WeekendHobby.com
เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


ส่องรถป้ายแดงปีวัวบ้า...เก๋งเล็กแรง-ปิกอัพเหี่ยว

จาก Auto
IP:61.90.149.126

พุธที่ , 7/1/2552
เวลา : 14:29

อ่านแล้ว = ครั้ง
 เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งตรวจสอบกระทู้
 แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน ส่งหาเพื่อน

       http://www.manager.co.th/Motoring/ViewNews.aspx?NewsID=9520000001129


 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

แจ้งเพื่อเก็บขึ้นกระทู้พิเศษ คลิ๊กที่นี่แจ้งเพื่อนำขึ้นกระทู้พิเศษ

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  

คำตอบที่ 1
       ข่าวในประเทศ - ค่ายรถไม่สนเศรษฐกิจเผาจริง! เผาเล่น! เดินหน้าผลักดันยอดขายให้ได้มากที่สุด เตรียมเปิดตัวรถรุ่นใหม่ตลอดทั้งปีวัวบ้า โดยเฉพาะตลาดเก๋งขนาดเล็กที่กำลังอยู่ในเทรนด์ ทำให้มีผู้เล่นหน้าใหม่โดดเข้าสู่ตลาดเพียบ ทั้งรถยนต์ญี่ปุ่น และจีนราคาประหยัด ไฮไลต์อยู่ที่ “มาสด้า2” และมีเซอไพร์ซจากยักษ์ใหญ่ “ฮอนด้า” ที่เพิ่มทางเลือก เล็งนำเข้า “ฟรีด” มินิแวน 7 ที่นั่งจากอินโดนีเซียมาเขย่าตลาดรถเล็กในไทย

ขณะที่เก๋งคอมแพ็กต์ลุ้น “แลนเซอร์” โฉมใหม่ถึงเวลามาซะที เช่นเดียวกับเก๋งขนาดกลาง “เทียน่า” โฉมใหม่ ที่เปิดตัวแน่เร็วๆ นี้ แต่ยังโดนเจ้าตลาด “คัมรี่” ส่งรุ่นไฮบริดประกอบในไทยครั้งแรกมาเบรกจนได้ ส่วนตลาดรถหรูมีให้เลือกหลากหลายเช่นเดิม ทั้งไลน์สินค้าหลักที่จะนำเข้ามาแบบซีบียูก่อน ไม่ว่าจะเป็น บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์7 หรือเมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส ยังไม่รวมรถเฉพาะกลุ่มของหลายยี่ห้ออีกเพียบ มีเพียงตลาดปิกอัพเท่านั้นที่เหี่ยวกว่าเพื่อน ทั้งจากพิษเศรษฐกิจและโปรดักต์ยังไม่มีถึงเวลาปรับโฉม ที่เด่นเห็นจะมีแค่ “ฟอร์ด เรนเจอร์” ไมเนอร์เชนจ์เท่านั้น





แม้จะเป็นที่ยอมรับตลาดรถยนต์ในปีฉลู จะไม่ฉลุย! แน่นอน แต่ไม่ว่าจะเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร? ยอดขายรถยนต์จะตกต่ำเพียงใด ค่ายรถก็ต้องพยายามรักษาตัวเลขยอดขายของตัวเองไว้ให้ได้มากที่สุด กลยุทธ์ต่างๆ จึงย่อมถูกงัดออกมาแย่งชิงลูกค้ากันอย่างดุเดือด ซึ่งนอกจากแคมเปญส่งเสริมการขายแล้ว การเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่เป็นอีกกลยุทธ์ที่จะช่วยผลักดันยอดขาย

ดังนั้นในปี 2552 นี้ ค่ายรถจึงยังคงมีรถยนต์รุ่นใหม่แนะนำสู่ตลาดต่อเนื่อง ส่วนจะมียี่ห้อไหน? รุ่นอะไรบ้าง?... “ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่ง” จะพาขี่ม้าเลียบค่ายสำรวจตรวจสอบ

เก๋งขนาดเล็กยังคงร้อนแรง

แน่นอนเทรนด์ยุคนี้ที่มาแรงสุดๆ คงต้องเป็นตลาดเก๋งขนาดเล็ก ซึ่งถือเป็นรถที่เหมาะกับสภาวะเศรษฐกิจฝืดเคืองมากที่สุด เพราะทั้งมีราคาประหยัดแล้ว ยังมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่ต่ำอีกด้วย เหตุนี้จึงทำให้ค่ายรถเริ่มมาลุยตลาดเก๋งขนาดเล็ก เช่นกลุ่มซับคอมแพ็กต์ หรือบี-เซกเม้นต์มากขึ้นเรื่อยๆ



