WeekendHobby.com
เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


วิจารณ์รถ 3 รุ่น

จาก Auto
IP:61.90.149.126

พฤหัสบดีที่ , 11/12/2551
เวลา : 21:29

อ่านแล้ว = ครั้ง
 เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งตรวจสอบกระทู้
 แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน ส่งหาเพื่อน

      
วิจารณ์รถ 3 รุ่น
วันอังคารลาพักร้อนไปงานมอเตอร์เอ้กโปที่เมืองทองธานี
มุ่งตรงไปเพื่อลองพิจารณารถ ตั้งงบไป 1 ล้านบาท เพื่อดูรถกิจกรรมกลางแจ้ง 1 คัน
ทีแรกไปดูที่ Honda crv ปรากฎว่าเซลไม่ต้อนรับเราเท่าไหร่
บอกว่าขอลองรถแต่ไม่ต้อนรับเรานัก ไปหาพนักงานขายคนที่ 2 บอกว่าต้องการเทสต์รถเขาบอกว่าคิวยาวแล้วก็เดินไปเลย
ไม่มองเราอีก ผมรออยู่สักพักนึงก็เลยเดนต่อไปที่ Chevrolet ไปดูที่ Captiva แต่ว่ารถมีให้ลองเฉพาะดีเซล 2.0 ก็เลยตัดสินใจลองดูก่อน
ลองสตาร์ทเครื่องและลองนั่งรถ ปรากฎว่าครั้งแรกที่ได้ยินเหมือนเสียงเครื่องคูโบต้า
เพราะมันคือเครื่องดีเซล 2.0 เสียงเครื่องยนต์ชัดเจนแต่ไม่น่าฟัง
แต่ข้อดีคือการสั่นสะเทือนน้อย
ลองขับครั้งแรกต้องบอกว่าไม่ประทับใจฟิลลิ่งเท่าไหร่นัก
แต่ในด้านอื่น ๆ เช่น การควบคุมรถ การทรงตัว และอุปกรรืมา๖รฐานรวมถึงอ๊อพชั่นที่ได้มา จัดว่าน่าพอใจ
จัดว่าเป็นรถที่ให้อะไรมาเยอะจริง เซลก็ต้อนรับเราดีมาก




กลับมาพิจาณา Honda ความห่วยของพนักงานขายตามคำเล่าลือครับดูที่บูธแล้วไม่ประทับใจ เซล Honda เป็นแบบนี้มา 4-5 ปีแล้ว
ถ้าคุณไปดูรถตั้งแต่ซีวิคเป็นต้นไปพนักงานขายจะมองคุณแบบนั้นก่อน
มองลูกค้าตั้งแต่หัวจรดตรีนทุกคน และไม่ค่อยเอาใจใส่ลูกค้ามากนัก เซลจะเน้นเฉพาะผู้ที่ดูแล้วมีฐานะอยากจะซื้อจริงๆ



ผมกลับมาที่ Chevrolet อีกครั้ง เจอพนักงานหนุ่มคนนึงเลียบเคียงถาม
หารถ 2.4 เบนซินมาให้ลองได้ และก็พาไปลานจอดรถด้านล่างให้ลองรถของโชว์รูม
ฟิลลิ่งที่ลองเสียงเงียบและขับสนุกขึ้นมากแต่ลูกเล่นจะน้อยกว่า การเกาะถนนก็ดูดี
แต่ว่าสิ่งนึงที่ไม่น่าประทับใจเลยคือเซลตื้อมากเกินไป และที่สำคัญแน่ะมันพยายามบอกข้อดีของ Chev captiva เสียจนผมคิดว่ามันไม่เหมาะกับผม รถมันเทพเกินไปจนไม่กล้าซื้อมาใช้

มันพยายามให้เราจองให้ได้ พอไม่จองก็บอกว่าขอเงินจอง 1000 บาท ก่อนเพื่อไม่ให้เสียสิทธิ์
พอไม่จองอีกก็บอกว่าขอให้ ผจก. ศูนย์มาคุย มาคุยกับ เรา 2 ผู้จัดการ แน่ะคนเดียวไม่พอมา 2 คน
โชคดีที่มี ปสก. ไม่หลงคารมและลูกตื้อ ผมพยายามบอกว่ารถคุณน่ะดีแต่มีหลายอย่างที่ไม่ประทับใจ เพียงพอจะซื้อ อีกอย่างบอกให้เราเอาตารางซ่อมมาให้ดูก็ไม่ได้เตรียมมาจะได้เทียบค่าใช้จ่ายได้ก็ไม่มีอีก
โดยเฉพาะผมตั้งโจทย์ต้องการสีขาวเท่านั้น ก็เลยบอกว่าเซย์โนอย่างเดียว


กลับมาลองรถที่ Honda โชคดีเจอพนักงานขายที่ใจดีคนนึงโอเคกับเราไปลองรถ
แวบแรกที่ขึ้นขับ CRV ยอมรับว่าการเก็บเสียงและเสียงเครื่องยนต์เงียบขับแล้วรู้สึกนุ่มนิ่มนั่งสบายดีครับ
แต่รถบ้าอะไรก็ไม่รู้กินน้ำมันไม่เลวเลยอ่ะ ปเป็นตัว 2.0 ครับ
พนักงานขายชื่อคุณบี


