WeekendHobby.com
เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


ได้ข้อมูลจากโตโยต้า ออสเตรเลียมา ว่าเครื่อง 2TR-FE 2.7 vvti ทำมารองรับ NGV / LPG

จาก โย บ้านแพ้ว
IP:125.27.229.217

จันทร์ที่ , 22/9/2551
เวลา : 15:22

อ่านแล้ว = ครั้ง
 เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งตรวจสอบกระทู้
 แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน ส่งหาเพื่อน

       ไม่ใช่สมาชิกชมรม ครับ แต่พอดีไปเจอข้อมูลนี้ในเว็ป โตโยต้า ออสเตรเลีย

ซึ่งพอจะสนับสนุนข้อมูลของคุณ auto ได้ว่าเครื่องยนต์ 2TR-FE

2.7 vvti นี้รองรับระบบ แกสครับ ทั้ง NGV และ LPG

ที่นั่นใครเอาเครื่องตัวนี้ไปติดแกส ในอู่ที่ได้รับการรับรอง ทางศูนย์จะยังรับประกัน

bookservice ต่อให้เหมือนเดิมครับ 3 ปี 100,000 กม. โตโยต้าไทยแลนด์ น่าทำบ้างนะ







 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

แจ้งเพื่อเก็บขึ้นกระทู้พิเศษ คลิ๊กที่นี่แจ้งเพื่อนำขึ้นกระทู้พิเศษ

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  

คำตอบที่ 1
       Toyota New Vehicle Warranty:

1. Toyota Engines - LPG Compatible
If a vehicle with a Toyota LPG Compatible Engine is fitted with a Toyota Approved LPG System, full Toyota New Vehicle Warranty coverage applies. Non Toyota Approved LPG Systems are not covered, nor are any conditions that are attributable to the system installation or to operation on LPG.

ถ้าใครจะไปซื้อก็ลองถามศูนย์ที่เมืองไทยดูว่า ทำไมที่ออสเตรเลียเขารับประกันต่อ

ถ้าไม่เชื่อก็ไปตามลิงค์นี้เลยครับ หัวข้อ Fuel - LPG, Petrol, Biodiesel blends EDITED

http://www.toyota.com.au/faqs



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก โย บ้านแพ้ว 125.27.229.217 จันทร์, 22/9/2551 เวลา : 15:43  IP : 125.27.229.217   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5129

คำตอบที่ 2
       ถ้าใครจะไปซื้อก็ลองถามศูนย์ที่เมืองไทยดูว่า ทำไมที่ออสเตรเลียเขารับประกันต่อ

ถ้าไม่เชื่อก็ไปตามลิงค์นี้เลยครับ หัวข้อ Fuel - LPG, Petrol, Biodiesel blends EDITED
จาก โย บ้านแพ้ว



ที่ออสเตรเลีย ที่พวกเราเห็นปิคอัพที่ส่งขายใส่รถจากโดรงงานในไทยใส่เทรลเลอร์ไปแหลมฉบังมันมากกว่า 50 % เป็นเครื่องเบนซิน ส่วนปิคอัพฟอรืดและมาสด้าที่ส่งไปออสเตรเลียก็เป็นนเบนซิน ส่วน Isuzu น่าจะเกือบ 100% ที่ส่งออสเตรเลียเป็นเบนซิน

ในขณะที่บ้านเราตลาดในประเทศ 99.90% เป็นดีเซลคอมมอนเรล จึงไม่น่าแปลกใจว่าไม่มีบริษัทหรือค่ายรถรายใดออกมากล่าวถึงเรื่องนี้เลยเพราะทุกค่ายต่างชูดีเซลเท่านั้น



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก Auto 61.90.149.126 จันทร์, 22/9/2551 เวลา : 16:03  IP : 61.90.149.126   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5131

คำตอบที่ 3
       เมื่อคืนฟังสปอร์ตโฆษณารายการนึง ของ TOYOTA

1. ดีเซลประหยัดน้ำมันกว่าเบนซิน 30%
2.แรงบิดดีกว่าเบนซิน 50%
3.ทนทานกว่า ค่าบำรุงรักษาต่ำกว่า
4. ปั๊มน้ำมันดีเซลมีมากกว่า 1000 ปั๊ม

