WeekendHobby.com
เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


เปรียบเทียบระหว่างเครื่องดีเซล 3.0 กับเบนซิน 2.7

จาก aim มือใหม่
IP:124.121.8.126

ศุกร์ที่ , 26/12/2551
เวลา : 13:42

อ่านแล้ว = ครั้ง
 เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งตรวจสอบกระทู้
 แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน ส่งหาเพื่อน

       ถามพี่ๆหน่อยครับ พอดีอยากได้วีโก้ โฟล์วิล 4 ประตู แต่ยังตัดสินใจไม่ได้ระหว่าง
เครื่องดีเซล 3.0 กับเบนซิน 2.7 อย่างไหนดีกว่าครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

แจ้งเพื่อเก็บขึ้นกระทู้พิเศษ คลิ๊กที่นี่แจ้งเพื่อนำขึ้นกระทู้พิเศษ

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  

คำตอบที่ 1
       ใช้เบนซินแล้วจะลืมดีเซลครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก yotin 125.24.221.181 ศุกร์, 26/12/2551 เวลา : 18:57  IP : 125.24.221.181   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 8845

คำตอบที่ 2
       ถ้าไม่คิดจะติดแก๊ส ก็ diesel ครับ ผมใช้อยู่ทั้งสองตัว อัตราเร่งสู้ diesel ไม่ได้ 2.7 เบนซินออกตัวดีครับ ช่วงกลางถึงปลายอืดหน่อยจะเร่งเเซงต้องกดกันเหนื่อย
แต่ถ้าจะติดแก๊สก็ 2.7 ไปเลย



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก Ed 118.173.134.127 ศุกร์, 26/12/2551 เวลา : 20:56  IP : 118.173.134.127   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 8846

คำตอบที่ 3
       2.7 โฟวิล คงต้องลุ้นหน่อยล่ะครับ...













ลุ้นว่าจะมีรถหรือปล่าว....



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก เอกนคร 114.128.145.85 ศุกร์, 26/12/2551 เวลา : 22:19  IP : 114.128.145.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 8847

คำตอบที่ 4
       วีโก้ โฟล์วิล 4 ประตู ไม่มีรถให้แล้วสำหรับ 2.7 vvti แต่ถ้าจะเอาก็อาจจะพอมี เมื่อ 2 วันก่อนไปเติมแก๊สที่กิ่งแก้วบางพลีมีคนถอยออกมาป้ายแดง 1 คัน สีดำ มาเอาอะไหล่เซียงกง




เรื่องเปรียบเทียบนั้นถ้าหาข้อมูลเก่าก็จะมีละเอียดแต่ก็หายากเพราะผมไม่รู้ว่าเอาไว้กระทู้ไหนบ้างจะตอบใหม่ให้ครับ

1.ถ้าเปรียบเทียบเรื่องแรงบิด
- 2.7 แรงบิด 240-245 N.M รอบจำไม่ได้
- 3.0 แรงบิดที่ 345 N.M ที่ 2000 rpm
ทั้ง 2 ตัวนี้เครื่อง 3.0 ได้เปรียบกว่าค่อนข้างมากในเรื่องอัตราเร่งจะเห็นชัดเจนในช่วงต้น [ คือช่วงออกตัวเท่านั้น ] เรื่องนี้ 2.7 เป็นรองครับแต่หลังจากออกตัวไปแล้ว 2.7 จะได้เปรียบและขับสนุกสนานกว่ามาก ในช่วงใช้งานจริง แต่จะเป็นรองในเรื่องการคิกดาวน์ที่ต้องเรียกกำลังมาให้เร็วจะสู้ 3.0 ไม่ได้ในช่วงความเร็วปลายครับถ้าใช้ความเร็วสูง ๆ มาก และต้องการการเร่งแซงบ่อย ๆ ๆ จะเป็นรองในเรื่องนี้

2. แรงม้า
-2.7 มีแรงม้าที่ 160 แรงม้า
-3.0 มีแรงม้าที่ 163 แรงม้า
ถ้าดูจากตัวเลขนี้ 3.0 ได้เปรียบกว่าครับเพราะสามารถรีดแรงม้ามาได้มากกว่า ช่วงความเร็วปลายที่ไม่ใช่ความเร็วใช้งานจริงจนถึงสูงสุด 3.0 จะทำได้ดีกว่า
แต่ว่าในประเทศไทย 3.0 ดีเซลถูกตอนแรงม้าและเซทกล่องอีซียูไว้ที่ 163 แรงม้า เพราะเหตุผลเรื่องความปลอดภัยรวมถึงตลาดบ้านเราที่ไม่นิยมแบบนั้น เนื่องจากถ้าทำแรงม้าและเซทกล่องเหมือนที่ส่งขายในยุโรป รถวีโก้ดีเซลจะแดรกน้ำมันมากซึ่งคนไทยส่วนใหญ่ไม่ชินค่าน้ำมันและค่าซ่อม

