WeekendHobby.com
เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


ควรใช้น้ำมันเครื่อง PttNGV หรือ น้ำมันเครื่องของ Toyota ของศูนย์ดี

จาก นิมิต 2.7
IP:116.58.231.242

อังคารที่ , 16/9/2551
เวลา : 02:56

อ่านแล้ว = ครั้ง
 เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งตรวจสอบกระทู้
 แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน ส่งหาเพื่อน

       อ่านกระทู้มาเยอะมาก สงสัยเรื่องการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องของรถรุ่นนี้ครับ
ระหว่าง การเปลี่ยนที่ศูนย์ โดยใช้น้ำมันเครื่องของ Toyota
ทั้งแบบสังเคราะห์ หรือ กึ่งสังเคราะห์ ของเขาแล้วเปลี่ยนที่ 10,000 โล

กับการใช้น้ำมันเครื่องแบบ Ptt NGV ที่มีค่ามาตรฐาน SAE 10 W - 40
โดยเปลี่ยนที่ระยะการใช้ 5,000 - 8,000 โล
แต่ค่าน้ำมันเครื่องตกแกลลอนละประมาณ 325 - 400 บาท

ตอนนี้ผมยังวิ่งไม่ถึง 10,000 Km เลยอยากถามท่านผู้รู้ด้วยครับ
ว่าเลือกทางเดินแบบไหนถูกและดี หรือแบบไหนแพงแต่ดี เอาไงดีคับ

ขอขอบคุณล่วงหน้าครับ คิดว่าเป็นวิทยาทานแก่ผู้ใช้รถโดยทั่วไปก็แล้วกันครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

แจ้งเพื่อเก็บขึ้นกระทู้พิเศษ คลิ๊กที่นี่แจ้งเพื่อนำขึ้นกระทู้พิเศษ

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  

คำตอบที่ 1
       ใช้แก๊สทั้ง LPG หรือ NGV ก็ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำมันเครื่องเฉพาะ หรอกครับ เพราะถ้าเทียบเกรดจริงๆ แล้ว PTT NGV มันเป็นน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์เท่านั้น ถ้าจะให้ดีก็เลือกเป็น Synthetic แท้ไปเลยจะมีคุณภาพการชะล้างและหล่อลื่นที่ดีกว่า PTT NGV ซะอีก แต่ราก็สูงตามไปด้วย แต่ก็แล้วแต่ใจรักล่ะครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก fOnGSteR 58.9.38.31 อังคาร, 16/9/2551 เวลา : 03:13  IP : 58.9.38.31   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 4737

คำตอบที่ 2
       จาก นิมิต 2.7
น้ำมันเครื่องแบบ Ptt NGV ที่มีค่ามาตรฐาน SAE 10 W - 40 SM ผมใช้อยู่ครับ ใช้มานานม๊ากๆ แล้ว

แนะนำว่าเวลาซื้อ ให้ซื้อยกลังเลยครับ จะได้ราคาที่ถูกมาก ตกแกลลอนละไม่ถึง 450 บาท ลองดูนะครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

apilucky จาก oui 203.156.49.47 อังคาร, 16/9/2551 เวลา : 09:31  IP : 203.156.49.47   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 4742

คำตอบที่ 3
       ปกติ 0 ทั่วไปจะใช้น้ำมันกึ่งสังเคราะห์ แต่บาง 0 ใช้ธรรมดาใส่ให้ลูกค้าด้วยซ้ำ ถ้าติดตั้งใช้ LPG/NGV ควรจะใช้ตัวที่สูงกว่านั้นเพื่อถนอมเครื่องยนต์ครับ ถ้าไม่เหนือบากกว่าแรงน่าจะใช้ Synthetic หรือจะไปใช้ที่เป็นตัวที่สูงกว่า Synthetic ถ้าเป็นรถใหม่เลยก็ยิ่งดี (ถ้ารักเครื่องยนต์ของเรา แต่บางคนอารจจะบอกว่าไม่จำเป็นก็ได้ นานาจิตตังนะคร๊าบพิจารณาเอาเองแล้วกัน)



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก แค่ผ่านมาแป๊บเดียว 202.44.7.66 อังคาร, 16/9/2551 เวลา : 10:27  IP : 202.44.7.66   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 4754