ฮาไหมครับท่าน ว่าเค้ากำลังสื่อหมายถึงอะไร



พอมีผู้ฟังทางบ้านโทรมาถามนักจัดรายการว่าระหว่างเบนซ์นิวอาย CDI ดีเซลคอมมอนเรลน่าซื้อไหมครับ ค่าซ่อมบำรุงรักษาเป็นไง ความประหยัด
คำตอบที่นักจัดรายการท่านนี้ตอบ คือ ให้ซื้อ Benz NGT200 และให้เหตุผลว่ารถระดับนี้ค่าซ่อมไม่หนีกันหรอกซื้อเบนซิน CNG ไปดีกว่า ฮาดีไหม 5555
ขนาดสปอร์ตอยู่ในรายการเขาเองนะครับยังพูดคนล่ะอย่างเลย แต่มีนักจัดรายการรถยนต์บางท่านจะตอบคำถามนี้ไปที่ดีเซล CDI ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้ว่าใคร ที่ชอบฟันธงแบบนี้


อยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติมไหมครับว่าทำไม... บางคนตอบแบบนี้แบบนั้น



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก Auto 61.90.149.126 จันทร์, 22/9/2551 เวลา : 16:15  IP : 61.90.149.126   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5132

คำตอบที่ 4
       ผมอยากเปรียบ บางทีผมว่าคนฟังผมอาจไม่เข้าใจเช่นเวลาผมเปรียบเทียบรถดีเซลเบนซินให้ฟัง คือบางคนเด็กช่างหรือช่างที่เรียนกันมา ปวช ปวส. จะเรียนมาดังนี้
1. ดีเซล ประหยัดน้ำมัน กว่าเบนซิน
2.ดีเซลทนทานกว่าเบนซิน
3. ดีเซลเสียงดังกว่าเบนซิน
เอาแค่ 3 ข้อนี้ก่อน

1. จากที่ว่าดีเซลประหยัดกว่า แต่ประหยัดว่าเท่าไหร่สมัยนั้นไม่มีตำราไหนบอก สมัยนั้นการเปรียบมันอยู่ที่ดีเซลเป็นหัวฉีดใช้ปั๊ม Inline ถัดมาก็เป็นปั๊ม (จำชื่อไม่ได้ ) และก็มาปั๊มไฟฟ้า แต่การเปรียบตอนนั้นคือเบนซินมันเป็นคาร์บู แล้วถึงมาเป็นหัวฉีดประสิทธิภาพถูกอัพเดทไปเรื่อย ๆ
เช่น 1500 ซ๊ซีเบนซินสมัยก่อน คาร์บูกินน้ำมัน10-12 km/l
ถัดมา 1500 ซีซี หัวฉีด กินน้ำมัน 12-15 km/l
ต่อมายุคปัจจุบบันพัมนาทดเกียร์และประสิทธิภาพตัวถัง รถกินน้ำมัน 1500 ซีซี กิน 16-18 km/l

ดีเซลมีตั้งแต่การกินน้ำมัน 7-15 โลลิตร ถัดมาคอมมอนเรล 10-16 โลลิตร
แต่การเปรียบกันผมไม่รุ้ว่าเขาเปรียบกันด้วยเงื่อนไขอย่างไร ตัวแปรเหมือนกันหรือไม่ ในขณะที่ลูกค้ามีทางเลือก ไม่ใช้ดีเซลแต่ไปซื้อซิตี้คาร์อย่างซิตี้ วีออส แจ๊ส แล้วกินน้ำมัน 16-18 โลลิตรได้ ในสภาพราคาเบนซินถูกกว่าดีเซลลิตรล่ะ 4 บาท



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก Auto 61.90.149.126 จันทร์, 22/9/2551 เวลา : 16:31  IP : 61.90.149.126   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5135

คำตอบที่ 5
       2.ดีเซลทนทานกว่าเบนซิน การเปรียบแบบนี้นักศึกษาทุกคนฝังหัวกันมาตามตำราว่าดีเซลทนทานกว่าเบนซิน
คำพูดนี้ก็ถูก แต่ผมต่อให้นิดนึง
สมัยที่เรียนกันตามตำรา ตอนนั้นปั้มดีเซลยังไม่ใช่คอมมอนเรล ตอนนั้นรถดีเซลยังเป็นเทคโนโลยีธรรมดา ไม่ใช่อะไรมาควบคุมมากนัก
แต่พอเป็นคอมมอนเรล มี เทอร์โบ มี Air flow มี ECU มีทุกอย่างเหมือนที่เบนซินหัวฉีดมี อายุการใช้งานเครื่องดีเซลเมื่อกอ่นนี้วิ่งกันประมาณ 4- 5 แสนโลก็กลับบ้านเก่า ปัจจุบันพัฒนามากขึ้นเป็น 1 ล้านกิโลเมตร คือมันทนทานมากขึ้น

