WeekendHobby.com
เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


ทำไมบริษัทรถจึงมักไม่ยอมเปลี่ยนรถให้ลูกค้า

จาก Auto
IP:61.90.149.126

ศุกร์ที่ , 10/10/2551
เวลา : 21:15

อ่านแล้ว = ครั้ง
 เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งตรวจสอบกระทู้
 แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน ส่งหาเพื่อน

       หลายครั้งหลายหนที่ผู้บริโภคมักมีปัญหาร้องเรียน สคบ. กันเป็นประจำเนื่องจากต้องการเปลี่ยนรถหรือไม่ก็ให้ศูนย์บริการรับผิดชอบให้ ในการซ่อมเพราะซ่อมมาหลายครั้งไม่หายสักที

อ้างแรกเริ่มเดิมทีก่อน ครั้งแรกๆ สมัยก่อนผู้บริโภคฉลาดน้อยกว่าปัจจุบัน การสื่อสารน้อยกว่าปัจจุบัน ข่าวสารการรับรู้ข้อมูลน้อยกว่า ประกอบกับเทคโนโลยีการผลิตรถไม่สูงมากนักปัญหาการเคลมระหว่างลูกค้ากับบริษัทก็น้อยลง แต่เมื่อผ่านไปรถมีเทคโนโลยีมากขึ้น ความแรงและพลังของรถก็มากขึ้นรวมถึงการใช้งานของเจ้าของรถก็มากขึ้นทำให้เรื่องการเคลมชิ้นส่วนหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ มันมีมากกว่าเดิม
ลูกค้าปัจจุบันติดตามข่าวสารกันมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกอย่างที่รู้กนอยู่โลกมันแคบลงการที่คนเราจะรู้ข้อมูลอีกซีกโลกนึงเป็นไปได้ง่ายและรวดเร็ว


รถสมัยก่อน ไมล์แค่หลักแสน รถสมัยปัจจุบันไมล์รถจบที่ หลักล้านกิโลเมตร
การใช้งานระหว่างรถและระยะทางมากขึ้น

รถสมัยก่อนประกอบด้วยกลไกมากชิ้น สมัยปัจจุบันเพิ่มระบบไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์มากชิ้นขึ้น
ระบบไฟฟ้าเป็นเรื่องที่ไม่เคยไว้ใจได้ อย่างอีซียูรถคันนึงอาจเสียที่ 5 ปี บางคันเสียที่ 20 ปี
ซึ่งเวลาการเสียของระบบไฟฟ้ามักไม่แน่นอน อย่างรถ BMW ที่ว่าทนทานพอมาเจอออนบอร์ดที่แพรวพราวมาก ๆ กับปรากฎว่าเครื่องไม่เป็นไรที่เสียน่ะออนบอร์ด
อย่างอีผูผุ ขึ้นชื่อว่าเครื่องยนตืทนทานอึดไม่เสียง่าย ๆ แต่พอมาเจอระบบไฟฟ้าเข้าไปเยอะ ๆ คนเริ่มบ่นค่าซ่อม

รถสมัยก่อน ขับด้วยความเร็วไม่สูง กำลังไม่มาก แรงม้าไม่มาก
รถสมัยปัจจุบัน แรงม้าสูงขึ้น แรงบิดมากขึ้น ความเร็วและระยะทางการใช้งานก็สูงขึ้น
การเคลมระหว่างลูกค้าก็มีมากขึ้น


รถสมัยปัจจุบันออกแบบให้มีกำหนดเวลาเสียของอะไหล่ค่อนข้างเร็วและแน่นอนมากขึ้น เพื่อให้กำหนดครบรอบเวลาการเซอร์วิสได้
เช่นรถทุกคันมักรัปประกันที่ 1 แสนโล ช่วงระยะ 3 ปี 1 แสนโลมักไม่มีปัญหา
แต่รถเมื่อวิ่งถึง 1 แสนโลไปแล้ว อะไหล่เกือบทุกชิ้นเริ่มทยอยเสีย
เป็นแบบนี้ทุกยี่ห้อรถ ไม่ว่ารายไหนรายนั้น คาบเวลาจะเหลื่อมล้ำกันไม่มาก
ทีนี้ถ้ามีชิ้นในเสียในเงื่อนไขการรับประกันก็ดีไป แต่โดยมากเจ้าของรถมักไม่ค่อยพอใจ
ว่าต้องมีการเคลม คิดว่าทำไมรถออกมาจากบริษัทมันไม่ตรวจสอบกันให้ดีก่อน
พอเคลมเยอะก็รู้สึกติดลบกับบริษัท หาว่ารถไม่ดีอย่างนั้นแบบนี้
แต่ถ้าคิดกลับกัน บริษัทเคลมน้อยแต่ไม่อยากเคลมให้ลูกค้าแบบนี้เจ็บปวดกว่ากันเยอะ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