ดูกันชัดๆกับ มาสด้า 2 ที่มาแน่ปลายปี


ไฮไลต์ของตลาดเก๋งกลุ่มนี้อยู่ที่ช่วงปลายปีนี้ เมื่อผู้เล่นหน้าใหม่อย่าง “มาสด้า” เตรียมจะเปิดตัวเก๋งเล็ก “มาสด้า2” ซึ่งขึ้นไลน์ผลิตในประเทศไทย ที่โรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ หรือเอเอที (AAT) เพราะได้มีการตั้งโรงงานแห่งใหม่ในบริเวณเดียวกับโรงงานประกอบปิกอัพ เพื่อประกอบซับคอมแพ็กต์ มาสด้า2 และฟอร์ด เฟียสตา

เหตุนี้รุ่น2 จึงเป็นอีกโปรดักซ์ตัวธงของมาสด้า เพื่อท้าชนกับ โตโยต้า ยาริส/วีออส, ฮอนด้า แจ๊ซ/ซิตี้ และเชฟโรเลต อาวีโอ รวมถึงพันธมิตร “ฟอร์ด เฟียสตา” เก๋งซับคอมแพ็กต์ที่ใช้แพล็ตฟอร์มร่วมกัน ซึ่งจะเปิดตัวตามออกมาในช่วงต้นปี 2553 ตามเงื่อนไขข้อตกลงของทั้งสองค่าย ที่ฟอร์ดจะต้องหลบทางให้กับมาสด้าในการแนะนำสู่ตลาดก่อน โดยรุ่น2 จะวางเครื่องยนต์ 1500 ซีซี และเฟียสตาเป็นบล็อก 1400 ซีซี และ 1600 ซีซี



ฮอนด้า เพิ่มทางเลือกกับ ฟรีด มินิแวนที่ใช้พื้นฐานเดียวกับ แจ๊สและซิตี้


แต่ที่น่าจับตา! เห็นจะเป็นค่าย “ฮอนด้า” ที่ร้อนแรงสุดๆ ในปีที่ผ่านมา จากการตอบรับของลูกค้าที่มีต่อ “ฮอนด้า แจ๊ซ/ซิตี้” โฉมใหม่ มาปีนี้แว่วว่าฮอนด้าเตรียมเซอไพร์ซเปิดตัวมินิแวน 7 ที่นั่ง “ฮอนด้า ฟรีด” (FREED) เครื่องยนต์ 1500 ซีซี ซึ่งจะเป็นการนำเข้าจากอินโดนีเซียมาทำตลาดในไทย ตอบสนองความต้องการของตลาดแบบฉับไวและมีหลากทางเลือกจริงๆ



โตโยต้า ยาริส ไมเนอร์เชนจ์(เชื่อเถอะว่าเชนจ์แล้ว)


ขณะที่คู่แข่งสำคัญ “โตโยต้า” ปีนี้ค่อนข้างจะเงียบเหงาหน่อย แถมสถานการณ์ไม่ค่อยดีถูกคู่แข่งตีกินไปสมควร แต่จะทำยังไงได้เพราะเวลาการปรับโฉมยังมาไม่ถึง วิธีดีที่สุดทำได้เพียงแค่การแต่งหน้าทาปากให้ไฉไลขึ้นมานิดหน่อย ซึ่งต้นปีจะเป็นทีของ “ยาริส” ไม่แตกต่างจากเวอร์ชั่นในญี่ปุ่น และปลายปีตามด้วย “วีออส”

“นิสสัน” เป็นอีกค่ายที่ต้องลุ้น เพราะมีกระแสข่าวว่าจะเปิดตัวรถเล็ก “มาร์ช” โฉมใหม่ ในไทยช่วงปลายปีนี้ ด้วยการวางเครื่องยนต์ 1200 ซีซี และ 1300 ซีซี ในฐานะเป็นรถยนต์ในโครงการอีโคคาร์ ซึ่งเรื่องนี้ค่อนข้างจะสับสนพอสมควร เนื่องจากโครงการอีโคคาร์เริ่มอนุมัติสิทธิประโยชน์ปี 2553 เป็นต้นไป และล่าสุดเห็นว่าอาจจะเลื่อนโครงการอีโคคาร์ออกไป เนื่องจากสถานการณ์การเงินและวิกฤตเศรษฐกิจส่งผลกระทบหนัก