ในขณะเดียวกันเบนซินมันก็พัฒนาไปด้วย จากเมื่อกอ่น วิ่ง 1 แสนกว่าโล พัง ก็มาเป็น 3-4 แสนโลพัง จนมายุคปัจจุบัน 4-5 แสนโลพัง ซึ่งอายุการใช้งานของมันก็ยาวนานมากเพียงพอสำหรับการใช้งานปกติทั่ว ๆ ไป เพราะบางคนไม่ได้วิ่งรถ 1 ล้านกิโลเมตรแน่นอน 10 ปีวิ่งไม่ถึง 4 แสนโลก็มีเยอะไป ความคุ้มค่าจึงต้องพิจารณาหลายๆ ทาง



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก Auto 61.90.149.126 จันทร์, 22/9/2551 เวลา : 16:42  IP : 61.90.149.126   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5137

คำตอบที่ 6
       3. ดีเซลเสียงดังกว่าเบนซิน

ดีเซลเสียงดังกว่าแต่ว่าสมัยนี้การซีลเก็บเสียงรถทำได้ดีขึ้นทำให้เงียบลง ผู้ใช้ดีเซลต่างก็ยอมรับว่ามันเงียบลง กว่าเดิมที่วิ่งเสียงดังเหมือนรถ 6 ล้อ
ในขณะเดียวกันเบนซินก็พัฒนาเสียงและความสั่นสะเทือนด้วยทำให้รถในปัจจุบันเพิ่มความสุนทรีย์ในการขับมากขึ้น



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก Auto 61.90.149.126 จันทร์, 22/9/2551 เวลา : 16:51  IP : 61.90.149.126   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5138

คำตอบที่ 7
       ความเชื่อสมัยก่อน ๆ ที่บอกว่าเบนซินทนทานน้อยกว่าดีเซล มันก็จริงส่วนนึง แต่การเปรียบเทียบมันมีตัวแปรหลายตัวในการเอามาเทียบกัน

พวกเราควรเข้าใจในการออกแบบรถยนต์ที่ใช้ตามกลุ่มด้วย รถปิคอัพเขาออกแบบมาเพื่อใช้สมบุกสมบัน ใช้บรรทุกหนักไม่เกินพิกัดของรถ ออกแบบมาเพื่อให้มันมีความทนทาน ค่าดูแลไม่แพงนัก ด้วยเหตุนี้เองเครื่องเบนซินที่วางลงในปิคอัพมันต้องต่างกับเครื่องเบนซินที่วางในรถเก๋ง
เช่นปกติ ฮอนด้า ซีอาร์วี ใช้งานด้วยเบนซินก็เจอปัญหาบ่าวาล์วทรุดในรถที่ใช้งานหนัก ๆ
Hilux ใช้แก๊สวิ่งไป แสนกว่าโล เฉย ๆ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะรถและเครื่องยนต์เบนซินแบบนี้มันรองรับการใช้งานหนัก ๆ ได้ไม่มีปัญหา เหมือนที่พวกเราเอาไปบรรทุก 1-3 ตันวิ่งกันนั่นแหละ จะให้ซีอาร์วีบรรทุก 1 ตันก็พังสิครับ แต่ Hilux บรรุทุก 1-3 ตันก็วิ่งได้

นั่นเพราะเงื่อนไขในการผลิตรถมันต่างกัน เราขับซีอาร์วีให้ความรู้สึกกับรถที่สุนทรีย์กว่าการขับ Hilux 2.7 ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดาครับ




การเปรียบรถปิคอัพเบนซินกับดีเซล จึงต้องดูเงื่อนไขด้วยว่าอะไร
แต่กับพวก J 2 J ที่มาวางในปิคอัพมันคนล่ะเรื่องกัน คนล่ะเหตุผล เพราะเครื่องมันไม่ได้ออกแบบสำหรับปิคอัพ แต่เรามาใส่ปิคอัพ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก Auto 61.90.149.126 จันทร์, 22/9/2551 เวลา : 17:07  IP : 61.90.149.126   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5140

คำตอบที่ 8
       เราจึงควรพิจารณาที่ค่ายรถเขาออกมาบอกด้วยว่าปิคอัพต้องดีเซลเท่านั้นด้วย
เพราะค่ายรถพวกนี้เขาก็ต้อง ปกป้องธุริกจของเขาทั้งนั้นครับ ถ้าตลาดดีเซลพังไปคงชิปหายกันเยอะครับ


การซื้อรถจึงควรมองด้วยหลักและเหตุผลสำคัญ แล้วจะทำให้การซื้อรถมาใช้มีความสุขครับ และมันต้องดีสำหรับครอบครัวด้วย

ไม่ใช้ซื้อรถมาเพื่อจอดไว้เฉย ๆ แล้วบอกว่าตัวเอง I love diesel



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก Auto 61.90.149.126 จันทร์, 22/9/2551 เวลา : 17:12  IP : 61.90.149.126   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5141