มาสะดดุตรง Suzuki ครับ
ราคารถ 1050000 บาท คุ้มค่าที่สุดมีสีขาวและสีเด่นกว่า pealr cool สีขาวของซีอาร์วี
เสียงไม่นุ่มเท่าซีอารืวี ไม่เกาะเท่าเชฟ แต่โคลงกว่า
เหลือบมองมาตรทรปมิเตอร์ ตัวนี้กินน้ำมันไม่เบาเหตุจากการทดรอบไว้สูงตามประสา Suzuki
ที่ไม่นิยมรถที่มีซีซีสูง แต่เน้นรถซีซีต่ำแต่ทดสูงการกินน้ำมันจึงคาดหวังความประหยัดจากรถ Suzukiไม่ได้เลย



สรุป

Honda CRV 2.0 ราคา 12xxxxxx บาท
รถดี ต้วมเตี้ยมขับขี่ง่ายนั่งสบายเก็บเสียงดี โคลงบ้างบางจังหวะ ไม่รุ้สึกเกาะถนนมากนักแต่ก็สึกมั่นใจไม่น้อยในการขับ ทัศนวิสัยด้านหลังไม่ดีมาก จุดบอดของทุกตัวแย่กว่ามาก จุดนี้
ค่าซ่อมเข้าศูนย์เช็คระยะถูกดีครับ ตลอด 100000 กม. เสีย 22700 บาทเท่านั้น
ค่าเช้ค 10000 โลเสีย 550 บาท
20000 โลเสีย 2200 บาท
Honda ยืดอายุกรอง นมค.ไปที่ 20000 โลจึงเปลี่ยนครั้งนึง
โดยรวมรถอย่าง Honda แบรนด์ดูแข็งกว่าเพื่อน
ข้อเสียที่ตัวรถกินจุมากรถบ้าอะไรกินพอกับฟอร์จูเนอร์ 2.7 ถ้าคิดขับโหด ๆ คงผิดหวังเพราะรถเล็กแต่เค้นกำลังจัด
รถ Honda ขึ้นชื่อเรื่องค่าเช็คระยะถูก แต่ค่าซ่อมแพง ถ้ามีรายการซ่อมเมื่อไหร่อาจหูตูบได้ โดยเพาะถ้าเป็นรถตั้งแต่ซีวิคขึ้นไป ฟังราคาซ่อมเยอะ ๆ พาลจะขายรถทิ้งเปล่าใช้ดีถ้าถนอมเยอะ อ๊อพชั่นก็ให้เยอะพอควร
ราคารถใหม่แพงพอควรเพราะแบรนด์เน้นขายโคตรแพงไว้ก่อนโปรน้อย ๆ ไม่ให้เสียอิเมจ
ความคุ้มค่า 4 ดาว

Chev Captiva 2.4 ค่าตัว12xxxxxx บาท
แบรนด์ไม่แข็ง แต่พนักงานขายบริการสุดยอด
พนักงานแต่ละคนไม่ธรรมดาเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว ผจก. ยิ่งล้ำลึกกว่ามาก
ใครไม่มีความรู้คงเสร็จเอาง่าย ๆ เพราะเซลมีความสามารถสูงมาก
รถมันเป็นไง รายละเอียดมีแค่ไหนผมทราบดีเพราะผมมีความรู้มากว่าเวล แต่เหลี่ยมคงสู้กันไม่ได้
โรงงานมันผมก็เคยไปติดต่องานมาแล้ว รปภ.มันไล่คนยังกะหมา ดุยังกับเสือ
แต่สิ่งที่เชฟไม่รุ้คือนิสัยคนไทย ถ้าคิดขายรถโดยเอานิสัยฝรั่งมาใช้ ไม่ศึกษาวิถีคนเอเชียอย่างบ้านเราล่ะก็
รถดีแค่ไหนก็ขายไม่ได้มากนัก
รถดีครับ ความมั่นคงสูงกว่าตัวอื่นทั้งหมด อ๊อพชั่นมากกว่าทุกตัว ขับแล้วรู้สึกมั่นใจกว่าทุกตัว
การเก็บเสียงแย่กว่า เสียงเครื่องดังกว่า แต่ซีซีมากว่าทุกตัว 2.4
ทัสนวิสัยดีกว่าซีอาร์วี
จัดเป้นรถที่ดีคันนึง ถ้าไม่โชคร้ายเจอรถที่ซ่อมเข้าศูนย์เป็นว่าเล่นก็ดีไป
เพราะถ้าเจอคลมเยอะศูนย์มักเอาไม่จบ เรื่องจะเปลี่ยนรถกับยี่ห้อนี้เลิกหวังได้เลย ไม่มีทาง
แค่ให้เขาเคลมงานให้ก็บุญถมเถแล้ว
เรื่องราคาขายต่อตกลงฮวบฮาบกว่ามาก เข้าศูนย์ไม่น้อยหน้าตัวเก่าอย่างซาฟิร่าครั้งนึง 3000 , 5000 8000 ,12000 ไอ้รายการที่โชว์ค่าอะไหล่น่ะส่วนใหญ่อย่าไปเชื่อมากนัก
เข้าศุนย์ทีจะรู้ซึ้ง