เชอรี่ คิวคิว จากจีน


ส่วนที่แน่ๆ เห็นจะเป็นเก๋งเล็กชื่อดังของจีน “เชอรี่” ซึ่งชัดเจนแล้วว่ากลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่ในไทย “ซี.พี.” ไม่ยอมทุ่มเงินเสี่ยงทำตลาดแล้ว โดยปล่อยให้พันธมิตรที่คิดจะจับมือกัน “วิทิต ลีนุตพงษ์” ซึ่งแยกตัวออกจากกลุ่มยนตรกิจพร้อมแบรนด์ “โฟล์กสวาเกน” ให้ลุยเดี่ยวปั้นแบรนด์จีน “เชอรี่” ในไทย โดยไม่มีซี.พี.ร่วมแน่ๆ แล้ว

โดยกำหนดการจะเปิดตัวรถยนต์เชอรี่ อย่างเร็วช่วงงานมอเตอร์โชว์ 2009 ที่ไบเทค หรืออย่างช้าประมาณไตรมาสสามปีนี้ ด้วยการนำร่องเปิดตัวทำตลาดเก๋งขนาดเล็ก “เชอรี่ คิวคิว” เครื่องยนต์ 850-1100 ซีซี ราคา 320,000-400,000 บาท และรุ่น “ทิโก้” รถยนต์อเนกประสงค์ ครื่องยนต์ 1500 ซีซี ราคา 700,000-800,000 บาท



มาซะทีกับ แลนเซอร์ ใหม่


ถึงทีพระรองลุยคอมแพ็กต์-เก๋งกลาง

แต่หากใครที่ยังไม่สะใจกับสมรรถนะของเก๋งขนาดเล็ก ต้องการจะขยับขึ้นมาอีกระดับ มีทางเลือกใหม่ๆ ให้ได้ตัดสินใจเช่นกัน แม้ปีนี้ค่ายแบรนด์เนมจะไม่มีความเคลื่อนไหวมากนัก ก็ยังมีค่ายพระรองมาสร้างสีสันให้กับตลาดบ้าง

เริ่มที่เก๋งคอมแพ็กต์ของค่าย “มิตซูบิชิ” หลังจากที่เฝ้ารอมานานกับโฉมใหม่ของ “แลนเซอร์” หรือ “ฟอร์ติส” ในญี่ปุ่น ที่บรรดาสาวกในไทยเรียกกันว่า “รุ่นหน้าฉลาม” นั้น ได้เวลามาซะที? เพราะจากรายงานของบรรดาซัพพลายเออร์ ได้มีการสั่งให้เตรียมผลิตชิ้นส่วนอย่างเร่งด่วน สำหรับการประกอบแลนเซอร์โฉมใหม่แล้ว โดยจะเริ่มส่งมอบให้กับมิตซูบิชิประมาณต้นปี 2552 นี้

ฉะนั้นมิตซูบิชิ แลนเซอร์ โฉมใหม่ จึงคอนเฟิร์มเปิดตัวทำตลาดปีนี้แน่นอน เพียงแต่ที่แปลกว่าแลนเซอร์ในไทยจะมีให้เลือก 2 เวอร์ชั่น โดยเครื่องยนต์ 2000 ซีซี จะเป็นโฉมใหม่ที่แฟนๆ เฝ้ารอกัน แต่ในส่วนของรุ่นเครื่องยนต์ 1600 ซีซี มิตซูบิชิยังคงให้ความไว้วางใจกับแลนเซอร์รุ่นปัจจุบันต่อไป เพียงแต่งหน้าทาปากสร้างความใหม่นิดหน่อยเท่านั้น



นิสสัน เทียน่า


ส่วนเก๋งคอมแพ็กต์ยี่ห้ออื่นๆ ยังไม่มีความเคลื่อนไหวที่โดดเด่นมากนัก ที่น่าสนใจเห็นจะขยับไปเก๋งขนาดกลางของค่าย “นิสสัน” ที่ถึงเวลาของการโมเดลเชนจ์ “เทียน่า” หลังจากได้มีการเผยโฉมให้เห็นแล้วในต่างประเทศเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ต้นปีนี้จึงเป็นเวลาของเทียน่าโฉมใหม่ในไทย ที่จะออกจากไลน์ผลิตมาลดความร้อนแรงของ “โตโยต้า คัมรี่” โดยเครื่องยนต์ยังคงจะเป็นตระกูล VQ เช่นเดิม เพียงแต่ได้มีการปรับสมรรถนะให้แรงขึ้น