คำตอบที่ 4
       ป๋มใช้ตัวนี้อยู่ครับ เป็นแบบ Fully Synthetic 0w-40 ซื้อ 4 ลิตร แถม 1 ลิตร ราคาปามาน 1,400 บาท (ถ้าจำราคาไม่ผิด)

...แต่ผมซื้อทีเยอะๆ เพราะอย่างไงเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทีก็ใช้เยอะอยู่แล้ว (6-7ลิตร) ซึ่งจะได้ราคาถูกลง เฉลี่ยแล้ว 270 บาท/ลิตร

ปล.ใครสนใจจะมารวมซื้อตัวเดียวกับป๋มก็ได้นะครับ จะได้เป็นอำนาจต่อรองกับผู้ขาย ได้ราคาที่ถูกลง







 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

northu จาก V27 203.150.235.242 อังคาร, 16/9/2551 เวลา : 10:59  IP : 203.150.235.242   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 4759

คำตอบที่ 5
       รายละเอียดด้านหลัง





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

northu จาก V27 203.150.235.242 อังคาร, 16/9/2551 เวลา : 11:04  IP : 203.150.235.242   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 4761

คำตอบที่ 6
       เรื่องน้ำมันเครื่องผมพูดไปอาจไม่ถูกใจใครหลายคน แต่เคยยกตัวอย่างกันมาหลายครั้งก้อธิบายให้เข้าใจกันยากทุกที
น้ำมันเครื่องปัจจุบัน + ด้วยเทคโนโลยีการทำชิ้นส่วนเครื่องยนต์ในขณะนี้ เครื่องยนต์จะมีอายุการเปลี่ยนถ่ายที่ 10000 โล สำหรับเกรด SL ปกติ
และจะมีอายุเปลี่ยนถ่ายที่ 10000-15000 โลที่กึงสังเคราะห์ ส่วน fully syntetic 20000-25000โล
โดยบริษัทแรกในไทยที่กำหนดอายุการเข้ารับบริการ 25000 โล คือ BMW THAILAND ตามคอมพิวเตอร์ on board ของรถ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก Auto 61.90.149.126 อังคาร, 16/9/2551 เวลา : 14:31  IP : 61.90.149.126   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 4776

คำตอบที่ 7
       น้มันเครื่องโดยช่างเล็ก บุญมา นาวาทอง


เครื่องยนต์ที่หมุนเคลื่อนได้รอบมากน้อยแค่ไหน โลหะในเครื่องยนต์จะทนอยู่ได้ โดยไม่สึกหรอ ซึ่งตัวช่วยอยู่ที่น้ำมันเครื่องนี่เอง ถ้าเราหยุดการสึกหรอในเครื่อง ยนต์ได้ เครื่องยนต์ก็จะไม่มีการกำหนดอายุ จะอยู่ได้นานตลอดไป ในความ เป็นจริงเวลานี้ เครื่องยนต์จะเกิดการสึกหรอ หลวมจนทำให้ชิ้นส่วนต่างๆ เสีย หาย แล้วท้ายสุดเครื่องยนต์ก็หมดสภาพ เพราะเครื่องยนต์ทำจากโลหะ หากผู้ ใช้ต้องการจะยืดอายุเครื่องยนต์ให้ได้อยู่นาน จำเป็นต้องมีความรู้เกี่ยวกับน้ำมัน
เครื่องไว้สักหน่อยก็ดีนะครับ