แจ้งเพื่อเก็บขึ้นกระทู้พิเศษ คลิ๊กที่นี่แจ้งเพื่อนำขึ้นกระทู้พิเศษ

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  

คำตอบที่ 1
       ต่อครับ

แรกเริ่มเลยนี่ การเคลมหรือการเรียกรถกลับมาเคลมชิ้นส่วนบางชิ้นส่วนเนื่องจากพบว่าการผลิตของชิ้นส่วนมีปัญหา จึงต้องเรียกรถกลับมาทำการ Recall รถกันใหม่เกิดขึ้นทั้งในฟากยุโรปและญี่ปุ่น แต่เหตุการณ์เหล่านี้คนไทยเองกก็อยากมีส่วนร่วมกับเขาด้วย เพราะเดี่ยวนี้การสื่อสารมันเร็วข่าวมันจึงสะพัดออกไปได้ง่าย ๆ
แต่ว่าบริษัทรถในเมืองไทย ส่วนใหญ่แทบจะทุกบริษัทเลยก็ว่าได้มักไม่ค่อยออกหนังสือหรือประกาศเรียกรถคืนกลับไปในลักษณะนี้ สาเหตุส่วนหลักนั้นมาจากนิสัยคนไทยเองที่ไม่เอื้อต่อการกระทำวิธีนี้เพราะ
การเรียกรถนั้น คนไทยมักตื่นตกใจ ขี้กลัว
คนไทยชอบข่าวลือ เวลามีเรื่องอะไรทีก็จะลือกันไปทั่วพูดแบบปากต่อปาก
เรามักไม่ชอบคนแสดงสปิริต โดยส่วนใหญ่ถ้ามี

ปัญหางานเคลมขึ้นมามักจะเอาไปพูดกันในทางไม่ดีว่า รถมันห่วย อย่างนั้นอย่างนี้ ยกตัวอย่างเจ้าพ่อปิคอัพอย่างอีผูผุ เขามีปัญหาเรื่องการกินน้ำมันเครื่อง รถทุกคันที่มีปัยหาเขาเรียกไปเปลี่ยนเครื่องยนต์ให้ทันที ไม่ซ่อมแต่เปลี่ยนให้ใหม่ ชาวบ้านแทนที่จะชื่นชมความรับผิดชอบของบริษัทที่มีต่อลูกค้า กลับเอาไปพุดกันในทางเสียหายว่านี่เขาเป็นกันเยอะ รถมันไม่ดี อย่าวื้อ และอื่นๆ
ซึ่งคำพูดเหล่านี้ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น ตรงกันข้ามจะทำให้บริษัทอื่นๆ พยายามปิดข่าวไม่อยากเล่นกับข่าวแบบนี้เพราะกลัวเสียภาพพจน์บริษัท เพราะนิสัยคนไทยเราไม่ได้ชื่นชมคนออกมาแสดงความรับผิดชอบแต่ให้ความสำคัญกับหน้าตาอิมเมจมากกว่า



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก Auto 61.90.149.126 ศุกร์, 10/10/2551 เวลา : 21:30  IP : 61.90.149.126   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5865

คำตอบที่ 2
       วันพรุ่งนี้มาต่อใหม่ครับ มีอีกหลายข้อ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก Auto 61.90.149.126 ศุกร์, 10/10/2551 เวลา : 21:31  IP : 61.90.149.126   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5866

คำตอบที่ 3
      



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก j cha 125.25.101.209 เสาร์, 11/10/2551 เวลา : 09:12  IP : 125.25.101.209   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5869

คำตอบที่ 4
       up ๆๆๆๆ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก j cha 125.25.101.209 เสาร์, 11/10/2551 เวลา : 09:21  IP : 125.25.101.209   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5878