คำตอบที่ 9
       ยกตัวอย่าง อีกต่อ

ถามจาก: superfamilyman 19 Sep 2008 11:54:03
1577 เหตุใดรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลจึงได้รับความนิยมอย่างสูง
เหตุใดรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลจึงได้รับความนิยมอย่างสูง และต่อเนื่องทั้งในเชิงพาณิชย์และรถส่วนบุคคลมากกว่าเครื่องยนต์เบนซิน

ตอบโดย: Admin 19 Sep 2008 14:30:21
เพราะ ที่ผ่านมาราคาน้ำมันดีเซลถูกกว่าน้ำมันเบนซิน , อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงน้อยกว่าน้ำมันเบนซิน , เครื่องยนต์ให้กำลังเพื่องานบรรทุกได้ดีกว่า , เครื่องยนต์มีความทนทานมากกว่า และค่าบำรุงรักษาต่ำกว่าครับ







ถามจาก: superfamilyman 19 Sep 2008 11:48:56
1576 ในสถารการณ์ น้ำมันดีเซลแพงกว่าน้ำมันเบนซิน เช่นในปัจจุบัน
ในสถารการณ์ น้ำมันดีเซลแพงกว่าน้ำมันเบนซิน เช่นในปัจจุบัน สมควรที่ทุกคนจะเปลี่ยนไปใช้เครื่องยนต์เบนซินดีกว่าหรือไม่


ตอบโดย: Admin 19 Sep 2008 15:36:19
เมื่อเปรียบเทียบราคาน้ำมันดีเซลกับน้ำมันเบนซินในปัจจุบัน พบว่าราคาต่างกันไม่เกิน 10 บาท หรือประมาณ 15% ในขณะที่เครื่องยนต์ดีเซลประหยัดน้ำมันกว่าน้ำมันเบนซินมากกว่า 20% เมื่อเปรียบเทียบในรถแบบเดียวกันและใช้งานเหมือนๆกัน ( ข้อมูลการใช้งานในรูปแบบเดียวกัน วีโก้เบนซิน 2.7 ลิตร กินน้ำมัน 8 กม./ลิตร ส่วนดีเซล์ 3.0 ลิตร กินน้ำมัน 10-12 กม./ลิตร
ยกตัวอย่าง ( ถ้าอัตราสิ้นเปลืองของเครื่องยนต์เบนซินคือ 8 กม./ลิตรและดีเซล คือ 11กม./ ลิตร กรณีน้ำมันเบนซิน ราคาลิตรละ 30 บาท แสดงว่า 8 กม. มีต้นทุน 30 บาท หรือกิโลเมตรละ 3.75 บาท
กรณีน้ำมันดีเซล ราคาลิตรละ 40 บาท แสดงว่า 11 กม. มีต้นทุน 40 บาทหรือกิโลเมตรละ 3.63 บาท
แสดงให้เห็นว่า ถ้าราคาน้ำมันต่างกันไม่เกิน 10 บาท การใช้เครื่องยนต์ดีเซลยังคงให้ความคุ้มค่ามากกว่าแน่นอนและประกอบกับข้อดีต่างๆ ก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่า การเลือกใช้น้ำมันดีเซล โดยเฉพาะกับงานเพื่อการขนส่งจะมีความคุ้มค่ามากกว่า 100 %




ดูคำถามและคำตอบแล้วคิดตามไปด้วยนะครับ








 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก Auto 61.90.149.126 จันทร์, 22/9/2551 เวลา : 19:07  IP : 61.90.149.126   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5144

คำตอบที่ 10
       คิดออกหรือยังครับ มาต่อกันดีกว่า

เครื่องยนต์ดีเซลเมื่อก่อนนี้ที่บ้านเรานิยมเพราะว่าราคาน้ำมันดีเซลถูกกว่าเบนซิน เพราะรัฐบาลช่วยไว้ให้เกิดการบิดเบือนสมัยนั้นปิคอัพเบนซินมีแต่เทคโนโลยีน้อย ๆ เครื่องยนต์เล็ก ๆ มีไม่กี่แรงม้า เวลาเปรียบมวยกันแน่นอนครับว่ามันเสียเปรียบ เพราะภาษีบ้านเรามันทำให้เกิดการตัดตอนรถที่จะเกิดขึ้น