ในบทความนี้ ผมไม่ขอลงลึกในรายละเอียด เพื่อความเข้าใจง่ายๆ ขอแบบว่าชาวบ้านๆ แบบอู่ทั่วๆ ไป ผมขอแยกรายละเอียดในรถ เครื่องเบนซินก่อนเลย สำหรับรถใหม่ป้ายแดง ตั้งแต่ 0 กิโลเมตร ไปจนถึงแสนกิโลเมตร ในรถใหม่นี้ที่ศูนย์จะใช้น้ำมันเครื่องแบบ ธรรมดาทั่วไป แกลลอนละ 400-500 เขาจะใช้นัมเบอร์ที่มีเนื้อ น้ำมันที่ใสเหลว คือ SAE (เบอร์) 5 W 30 เขาจะใช้เบอร์นี้ไป ตลอด มีบางศูนย์ที่ใช้เบอร์ที่มากกว่าอยู่บ้าง เช่น SAE 10W 40 และถ้าเราจะซื้อมาใช้เอง ถ่ายเอง ก็จะต้องซื้อเบอร์ 5 W 30 หรือ 10 W 40 จะถือว่าใช้ได้ 10,000 กิโลมากสุด เกินไปกว่านี้ เครื่อง อาจจะเกิดการสึกเหรอไปมาก ถ้ากลัวการสึกหรอมากก็ใช้ให้น้อย กว่า 5,000-7,000 กิโลแล้วถ่ายออก และถ้าเครื่องยนต์ใช้เกินแสน กิโลไปแล้ว ก็คงต้องสังเกตุดูว่า แต่ละครั้งที่จะถ่ายน้ำมันออก ดูว่า มีการยุบหายไปเยอะแค่ไหน ถ้าไม่เยอะนิดหน่อยแค่ครึ่งลิตร โดย ประมาณ ก็อาจจะยังใช้เบอร์เดิมต่อไปอีก แต่ถ้ายุบมากก็จะต้อง เพิ่มเบอร์เข้าไปอีก เช่น เบอร์ 20 W 50 เบอร์นี้จะเหมาะกับเครื่อง ที่ใช้มาเยอะ และในน้ำมันเครื่องทั้งหมดทุกยี่ห้อ ให้ดูที่ 2 ตัว หลัง 5 W 30 ดูที่ 30 จะมีให้ดู 3 เบอร์เท่านั้นคือ 30, 40, 50 มีแค่นี้เอง เครื่องยนต์ทั่วไปอาจจะมีการใช้งานหนักเบาไม่เท่ากัน จะหลวมเร็ว กว่าช้ากว่าไม่สามารถกำหนดได้ แต่ความข้นใสของน้ำมันกำหนด ได้ เครื่องใหม่ฟิตใหม่ใช้เบอร์ต่ำ เมื่อใช้เบอร์ต่ำแล้วยุบหายเร็วก็ เพิ่มเบอร์สูง ถ้ายังยุบอีกก็เพิ่มสูงไปอีก ผมคิดว่าน่าจะพอเข้าใจกับ สภาพของความเป็นจริง และทุกครั้งที่ถ่ายน้ำมันเครื่อง ต้องเปลี่ยน ไส้กรองทุกครั้ง จากที่อธิบายเรื่องเครื่องใหม่เครื่องเก่า จากนี้ ขอบอกให้เข้าใจอีกว่า กึ่งสังเคราะห์ก็จะมีคุณภาพในการทนความ ร้อนได้นานมากขึ้นอีก เพื่อยืดระยะถ่ายออกไปได้อีกและถ้าเป็น สังเคราะห์ 100% ก็จะยิ่งยืดไปได้นาน ต่างกันที่ความทนต่อความ ร้อน แต่ความลื่นไม่ต่างกัน คือมีความลื่นเหมือนกันทั้งหมด ไม่ได้ แปลว่าน้ำมันสังเคราะห์ 100% จะทำให่ไม่สึกหรอ น้ำมันธรรมดา ถ้าเราใช้ไม่เกินกำหนดก็ถือว่าหล่อลื่นได้พอ ลดการสึกหรอได้เท่า กัน




จากนี้มาที่เครื่องดีเซลบ้าง เครื่องดีเซลจะมีเขม่ามาก น้ำมันเครื่องจะมีการใส่สารชะล้างลงไป เพื่อให้พวกกากเขม่าแยกออกจากเนื้อน้ำมัน ที่ เห็นเป็นสีดำนั่นแหละ ในหลักการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเลือกเบอร์ ก็เหมือนกับที่บอกข้างต้น เหมือนกับเครื่องยนต์เบนซิน แต่น้ำมันจะไม่เหมือน ที่ มี S นำหน้าใช้กับเบนซิน ถ้ามี C นำหน้าใช้กับดีเซล ตัวอย่างเช่น APi SL ใช้กับเครื่องยนต์เบนซิน APi CH-4 ใช้กับเครื่องยนต์ดีเซล และ ถ้ามี APi CH - 4 /SL ก็จะใช้ร่วมกับเครื่องเบนซินได้ด้วย คือใช้ได้ทั้งดีเซลและเบนซินครับ

ครับ ผมขอจบเพียงแค่นี้ก่อน แล้วจะค่อยๆ อธิบายต่อไปอีกในโอกาสต่อไป



จาก e toyoyota club



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก Auto 61.90.149.126 อังคาร, 16/9/2551 เวลา : 14:34  IP : 61.90.149.126   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 4778