3.การออกแบบ
- 3.0 ดีเซลในด้านการออกแบบและดีไซน์ นี่เป็นเจนเนอร์เรชั่นที่ 2 ของโตโยต้าที่วางดีเซลคอมมอนเรลซึ่งจะลากยาวให้ได้บัดเจ๊ทคุ้มค่ากับที่ลงทุนไลน์ผลิต เครื่อง 3.0 ดีเซลจึงเป็นเครื่องที่ทันสมัยมากของดีเซลในยุคปัจจุบัน มีการออกแบบด้านวาล์วและฝาสูบ สารเคลือบต่าง ๆ จะทันสมัยกว่า 2.5 แต่ก็มีข้อเสียตรงที่ค่าบำรุงรักษาจะสูงและน้ำหนักเครื่องยนต์ค่อนข้างมาก

-2.7 เป็นเครื่องยนต์เบนซินเวอร์ชั่นที่มีการออกแบบและพัฒนาใหม่หมดของ TOYOTA ซึ่งเปิดตัวในตลาดครั้งแรกเมื่อปลายปี 2004 เพื่อทำตลาดให้กับรถ Hulux Vigo Fortuner และรถตู้ commuter รุ่นต่าง ๆ ของ Toyota มีการผสมผสานกันระหว่างเรื่องแรงม้าและแรงบิดที่ค่อนข้างลงตัวในการนำมาลงกับรถ Hilux ในปัจจุบัน มีจุดเด่นที่การออกแบบบาล็นชาร์ฟคันเร่งไฟฟ้าและลิ้นปีกผีเสื้อไฟฟ้า ทำให้เครื่องยนต์มีรอบเดินเบาที่ต่ำมาก ๆ กว่าเครื่องยนต์สมัยก่อนและเสียงเงียบมากกับความสั่นสะเทือนต่ำ
นอกจากนี้ยังได้ออกแบไว้เพื่อรองรับการใช้เชื้อเพลิงในอนาคตไว้หลายประเภทอีกด้วย แต่ก็มีข้อเสียตรงที่ทำเอาไว้รองรับตลาดต่างประเทศเป็นหลัก



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก Auto 58.10.149.34 ศุกร์, 26/12/2551 เวลา : 23:22  IP : 58.10.149.34   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 8849

คำตอบที่ 5
       จุดเปรียบเทียบที่น่าสนใจในการซื้อมาใช้

1. ตลาด
เนื่องจากในประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคในการผลิตรถปิคอัพ 1 ตันให้ได้รับความนิยม ทำให้รถปิคอัพถึงแม้ว่าตั้งแต่ต้นปี 52 เป็นต้นไปการเติบโตจะลดลง ในส่วนของปิคอัพตามการคาดคะเนของบริษัทรถ แต่ว่าตลาดในไทยยังคงปิคอัพกันไปอีกนานแต่จะมีเก๋งเล็กมาแชร์ตลาดมากขึ้น
ถ้าคุณจะซื้อโฟร์วีล ระหว่าง 2.7 กับ 3.0 ต้องมองจุดอื่นต่อไปอีก

ยกเว้นถ้าจะซื้อพรีรันเนอร์ อันนี้เลิกคิดได้ เพราะตลาดกลุ่มนี้ได้รับผลกระทบเป็นรายแรก

2. การขับขี่
เรื่องนี้มันเป็นฟิลลิ่งเฉพาะบุคคล เรื่องการขับขี่ต้องให้คุณไปลองขับขี่ด้วยตนเองเปรียบเทียบทั้ง 2 แบบว่าชอบฟิลลิ่งแบบไหนยังไง แต่การขับขี่ปกติในช่วงการใช้งานจริง 2.7 เบนซินมันจะได้เปรียบกว่า 3.0 ดีเซลชัดเจน
เนื่องจากคูณสมบัติของเครื่องเบนซินมันเงียบและสั่นสะเทือนน้อยกว่า และยิ่งเป็น 2.7 ตัวนี้แล้วที่มีความทันสมัยค่อนข้างมากแล้วจะยิ่งเห็นชัดเจนกว่าการเก็บเสียงจะทำได้ดีกว่ามากการขับจะทำให้สบายไม่ค่อยเมื่อยล้าหรือเครียดเวลาขับทางยาว ๆ จะให้ความสุนทรีย์มากว่า
ในขณะที่ดีเซล 3.0 เสียงดังกว่า ช่วงความเร็วสูงก็จะได้ยินเข้ามาชัดเจนมากและสั่นสะเทือนตามธรรมชาติดีเซลที่ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องเป็นแบบนี้ ถึงแม้ว่าดีเซลตัวนี้จะทันสมัยมากแต่ว่ายังไงและออกแบบมารับกับรถยนต์นั่งมากขึ้นก็ตาม
แต่คุณสมบัติยังไงก็สู้เบนซินไม่ได้อยู่ดี เพราะเบนซินมันถูกออกแบบให้สอดคล้องลงตัวกับยานยนต์ส่วนตัวมากที่สุด