เครื่องยนต์มีความทนทานมากกว่า และค่าบำรุงรักษาต่ำกว่า เขาพูดไม่ผิดหรอกสำหรับประโยคนี้
แต่ว่าค่าซ่อมมันแพงกว่าประโยคแบบนี้ไม่มีค่ายรถรายใดออกมาพูดให้ได้ยิน คือค่าดูแลมันตามระยะทางในสมัยนั้นเทคโนโลยีแบบไดเร็คหรือ สเวิร์ลแชมเบอร์ ไม่มีค่าดูแลอะไรที่น่าปวดหัวมากนักเพราะไม่ต้องซ่อม อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องซ่อม กว่าจะซ่อมก็เปลี่ยนสายพานราวลิ้น หัวเผา กรองดักน้ำ ตั้งวาล์ว แค่นั้น

ถ้าเป็นเบนซินก็น้อยลงมาหน่อย เปลี่ยนหัวเทียน ระบบไฟ หน้าทองขาว กรองเบนซิน ก็แค่นั้นอีกเช่นกันเพียงแต่ว่าอายุในการเปลี่ยนพวกนี้มันจะมาที่ 20000 -40000 โลจะมาเร็วกว่าพวกดีเซลที่จะเริ่มที่ 80000 -100000 โล




แต่กลับกันพอถึงเวลาซ่อมเพราะเค้าพูดถึงค่าดูแลไม่ได้พูดเรื่องค่าซ่อมเครื่องดีเซล เปลี่ยนลูกสูบ แหวน เปลี่ยนนั่นนี่เมื่อพัง เริ่มต้นที่ 30000 บาท อู่ข้างนอก ในศูนย์ 7-8 หมื่นบาท

เมื่อเป็นเครื่องเบนซิน 3000-8000 บาท อู่ด้านนอก ในศูนย์ 15000 บาท การทำง่ายกว่ากันเยอะ

อิ อิ อิ เริ่มมองภาพออกกันบ้างหรือยัง



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก Auto 61.90.149.126 จันทร์, 22/9/2551 เวลา : 21:13  IP : 61.90.149.126   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5151

คำตอบที่ 11
       จากประโยคด้านต้น จึงเป็นที่มาของคำพูดที่เอาไปพูดกันว่าเบนซินทนทานน้อยกว่า ที่ค่าดูแลมันมาเร็วกว่าดีเซล ดีเซล ดีเซลค่าบำรุงรักษาต่ำกว่า



รถอย่าง Honda Mitsu Cheav ก็ออกมาให้ดูตารางการบำรุงรักษาว่าของตัวเองต่ำเพียงไร เขาพูดไม่ผิดเช่นกันเพราะใน 5 ปีคุณใช้งานรถโดยที่ดูแลตามปกติค่าบริการในศุนย์ถูกมาก ๆ ๆ ๆ แต่พอเลยระยะประกันไปแล้วไอ้นั้นไอ้นี่เสีย ยี่ห้อเหล่านี้เข้าศูนย์ไปเห็นฟังราคาค่าซ่อมแล้วแทบเป็นลมทุกราย คนใช้ก็บอกว่าแพง ๆ เวลาเซลไปหาลูกค้าก็บอกอะไหล่ถูก ๆ เพราะความเข้าใจมันไม่ตรงกันซักทีไงเล่า



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก Auto 61.90.149.126 จันทร์, 22/9/2551 เวลา : 21:20  IP : 61.90.149.126   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5152

คำตอบที่ 12
       ต่อครับ
เมื่อกี้คงแสดงให้เห็นไปแล้วนะครับระหว่างค่าบำรุงรักษากับค่าซ่อมมันต่างกันยังไง ต้องจับใจความตรงนี้ให้ถูก


เห็นมีในกระทู้เรานี้แหละ ยกตัวอย่างให้ฟังคนนึงว่า Hilux 2.5 d4d คอมมอนเรลวิ่งไปเครื่องฮีทเอาเข้าซ่อมศูนย์ เขาประเมินค่าซ่อมให้ 1 แสนกว่าบาท ผมไม่เห็นเจ้าของรถเปิดปากบอกว่าค่าซ่อมจะถูกแต่อย่างใด ความจริงแล้วถ้าเป้นผมผมก็บอกว่าไม่แพงเพราะสมัยเป็นเครื่อง 2L หรือ 4JA1 ศูนย์ก็ตีค่าซ่อม 7 หมื่นกว่าบาท เมื่อเป็นคอมมอนเรลค่าซ่อม 1 แสนกว่า ๆ ก็ไม่เห็นแปลกตรงไหน
ที่แปลกน่ะพวกเราที่ไม่รู้ต่างหาก



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก Auto 61.90.149.126 จันทร์, 22/9/2551 เวลา : 21:26  IP : 61.90.149.126   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5153