ความคุ้มค่า นี่คือเมืองไทยไม่ใช่อเมริกาหรือเกาหลีจึงให้แค่ 3 ดาว



Suzuki Grand Vitara ค่าตัว 1050000 บาท
รถสวยสะดุดตาไม่โหลเหมือนซีอาร์วีและไม่ทื่ออย่างเชฟ มีสีขาวให้เล่นโดดเด่นมาก ๆ
ในอินโดนิเซียราคาจำหน่ายตัวนี้ 5 -7 แสนเท่านั้นตามอ๊อพชั่น
ความคุ้มค่ามากที่สุดคือตัวนี้ เพราะประหยัดเงินไปได้ 200000 บาท ในการซื้อ
ค่าใช้จ่าย เช็คระยะเห็นเซลบอกว่าถูกกว่าตัวเก่ามาก 10000 โล โดน 1000 กว่าบาท
แต่เรื่องพวกนี้ต้องมีทักษะบ้าง ไม่งั้นก็หูตูบอยู่ดีเพราะนี่ไม่ใช่ Honda เพราะดูแล้วช่างและ ผจก. ไม่มีความรู้เรื่องบำรุงและซ่อมแน่นอน
แต่รถญี่ปุ่นมันหาช่างซ่อมไม่ยาก เทคโนโลยีไม่สูงนักกับตัวนี้ เลยถูไถตัวนี้ไปได้
การขับขี่โคลงกว่าทุกตัว กระด้างกว่า
เสียงดังกว่าซีอาร์วี แต่น้อยกว่าเชฟ
นั่งไม่สบายเท่าไหร่ ด้อยกว่าทุกตัว
การกินน้ำมันใช่ย่อยเลยอะ เพราะดูจากรอบที่ทดกับเกียร์แล้ว
แต่ถ้ารับได้ในระดับ 7-8 ก็โอเค
ความคุ้มค่า 4 ดาว ครึ่งครับ ถ้าจัดว่าน่าซื้อก็ตัวนี้น่าซื้อสุดใน 3 ตัวครับ




 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

แจ้งเพื่อเก็บขึ้นกระทู้พิเศษ คลิ๊กที่นี่แจ้งเพื่อนำขึ้นกระทู้พิเศษ

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  

คำตอบที่ 1
       ท่านประธาน แล้วได้ไปลอง 2.7 เกียรธรรมดาด้วยรึป่าวครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก Jimmy 115.67.220.63 พฤหัสบดี, 11/12/2551 เวลา : 21:53  IP : 115.67.220.63   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 8349

คำตอบที่ 2
       ไม่ได้ลองครับ บูธโตโยต้าไปลองนั่งอัลพาร์ดมาอย่างเดียวครัยบ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก Auto 61.90.149.126 พฤหัสบดี, 11/12/2551 เวลา : 21:55  IP : 61.90.149.126   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 8350

คำตอบที่ 3
       ดูเหมือนท่านประธานกำลังจะเปลี่ยนรถ ฟอจูนเนอร์2700สมาร์ทสีขาว4x4 fulltime คงมีการแย่งประมูลกันแน่ๆ...



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

eaknakorn จาก เอกนคร 222.123.149.111 ศุกร์, 12/12/2551 เวลา : 09:27  IP : 222.123.149.111   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 8374

คำตอบที่ 4
       จะเปลี่ยนใหม่ หรือจะเพิ่มอีกคันครับพี่...

แต่สำหรับ CR-V ต้อง 2.4 เท่านั้น 2.0 แบกน้ำหนักมากเกินไป




 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

northu จาก V27 203.150.235.242 ศุกร์, 12/12/2551 เวลา : 10:44  IP : 203.150.235.242   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 8383

คำตอบที่ 5
       มาดูอัตราเร่งกันครับ....(ขอบคุณข้อมูลจาก คุณ Jimmy)

ทดสอบกันในมาตรฐานเดิม

คนขับ กับคนนั่งจับเวลา รวม สองคน เปิดแอร์ ครับ
อุณหภูมิตอนทดสอบ 28 องศา เซลเซียส

ผู้ช่วยทดสอบในครั้งนี้
ยังเป็น น้องกล้วย หรือ ล็อกอิน "น้องชายคนเล็ก" ในรัชดาเรานี่เอง

ข้อมูลทั้งหมดจะถูกนำมาเทียบกันระหว่างรถรุ่นเดิม
และคู่แข่งที่เห็นหน้ากันชัดๆ
คือ Nissan X-Trail นะครับ