3. การขับขี่แบบออฟโรด
ทั้ง 2.7 และ 3.0 ไม่มีปัญหากับการชับขี่แบบออฟโรดแต่อย่างใดเนื่องจากแรงบิดของเครื่องยนต์ 2.7 และ 3.0 ต่างก็มีแรงบิดที่มหาศาลทั้ง 2 ตัว ถ้าเทียบกับเครื่องยนต์อื่น ๆ แต่ว่า 2.7 จะด้อยกว่า 3.0 เท่านั้น
เมื่อนำไปใช้งานจริงจึงไม่เห็นข้อด้อยตรงนี้กัน เพราะสามารถใช้ได้ดีทั้งคู่
ขอยกตัวอย่างอาจารย์เทพ ลูกปลาเก๋า ที่ใช้ 2.7 NGV ก่อนหน้านี้ไม่ได้ติด TAP ด้วยซ้ำอัตราเร่งหายไป 10 -20% แต่ออฟโรดสบายมาก อยู่ที่วิธีการขับไม่ได้อยู่ที่ว่าบ้าพลัง

4.เรื่องความทนทาน
ทั้ง 2 ตัวมีจุดเด่นต่างกัน

2.7 มีความทนทานสูงเนื่องจากเป็นเครื่องยนต์เบนซินที่ถูกออกแบบมาเพื่อวางลงในปิคอัพและเอสยูวีโดยเฉพาะและถูกออกแบบให้รับกับเชื้อเพลิงหลายชนิด
และน้ำมันให้ใช้ได้ตั้งแต่ออกเทน 91 ขึ้นไป อายุการใช้งานของเครื่องยนต์ เกิน 5 แสนกิโลเมตรแน่นอนถ้าไม่เก่าเกินไปและบำรุงรักษาถูกต้อง

3.0 เครื่องดีเซลโดยปกติจะมีความทนทานสูงกว่าเบนซินอยู่แล้วเพื่อรองรับการใช้งานหนัก โดยปกติแล้วอายุการใช้งานเกิน 1 ล้านกิโลเมตรขึ้นไป ถ้าไม่เก่าเกินไปและบำรุงรักษาถูกต้อง แต่อย่างไรก็ดีเนื่องจากเครื่องยนต์มีระบบอิเล็กทรอนิกส์ กลไกมีความละเอียดที่สูงขึ้น จุดลิ้งค์ต่อโยงและอุปกรณ์มากขึ้นทำให้พบว่าต้องมีการ บำรุงรักษาที่มากขึ้นซ่อมเร็วกว่ากำหนด

5. ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา
2.7 จะมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาโดยรวมที่ต่ำกว่าค่อนข้างชัดเจน เนื่องจากถูกออกแบบมาเพื่อสำหรับใช้ในรถปิคอัพที่วิ่งอยู่ในพื้นที่ทุรกันดารในตะวันออกกลางและออสเตรเลียอยู่แล้ว ไม่ต้องมีภาระในการเปลี่ยนสายพานราวลิ้น หรือซ่อมบำรุงตั้งวาล์วหรือดูแลในจุดอื่นๆ แต่อย่างใด เพียงแต่ทำการเปลี่ยนกรองอากาศและหัวเทียนตามตารางการใช้งานเท่านั้น

3.0 โดยมากเครื่องดีเซลจะทนทานตามธรรมชาติอยู่แล้วแต่การที่มีอุปกรณ์เยอะ ๆ ทำให้เกิดปัญหาได้เช่นกัน
ถ้ามีภาระเรื่องซ่อม 3.0 มีค่าใช้จ่ายในการซ่อมอยู่ในเกณท์ที่สูงมาก และยังมีภาระเรื่องเปลี่ยนสายพานราวลิ้น กรองดีเซล ที่เป็นจุดประจำอีกตรงจุดนี้ 3.0 จะเสียเปรียบมากกว่า


6. การกินน้ำมัน
-2.7 เป็นเบนซิน เสียเปรียบดีเซลที่ประหยัดกว่า
2.7 เบนซินกินน้ำมัน 8-9 km/l นอกเมือง
และ 6-7 km/l ในเมือง

-3.0 เกียร์ออโตเหมือนกัน จะกินน้ำมัน 10-12 km/l นอกเมือง
และในเมือง 8-10 km/l





7.ราคาความคุ้มค่า
- 2.7 โดยปกติถ้าเป็นรถรุ่นเดียวกันอ๊อพชั่นเท่ากัน 2.7 จะมีราคาถูกกว่าดีเซล 1 แสนบาท ตรงจุดนี้เป็นข้อได้เปรียบกว่าชัดเจนมาก
ถ้าเป็นราคาขายต่อมือ 2 โดยมากแล้ว 2.7 เป็นรถที่ราคาไม่ตกขายต่อได้ราคาดีเป็นจุดที่ได้เปรียบกว่ามาก