คำตอบที่ 13
       ต่อครับ

ปัจจัยในการเลือกรถ ดีเซลกับเบนซิน
เรื่องการประหยัดน้ำมันตรงที่เขาตอบคำถามก็เป็นส่วนนึงในการเลือกซื้อรถ แต่ก็ไม่ใช่ปัจจัยทั้งหมดในการที่คนคนนึงจะเลือกซื้อ (อันนี้ไม่ได้พูดถึงเปรียบเทียบหลังการเอาไปติดแก๊สของเครื่อง 2.7 น่ะ เพราะดีเซลจะเสียเปรียบมาก)


คนคนนึงจะซื้อรถเขาก็ต้องมองหลายอย่าง บางคนอาจมองอย่างเดียวคือใช้ไปในการพาณิชย์ แต่โดยรวมแล้วทุกคนมีเหตุผลต่างกันแล้วเอาเหตุในแต่ละข้อมารวมกันซื้อเป็นรถ 1 คัน แต่ส่วนใหญ่มักเลือกผิด เพราะความไม่เข้าใจในการเลือก
ผมเปรียบเทียบให้ดังนี้

1. บางคนต้องการ 3.0 D4D ทั้งที่รถราคาแพงกว่า เบรคด้อยกว่า อย่างอื่นก็มีข้อด้อย การขับขี่สุ้ 2.7 ไม่ได้ แต่เขาอยากเลือกเพราะเขาต้องการความแรงของเครื่องยนต์ และความทันสมัย

2. บางคนเลือก 2.7 ทั้งที่เครื่องแรงน้อยกว่า 3.0 กินน้ำมันมากกว่า หาซื้อก็ยากกว่า แต่ที่เขาอยากเลือกเพราะมันไม่เหมือนใคร เขาต้องการขับขี่ที่ดีกว่าและปลอดภัยกว่า

ดังจะแสดงให้เห็นว่าทุกคนต่างมีจุดเลือกของตนเอง เพราะแต่ละคนมีสิ่งที่ชอบไม่เหมือนกัน เครื่องยนต์แต่ละเครื่องต่างก็มีจุดเด่นและด้อยของตัวเอง


- ในคูเวต ซาอุ ราคาน้ำมันเบนซิน 6-7 บาท/ลิตร ดีเซลแพงกว่านิดหน่อย ประชากรมีรายได้ 30000 / เดือน รถที่เอาไปใช้ เป็นเบนซิน 2.7 vvti รถขับขี่ด้วยความนิยมในที่นั้น เฉลี่ยค่าใช้จ่าย โลละ 1 บาท เมื่อเป็นดีเซลโลละ 1 บาท หรือใกล้เคียง ในเมื่อตัวแปรความแตกต่างมันไม่มีในเรื่องค่าใช้จ่ายตรงนี้ แน่นอนว่าเขาคงไม่ได้มองอัตราสิ้นเปลืองเป็นหลักในการซื้อรถ แต่ต้องมองถึงข้อดีอื่นๆ เช่นการหาเติมเบนซินง่ายกว่า การดูแลเบนซินที่นั่นง่ายกว่า การซ่อมแซมง่ายกว่า ดีเซลก็ไม่ใช่ปัจจัยที่เขาจะเลือกในการซื้อเพราะพิจารณาแล้วมีข้อด้อยกว่าเบนซินทั้งหมด

-แต่ถ้ากลับกันมามองบ้านใกล้เรือนเคียง กัมพูชา
น้ำมันดีเซลลิตรละ 50 บาท เบนซินลิตรล่ะ 80 บาท ค่าจ้างแรงงานอยู่ที่ 4000-5000 / เดือน ปัจจัยค่าใช้จ่าย / กิโลเมตรจะแตกต่างกัน ดีเซลหาที่ซ่อมง่ายกว่าอะไหล่ถูกกว่าสำหรับประเทศแบบนี้ เบนซินจึงเป็นข้อด้อยกว่าที่คนจะไม่เลือก





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก Auto 61.90.149.126 จันทร์, 22/9/2551 เวลา : 21:44  IP : 61.90.149.126   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5155

คำตอบที่ 14
       หลายเรื่องเป็นเทคนิค โนฮาวด์ การตลาด การอธิบายแบบนี้คงทำให้พวกเราเข้าใจขึ้นมาอีกได้นะครับ