(ตัวเลขของรุ่น 2.4 ตัวใหม่ อยู่ตรง แถว 3 ของตารางนี้)

อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร / ชั่วโมง

.....................CR-V.............CR-V.............CR-V.........CR-V (Old)............X-Trail
..................2.0 4WD..... ..2.0 2WD.......2.4 4WD........2.4 4WD...........2.4 4WD

ครั้งที่ 1.........12.68.............00.00.............11.70...............13.10..............11.15 วินาที
ครั้งที่ 2.........12.82.............00.00.............11.43...............13.23..............11.29 วินาที
ครั้งที่ 3.........12.79.............00.00.............11.66...............13.15..............11.13 วินาที
ครั้งที่ 4.........12.65.............00.00.............11.89...............13.20..............11.17 วินาที

เฉลี่ย..............12.73.............00.00.............11.67...............13.17..............11.18 วินาที


อัตราเร่งแซง 80-120 กิโลเมตร/ชั่วโมง

.....................CR-V.............CR-V.............CR-V.........CR-V (Old)............X-Trail
..................2.0 4WD.......2.0 2WD.......2.4 4WD........2.4 4WD............2.4 4WD

ครั้งที่ 1.........10.80.............00.00...............9.42...............10.71................7.59 วินาที
ครั้งที่ 2.........10.61.............00.00...............9.21...............10.45................7.76 วินาที
ครั้งที่ 3.........10.67.............00.00...............9.42...............10.75................7.82 วินาที
ครั้งที่ 4.........10.76.............00.00...............9.64...............10.39................7.52 วินาที

เฉลี่ย..............10.71.............00.00...............9.42...............10.57................7.67 วินาที

ความเร็วสูงสุดในแต่ละเกียร์ พร้อมรอบเครื่องยนต์ อ่านจากมาตรวัด เช่นเคยครับ


CR-V 2.4 รุ่นเก่า

เกียร์ 1 60 กม./ชม. ณ 6,250 รอบ/นาที
เกียร์ 2 115 กม./ชม. ณ 6,250 รอบ/นาที
เกียร์ 3 175 กม./ชม. ณ 6,250 รอบ/นาที
ความเร็วสูงสุดอยู่ที่เกียร์ 4
175 กม./ชม.เท่าเดิม ที่ 5,100 รอบ/นาที
ก่อนที่เกียร์จะตัดไปที่เกียร์ 5 ให้เอง รอบเครื่องยนต์จะลดลง
แต่ถ้ายังเหยียบต่อ สมองกลจะอ่านว่าเราอยากได้อัตราเร่งจากรถ
อย่างต่อเนื่อง จึงเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำมาให้เอง


-----------------------

CR-V ใหม่ 2.0 4WD

เกียร์ 1 65 กม./ชม. ณ 6,500 รอบ/นาที
เกียร์ 2 115 กม./ชม. ณ 6,500 รอบ/นาที
เกียร์ 3 175 กม./ชม. ณ 6,500 รอบ/นาที
เกียร์ 4 179 กม./ชม. ณ 4,500 รอบ/นาที

ความเร็วสูงสุดนั้น เกิดขึ้นที่เกียร์ 3
182 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ 6,800 รอบ/นาที พ้นเรดไลน์ขึ้นไปแล้ว

-----------------------

CR-V ใหม่ 2.4 4WD

เกียร์ 1 62 กม./ชม. ณ 6,400 รอบ/นาที
เกียร์ 2 115 กม./ชม. ณ 6,400 รอบ/นาที
เกียร์ 3 175 กม./ชม. ณ 6,400 รอบ/นาที
เกียร์ 4 184 กม./ชม. ณ 4,700 รอบ/นาที

ความเร็วสูงสุด อยู่ที่เกียร์ 4
184 กม./ชม. ณ 4,700 รอบ/นาที

...........................................

ถ้าดูจากตัวเลขแล้ว แน่นอนว่า สมรรถนะของเครื่องยนต์ K24A เวอร์ชันใหม่
ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นกว่ารุ่นเดิม และทำตัวเลขอัตราเร่งต่างๆ ได้ดีขึ้นประมาณ 1 วินาที
เมื่อเทียบกับ รุ่นเดิม

แต่ ด้วยน้ำหนักตัวถึง 1.6 ตัน (น้ำหนักเปล่า ไม่รวมของเหลว น้ำหนักบรรทุก น้ำหนักคนขับ
ซึ่งถ้ารวมแล้ว คาดว่ามีถึง 1.8-1.9 ตัน) ดังนั้น ตัวเลขอัตราเร่งที่ได้มาเพียงแค่นี้ ถือว่าดีขึ้นมากแล้ว

แม้ว่าจะยังสู้นิสสัน เอ็กซ์-เทรล รุ่นเดิม ยังไม่ได้ในเรื่องอัตราเร่ง 80-120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ก็ตาม

ทว่า การตอบสนองทันทีที่กดคันเร่งลงไปจนจมมิดฉับพลัน นั้น
ไม่ได้ก่อให้เกิดอาการกระชากจนหลังติดเบาะแต่อย่างใด