อย่างไรก็ตามใช่ว่างานนี้จะมีเพียงพระรองเสมอไป เพราะยังมีตัวสอดแทรกของค่ายยักษ์ “โตโยต้า” ที่ได้ประกาศแผนขึ้นไลน์ผลิตรถยนต์ไฮบริดครั้งแรกในเมืองไทย กับเก๋งขนาดกลาง “โตโยต้า คัมรี่” ซึ่งตามแผนงานจะสามารถแนะนำสู่ตลาดได้ในช่วงไตรมาสสามปีนี้ และจากการสอบถามผู้บริหารยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงแผนงานเกี่ยวกับ คัมรี่ ไฮบริด THS-II ตัวนี้แต่อย่างใด



อัครยานยนต์ "ซีรีส์ 7"


รถหรู-เฉพาะกลุ่มยังไงก็มีให้เลือก

ทีนี้ลองหันมาสำรวจตลาดรถหรูหราบ้าง ตัวธงที่เป็นหลักในการขายอย่างรถประกอบในประเทศ(CKD) ปีนี้คงไม่โดดเด่นเท่ากับรถซีบียู(CBU) หรือนำเข้าสำเร็จจากต่างประเทศ

เริ่มกันที่ค่ายใบพัดสีฟ้า “บีเอ็มดับเบิลยู” กับโฉมใหม่ของ “ซีรี่ส์7” ในต่างประเทศ ซึ่งแน่นอนว่าเมืองไทยคงจะมีการเปิดตัวเช่นกัน เบื้องต้นจะเป็นการนำเข้าแบบซีบียูก่อน ส่วนรุ่นประกอบในประเทศจะตามมาไม่ปลายปี หรือไม่ก็ต้นปีหน้า และอีกรุ่นที่คาดว่าจะเป็นการไมเนอร์เชนจ์ของ “ซีรี่ส์3”

ด้านแบรนด์ในเครืออย่าง “มินิ” ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา ปีนี้เชื่อว่าจะสร้างไลฟ์สไตล์เฉพาะให้กับลูกค้าเช่นเคย ด้วยการนำเข้า “มินิ คูเปอร์” รุ่นเปิดประทุนมาให้แฟนๆ ได้รับลมร้อนในบ้านเราช่วงต้นปีนี้เช่นกัน



อี-คลาส ใหม่


สำหรับคู่แข่งสำคัญอย่างค่ายดาวสามแฉก “เมอร์เซเดส-เบนซ์” ตอนนี้กำลังปวดหัวกับสภาวะเศรษฐกิจซบเซา เพราะจะต้องมีการทบทวนปรับแผนกันตลอดทุกๆ 3 เดือน แต่ที่แน่ๆ สิ่งหนึ่งที่จะต้องทำคือการผลักดันยอดขาย “อี-คลาส” ให้เพิ่มขึ้น ด้วยการตกแต่งเพิ่มอุปกรณ์เข้าไป

ขณะที่โฉมใหม่ก็มีลุ้นให้เห็นภายในปีนี้เช่นกัน เพราะมีภาพหลุดออกมาแล้ว หากเปิดตัวขายในยุโรปเป็นทางการเมื่อไหร่ คงได้เห็นรุ่นซีบียูขายในไทยเวลาไล่เลี่ยกันแน่ๆ จากนั้นจึงจะเป็นคิวของรุ่นประกอบในประเทศ ซึ่งน่าจะอยู่ประมาณปลายปีเป็นอย่างเร็ว หรือไม่เกินต้นปีหน้าแน่นอน

และอีกค่ายประกาศจะกลับมารุกตลาดจริงจังอีกครั้ง เห็นจะเป็นค่าย “ออดี้” ของกลุ่มยนตรกิจ ที่ช่วงปลายปีที่ผ่านมาได้มีการเปิดตัวรุ่นเอ4 ใหม่ไปแล้ว และในปีนี้ยังจะมีโปรดักซ์ใหม่ลุยตลาดอีก 2-3 รุ่น เริ่มตั้งแต่ออดี้ เอ4 ทีดีไอ ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.0 ลิตร 143 แรงม้า โดยราคาในช่วงเปิดตัวจะไม่เกิน 3 ล้านบาท



ซูเปอร์คาร์ ออดี้ อาร์8


ตามมาด้วย “ออดี้ เอ8” เก๋งท็อปคลาสที่จะมาท้าชน บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์7 และเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาส รวมถึงรถสปอร์ตตัวแรงอย่าง “อาร์8” ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นปกติจากโรงงานมาเอาใจแฟนๆ ที่ไม่ได้ต้องการความพิเศษมากนัก เพราะที่ผ่านมากลุ่มยนตรกิจได้มีการนำรุ่นตกแต่งของ R8 ภายใต้การดูแลของ MTM มานำร่องไปแล้ว