ที่ผมตั้งกระทู้ไปแรก ๆ ก่อนจะมาเป็นบ้านหลังนี้ได้ก็เพราะมองเห็นปัญหาที่พวกเรา 2.7 กำลังเผชิญอยู่หรือคนที่จะซื้อรถรุ่นนี้ไม่มีความมั่นใจหรือมีข้อมูลอะไรเลย เพราะการที่จะไปหาความรู้ในเวป Vigo Fortuner ก็มีความรู้ทางด้านเทคนิคหรือคนที่จะมาตอบความรู้ให้เฉพาะ 2.7 vvti ก็มีน้อยมากหรือหาไม่ได้เลยหลาย ๆ คนที่ตอบกันไปก็ไม่ทราบบ้างไม่เคยขับไม่เคยลองบ้าง ให้ข้อมูลไปด้านลบ ทำให้คนที่ใช้ 2.7 ส่วนนึงโดยเฉพาะ Hilux หารายละเอียดตรงนี้ไม่ได้ ผมเลยลองอกมาตั้งกระทู้เองเพื่อแชร์ข้อมูลกันระหว่างผู้ใช้จริง ๆ ให้มารวมกลุ่มกันตรงนี้เพื่อบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ น่าจะเป็นประโยชน์กับทุก ๆ คนครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก Auto 61.90.149.126 จันทร์, 22/9/2551 เวลา : 21:52  IP : 61.90.149.126   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5156

คำตอบที่ 15
       เวลาผมคุยกะคนอื่นเรื่องว่าสนใจจะออกวีโก้ 2.7 นี่ทีไร ผมต้องได้ยินคำพูดแบบนี้ทุกที "ไอ้เครื่องตัวนี้มันกินน้ำมันมากนะ" "ไอ้วีโก้ตัวนี้มันกินน้ำมันเยอะนะ" ทุกครั้งไป.....

ผมว่า จริงๆ ถ้าเอาไปเทียบกะวีโก้ 1KD เกียร์ Auto ด้วยกันแล้วมันก็ไม่ได้กินมากกว่าซักเท่าไหร่เลย อีกอย่างผมก็กะว่า ซื้อออกมาก็ต้องติดแก๊สอยู่แล้ว (ไม่มีปัญญาเติมน้ำมัน) ยังไงเทียบต่อ กม. แล้ว ก็ยังถูกกว่าใช้ดีเซลอยู่ดี



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก fOnGSteR 58.9.47.101 อังคาร, 23/9/2551 เวลา : 03:23  IP : 58.9.47.101   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5167

คำตอบที่ 16
       จาก fOnGSteR

ปัญหาคือคนส่วนใหญ่ที่พูดตรงนี้ ไม่ใช่เจ้าของรถไม่ได้สัมผัสกับรถโดยตรง หลายคนไม่มีข้อมูลหรือรายละเอียดที่จะให้ได้ บอกคำเดียวว่ารถกินน้ำมันแค่นั้น เหมือนมีแค่ความรู้ตรงนั้นและดึงเอาข้อเสียตรงนั้นมาเป็นจุดนำเพียงข้อเดียวในการซื้อรถ
การซื้อรถหลายคนจึงซื้อตามความเห็นคนรอบข้าง หรือตามความคิดตนเองเป็นหลัก

จริงอยู่รถเบนซินกินน้ำมันมากว่าดีเซล แต่ถ้าเบนซินไม่มีข้อดี รถที่ส่งขายไปต่างประเทศที่ใส่เทรลเลอร์ไปมากว่าร้อยละ 70-80 เป็นเครื่องเบนซิน
ถ้าไม่ดีจริง พวกฝรั่งกับแขกตะวันออกกลางมันคงไม่ซื้อ พวกนั้นกำลังเงินในการซื้อรถสูงกว่าบ้านเราแน่นอนครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก Auto 61.90.149.126 อังคาร, 23/9/2551 เวลา : 08:12  IP : 61.90.149.126   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5168

คำตอบที่ 17
       ขอถามหน่อยครับราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่สิงขโปร์เบนซินมันถูกกว่าดีเซลแต่ที่เมืองไทยทำไมมันแพงกว่าละครับเหลือเขาบวกภาษีมากกว่าครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก น้อง 210.246.146.129 อังคาร, 23/9/2551 เวลา : 09:19  IP : 210.246.146.129   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5169

คำตอบที่ 18
       จาก น้อง
ตลาดในไทยเขาบิดเบือนราคาน้ำมันมานานแล้วครับ
ในมาเลเซียราคาดีเซลก็แพงกว่าเบนซินครับ แต่ผมจำไม่ได้ว่ากี่ริงกิต
รถที่นั่นส่วนใหญ่จึงเป็นเบนซิน แต่ก็มี SUV และปิคอัพไม่น้อยที่เป็นดีเซล
เวลากลั่นออกมามันได้ดีเซลน้อยกว่าเบนซิน ราคาดีเซลจึงต้องแพงกว่า
ในประเทศอื่น ๆ ก็เป็นครับ ราคาดีเซลแพงกว่าทั้งนั้น ยกเว้นประเทศเพื่อนบ้านเราหรือประเทศที่มีนโยบายอุ้มดีเซล