หากแต่ ความเร็วของรถจะค่อยๆพุ่งขึ้นไปอย่างช้าๆ ไร้อารมณ์
และดูเหมือนน่าเบื่อหน่าย ดูเหมือนจะอืด ทั้งที่พอทำตัวเลขได้จริง
ตัวเลขจะดีกว่ารุ่นเดิมอย่างที่ได้เห็นกันข้างต้น

ต้องทำใจกันว่า ด้วยน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น อุ้ยอ้ายขึ้น ของรถรุ่นใหม่นี้
แม้ว่าวิศวกรจะพยายามพัฒนาเครื่องยนต์ ให้มีสมรรถนะดีขึ้นอย่างไร
แต่ข้อจำกัดก็ยังคงมีอยู่
จะให้เครื่องยนต์ 2.4 ลิตร มาฉุดลากตัวถังที่มีน้ำหนักมากถึง 1.6 ตัน แบบไม่รวมของเหลว
สิ่งมีชีวิต ฯลฯ (ซึ่งถ้ารวมเข้าไป น้ำหนักก็น่าจะอยู่แถวๆ 1.8-1.9 ตัน)
ทำตัวเลขได้แบบนี้ ถือว่าสวยหรูแล้วครับ

ผมยังมองไปแล้วว่า น้ำหนักตัวที่มากขนาดนี้ของ ซีอาร์-วี ใหม่
เครื่องยนต์ที่เหมาะสมกับตัวรถอย่างแท้จริง
น่าจะเป็นเครื่องยนต์ V6 จะเป็น SOHC ตระกูล J-Series
หรือ DOHC ก็สุดแท้แต่ต้นทุนจะนำพาแนวทางให้วิศวกรเลือกมุ่งหน้าไป
มากว่าที่จะจมปรักอยู่กับเครื่องยนต์ 4 สูบ 2.0 และ 2.4 ลิตรอยู่อย่างนี้

แต่อย่างว่า ทำอย่างไรได้
ในเมื่อข้อกำหนดและกฎหมายการจัดเก็บภาษี
ของแต่ละประเทศ ยังไม่อาจตามทันเทคโนโลยีการลดอัตราบริโภคเชื้อเพลิง
ของเครื่องยนต์ที่มีความจุกระบอกสูบใหญ่ ซึ่งทำตัวเลขได้ไล่เลี่ยกับ
เครื่องยนต์ขนาดเล็กกว่า

ดังนั้น ผมเชื่อว่า เราจะยังคงได้เห็น ซีอาร์-วี รุ่นต่อไป สวมเครื่องยนต์ 2.0 และ 2.4 ลิตร
กันอีกอย่างน้อย 1-2 เจเนอเรชัน

นี่ยังไม่นับ เวอร์ชันไฮบริดนะ.....



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

northu จาก V27 203.150.235.242 ศุกร์, 12/12/2551 เวลา : 10:46  IP : 203.150.235.242   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 8384

คำตอบที่ 6
       *** การทดลองหาอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ***

มาตรฐานเดิม ครับ
ขับที่ความเร็ว 110 กิโลเมตร/ชั่วโมง
เปิดแอร์ นั่ง 2 คน
น้ำหนักของผู้โดยสารควรจะป้วนเปี้ยนระดับ 140-170 กิโลกรัม นั่นพอรับได้ แต่เกินกว่านั้น ไม่ควรครับ

จากทางด่วนพระราม 6 - เชียงราก
แล้วย้อนกลับ มาเติมที่หัวจ่ายเดิม
ปั้มเดิม เอสโซ่ พระราม 6

น้ำมันเบนซินที่เติม เกรด 95 เช่นเคย
เช็คสีน้ำมัน ก่อนเติมลงไป ว่าเป็นสีเหลืองใส

ผู้ร่วมทดสอบเช่นเคยครับ นายถัง นั่นเอง

ใช้ความเร็ว 110 กิโลเมตร/ชั่วโมง
รอบเครื่องยนต์ ก็อย่างที่เห็น
เปิด Cruise Control เกือบตลอด

พอถึงทางชัน เกียร์จะถูกเปลี่ยนลง เพื่อเร่งความเร็ว
ผมก็ถอนระบบออก แล้วปล่อยให้รอบเครื่องยนต์ เป็นไปตามที่มันควรเป็น
เพราะเข้าสู่ทางราบอีกครั้ง
ก็เปิดระบบต่อ

มาเทียบตัวเลขกันดีกว่าครับ

รุ่น 2.0 ลิตร 4WD
ระยะทางที่แล่น ตามมาตรวัด 88.2 กิโลเมตร
ปริมาณน้ำมันเติมกลับ 6.980 ลิตร
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 12.63 กิโลเมตร / ลิตร


รุ่น 2.4 ลิตร 4WD
ระยะทางที่แล่น ตามมาตรวัด 88.1 กิโลเมตร
ปริมาณน้ำมันเติมกลับ 8.774 ลิตร
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 10.04 กิโลเมตร / ลิตร