“ซีตรอง” เป็นอีกแบรนด์ในมือยนตรกิจกรุ๊ป ที่จะมาสร้างสีสันให้กับตลาดรถหรู หลังจากปีที่ผ่านมาส่งท้ายปีหนูไฟกับรถแวนอเนกประสงค์รุ่นจัมเปอร์ไปแล้ว ปีนี้ทางผู้บริหารของกลุ่มยนตรกิจพยายามที่จะนำเข้า “ซี5” ใหม่มาทำตลาดเสียที และอีกรุ่นที่เล็งไว้เป็นมินิแวนหลังคากระจก “ซี4 ปิคาสโซ” ซึ่งคงไม่มีปัญหาเจอโรคเลื่อนเหมือนปีที่ผ่านมาทั้งคู่ เพราะกลุ่มยนตรกิจภายใต้การโครงสร้างใหม่ “ยนตรกิจ คอปอเรชั่น” ได้มีการปรับลงตัวเกือบหมดแล้ว



วอลโว่ เอ็กซ์ซี60


ในส่วนของ “วอลโว่” ที่มีความเคลื่อนไหวพอสมสมควรในปีที่ผ่านมา ตั้งแต่การเปิดตัวรุ่นซี30 , เอส80 และส่งท้ายปีกับเวอร์ชั่นรองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ของเอส80 มาปีนี้ยังจะรุกตลาดต่อเนื่อง ซึ่งต้องลุ้นกับรุ่น “วี70” ที่เจอโรคเลื่อนมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ปีนี้หากยังไม่มาอีกเชื่อว่าวอลโว่คงไม่สนใจรถแวกอนแล้ว ส่วนอีกรุ่นที่มีข่าวจะนำเข้ามาทำตลาดในไทย เป็นเอสยูวีขนาดกลางรุ่นใหม่
“เอ็กซี60” เพื่อมาชนกับบีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์3

ส่วนที่เป็นรถเฉพาะกลุ่ม แต่มีแฟนพันธุ์แท้จำนวนพอสมควรในไทย อย่าง “มาสด้า เอ็มเอ็กซ์-5” ปีนี้ได้เรียกเสียงฮือฮาแน่นอน เพราะมาสด้าเตรียมนำเข้ามาเอาใจแฟนๆ ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการแบบฉับไว ต่อจากตลาดญี่ปุ่นและทั่วโลกทันที รวมถึงยังเพิ่มทางเลือกนำเข้ารถครอสโอเวอร์ “ซีเอ็กซ์-9” มาทำตลาดในไทยอีกด้วย



มาสด้า MX-5 น่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน "มอเตอร์โชว์ 2009"


ขณะที่ค่าย “นิสสัน” ก็ไม่น้อยหน้า เตรียมเปิดตัวสายพันธุ์สปอร์ตตัวเก่ง “370Z” ที่พกพาขุมกำลังขนาด 331 แรงม้า จากเครื่องยนต์วี6 ขนาด 3.7 ลิตร ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2009 ที่ไบเทค ในราคาไม่น่าจะต่ำกว่า 4.9 ล้านบาท

ปิกอัพเหี่ยวโปรดักซ์-ตลาดไม่เอื้อ!

ดูเหมือนจะคึกคักกันไม่ไช่เล่น สำหรับกลุ่มรถยนต์นั่งทุกประเภท แม้เศรษฐกิจจะไม่สดใสก็ตาม แต่ที่คล้ายจะเข้าสู่สภาวะเผาจริงเหมือนเศรษฐกิจ เห็นจะเป็นตลาดปิกอัพที่เคยเป็นพระเอกของตลาดรถยนต์ไทยมาตลอด
เพราะเมื่อส่องสำรวจแผนงานขอแต่ละค่ายรถแล้ว ปีฉลูไม่ใช่ปีทองของปิกอัพแน่นอน ทั้งผลจากสภาวะเศรษฐกิจกระทบ และโปรดักซ์ใหม่ๆ ที่จะเปิดตัวสู่ตลาด เนื่องจากปิกอัพหลายรุ่นจะมีการโมเดลเชนจ์ในปี 2553 เป็นต้นไป ไม่ว่าจะเป็น มาสด้า, ฟอร์ด, อีซูซุ และโตโยต้า

โดยปีนี้จะมีความเคลื่อนไหวเพียงการไมเนอร์เชนจ์ของ “ฟอร์ด เรนเจอร์” ที่เดิมจะเปิดตัวในช่วงปลายปีที่ผ่านมา แต่สภาวะตลาดและเศรษฐกิจไม่อำนวย ประกอบกับมีสต็อกรุ่นปัจจุบันพอสมควร จึงเลื่อนมาเปิดตัวในช่วงต้นปีนี้ ส่วนรูปลักษณ์น่าจะพัฒนามาจากรุ่นต้นแบบ “เรนเจอร์ แม็กซ์” ที่เปิดตัวในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปที่ผ่านมา