คำตอบที่ 5
       ต่อครับ
ทราบหรือไม่ว่า รถคันนึงเสียภาษีเท่าไหร่ถ้าอย่างรถปิคอัพนี่ก็ 3% เก๋งจำไม่ได้ว่าเท่าไหร่
ทีนี้ไอ้ 3 % มันจะคล้ายกับน้ำมัน คือมันมีอะไรยุบยับก่อนที่จะมาเป็นตรงนั้นอีก
เช่น เครื่องยนตื 1 เครื่อง ชิ้นส่วนที่นำเข้ามาต้องเสียภาษี กี่ชิ้นก็ว่าไป พอประกอบเป็นเครื่องแล้วก็จะมีภาษีเหล่านี้อีกถ้ามันเป็นคนล่ะโรงงาน
จากนั้นมาเป็นรถแล้วก็โดนภาษีอีก ทีนี้เวลาที่บริษัทเขาจะเปลี่ยนรถให้ใหม่มันจะเจออุปสรรคหลายต่อเพราะว่าบ้านเรากฎหมาย
มันไม่สามารถตามทันโลกโดยเฉพาะเรื่องยานยนต์ ที่กฎหมายยังไงก็ไม่สามารถครอบคลุมได้ละเอียดเนื่องจากมันพัฒนาอยู่เสมอ
การคืนรถมันไมได้คือกันแค่รถ ค่าใช้จ่ายเท่าราคารถแล้วจบ แต่มันมีปัญหาเรื่องภาษีสรรพาสามิตที่เข้ามา Vat อีก
อย่างที่บอกว่ามันเก็บซ้ำซ้อนกันมาตั้งแต่ชิ้นส่วนก่อนจะมาประกอบเครื่องยนต์แล้ว และเวลาบริษัทรถยนต์เขาแจ้งราคา
เขาจะแจ้งที่ราคาไม่รวมอุปกรณ์พิเศษ เช่นรถปิคอัพรุ่นต่ำสุด 5 แสนบาท สูงสุด 7 แสนบาท ราคารถต่างกันแต่เวลาเสียภาษีมันเท่ากัน
เวลาคืนรถมาแล้วบริษัทจะมีปัญหาเรื่องการคืนภาษีเหล่านี้ เพราะมันคืนไม่หวาดไหว และใครจะจ่ายคืนตัวนี้ให้เขาเพราะเขาจะจ่ายคืนเฉพาะราคารถ
แต่ภาษีไม่ได้จ่าย ซึ่งกฎหมายบ้านเราจริงๆ แล้วไม่มีรองรับเรื่องนี้ไว้ รถคันนึงจะมีหมายเลขตัวถังหมายเลขอินวอยซ์ทีนี้เปลี่ยนมาแล้วเรื่อง TAX ค่าธรรมเนียมต่างๆ มันขอคืนไม่ได้
ยังมีค่าจดทะเบียนรถใหม่ ดีไม่ดีค่าจดทะเบียนรถใหม่ไม่ทราบว่าใครจะเป็นผู้ออกอีก และยังมีสัญญากับไฟแนนซืกรณีเช่าซื้ออีกในเรื่องการเปลี่ยนรถ
ที่ไม่มีกฎหมายรองรับ สคบ. จึงทำได้แค่คุญและไกล่เกลี่ยให้ได้พอใจทั้ง 2 ฝ่าย




 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก Auto 61.90.149.126 เสาร์, 11/10/2551 เวลา : 17:25  IP : 61.90.149.126   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5885

คำตอบที่ 6
       ในกรณีครั้งนึงที่ประมาณปี 2002-2003 ที่มีกรณีทุบรถซีอาร์วี 2.0 IVTEC ของคุณเดือนเพ็ญ ศิลาเกษ
นั่นเป็นตัวอย่างนึงที่มีการตื่นตัวกันเรื่องการเคลมปัญหาจากลูกค้า เพราะครั้งนั้นชื่อเสียง CRV เสียไปมาก
ในช่วงรถกำลังขายดีแต่ต้องมาสะดุดชะงักลงไปมาก เอพีก็ตีข่าวไปทั่วในเรื่องนี้ ซึ่งตอนนั้นทางบริษัทได้ตัดสินใจซื้อคืนรถคันดังกล่าวในราคาเต็ม
ไม่ได้เปลี่ยนให้ใหม่หลังจากนั้นทางบริษัทก็หันมาเอาใจใส่กับลูกค้ามากขึ้นและหลายบริษัทก็ทำตามโดยมีมาตรการต้องจัดหารปัญหาให้ลูกค้าเร็วที่สุด
ในครั้งนั้นเขาทำได้เพราะบริษัทรถเขาตัดสินใจซื้อรถคืนและซื้อในราคาเต็ม แต่ว่าการที่บริษัทใด ๆจะมาซื้อคืนรถกรณีแบบนี้คงจะยาก
เพราะมีบางบริษัทซื้อคืนจริงแต่ว่าซื้อในราคาตลาด หักค่าเสื่อมรถที่ใช้ไป ซึ่งวิธีแบบนี้ลูกค้าคงไม่แฮปปี้เท่าไหร่นัก