-3.0 ถ้าเป็นดีเซล 3.0 ราคาตอนซื้อจะแพงกว่า 1 แสนบาท ราคาขายต่อตกมากกว่า 2.7 เยอะ
ยิ่งถ้าเป็นรถพรีรันเนอร์แล้วราคาขายหายไปมาก



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก Auto 58.10.149.34 เสาร์, 27/12/2551 เวลา : 00:03  IP : 58.10.149.34   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 8850

คำตอบที่ 6
       หมายเหตุ

- 2.7 เบนซินสามารถติดกล่อง Boos speed จะทำให้อัตราเร่งสูงมากเหมาะกับคนชอบอัตราเร่งที่สูง
แต่ผมไม่ชอบเพราะมันแรงเกินไป ราคากล่องอยู่ประมาณ 7500 บาท ไม่มีการดัดแปลงเครื่องยนต์
-3.0 ดีเซลก็ทำได้ด้วยการติดกล่อง

- 2.7 สามารถนำไปติดแก๊สได้ทั้ง 2 ชนิดค่าใช้จ่ายต่อกิโลเมตรจะต่ำกว่าดีเซลถ้าเอาไปติดแก๊ส

- 2.7 เป็นรถที่มีแรงม้าค่อนข้างมาก การใช้งานจริงความแรงสู้ 3.0 ไม่ได้เพราะ 3.0 มีพละกำลังมาก
แต่ถ้าเปรียบเทียบกับเครื่อง 2.5 ดีเซลแล้ว 2.7 เบนซินเหนือกว่าในด้านนี้และการขับขี่
และดีกว่าพวกเครื่องดีเซลสมัยก่อน ๆ มาก

- 2.7 ประสิทธิภาพเบรคและการทรงตัว 2.7 จะดีกว่า ตัวดีเซล 3.0 นิดหน่อย



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก Auto 58.10.149.34 เสาร์, 27/12/2551 เวลา : 00:43  IP : 58.10.149.34   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 8855

คำตอบที่ 7
       วันก่อนผมได้คุยกะคุณพ่อ เรื่องว่ากระบะคันหน้า อยากลอง 2.7 ตัวนี้ล่ะ คุณพ่อท่านก็บอกประมาณว่า ไม่อยากให้เล่นเครื่องเบนซินเลยเพราะ เครื่องยนต์เบนซิน มันจะจุกจิกตรงระบบไฟฟ้า พวกระบบจุดระเบิด ซึ่งผมก็โดนมากะตัวเห็นมากะตา กับรถคันเก่า Toyota โคโรน่า 3S-FE ตรงลูกสูบไม่ทำงาน 1 สูบ ซ่อมยังไงก็ไม่หายสุดท้ายก็ยกเครื่องเลย

ซึ่งพอมานั่งคิดๆ ก็กลัวจะเกิดเรื่องระบบไฟฟ้ามีปัญหาอยู่เหมือนกัน แต่ใจก็อยากได้ Vigo 2.7 มาใช้นี่แหละ เพราะใจยังอยากลุยเที่ยวตามที่ลุย(แต่ไม่มากถึงขั้น Off Roadมาก) อายุก็ยังไม่มากถึงขนาดอยากสบายนั่งเก๋ง แต่ก็อยากได้รถ นิ่มๆ ขับสบายๆ บ้าง ดูๆ แล้วคงมาจบที่ 2.7 นี่ล่ะ แต่กลัวตอนจะซื้อจะได้ทะเลาะกับพ่อซะเปล่าๆ เลยไม่รู้จะเอายังไงดี



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก fOnGSteR 58.9.42.137 เสาร์, 27/12/2551 เวลา : 04:45  IP : 58.9.42.137   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 8858

คำตอบที่ 8
       2.7 ครับ

ดีเซลนานไปหลังหมดประกัน ค่าดูแลสูง
รถเก๋งเบนซิล VVT ปัจจุบัน ซ่อมกันตามอู่ข้างถนนได้แล้ว

คอมมอนเรล แรงเกินไปสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน นานไปชิ้นส่วนที่ต้องเปลี่ยนจะโทรมเร็ว และต้องเข้าศูนย์อย่างเดียว ค่าใช้จ่ายจะสูงจนทำใจยาก เครื่องมือสองหายาก ต่างกับ เบนซิลมีให้เลือกมากมาย

หากจะใช้รถไม่นาน และเปลี่ยนรุ่นบ่อยๆ ก็ดีเซลไปเลย

เทคโนโลยี่ คอมมอนเรล ใช้งานเสร็จแล้วโยนทิ้ง



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก fortu+go 125.25.51.170 เสาร์, 27/12/2551 เวลา : 07:32  IP : 125.25.51.170   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 8859