ส่วนมิตซูบิชิเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ได้มีการแต่งหน้าทาปากให้กับรุ่นไทรทัน พลัส ไปแล้ว ในช่วงต้นปีนี้ต้องทำให้ครบทุกรุ่นย่อย ไม่อย่างนั้นถูกด่าเสียหายแน่ ด้าน “นิสสัน นาวารา” ปีนี้ยังจะไม่มีการปรับโฉมอะไร เพราะจะมีการไมเนอร์เชนจ์ประมาณต้นปี 2553



ทาทา เสริมอาวุธด้วย "เอซ" ปิกอัพพื้นเรียบราคาย่อมเยา


นอกจากนี้ยังมีอีกค่าย “ทาทา” ปิกอัพฉีกกฎที่เริ่มต้นก็แป๊กซะแล้ว ดีว่าในช่วงท้ายปีที่ผ่านมาเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงการเปิดตัวปิกอัพเครื่องยนต์รองรับพลังงาน CNG แบบ 100% มาในปีนี้ยังคงเดินหน้าลุยต่อไป ตามสไตล์เศรษฐีภารตะ โดยมีกำหนดจะเปิดตัวปิกอัพขนาดเล็ก “ทาทา เอซ” (ACE) เพื่อมาชิงยอดขายกับ “ซูซูกิ แครี่” แตกต่างที่วางเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล 1400 ซีซี และทาทายังจะส่งรถยนต์รุ่นนี้จากโรงงานประกอบของธนบุรีฯ ในไทย ส่งออกไปประเทศในภูมิภาคอาเซียนด้วย
เมื่อมีข้อมูลรถใหม่ที่จะเปิดตัวในไทยปีฉลูแล้ว คราวนี้ลองกลับมาสำรวจกระเป๋าตังก์ตัวเองดูบ้าง ว่าพอที่ถอยรถฉลุยหรือไ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก Auto 61.90.149.126 พุธ, 7/1/2552 เวลา : 14:30  IP : 61.90.149.126   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9088

คำตอบที่ 2
       โตโยต้า” ประกาศหยุดผลิต 11 วัน หลังยอดขายตกฮวบ-รถเหลือบาน




เอเจนซี – โตโยต้า มอเตอร์ประกาศวันนี้(6)ว่า จะหยุดการผลิตในโรงงานต่างๆ ที่ตั้งอยู่ในญี่ปุ่นเป็นเวลา 11 วันในช่วงเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม สืบจากยอดขายที่ชะลอตัวอย่างมากในสหรัฐฯ จนทำให้โชว์รูมของพวกดีลเลอร์เต็มไปด้วยรถที่ยังขายไม่ออก

ยอดขายในสหรัฐฯประจำเดือนธันวาคมของโตโยต้าตกลงไปถึง 37% อันเป็นการลดลงมากที่สุดในรอบมากกว่า 25 ปีและย่ำแย่เสียยิ่งกว่าคู่แข่งอย่างเจเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) และฟอร์ด มอเตอร์ที่กำลังกระเสือกกระสนดิ้นรนหนีให้พ้นการล้มละลาย

“ผมไม่เคยคิดว่าวิกฤตจะลุกลามรวดเร็วเช่นนี้ และยังได้สร้างรอยแผลลึกเอาไว้ให้เรา” ประธานกรรมการบริหารของโตโยต้า คัตสึอากิ วาทานาเบะ กล่าวกับผู้สื่อข่าวในกรุงโตเกียว

ก่อนหน้านี้โตโยต้าได้ออกมาประกาศหยุดการผลิตรถเป็นเวลา 3 วันในเดือนมกราคมนี้ ในโรงงานที่ญี่ปุ่น 12 แห่งที่โตโยต้าเป็นเจ้าของโดยตรง ซึ่งประกอบด้วยโรงงานประกอบรถยนต์ 4 แห่ง และโรงงานผลิตเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง ตลอดจนชิ้นส่วนอื่น ๆอีก 8 แห่ง

การหยุดผลิตรถยนต์ของโตโยต้าในครั้งนี้เป็นเรื่องที่น้อยคนคาดคิดมาก่อน เมื่อปี 1993 โตโยต้าได้เคยประกาศหยุดการผลิต 1 วันต่อเดือน อันเนื่องมาจากค่าเงินเยนแข็งมากจนยอดขายตก