คำตอบที่ 8
       1.แล้วแต่ละท่านเปลี่ยนน้ำมันเครื่องที่ศูนย์ หรือไปเปลี่ยนเองกันตามร้านคับ
ที่ถามไม่ได้กวน แต่ส่วนใหญ่รถใหม่ที่อยู่ในระยะรับประกัน 100,000 กม.แรก มักจะใช้บริการที่ศูนย์
2.หากไปศูนย์แล้วหิ้วน้ำมันเครื่องยี่ห้ออื่นๆ เข้าไปเขาคิดบริการเท่าไรครับ
3.อยากทราบค่าใช้จ่ายที่สมมุติว่า วิ่งไป 30,000 กม.
- ถ้าใช้น้ำมันเครื่องเกรดธรรมดา เปลี่ยนทุก 10,000 กม. เสียครั้งละ 1,xxx บาท*3 เป็นเงิน 3,xxx บาท
- ถ้าใช้น้ำมันเครื่องเกรดกึ่งสังเคราะห์ เปลี่ยนทุก 10,000 กม. เสียครั้งละ 2,xxx บาท*3 เป็นเงิน 6,xxx บาท
- ถ้าใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ เปลี่ยนทุก 15,000 กม.(ไม่แน่ใจ) เสียครั้งละ 3,xxx บาท*2 เป็นเงิน 6,xxx บาท
- ถ้าหิ้วน้ำมัน Ptt NGV หรือ ยี่ห้ออื่นๆ ไปเอง ศูนย์/Bquik คิดค่าบริการเท่าไรครับ
ดังนั้น ขอสอบถามแต่ละท่านว่า ในระยะ 30,000 แรก เปลี่ยนน้ำมันเครื่องอย่างไร ราคาเท่าไรครับ

ขอขอบคุณทุกท่านครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก นิมิต 2.7 116.58.231.242 อังคาร, 16/9/2551 เวลา : 19:04  IP : 116.58.231.242   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 4802

คำตอบที่ 9
       จาก นิมิต 2.7
โอ้แม่เจ้า จำไม่ได้แล้ว ไม่เคยเก็บบิลไว้เลย เพราะว่ารถผม จะ 100,000 โลแล้ว



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

apilucky จาก oui 203.156.49.47 อังคาร, 16/9/2551 เวลา : 19:09  IP : 203.156.49.47   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 4803

คำตอบที่ 10
       นิมิต 2.7

ผมไม่ได้มีเจตนากล่าวในทางไม่ดีหรอกครับ แต่ก็อย่างที่บอกว่าพูดไปอาจไม่ถูกใจใครนัก โดยคนแรก ๆ ที่เคยออกมาพูดเรื่องนี้คือ คุณธเนศ เสนีย์วงศ์ จนกระทั่งฝ่ายเทคนิคบริการต้องไปเปิดตฃคู่มือการใช้และแปลกับจากภาษต่างประเทศกันมาใหม่ และก็มา revise คู่มือการรับบริการกันในยุคหลังๆ จนป่านนี้ยังมีคนไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้กันอยู่เลย

1. น้ำมันเครื่องถ้าในระยะประกันควรเข้าศูนย์ครับ เพราะาคารถได้รวมอยู่ในการรับประกันเรียบร้อยแล้ว ดีเลอร์คิดค่าแรงตรงนี้ฟรี ซึ่งค่าใช้จ่ายเหล่านี้บริษัทแม่เป็นคนออกให้ โดยเฉพาะ 1000 กิโลแรกได้น้ำได้เนื้อสุดจึงควรใช้ประโยชน์จากตรงนี้ให้มากที่สุดและเปนสิทธิ์ของเรา ในรายการของรถยุโรปมักจะต้องคำนึงถึงสัญญาระหว่างเจ้าของรถและบริษัทถ้าไม่ได้เข้าตามกำหนดจะถือเป็นเหตุยกเว้นการเคลม

2. การหิ้ว นมค.ไปเอง ที่จริงแล้วไม่จำเป็นต้องกระทำแต่สามารถทำได้ขึ้นกับศูนย์นั้นว่ายอมหรือไม่ เรื่องนี้มาจากนโยบายประธานบริษัทโตโยต้าประเทศไทยที่ไม่ต้องการให้ลูกค้าใช้บริการกับอะไหล่ที่อื่น ๆ ที่มีผลกับการรับประกัน ค่าบริการฟรีเหมือนเดิมยกเว้นค่าอะไหล่อย่างอื่น ๆ ในระยะประกันเท่านั้น