และสำหรับการใช้งานในเมืองแล้ว

รุ่น 2.0 ลิตร 4WD ผมยังพอมีโอกาสเห็นตัวเลข 11.0 โลเมตร/ลิตร
ขึ้นบนมาตรวัด ขณะเดินทางในเมือง
แต่นั่นก้แค่ช่วงสั้นๆครั้งเดียว
ที่เหลือ ป้วนเปี้ยนแถวๆ 8-9.5 กิโลเมตร/ลิตร

แต่สำหรับรุ่น 2.4 ลิตร
ผมไม่เคยเห็นว่า มาตรวัดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงจะทำตัวเลขได้ดีกว่า 8.8 กิโลเมตร/ลิตรไปได้เลย

และผมก็ยังแปลกใจอยู่ไม่น้อยเหมือนกันว่า
ทำไมรุ่นเก่า 2.4 ลิตรเท่านั้นนะครับ กลับประหยัดกว่ารุ่นใหม่ได้เยอะขนาดนี้


ทำไม รุ่นใหม่ ถึงกินน้ำมันเยอะกว่ารุ่นที่แล้ว ซึ่งทำได้ในระดับ 14.5 กิโลเมตร/ลิตร?

คำตอบหนะ มีครับ....

1. น้ำหนักตัวรถ (อีกแล้ว)

ต้องยอมรับความจริงกันละครับว่า รุ่นใหม่ของ ซีอาร์-วี นั้น อุ้ยอ้ายขึ้นพอสมควร
แม้ว่าจะมีการปรับปรุงสมรรถนะของเครื่องยนต์ให้แรงขึ้น เพื่อช่วยในการฉุดลากตัวรถแล้วก็ตาม
แต่เมื่อ น้ำหนักตัวรถเปล่าๆ อยู่ที่ 1.6 ตัน รวมเข้าไปกับน้ำหนักของผู้ร่วมเดินทาง ของเหลวในระบบ
ที่คาดว่าอาจทำให้ตัวรถหนักเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ประมาณ 1.8-1.9 ตัน
ทำให้ มีผลต่อตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

2.หลักอากาศพลศาสตร์

ด้านหน้าของตัวรถที่ตั้งตระหง่านในลักษณะนี้ แม้จะช่วยให้อากาศไหลผ่านเข้าไปยังรังผึ้งหม้อน้ำได้ดี
แต่ถือว่า ยังไม่ลู่ลมเท่าที่ควร ยังมีพื้นที่ในการแหวกอากาศจากด้านหน้าอยู่พอสมควร
แม้ดูเหมือนจะดีขึ้นจากรุ่นที่แล้วก็ตาม

ตัวรถที่กว้างขึ้น ก็ยิ่งเพิ่มพื้นที่สัมผัสกับลมโดยตรงมากยิ่งขึ้น ก็ยิ่งทำให้เกิดการต้านลมในบางจุดของตัวรถตามไปด้วย

ถ้าปรับดีไซน์ด้านหน้าองรถเสียใหม่
ก็น่าจะช่วยได้อีกแรง แต่ตัวเลขที่จะได้หลังจากนั้น
แม้จะทำได้ดี แต่ก็ยังไม่น่าจะถึงกับมีนัยยะสำคัญ

ดังนั้น การลดความอุ้ยอ้ายลงไปกว่านี้อีกสักหน่อย
น่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่า

เพราะสำหรับลูกค้าแล้ว
แม้ว่า น้ำมัน 1 ถัง จะแล่นได้ประมาณ 450-500 กิโลเมตร คือสิ่งที่ลูกค้าน่าจะยอมรับกันได้
แต่ การที่เข็มน้ำมันลดฮวบๆ เร็วจนน่ากลัวนั้น ก็ช่วยสร้างความรู้สึกว่า กินน้ำมัน ให้เกิดขึ้นในใจของลูกค้าได้

อันนี้ไมได้เตือนมาเฉพาะ ซีอาร์-วี หากแต่ กำลังหมายถึงผู้ผลิตรถยนต์ทุกๆรายนั่นละครับ

ดูตัวอย่างจากมิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ ก็ได้
รุ่นแรกของเขา ให้ความรู้สึกถึงโมเมนตัม ขณะขับขี่ หรือเข้าโค้ง
ได้เหมือนกับซีอาร์-วี ใหม่เลยทีเดียว คือขานั้นตัวรถหนัก 1.8 ตัน และนั่นคือน้ำหนักตัวเปล่าอยู่แล้ว
พอเป็นรุ่นใหม่ ตัวรถก็บางลง และเป็น เอสยูวีมากขึ้น มีการลดทอนน้ำหนักส่วนเกินลงไป





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

northu จาก V27 203.150.235.242 ศุกร์, 12/12/2551 เวลา : 10:51  IP : 203.150.235.242   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 8385

คำตอบที่ 7
       /// ขอบคุณข้อมูลจาก K.Jimmy ///

http://topicstock.pantip.com/ratchada/topicstock/2007/05/V5383493/V5383493.html



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

northu จาก V27 203.150.235.242 ศุกร์, 12/12/2551 เวลา : 10:51  IP : 203.150.235.242   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 8386