โรงงานในญี่ปุ่นนั้นผลิตรถยนต์ราว 40%ของที่โตโยต้าส่งไปขายในสหรัฐฯ และตอนนี้ที่ท่าเรือตลอดจนโชว์รูมในสหรัฐฯ มีรถยนต์และรถบรรทุกต่างประเทศจอดอยู่เต็มไปหมด

ผู้ผลิตรถยนต์ต่างพากันลดกำลังการผลิตลงกันถ้วนหน้า เพราะว่าผู้บริโภคกุมกระเป๋าแน่นไม่ซื้อของใหญ่ ๆราคาสูง ๆ เนื่องจากได้รับผลพวงจากภาวะสินเชื่อตึงตัว แม้ว่าบริษัทต่าง ๆจะพยายามเสนอโปรโมชั่นจูงใจเพียงใดก็ตาม

ส่วนคู่แข่งสัญชาติเดียวกันของโตโยต้า คือ ฮอนด้า มอเตอร์ และนิสสัน มอเตอร์ต่างก็มีแผนการลดกำลังการผลิตรถยนต์ลงอย่างน้อย 200,000 คันสำหรับปีการเงินนี้ (เม.ย.2008-มี.ค.2009) และนักเศรษฐศาสตร์คาดกันว่าในสามเดือนที่เหลืออยู่นี้ อาจจะมีการลดประมาณการลงอีก

โตโยต้ายังมิได้เปิดเผยตัวเลขรถยนต์ที่จะลดลงจากการยุติการผลิตชั่วคราวนี้ จากสถิติของปี 2007 กำลังการผลิตรวมของ 4 บริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นนั้นอยู่ที่ 130,000 คันต่อเดือน โฆษกของโตโยต้ากล่าวว่าแม้จะหยุดการผลิต แต่คนงานก็ยังได้เงินเดือนอยู่ โดยถือว่าเป็นวันหยุดซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวันทำงาน

เมื่อสองสัปดาห์ก่อนโตโยต้าออกมาเตือนว่า บริษัทน่าจะขาดทุนจากการดำเนินงานเป็นครั้งแรกในรอบ 70 ปี เนื่องจากยอดขายที่ดิ่งลง รวมทั้งค่าเงินเยนที่แข็งขึ้นอย่างมาก และกล่าวว่ามีความจำเป็นต้องปรับกำลังการผลิตใหม่หลังจากเดือนมกราคมเป็นต้นไป

บรรดานักวิเคราะห์กล่าวว่ายอดขายที่ลดลงในสหรัฐฯนั้นไม่เป็นที่น่าประหลาดใจ และภาพรวมในอนาคตสำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์สหรัฐฯก็ยังไม่มืดมน

“การที่จะให้ตลาดหุ้นกลับมาประเมินภาคอุตสาหกรรมนี้กันใหม่(ในทางที่ดีขึ้น) ก็จะต้องมีเงื่อนไข 2 ประการเกิดขึ้นเสียก่อน นั่นคือ ข่าวร้ายต่างๆได้สิ้นสุดลงแล้ว รวมทั้งตัวเลขในบัญชีจะต้องกลับมาเป็นตัวดำอีกครั้งในปีการเงินหน้า” โคอิชิ สุกิโมโต นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมรถยนต์ของเมอร์ริลลินช์ กล่าวและบอกว่าตอนนี้ยังไม่มีปัจจัยทั้งสองอย่าง ซึ่งทำให้ภาพรวมย่ำแย่อย่างมาก

โตโยต้าเองก็ยังได้ออกมามาบอกอีกว่าหากสถานการณ์ย่ำแย่ลงไปอีก ก็อาจจะหยุดการผลิตในโรงงาน 12 แห่งเพิ่มขึ้นอีก 6 วันในเดือนหน้า และอีก 5 วันในเดือนมีนาคม

วาตานาเบะบอกว่า เขาอยากจะเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะหล่นลงจนถึงก้นเหวได้ภายในช่วงใดช่วงหนึ่งของปีนี้ แต่เขาก็เตือนว่า “แต่ถ้าคุณมองดูตลาดรถยนต์ในตอนนี้ มันโหดเอามากๆ จริงๆ เราจึงยังจำเป็นต้องเดินหน้ากับสมมุติฐานที่ว่า สถานการณ์นี้ยังจะดำเนินต่อเนื่องไปอีก”




 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก Auto 61.90.149.126 พุธ, 7/1/2552 เวลา : 14:33  IP : 61.90.149.126   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9089

คำตอบที่ 3
       ยอดขายรถยนต์ในตลาดมะกันปี 2008 ทรุดหนัก

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 6 มกราคม 2552 22:57 น.