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก Auto 61.90.149.126 อังคาร, 16/9/2551 เวลา : 19:37  IP : 61.90.149.126   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 4805

คำตอบที่ 11
       จากคุณ นิมิต2.7

ของผม
10,000 กม.แรก 1,933.49 บาท
20,000 กม.ถัดมา 2,xxx (ไม่ได้เก็บใบเสร็จ)

ผมคิดว่าถ้ายังอยู่ในระยะประกันก็ควรเข้า0นะ ราคาไม่น่าต่างกันเท่าไหร่ ไปทำที่อื่นอาจทำให้รับประกันหมด>>เมื่อรถมีปัญหา 0 ไม่รับเคลมช้ำชอกใจไปเปล่าๆ...



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก popup 117.47.122.120 อังคาร, 16/9/2551 เวลา : 19:43  IP : 117.47.122.120   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 4806

คำตอบที่ 12
       จาก นิมิต 2.7

3. ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยน นมค. เป็นที่ยอมรับกันในหมู่เกจิทั้งหลายว่าน้ำมันเครื่องสังเคราะห์มีคุณภาพสูงอายุการใช้งานยาวนานกว่าธรรมดา แต่จำนวนเงินที่จ่ายไปทุกคนจะชะงักเรื่องนี้ไว้หมดครับ
- -น้ำมันเครื่อง SL ปกติอายุ 10000 โล ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนที่ศูนย์ 970 บาท + ไส้กรองและแหวนรองถ่าย

- - น้ำมันเครื่อง SM กึ่งสังเคราะห์ อายุ 15000 โลประมาณ 1500-2000 บาท เปลี่ยนที่ศูนย์ + ไส้กรองและแหวนรองถ่าย

- - น้ำมันเครื่องสังเคราะห์อายุ 20000-25000 โล ประมาณ 2500-3000 กว่าบาท เปลี่ยนที่ศูนย์ + ไส้กรองและแหวนรองถ่าย

ถามว่าอะไรคุ้มที่สุดคงเป็นที่การใช้งานของเจ้าของรถที่จะเป็นตัววัด
ถ้าคุณใช้งาน 10000 โลภายในระยะเวลา 3-12 เดือนและการขับขี่รถปกติ ควรใช้น้ำมันเครื่องเกรดปกติ หรือกึ่งสังเคราะห์เท่านั้นจะคุ้มค่าที่สุด

ถ้าคุณใช้งานมากว่านี้เช่นวิ่งเดือนล่ะ 5000 โลขึ้นไป ควรหันมาใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ เปลี่ยนที่ 25000 โล






เหตุที่ต้องให้ทำแบบนี้เพราะว่า การใช้น้ำมันเครื่องที่มีอายุนาน ๆ ไม่เป็นผลดีกับเครื่องเพราะคุณสมบัติของน้ำมันเครื่องมันจะเริ่มเสียไปตั้งแต่วันที่เราเปิดฝากระป๋อง การคงสภาพน้ำมันเครื่องไว้นานๆ โดยที่มีระยะทางการวิ่งน้อย ๆ จึงไม่ได้เห็นผลคุ้มค่าแต่อย่างใด

แต่กลับกันถ้าคุณใช้งานมาก ๆ การเปิดเพื่อเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ๆ บ่อย ๆ คงไม่ดีแน่เพราะเสียเวลาต้องนำรถมาเข้าซ่อมบริการในยุโรปค่าแรงซ่อมรถแบบนี้จะแพง จึงควรเลือกใช้สังเคราะห์ครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก Auto 61.90.149.126 อังคาร, 16/9/2551 เวลา : 19:59  IP : 61.90.149.126   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 4807

คำตอบที่ 13
       ไหนๆก็ว่ากันเรื่องน้ำมันเครื่องแล้ว พอดีนึกขึ้นได้ว่าเคยเก็บข้อมูลเอาไว้เป็นของlubethai.comในหัวข้อ"เกร็ดความรู้น้ำมันเครื่อง"เลยขออณุญาติเอามาเผื่อแผ่กันอ่านเผื่อว่าจะเป็นประโยชน์ครับ..