คำตอบที่ 8
       *** สรุป ***

รุ่นใหม่ของเอสยูวียอดฮิต เซ็ตรถต่างกันตามเครื่องยนต์ ถึงจะขับดีขึ้น นั่งสบาย คล้ายรถเก๋งซีดานมากที่สุดใน 3 รุ่น แต่ยังมีงานปรับปรุงรออยู่อีกไม่น้อย


---------------------------

เข้าใจได้ทันทีเลยว่า ทีมวิศวกรของฮอนด้านั้น
พยายามเก็บข้อมูลและปัญหาจากรถรุ่นที่แล้ว
มาเป็นโจทย์ในการพัฒนาซีอาร์-วีใหม่ ได้เยอะมาก

ผลลัพธ์ที่ได้ค่อนข้างน่าพอใจในระดับหนึ่ง

ทั้งในเรื่องการออกแบบห้องโดยสาร ให้นั่งสบายยิ่งขึ้น
เหมาะกับการขับขี่ทางไกล พนักศีรษะ ยื่นออกมาเล็กน้อย
สไตล์รถยุโรป (แต่ผมไม่ค่อยชอบ เพราะมันชวนให้เมื่อยต้นคอในช่วงแรกๆ)

ไปจนถึง เบาะนั่งด้านหลัง ที่ทำออกมาได้แค่นี้ก็ถือว่าดีแล้ว นั่งพอสบาย ไม่แข็งมาก และไม่นุ่มมากนัก

การเซ็ตรถก็เซ็ตต่างกันอย่างชัดเจน

รุ่น 2.0 4WD เอาใจคุณแม่บ้านยุคใหม่
ที่ชอบรถแนวเอสยูวียกสูง
หวังไว้ไปเองว่าจะได้มองเห็นทางข้างหน้าโล่งๆ
(ซึ่งเอาเข้าจริง ก็ไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป
เช่น ถ้ามีรถส่งของมาจอดติดไฟแดงข้างหน้า)

เซ็ตมาให้ขับสบาย เรื่อยๆ เป็นหลัก แต่อย่าคาดหวังสมรรถนะอะไรมากนัก
ยกเว้นเรื่องอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ที่ทำตัวเลขได้พอกันกับรุ่นเก่า

ส่วนรุ่น 2.4 ลิตร 4WD เอาใจคุณผู้ชายที่ชอบขับรถ
ออกต่างจังหวัดบ่อยๆ และต้องการสมรรถนะ
ที่ไม่แพ้รถเก๋งซีดาน



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

northu จาก V27 203.150.235.242 ศุกร์, 12/12/2551 เวลา : 10:52  IP : 203.150.235.242   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 8387

คำตอบที่ 9
       ท่านประธานเล่นตัวนี้ดีก่า แรงถึงใจ!!!

รหัส EJ25
4 สูบนอน Boxer DOHC 16 วาล์ว 2,547 ซีซี
กระบอกสูบ x ช่วงชัก 99.5 x 79.0 มิลลิเมตร
อัตราส่วนกำลังอัด 8.4 : 1
หัวฉีด Multi Point Sequential Injection
พ่วงด้วยระบบอัดอากาศ แบบ เทอร์โบชาร์จ
230 แรงม้า (PS) ที่ 5,600 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 32.6 กก.-ม.ที่ 3,600 รอบ/นาที








 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

northu จาก V27 203.150.235.242 ศุกร์, 12/12/2551 เวลา : 11:02  IP : 203.150.235.242   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 8389

คำตอบที่ 10
       มุ่งตรงไปเพื่อลองพิจารณารถ ตั้งงบไป 1 ล้านบาท เพื่อดูรถกิจกรรมกลางแจ้ง 1 คัน
ท่านประธาน เข้าใจอะไรผิดไปบ้างป่าวครับ รถที่ท่านกล่าวมาทั้งหมดนั้น มันไม่เหมาะกับกิจกรรมกลางแจ้งอย่างที่เราต้องการนะครับ ถ้าเอาไว้ขับเท่ ๆ ในเมือง หรือท่องเที่ยว ตจว. ในวันหยุด แบบ on - road ก็ใช่เลยครับ ผมว่า คันเก่าท่านประธานนั่นแหละครับ ดีที่สุด ไปได้ทุกที่ ที่มีทาง ทั้ง on - road off -road ถ้าท่านประธานใจถึงซะอย่างเดียว ไม่ต้องไปหาซื้อคันอื่นหรอกครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก ท่านอ๋องแปด 125.24.74.87 ศุกร์, 12/12/2551 เวลา : 16:55  IP : 125.24.74.87   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 8422

คำตอบที่ 11
       ไม่ได้คิดขายคันเดิมแน่นอนครับ เพราะว่าเป็นน้ำพักน้ำแรงที่ได้มาและเป็นเงินของผู้มีพระคุณ [ พ่อผม ]ช่วยออกเงินดาวน์ไปครึ่งนึงด้วย