คำตอบที่ 9
       เนื่องจากราคาน้ำมันปัจจุบัน ตอนนี้บางเต้นท์ปฏิเสธไม่รับซื้อ 2.7 แล้วนะครับ หรือรับก็ให้ราคาถูกมาก ไม่เหมือนสมัยที่ราคาน้ำมันลิตรละเกือบ 40 บาทแล้ว...สถานการณ์โลกมันเปลี่ยนไปครับ แต่ยังไงผมก็ยังรัก 2.7 VVTI Cab 4x4+LPG ของผมอยู่ดี



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

izu099 จาก IZU099 202.149.24.161 อาทิตย์, 28/12/2551 เวลา : 08:49  IP : 202.149.24.161   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 8871

คำตอบที่ 10
       คิดไปคิดมาก็เสียดายที่ตอนรถดีเซลราคาตกลงเยอะๆ ไม่ได้ไปถอยน้องจูนมือสองเอาไว้ใช้ซักคัน ตอนนี้ราคากลับมาเหมือนเดิมแล้ว





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

izu099 จาก IZU099 202.149.24.129 อาทิตย์, 28/12/2551 เวลา : 08:54  IP : 202.149.24.129   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 8872

คำตอบที่ 11
       ยิงเกาะกลุ่มได้ดีจัง
ถ้าออกมาขวาอีกนิดจัแจ่มมากเลยครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

popup จาก popup 117.47.221.178 อาทิตย์, 28/12/2551 เวลา : 10:12  IP : 117.47.221.178   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 8873

คำตอบที่ 12
       ถาม ข้อมูลเพิ่มเติมนะครับ พอดีไม่เคยใช้รถเครื่องดีเซลมาก่อน กำลังเล็งๆ มือสองดีเซล พวก สปอร์ต ครุยเซอร์ 4x4 3.0 d4d อยู่ หาข้อมูล บางคนซื้อมือสองมา เจอ พวก supply pump พัง หรือไม่ก็พวก ลิ้นปีกผีเสื้อไฟฟ้า พัง ตัวละหมื่นกว่า บาท หาอะไหล่ ข้างนอกไม่ได้เลย ถ้าจะหา ก็ต้องไปหา พวกรถที่ชนและๆ มาแล้วไปซื้ออะไหล่พวกนั้นมา จึงจะได้ของถูก

แล้วรถมือสองพวกนี้ 4 ประตู ราคามั่นน่าจับ ซะด้วย ขับ สี่ล้อ สี่ประตู ยกสูง เครื่อง 3000 เห็นในตลาดรถ ขายกันแค่ 340,000 แต่พอไปหาข้อมูลในคลับรถ ก็เลยลังเล

ว่ารถพวกนี้ ถ้าเป็นมือสองไม่น่าซื้อมาใช้ ใช่หรือไม่ เพราะเท่าที่รู้เครื่องตัวนี้ที่เป็นรุ่นแรกออกมา จนปัจจุบันนี้ ก็ 6-7 ปีไปแล้ว พวกปั้มแรงดันสูง หัวฉีดแรงดันสูง และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิก ต่างๆ ไม่รู้จะยังทนทานอีกนานเท่าไร ข้างนอกก็ซ่อมไม่ได้ ต้องศูนย์อย่างเดียว

ผมกะไว้ว่าอีกไม่นาน รถคันที่ผมเล็งไว้ 340000 ปีหน้า ราคามันอาจ ไม่ถึง เลข 3 ก็ได้



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก สนใจ ดีเซล 117.47.71.166 อาทิตย์, 28/12/2551 เวลา : 13:28  IP : 117.47.71.166   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 8874

คำตอบที่ 13
       รถที่ใช้เทคโนโลยีสูง ราคามักจะตกเร็ว และตกแรง ผู้ซื้อมือสองจะได้กำไรครับ เพราะค่าเสื่อมราคาไปเร็วกว่าค่าความเสื่อมสภาพ

อย่าไปสนใจเครื่องมากเลยครับ สมันนี้มีคนถอดเครื่องขายทิ้งทั้งใหม่ ๆ ป้ายแดงยังมีถอดขายถูก ๆ เลยครับ เราไปเก็บมาใส่รถเราสบาย ๆ ทั้งเครื่องทังเกียร์



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก ฒ 203.158.178.14 พุธ, 31/12/2551 เวลา : 23:18  IP : 203.158.178.14   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 8922