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก Auto 61.90.149.126 เสาร์, 11/10/2551 เวลา : 17:33  IP : 61.90.149.126   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5886

คำตอบที่ 7
       มีตัวอย่างกรณีนึงเป็นกรณีศึกษา

ประมาณปี 2004 ลูกค้าที่ซื้อรถ BMW ไปจากดีเลอร์แห่งนึงแต่มีปัญหาเกียร์จึงได้นำรถไปซ่อมกับศูนย์ ซ่อมเสร็จหลังจากนั้นก็นำรถไปใช้แต่ก็เกิดปัญหาอีก ลูกค้าจึงเห็นว่าระบบเกียรืมีความสำคัญและส่งผลถึงความปลอดภัยจึงขอคืนรถให้กับทางบริษัท แต่ทางดีเลอร์ของ BMW ไม่ยอมรับคืนแต่ลูกค้าก็ตัดสินใจจอดรถไว้ที่ศูนย์แห่งนั้นและส่งมอบกุญแจทั้งหมดคืนให้ด้วย นัยว่าเป็นการคืนทางพฤตินัย
หลังจากนั้นก็ได้มีการฟ้องร้องกันระหว่างลูกค้าและ BMW จำเลยที่ 1 และ ดีเลอร์จำเลยที่ 2 ให้ร่วมกันชดใช้เงินคืนเจ้าของ
คดีความสิ้นสุดใช้เวลาปรมาณ 2 ปีกว่า ๆ ศาลมีคำสั่งให้จำเลยที่ 1 และ 2 รับผิดชอบร่วมกันชดใช้เงินคืนเป็นจำนวนเงิน ประมาณ 2.3-2.4 ล้านบาท บวกดอกเบี้ยระยะเวลา 2 ปี แต่มีการหักค่าเสื่อมของรถไปประมาณ 7 วัน นับจากวันที่ซื้อรถและนำรถกลับมาคืนดีเลอร์

ซึ่งกรณีนี้คนทั่ว ๆ ไปจะทำแบบนี้ได้ จะต้องพิจาณาเรื่องนี้ดูด้วย เพราะการคืนรถต้องตัดสินใจคืนกันแบบแน่วแน่ และยังต้องมีการฟ้องร้องกันอีกยาวนาน คนไทยไม่ชอบขึ้นศาลอยู่แล้วด้วย และยังเรื่องทนายความที่จะสู้คดีแบบนี้กับบริษัทรถยนต์ซึ่งคุณจะต้องมีหลักฐานมากพอ ค่าใช้จ่ายในการฟ้องร้องค่อนข้างสูงเอาการ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก Auto 61.90.149.126 เสาร์, 11/10/2551 เวลา : 17:44  IP : 61.90.149.126   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5887

คำตอบที่ 8
       เรื่องปัญหางานเคลมของรถมันมีเกือบทุกยี่ห้อ ยกเว้นรถพิเศษ ๆ มักจะไม่ค่อยเจอ

ดังตัวอย่างที่เราเคยเห็นไม่ว่าจะเป็นเบนซ์ Land Rover Cheavrolet เพียงแต่ว่าลูกค้ากับศูนย์บริการ จะมีความเข้าใจกันมากเพียงใด และพยายามจะแก้ปัญหาร่วมกันหรือไม่ ทางออกของปัญหาไม่ใช่ด่าใส่กันหรือว่าอ้างโน่นนี่เพื่อเป็นการขู่ดีเลอร์เพราะไม่มีใครอยากจะรับฟังและพลอยแต่จะหนีหน้ากันไปหมด ถ้าเห็นว่าไม่ไหวคงต้องให้ทาง สคบมาไกล่เกลี่ยกันต่อไป



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก Auto 61.90.149.126 เสาร์, 11/10/2551 เวลา : 17:49  IP : 61.90.149.126   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5888

      

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  



website รองรับการใช้งานทุกระบบปฏิบัติการของ PC Tablet SmartPhone ทุกระบบสามารถโพสข้อความและรูปภาพได้โดยไม่ต้องย่อไฟล์
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ website WeekendHobby.Com สมาชิก เท่านั้น จึงจะตั้งกระทู้ หรือ ตอบกระทู้ได้ครับ
Login Click ที่นี่
สมัครสมาชิก Click ที่นี่



Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วันศุกร์,19 เมษายน 2567 (Online 2989 คน)