ดูไว้เผื่อมีเงินซื้ออีกคัน ครับ



แต่ตั้งโจทย์ไว้แล้วว่าจะเอาสีขาว
และรถต้องไม่เสียค่าบำรุงรักษา [ ซ่อมศูนย์ ] แพงเกินไป
ตอนไปหาพนักงานขาย คุยหลายเรื่องยกเว้นโปรโมชั่นจะไม่ค่อยคุยจนกว่าจะได้ข้อสรุปเรื่องอื่นก่อน
โดยผมบอกเซลว่า รถผม Fortuner 2.7 vvti ราคา ล้านกว่าบาท เสียค่าเช็คระยะ
10000 โล 970 บาท
20000 โล เสีย 1200 บาท รวม ยางปัดน้ำฝน
ถ้ายี่ห้ออื่น รุ่นอื่นแพงกว่านี้ก็ไม่พิจาณา


Chevrolet แพงสุดในการเข้าเช็คระยะและซ่อมบำรุง
รวมถึง Chev ไม่มีนโยบายการคืนรถให้ลูกค้าแน่นอนถ้าซื้อไปแล้ว
ประวัติการเคลมใช่ย่อยซะเมื่อไหร่
ที่สำคัญไม่มีสีขาวให้ต้องการ ตัดทิ้งไปได้เลยไม่เอา


Honda CRV ขับขี่ดีแบบสบายเหมือนรถเก๋ง นุ่มเงียบ แต่ทัศนวิสัยแย่ที่สุดใน 3 ตัว
มีสีขาวก็จริงแต่เป็นแบบ cool black ค่าเช็คระยะเข้าศูนย์
10000 โล 550 บาท
20000 โล 22000 บาท
30000 โล 550 บาท
40000 โล 4xxxx บาท
รวม 100000 โลเสีย 22700 บาท ถูกดีครับ
แต่รถต้องใช้ถนอมมาก และถ้ามีรายการซ่อม ยี่ห้อนี้ รุ่นนี้หน้ามืดพาลจะเป็นลมแน่ [ คิดเฉพาะเข้าศูนย์ เท่านั้น ] ตัวรถราคาสูงเพราะแบรนด์รถสร้างอิมเมจไม่ให้ขายถูก
จริงๆ แล้ว ถ้าเป็นวิศวกรเขาจะไม่นิยมรถยี่ห้อนี้กันเท่าไหร่
แถมท้ายด้วยเซล ที่มองลุกค้าก่อนตั้งแต่หัวจรดเท้า เป็นคำพูดของคนทั่วไปมีมากว่า 4-5 ปีแล้วสำหรับคนที่เดินเข้าไปที่ Honda ต้องทำใจกับ Honda ตรงนี้




ถัดมา Suzuki Grand Vitara
สีขาวโดเด่นเป็นสง่า ตัวรถก็ไม่โหล จ๊าปมาก ๆ
ราคาโดนใจจริง ๆ 1050000 บาท จ่ายจริงได้ไม่ถึงแน่ 1 ล้านบาท ถ้าต่อรองดีๆ
คุ้มสุดถ้าเทียบกันใน 3 ตัวนี้
แต่ศูนย์บริการมีน้อย ฝากชีวิตไว้ลำบาก
แต่ว่าดีที่มีอู่นอกเยอะจะช่วยได้มาก
ค่าเช็คระยะแพงกว่าซีอาร์วีหน่อยนึง แต่ต้องมีทักษะไม่งั้นบานตะไทกับการเข้าศูนย์ เพราะช่างเขาไม่รู้มากนัก

ถ้าจะซื้อก็คงเป็น SUZUKI Grand Vitara แหละครับถ้ามีทุนทรัพย์เพียงพอ
แต่ตอนนี้คิดว่าไม่ซื้อแล้ว
เพราะบริษัทที่ผมทำงานอยู่มีนโยบายรัดเข็มขัดกันสุด ๆ
เนื่องจากค่าใช้จ่ายและกลัวสภาวะเศรษฐกิจ
ทำให้พนักงานก็ต้องรับนโยบายไปด้วย
ตอนนี้ต้องประคองตัวมากกว่าที่จะซื้อรถใหม่ครับ
เนื่องจากเรามีรถอยู่แล้ว หลายคัน



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก Auto 61.90.149.126 ศุกร์, 12/12/2551 เวลา : 18:09  IP : 61.90.149.126   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 8427

      

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  



website รองรับการใช้งานทุกระบบปฏิบัติการของ PC Tablet SmartPhone ทุกระบบสามารถโพสข้อความและรูปภาพได้โดยไม่ต้องย่อไฟล์
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ website WeekendHobby.Com สมาชิก เท่านั้น จึงจะตั้งกระทู้ หรือ ตอบกระทู้ได้ครับ
Login Click ที่นี่
สมัครสมาชิก Click ที่นี่



Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วันพฤหัสบดี,25 เมษายน 2567 (Online 4655 คน)