แต่ในบ้านเราหรือบางประเทศเขาเล็งเห็นว่าดีเซลมันใช้เพื่อการขนส่งจึงควรช่วยให้ราคามันถูกเพื่อเป็นพื้นฐานค่าครองชีพ ราคาน้ำมันดีเซลจึงได้ถูกอุ้มไว้ด้วยภาษีสรรพสามิตครับ เช่นเขาเก็บเบนซิน 95 ลิตรล่ะ 3.45 แต่ดีเซลจะเก็บน้อยกว่าเช่นเก็บ 2.90 และยังมีกองทุนน้ำมันอีกเบนซิน 95 เก็บ 3 บาท พอดีเซลเก็บ 2. บาทแบบนี้เป็นต้น ราคาน้ำมันที่ออกมาจึงกลายเป็นว่าดีเซลถูกกว่าเบนซินเสมอมา ในขณะที่เบนซิน 95 เขามองว่าคนมีรถส่วนตัวใช้กลุ่มนี้ไม่รับผลกระทบมากนักจึงเก็บภาษีโหดกว่าตัวอื่น ๆ คือเอาโน่นเอานี่มาดึงออกไปให้ราคามันสูง


ในขณะเดียวกันแก๊สโซฮอล จะโดนเก็บภาษีน้อยกว่า เพราะจูงใจให้คนมาใช้ + กับราคาตลาดโลกจึงเห็นความแตกต่างชัดเจนว่าราคามันถูกกว่าดีเซลมาก ยี่งเป็น 20 E85 จะเห็นชัดเพราะมนคือราคาจริง แต่ไม่เก็บภาษีน้อยมากหรือไม่เก็บเลยราคามันจึงถูกไง



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก Auto 61.90.149.126 อังคาร, 23/9/2551 เวลา : 09:47  IP : 61.90.149.126   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5172

คำตอบที่ 19
       ตอนไปเวียดนามช่วงนั้นราคาเบนซินประมาณ 25 บาท ดีเซลก็เกือบเท่า ๆ กัน

มาเลเซียตีเป็นงินทไยช่วงนั้นเบนซินประมาณ 15 บาท ดีเซล 16-17 บาท

ที่จีน เบนซิน 25 บาทดีเซลก็ราคาเท่ากัน 25 บาท

กัมพูชาเบนซิน 40-50 บาท ดีเซล 35 บาท ปี 2547

ส่วนสิงคโปร์ไม่ทราบราคา เพราะตอนไปนี่เห็นได้ชัดว่าสิงคดปร์จัดโซนผังเมืองไว้ดีมาก จะมีโซนสีเขียว โซนธุรกิจ และโวนท่าเรือไว้ชัดเจน
ปั๊มน้ำมัน คาร์แคร์ ต้องแยกต่างหากจัดไว้เฉพาะที่ รถจะวิ่งไปเติมน้ำมันก้ต้องวิ่งอ้อมไปอีกโซนนึงแต่ไม่ทราบราคา ที่สิงคโปร์นิยมรถเบนซินมากกว่า พวกปิคอัพหรือบรรทุกที่เป็นดีเซลก็มีแต่มีนอยมากไว้ขนของเท่านั้น

เท่าที่จำได้ก็มีราว ๆ เนี้ยแหละ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก Auto 61.90.149.126 อังคาร, 23/9/2551 เวลา : 09:59  IP : 61.90.149.126   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5173

คำตอบที่ 20
      



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

BADDOGBADDOG จาก BADDOG 58.10.84.27 อังคาร, 23/9/2551 เวลา : 13:16  IP : 58.10.84.27   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5177

คำตอบที่ 21
       ผมใช้fortuner2.7อยู่ครับ ติดlpgหัวฉีดใช้มา120000kmแล้วเครื่องยนต์ยังปรกติดีครับ อีกคันของพี่280000km
เครื่องยนต์ก็ยังปรกติดีครับ เรื่องความทนทานผมว่าหายห่วงครับ ใช้รถให้มีความสุขนะครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก a-sopon 125.26.5.60 อังคาร, 23/9/2551 เวลา : 15:51  IP : 125.26.5.60   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5187

      

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  



website รองรับการใช้งานทุกระบบปฏิบัติการของ PC Tablet SmartPhone ทุกระบบสามารถโพสข้อความและรูปภาพได้โดยไม่ต้องย่อไฟล์
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ website WeekendHobby.Com สมาชิก เท่านั้น จึงจะตั้งกระทู้ หรือ ตอบกระทู้ได้ครับ
Login Click ที่นี่
สมัครสมาชิก Click ที่นี่



Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วันอาทิตย์,5 พฤษภาคม 2567 (Online 3379 คน)