คำตอบที่ 1
       คันนี้น่าจะจบราคาที่52k เสียดายที่คนซื้อไม่ได้เอาไปใช้จริง (รับไปขายเต้นท์)

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2
       เดี๋ยวนี้ประมาณ 6-7 ปีที่ผ่านมาธุรกิจเต๊นท์รถมือ 2 มันมีการเปลี่ยนรูปแบบไป เพราะต้องปรับตัวตามสภาพสังคมและเศรษฐกิจ
สังคมออนไลน์เข้ามามีบทบาทมากขึ้นการซื้อขายสินค้ามีโอกาสเข้าถึงคนกลุ่มใหญ่มากขึ้น คนเชียงใหม่ สามารถเห็นรูปรถที่อยู่ในกรุงเทพ หรือภูเก๊ต ได้ง่ายขึ้นการซื้อขายวงกว้างมีมากขึ้น เต๊นท์รถต้องปรับตัวตามสังคมออนไลน์

คนเดี๋ยวนี้เปิดราคารถที่ขายในเต๊นท์ เท่าไหร่ก็เอามาขายกันเองได้ง่าย ไม่ต้องเอารถไปขายในเต๊นท์ให้เขากดราคาอีก เพราะสังคมมันเปิดกว้างขึ้น


แต่ในขณะเดียวกันเต็นท์รถก็มีปัญหาในการรับซื้อรถ หรือขายรถ เข้ามาด้วย เพราะลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้นในการซื้อรถ และขายรถคือไม่มีการพึ่งพาเต๊นท์รถเหมือนอดีต คือไปหาซื้อรถบ้านเองง่ายขึ้นมีโอกาสเลือกรถง่ายขึ้น ทำให้ลูกค้าเข้าเต๊นท์น้อยลง การหารถมาขายในเต๊นท์ก็ยากตามไปด้วยเพราะคนส่วนใหญ่ไม่ขายเต๊นท์แล้ว แต่ไปตั้งขายกันเอง การที่เต๊นท์จะหาซื้อรถมาขายทำกำไรเขาก็หาจากคนขายตามเนตนี่แหละ บางทีตั้งราคาขาย ๆ ไว้กลาง ๆ จนถึงต่ำมาก เต๊นท์รถถ้าเขาเห็นว่าได้กำไรเขาก็จะโทรมาขอซื้อทันที บางทีต่อราคาต่ำ ไว้เลยเพราะว่าเขามีราคารับซื้ออยู่แล้วในราคาตลาดสำหรับการซื้อขาย เขาซื้อเท่านี้จะขายได้กำไรเท่าไหร่

อย่างไรก็ดีเต๊นท์มีความได้เปรียบคนทั่วไปอยู่ดี ตรงที่
1. เต๊นท์มีกำลังซื้อมากกว่าคนทั่วไป จ่ายเงินสดถึงที่ภายใน 1-2 ชั่วโมง เต๊นท์รับซื้อรถไม่จ่ายเงินเป็นเช็คน่ะครับ (น่าเกลียดมากถ้าจ่ายเป็นเช็ค)
2. เต๊นท์รถตาถึงมากกว่าในการดูรถ สามารถดูครั้งเดียวบอกได้เลยว่าจะซื้อราคาเท่าไหร่ เพราะเขาทำเป็นอาชีพ อยุ่ในแวดวงนี้มาตลอด สามารถตัดสินใจซื้อรถได้รวดเร็วกว่าคนทั่วไป ว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อ

แสดงความคิดเห็นย่อย