คำตอบที่ 14
       จาก fOnGSteR

เปรียบเทียบให้แบบนี้ครับ
ถ้าเครื่องยนต์ดีเซล สมัยก่อน ๆ ยกตัวอย่างเครื่องไดเรคอินเจกชั่นของ ISUZU ความทนทานจะสูงปัญหาจุกจิกไม่ค่อยมี จะว่าไม่มีเลยก็ได้ทำแค่เปลี่ยนแบต ดูน้ำมันเครื่อง ดูน้ำกลั่นแค่นั้น นานวันเข้าก็เชคซีลท้ายเกียร์ที่มักรั่วเปลี่ยนคลัทซ์ก็แค่นั้น ถ้าควันดำมาก ๆ ก็เช็คปั๊มและหัวฉีดจบไม่เกิน 4-5 พันบาท เครื่องยนต์ทนทรหดทุกสภาวะ ใช้งานได้ยาวนาน นาน ๆ ทีจะเจอปัญหาซีลหมวกวาล์วรั่ว นานเข้า 7-8 แสนโลเครื่องจะเริ่มหลวม ค่าโอเวอร์ฮอลราคาศูนย์ [ทำทุกอย่าง ไม่ใช่อู่นอก ] ประมาณ 7 หมื่นกว่าบาท
ข้อเสียไม่พูด


ถ้าเป็นเครื่อง 2L จะลักษณะคล้ายกันแต่กินน้ำมันมากว่าเพราะเป็น swirl chamber มีหัวเผาต้องเปลี่ยน มีสายพานราวลิ้นที่ต้องระวัง และเปลี่ยน มีวาล์วชนิดแผ่นชิมต้องทำการบริการ ค่าบริการในศูนย์ 800 บาท
นอกกนั้นเหมือนเครื่องดีเซลตัวอื่นที่ต้องดูแล
แต่ปัญหาจุกจิกที่มักเจอคือปัญหาความร้อนทำให้ฝาสูบโก่ง ราคาเปลี่ยนฝาสูบประมาณ 20000 บวก ลบ แต่เชื่อไหมเรื่องฝาสูบ 2L มีคนเสียค่าโง่กันมานักต่อนักแล้ว และพลอยให้การใช้งานรถไม่เกิดประสิทธิภาพสูงสุดอีกด้วย ใช้งานไม่ยืนยาวนักมีปัญหาเครื่องพังไปก่อนวัยอันควรทั้งนั้น หรือไม่ก็ควันดำแก้ไม่ค่อยจบ ค่าโอเวอร์ฮอลก็พอ ๆ กัน ค่าโอเวอร์ฮอลราคาศูนย์ [ทำทุกอย่าง ไม่ใช่อู่นอก ] ประมาณ 7 หมื่นกว่าบาท



รถอย่างฟอร์ด เครื่อง 2.5 หรือ 2.9 WL WLT มีจุดเด่นเยอะ มาเมือไทยต้องไทยขุดเอาเครื่องเก่า ๆ มาใช้
เพราะชาวไทยบริโภค แต่ปิคอัพเครื่องดีเซลเกียร์ธรรมดาอัตราเร่งดีและประหยัด [ แต่ของจริงฟอร์ดส่งปิคอัพเบนซิน 2600 ซ๊ซีขายต่างประเทศสบายกระเป๋าไปเลย] คนไทยก้ใช้เครื่องดีเซลเก่า ๆ แบบนี้ไปเรื่อย ๆ นานวันเข้าปัญหาเดิม ๆ เครื่องดีเซลก็กลับมาให้เห็น คือน้ำแห้งเครื่องพัง ในศุนย์ซ่อมถูกเพราะกดราคาไว้เยอะ 40000 กว่าบาทให้เท่าค่าซ่อมรถญี่ปุ่น อันไหนไม่พังก็มีเสียงวาล์วดังเวลาติดเครื่องตอนเช้า ช่างในศูนย์บอกปกติครับเพราะมันดังปรกติทุกคัน

ยกตัวอย่างแค่นี้พอก่อน



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก Auto 58.10.149.75 ศุกร์, 2/1/2552 เวลา : 13:29  IP : 58.10.149.75   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 8953

คำตอบที่ 15
       ทีนี้มาถึงยุคปี 2005 ที่รถปิคอัพดีเซลทุกคันต้องผ่านมาตรฐานไอเสียของรัฐที่กำหนด จึงต้องถึงคราวที่ต้องเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ของทุกค่ายหันมาใช้เครื่องดีเซลคอมมอนเรล เพราะเครื่องดีเซลเก่า ๆ เทคโนโลยีมันไปไม่ได้แบบนั้น

เครื่องดีเซลคอมมอนเรลมันเป็นเครื่งอที่พวกยุโรปนิยมวางอยู่ในรถที่มีราคาสูง ๆ พวกเบนซ์ บีเอ็ม ก็นิยมวาง TOYOTA ก็เอามาวางกับตัว Landcruiser New prado [ แต่เสปคจะต่างกับตัวปิคอัพวีโก้] ทีนี้เครื่องดีเซลมันเป็นเครื่องที่ทนทานโดยธรรมชาติอยู่แล้ว การซ่อมการแก้ไขรถพวกนี้มันเป็นรถระดับสูงอยู่แล้วคนที่เขาซื้อรถพวกนี้มาใช้เขาไม่สะดุ้งสะเทือนกระเป๋าสักเท่าไหร่ ค่าซ่อมมันก็ไม่ต่างกันกับเบนซินพวกเดียวกันตระกูลเดียวกันเพราะมันรถคนระดับกัน
นอกจากนี้การออกแบบรถมันออแบบมาเก็บเสียงได้ดีกว่า เพราะมันคือรถ ลักชัวรี่ระดับหรูหรา พวกเศรษฐีเขาไม่มานั่นฟังเสียงเครื่องยนต์ ปวดประสาทกับปัญหาเดิม ๆ แบบนี้หรอก