สาเหตุที่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง
ปัจจุบันการจราจรคับคั่ง เครื่องยนต์ร้อนจัด และการที่รถวิ่งๆ หยุดๆ ทำให้รอบของเครื่องยนต์ไม่คงที่เป็นสาเหตุให้การเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ เครื่องยนต์ทำงานหนัก-หนักมาก
ขณะที่เครื่องยนต์ทำงาน สิ่งสกปรกจะเกิดขึ้นตลอดเวลาน้ำมันเครื่องที่ดีจะต้องรวบรวมสิ่งสกปรกต่างๆ มาไว้ในตัวของน้ำมันสิ่งสกปรกเหล่านี้จะทำให้น้ำมันเสื่อมคุณภาพไปเรื่อยๆ จนไม่สามารถจะทำการหล่อลื่นได้ดีเพียงพอ จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและถึงแม้ว่าจะใช้น้ำมันเครื่องคุณภาพสูงเท่าไรก็ตาม ก็ยังต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเมื่อถึงกำหนดเวลา

อะไรทำให้น้ำมันเครื่องสกปรก

1. ฝุ่นละออง ระบบกรองอากาศ ตลอดจนช่องเติมน้ำมันเครื่องถ้าไม่ได้รับการระวังรักษาที่ดีฝุ่นผงละเอียดต่างๆ อาจเล็ดลอดเข้าไปในเครื่องยนต์ได้
2. เขม่า ถ้าระบบการทำงานของเครื่องยนต์ไม่ดีหรือสภาพของการใช้งานไม่เหมาะสม จะทำให้เกิดการสันดาปไม่สมบูรณ์เกิดเป็นเขม่าสะสมอยู่ในน้ำมันเครื่อง เครื่องยนต์ดีเซลจะมีเขม่าเกิดขึ้นมากกว่าเครื่องยนต์เบนซิน
3. น้ำ เมื่อเกิดการสันดาปขึ้น จะมีไอน้ำเกิดขึ้นซึ่งเมื่อเครื่องยนต์ร้อนไอน้ำจะผ่านออกไปทาง ท่อไอเสีย แต่ไอน้ำบางส่วนอาจลอดผ่านแหวนลูกสูบลงไปในอ่างน้ำมันเครื่องได้ เมื่ออากาศเย็นจะกลั่นตัวเป็นน้ำสะสมอยู่จนกลายเป็นตะกอนเหนียวแบบโคลนตม (Sludge) ความหนืดของน้ำมันก็จะสูงขึ้นนอกจากนี้ยังทำให้เกิดสนิมอีกด้วย
4. กรด การเผาไหม้ของกำมะถันซึ่งเป็นส่วนประกอบหนึ่งในน้ำมันเชื้อเพลิงจะเกิดก๊าซซัลเฟอร์ออกไซด์ (SO2, SO3) ซึ่งเมื่อรวมตัวกับน้ำที่เกิดจากการสันดาปภายในเครื่องยนต์จะเป็นกรดกัดกร่อนผิวโลหะ
5. น้ำมันเชื้อเพลิงที่เผาไม่หมด ขณะที่สตาร์ทเครื่องหรือเครื่องยนต์ทำงานในบางสภาพการทำงาน เช่น วิ่งๆ หยุดๆ น้ำมันเชื้อเพลิงที่ไม่เผาไหม้จะซึมผ่านแหวนลูกสูบลงไปยังอ่างน้ำมันเครื่องทำให้น้ำมันเครื่องใสลง จุดวาบไฟต่ำลง
6. เศษโลหะ ที่เกิดจากการสึกหรอตามปกติโดยเฉพาะในเครื่องยนต์ใหม่ซึ่งมีชิ้นส่วนต่างๆ ชิดกันมากจะถูกกรองติดอยู่ที่ไส้กรองน้ำมันเครื่อง แต่อย่างไรก็ตามไส้กรองไม่อาจกรองได้หมดเมื่อน้ำมันเครื่องถูกส่งไปหล่อลื่นยังส่วนต่างๆ ของเครื่องยนต์เศษโลหะเหล่านี้ก็ขีดข่วนผิวโลหะต่างๆ ให้สึกหรอมากขึ้น
7. การสลายตัวของน้ำมันและสารเพิ่มคุณภาพ ในภาวะอุณหภูมิสูง ออกซิเจนจะรวมตัวกับน้ำมันได้ง่าย ทำให้น้ำมันเปลี่ยนสภาพเป็นตะกอนสลัดจ์ คราบยางเหนียวๆ มีความเป็นกรดกัดกร่อนเนื้อโลหะ อีกทั้งความหนืดน้ำมันก็จะสูงขึ้น นอกจากนี้สารเคมีเพิ่มคุณภาพต่างๆ ที่ผสมไว้ก็จะถูกใช้จนหมดไปด้วย

ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเมื่อใด
เครื่องยนต์แต่ละชนิดทำงานไม่เหมือนกัน แม้แต่เครื่องยนต์ชนิดเดียวกันยี่ห้อเดียวกันก็ทำงานไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับลักษณะของงาน สภาพเครื่องยนต์ และการใช้รถของผู้ขับขี่ ผู้ใช้ควรปฏิบัติตามหนังสือคู่มือในการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง สำหรับเครื่องยนต์ที่ทำงานตามสภาพการใช้งานปกติ แต่เนื่องจากยานยนต์ในปัจจุบันนี้มีสภาพการทำงานหนักมาก เช่น ในสภาพการจราจรแออัด การระบายความร้อนไม่ดี รถที่ติดเครื่องปรับอากาศใช้งานในบริเวณที่มีฝุ่นละอองมากหรือใช้เชื้อเพลิงคุณภาพต่ำ (ปริมาณกำมะถันสูง) กำหนดเวลาการเปลี่ยนถ่ายอาจลดลงได้ถึง 50% แต่โดยทั่วไปน้ำมันเครื่องมาตรฐานสูง ย่อมใช้งานได้นานกว่าน้ำมันเครื่องมาตรฐานต่ำ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

popup จาก popup 117.47.122.120 อังคาร, 16/9/2551 เวลา : 20:28  IP : 117.47.122.120   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 4810

คำตอบที่ 14
       ขอบคุณสำหรับทุกคำตอบครับ หวังว่ากระทู้นี้จะมีประโยชน์ต่อเพื่อนๆ นะครับ

คุณ AUTO ตอบได้กระจ่างดีครับ
ผมก็พอสรุปได้แล้วล่ะครับว่าควรจะเดินเส้นทางไหนดี
นั่นคือ ถ้าภายใน 3 เดือน เราวิ่งเท่าไหร่ ก็ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามเกณฑ์ที่คุณ AUTO แนะนำมา....
เอาล่ะได้ข้อสรุปแล้ว.....ขอบคุณครับ

เตรียมตัวเข้าศูนย์....จนกว่าจะพ้นระยะประกัน



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก นิมิต 2.7 116.58.231.242 อังคาร, 16/9/2551 เวลา : 20:29  IP : 116.58.231.242   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 4811

คำตอบที่ 15
       ถ้าหิ้วน้ำมัน Ptt NGV หรือ ยี่ห้ออื่นๆ ไปเอง ศูนย์/Bquik คิดค่าบริการเท่าไร




ผมไม่แน่ใจว่า บีควิกจะยอมหรือไม่กรณีแบบนี้
เพราะเป็นงานอะไหล่ข้างนอก ผมเคยนำรถไปใช้บริการบีควิกมาแล้วด้วยการเปลี่ยนลูกหมาก ถ้าไม่ได้ซื้อจากที่บีควิกช่างไม่ยอมเปลี่ยนและไม่ลงในใบรายการซ่อมเพราะจะมีผลกับการคิดราคา การใช้บริการบีควิกที่จริงแล้วราคาไม่ถูกสักเท่าไหร่นะครับโดยเฉพาะรายการที่นอกเหนือจากการ ขายยาง เปลี่ยนแบต ถ่ายน้ำมัน

ถ้าจะเอาประหยัดหลังจากเลยระยะ 50000 โลไปแล้ว
ให้ซื้อน้ำมันเครื่องเองแล้วถ่ายเอง ไม่ยากเท่าไหร่
หรือให้ซื้อน้ำมันเครื่องเองแล้วถ่ายที่ร้านซ่อมรถทั่วไป ๆ ที่คุ้นเคยกันดี ค่าแรงอยุ่ประมาณ 50 -100 แพงสุดไม่เกินนี้
หรือเปลี่ยนตามคาร์แคร์ทั่วไปที่ไม่ charge มากนัก










 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก Auto 61.90.149.126 อังคาร, 16/9/2551 เวลา : 20:33  IP : 61.90.149.126   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 4812

คำตอบที่ 16
       จาก Auto
ขอบคุณท่านพี่มากเลย สุดยอดวิชาความรู้จริงๆ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

apilucky จาก oui 203.156.49.47 อังคาร, 16/9/2551 เวลา : 20:40  IP : 203.156.49.47   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 4813

