ได้รับผลกระทบจากจากราคาน้ำมันแพง ซึ่งขณะนี้บริษัทรถยนต์กำลังจับตามองการเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิด และที่ควรจะต้องทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ คือภาครัฐหรือผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดทิศทางการใช้พลังงานให้สอดคล้องความเป็นจริงมากที่สุด ไม่ใช่คิดนโยบายอะไรได้ก็บังคับประชาชน หรือผู้ประกอบการให้ปฏิบัติทันที โดยไม่ได้ศึกษาละเอียดให้รอบคอบ สุดท้ายก็ไม่ต่างจากนโยบายไม้หลักปักเลนแต่อย่างใด!!


http://www.manager.co.th/Motoring/ViewNews.aspx?NewsID=9510000071765



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

แจ้งเพื่อเก็บขึ้นกระทู้พิเศษ คลิ๊กที่นี่แจ้งเพื่อนำขึ้นกระทู้พิเศษ

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  

คำตอบที่ 1
       ขอบคุณสำหรับข่าวสารครับ
กำลังตามไปเป็นสมาชิกTOYOTA 2700 CLUB คร้าบบบบบบบบ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

mengmos จาก ไพบูลย์ 117.47.99.25 พฤหัสบดี, 19/6/2551 เวลา : 21:08  IP : 117.47.99.25   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 249

คำตอบที่ 2
       'นนี้ไม่เปลี่ยไปเล่นแก๊ส ก็ซื้อ ทาทา 2.2 ลิตรกันตรึม



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Tommy_Prerunner จาก Tommy_Prerunner 118.173.158.60 ศุกร์, 20/6/2551 เวลา : 09:42  IP : 118.173.158.60   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 311

คำตอบที่ 3
       ราคาตกมากครับ บางร้านก็ไม่รับซื้อ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก phong src 222.123.116.193 อาทิตย์, 29/6/2551 เวลา : 21:12  IP : 222.123.116.193   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 875

คำตอบที่ 4
       ผมปล่อยไปแล้วอ่ะ เสียดายเหมือนกันเป็นรถคันแรกในชีวิตเลย(D4D3000 4Wd) ตอนนี้ไปอยู่ตจวแล้วไอ้เสือน้อย



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก MangoCraZy 203.118.104.152 อาทิตย์, 29/6/2551 เวลา : 22:26  IP : 203.118.104.152   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 880

      

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  



website รองรับการใช้งานทุกระบบปฏิบัติการของ PC Tablet SmartPhone ทุกระบบสามารถโพสข้อความและรูปภาพได้โดยไม่ต้องย่อไฟล์
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ website WeekendHobby.Com สมาชิก เท่านั้น จึงจะตั้งกระทู้ หรือ ตอบกระทู้ได้ครับ
Login Click ที่นี่
สมัครสมาชิก Click ที่นี่



Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วันศุกร์,19 เมษายน 2567 (Online 3035 คน)