ทีนี้เครื่องพวกนี้มันต้องถูกบรรจุอยู่กับรถระดับล่าง ๆ ซึ่งเป็นปิคอัพราคาระดับ 4-5 แสนเป็นต้นไป มันก็มีปัญหาสิครับ
เพราะต้นทุนเครื่องยนตืพวกนี้มันสูงมาก ๆ ๆ ๆ ไม่เหมาะที่จะเอามาลงกับรถเพื่อการพานิชแบบนี้เขาก็ต้อหาวิธีทุกทางให้ต้นทุนมันลงมาให้ได้ เพราะรถทั้งคันมีต้นทุนค่าเครื่องยนต์ปาเข้าไปหลายแสนบาทแล้ว
หนำซ้ำยังต้องพยายามมากดราคาค่าซ่อมค่าอะไหล่ให้มันถูกเพื่อให้ชาวบ้านทั่วไปขารับราคาค่าซ่อมได้ไม่แพงนเกินเหตุนัก อย่างเช่นหัวฉีดน้ำมัน ราคา หัวล่ะ 9000 กว่าบาท 4 หัวก็ ไม่ถึง 40000 บาท ถูกจนแทบจะหัวเราะออกมาดังๆ เพราะราคาเครื่องก็หลายแสนบาทกดราคาหัวฉีดออกมาแค่เนี๊ยะ เศรษฐีไม่สะดุ้งเพราะถูกมากกับค่าเช็คระยะใหญ่แบบนี้ครั้งนึง [ แต่ชาวบ้านทั่วไปฟังราคาแล้วจะสลบให้ได้]







ทีนี้มาลองดูบริษัทรถบ้างการที่เขายกเอาเครื่องดีเซลคอมมอนเรลที่มีเทคโนโลยีแบบนี้เข้ามา เขาก็ต้องลงทุนไลน์ผลิต ซัพลายเออร์ทั้งในไทยและต่างประเทศ วางแผนกันหลายอย่าง รวมถึงการตลาดที่ต้องเอามาบอกว่ามันดีอย่างไร เขาลงทุนกันขนาดนี้เป็นหมื่น ๆ ล้าน แต่ตลาดหลัก ที่ขายปิคอัพดีเซลคอมมอนเรลมันมีแค่ในเมืองไทย ส่วนต่างประเทศก็มีบ้าง เขาก็ต้องประมาณการตัวเลขที่จะต้องผลิตเครื่องดีเซลให้ได้ว่าเท่าไหร่ถึงจะถึงจุดคุ้มทุนที่เขาลงไปเขาก็ต้องโฆษณากันเต็มที่นั่นแหละว่าดีเซลดียังนั้นยังนี้ ใครจะไปบ้าบอกว่าเบนซินดีกว่าล่ะ มันฆ่าตัวตายชัด ๆ ที่ลงทุนไปก็ชิปหายหมดดิ

ถ้าเบนซินมันแย่ขนาดที่คนไทยกลุ่มใหญ่กำลังคิดคนต่างชาติมันก็คงไม่ซื้อหรอกเพราะประเทศแถบนั้นมันซื้อรถไปเพื่อใช้กันอย่างเดียวไม่ได้ซื้อเอาไปซ่อมรถส่วนใหญ่ที่ขายออกไปคือปิคอัพเบนซินไม่ใช่ดีเซล


ก้อยู่ที่ผู้บริโภคแหละครับะพิจารณาซื้อรถแบบไหน ให้ถูกใจตนเองและคนในครอบครัวเพราะแต่ละคนมีความต้องการต่างกัน





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก Auto 58.10.149.75 ศุกร์, 2/1/2552 เวลา : 13:53  IP : 58.10.149.75   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 8956

คำตอบที่ 16
       เครื่องดีเซลคอมมอนเรล
ถ้าคุณคิดเปรียบกับเบนซินแล้วล่ะก็มนอาจจะจุกจิกกว่าดังนี้

1. มีกล่องเหมือนเบนซิน อีซียู
2.มีระบบไอเสียเหมือนเบนซิน เพิ่มจุดซ่อมและต้นทุน
3.มีแอร์โฟล์
4.มีเซนเซอร์เหมือนเบนซิน
5.มีเทอร์โบ ชุดเทอร์โบจากโรงงานจะมีต้นทุนเพิ่ม 1 แสนบาท
6. มีปั๊มและหัวฉีดแรงดันสูง