คำตอบที่ 17
       อ่อ โทษทีลืมบอกไป ผมติด NGV ครับ เลยมีความกังวลเพิ่มขึ้นก็เท่านั้นเอง
เพราะการเผาไหม้ของระบบ NGV เกิดความร้อนสูงสุดในบรรดาเชื้อเพลิงทั้งหลายทั้งปวง (ยกเว้นไฮโดรเจน)
จึงต้องถามผู้ที่ใช้งานรถเครื่องนี้ ที่ติดแก๊ส LPG/NGV เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจ และเพื่อรักษาเครื่องยนต์ของเราให้ใช้ได้ยาวนานขึ้น
และไม่ต้องไปบ่นเสียดายภายหลังว่า "น่าจะจ่ายอีกสักนิด เพื่อชีวิตที่ดีกว่า"



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก นิมิต 2.7 116.58.231.242 อังคาร, 16/9/2551 เวลา : 20:43  IP : 116.58.231.242   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 4814

คำตอบที่ 18
       จาก นิมิต 2.7

การเผาไหม้ NGV ไม่ได้ให้ค่าความร้อนที่เพิ่มมากขึ้นมากมายถึงขนาดทำให้เครื่องยนต์เสียหาย แต่ที่เสียหายกันเพราะเหตุปัจจัยอื่นๆ ตามมาทำให้เสียหายกับตัววาล์ว ลูกสูบ

- เบนซินอ๊อกเทน 91-95 เครื่องยนต์ VVTI สามารถผันแปรออกไปได้ถึง 100 หรือ 105 ไม่จำเป็นต้องตั้งไฟแก่

- NGV อ๊อกเทน 120-130 ปัญหาคือ VVTI ไม่สามารถปรับองศาการจุดระเบิดตามไปได้ เครื่องยนต์ที่ไม่มีระบบวาล์วแปรผันก็เช่นกัน เมื่อใช้ NGV จะพบปัญหาเครื่องอืดไม่มีกำลังตามมาเพราะออกเทนมันมากแต่การจุดระเบิดมีปัญหา


ทีนี้มันจะส่งผลเสียกับเครื่องคือ
1. เครื่องยนตืจุดระเบิดทีหลังศูนย์ตายบน เมื่อลูกสูบเลื่อนลงจังหวะงานผิดไปทำให้กำลังงานลดลง แรงบิดลดลง การเผาไหม้ให้เกิดกำลังงานได้ประสิทธิภาพแค่ 80% อีก 20% หายไปกับการเผาไหม้ลูกสุบและเผาไหม้วาล์ว
เนื่องจากวาล์วเปิดแล้วในขณะที่เกิดการระเบิดของเชื้อเพลิงและอากาศ ส่งผลให้รถใช้แก๊สมักสึกหรออมาก บ่าวาล์วทรุด วาล์วไหม้ ลูกสูบไหม้ จนกลายเป็นที่มาของคำพูดติดปากชาวบ้านว่าใช้แก๊สแล้วความร้อนขึ้น

2. ในรถที่ไม่มีระบบแปรผันวาล์วจะมีปัญหาเกี่ยวกับการใช้แก๊สทุกระบบ เพราะเครื่องยนต์ตอบสนองได้กับเชื้อเพลิงประเภทเดียวเท่านั้นและต้องเซทว่าจะให้อยู่กับอะไร



1. ทีนี้วีธีแก้ เพิ่ม TAP สัญญาณเข้าไปเพื่อปรับองศาการจุดระเบิดเพื่อรองรับอ๊อกเทนที่มากขึ้น
2.ปรับไฟให้เหมาะสม
3.ปนรับการจูนแก๊สให้เหมาะสม



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก Auto 61.90.149.126 อังคาร, 16/9/2551 เวลา : 20:57  IP : 61.90.149.126   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 4816

      

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  



website รองรับการใช้งานทุกระบบปฏิบัติการของ PC Tablet SmartPhone ทุกระบบสามารถโพสข้อความและรูปภาพได้โดยไม่ต้องย่อไฟล์
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ website WeekendHobby.Com สมาชิก เท่านั้น จึงจะตั้งกระทู้ หรือ ตอบกระทู้ได้ครับ
Login Click ที่นี่
สมัครสมาชิก Click ที่นี่



Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วันพุธ,24 เมษายน 2567 (Online 2756 คน)