ราคาอุปกรณ์ทุกชิ้นจะมีราคาอะไหล่สูงกว่าเครื่องเบนซิน [ถ้าพัง]

ทุกอย่างเครื่องดีเซลมีในสิ่งที่เบนซินมี
เพราะมันไม่ใช่เครื่องดีเซลสมัยเก่า ๆ อีกต่อไป
เพราะฉะนั้นมันจึงไม่น่าห่วงถ้าเราจะเลือกเครื่องเบนซิน อย่าง Hilux 2.7 ที่มีจุดเด่นที่ค่าซ่อมถูกกว่าแน่นอน
เรื่องความจุกจิกไม่เหมือนกับรถเก๋งแน่ครับ
เพราเครื่องมันเป็นเครื่องเบนซินที่ออกแบบมาสำหรับปิคอัพโดยเฉพาะไม่ใช่เครื่องเบนซินรถเก๋ง



ผมพยายามเน้นไปที่งานซ่อมศุนย์ผมพยายามเอาค่าใช้จ่ายในการเช็คระยะแต่ละครั้งมาให้ดูว่าผมเสียราคานี้ในแต่ละครั้ง มันถูกมาก ๆ ดีกว่าซ่อมอู่ทั่วไปข้างนอก





รถผมราคา 1 ล้านกว่าบาท เสียค่าเช็คระยะ 970 บาท และ 1200 บาท
แบบนี้คุณจะไปหาที่ไหนอีก



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก Auto 58.10.149.75 ศุกร์, 2/1/2552 เวลา : 14:03  IP : 58.10.149.75   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 8957

คำตอบที่ 17
       ขอบคุณ คุณ Auto มากๆ ครับที่ ชี้แนะ เพราะยังไงถ้าออกคันใหม่มายังไงก็เล็ง 2.7 แน่ๆ ล่ะครับ ตอนนี้เหลือแต่ว่ารอ 4WD ออกมาละ รึถ้ามันไม่ออกก็ดูความจำเป็นช่วงกลางปีนี้ล่ะ แต่ยังไงก็อยากลองของอยู่ดีครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก fOnGSteR 58.9.40.224 เสาร์, 3/1/2552 เวลา : 04:03  IP : 58.9.40.224   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 8970

คำตอบที่ 18
       UP



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

b.chavana จาก ตึ๋ง IZU 335 58.8.153.17 พุธ, 22/7/2552 เวลา : 07:02  IP : 58.8.153.17   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 13707

คำตอบที่ 19
       ถ้าคุณ มีช่วง ความเร็ว เดินทางไกล 120-130-140-150 km/hr

วีโก้ 2.7 vvt-i ตัวนี้ ไม่ทำให้ผิดหวังครับ รอบเครื่อง 3 พัน ต้นๆ ทะยาน ได้ตลอดเวลา


อยู่ว่า คุณ จะขับแช่ ที่ความเร็วไหน ตลอดเส้นทาง


ส่วนอย่างอื่น เรื่องค่าน้ำมัน คุณไม่ต้องคิด ไม่ต้องเลี้ยงคันเร่ง เพื่อ ประหยัดน้ำมัน


เพราะ อย่างไร คุณ ก็จ่าย ตก กล. ละ 1.3-1.4-1.5 บาท /กม. ตลอดเส้นทาง


ทำความเร็ว เดินทาง ได้ตลอด


ปล. ผมไม่เคยเห็น วีโก้ 2.7 คันไหน ขับทางไกล แล้ว วิ่งช้า ชิดซ้าย หรือ วิ่งเลนท์ กลาง สักคัน ส่วนมาก วิ่งขวา ทำความเร็วกันตลอดครับ


เพราะ รถวิ่งดี และ ประหยัด ค่าน้ำมัน ครับผม



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก j brc 124.121.175.216 พุธ, 22/7/2552 เวลา : 08:30  IP : 124.121.175.216   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 13711

คำตอบที่ 20
       น่าสนใจนะน้าตึ๋ง 2.7 เนี่ย
มีน้องคนนึงเค้าจะขายน้องจูน 2.7 ให้
ก็อยากได้อยู่นะ ...



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

woodyfcq จาก 336 61.7.138.186 พฤหัสบดี, 23/7/2552 เวลา : 01:45  IP : 61.7.138.186   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 13729

      

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  



website รองรับการใช้งานทุกระบบปฏิบัติการของ PC Tablet SmartPhone ทุกระบบสามารถโพสข้อความและรูปภาพได้โดยไม่ต้องย่อไฟล์
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ website WeekendHobby.Com สมาชิก เท่านั้น จึงจะตั้งกระทู้ หรือ ตอบกระทู้ได้ครับ
Login Click ที่นี่
สมัครสมาชิก Click ที่นี่



Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วันศุกร์,26 เมษายน 2567 (Online 5616 คน)