ยอดขายรถยนต์ในสหรัฐฯ ตกฮวบฮาบในปี 2008 ที่ผ่านมา


เอเจนซี/เอเอฟพี – ยอดขายรถยนต์ในสหรัฐฯตกฮวบฮาบถึง 36% ในเดือนธันวาคม โดยมีค่ายไครสเลอร์, ฮุนได, และโตโยต้า อยู่ในสภาพสุดย่ำแย่ นับเป็นการปิดฉากปี 2008 อย่างละห้อยละเหี่ยใจของอุตสาหกรรมรถยนต์ ในเมื่อตลาดอันมีขนาดใหญ่โตที่สุดในโลกแห่งนี้ ทำยอดขายได้เลวร้ายที่สุดภายหลังจากปี 1992 เป็นต้นมา

ยอดขายของไครสเลอร์ หล่นวูบถึง 53% ในเดือนธันวาคม อันเป็นเดือนที่บริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่อันดับ 3 ใน “บิ๊กทรีแห่งดีทรอยต์” แห่งนี้ ต้องเกี่ยวก้อยกับอันดับ 1 คือ เจเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) ไปวิงวอนรัฐสภาและรัฐบาลอเมริกัน จนได้เงินกู้ฉุกเฉินช่วยชีวิตมา 17,400 ล้านดอลลาร์

ขณะเดียวกัน ยอดขายของฮุนไดแห่งเกาหลีใต้ ก็ดิ่งถลามา 48% ส่วนโตโยต้าไหลรูด 37% ซึ่งถือเป็นการทรุดตัวครั้งใหญ่ที่สุดของยักษ์ญี่ปุ่นรายนี้ในตลาดอเมริกันนับแต่ปี 1980 เป็นต้นมา

บริษัทรถยนต์อื่นๆ ก็ไม่ได้มีชะตากรรมที่ดีกว่ากันเท่าใดนัก ฮอนด้า มอเตอร์ ทำยอดขายตกลงไป 35% และฟอร์ดหล่นลง 32% สำหรับ จีเอ็ม และ นิสสัน ซวนเซลงมารายละ 31%

ยอดขายที่ทรุดฮวบฮาบของเดือนธันวาคมนี้ เป็นสิ่งที่คาดหมายกันอย่างกว้างขวางอยู่แล้ว และถือว่ายังดีกว่าเล็กน้อยด้วยซ้ำจากเสียงคาดการณ์ของบางฝ่ายที่ให้ไว้แบบเลวร้ายสุดๆ ทว่าการไหลลงแบบไม่มีหูรูดของยอดขายรถยนต์ดังที่กำลังเกิดขึ้นนี้ ก็ทำให้เพิ่มความวิตกว่าในเดือนแรกๆ ของปี 2009 สถานการณ์คงจะย่ำแย่ลงไปอีก

“ตามธรรมดาแล้ว ในอดีตที่ผ่านมามกราคมกับกุมภาพันธ์จะเป็นเดือนที่ปริมาณขายของอุตสาหกรรมนี้อยู่ในสภาพเชื่องช้าที่สุด และสำหรับมีนาคม เราก็ยังอาจจะไม่ได้เห็นการผงกหัวขึ้นมาสักเท่าไรนักหรอก” เป็นความเห็นของ เจสซี โทแพรค นักวิเคราะห์แห่ง เอดมุนด์สดอตคอม

เมื่อดูจากตัวเลขของตลอดทั้งปี 2008 ยอดขายรถยนต์ในสหรัฐฯได้ลดลงมาเหลือ 13.2 ล้านคัน ต่ำลงถึง18% จากยอด 16.2 ล้านคันที่ทำได้ในปี 2007 และถือเป็นปริมาณการขายที่ทำได้ต่ำที่สุดนับแต่ปี 1992

นอกจากนั้น ปริมาณการขายที่ลดวูบลงมาถึง 3 ล้านคันใน 1 ปีเช่นนี้ ยังถือเป็นการหล่นอย่างแรงที่สุดของอุตสาหกรรมนี้ตั้งแต่ปี 1974 เมื่อเศรษฐกิจสหรัฐฯอยู่ในภาวะที่ยังโซซัดโซเซจากผลกระทบของวิกฤตการณ์ราคาน้ำมันครั้งแรก





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก Auto 61.90.149.126 พุธ, 7/1/2552 เวลา : 14:40  IP : 61.90.149.126   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9090

      

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  



website รองรับการใช้งานทุกระบบปฏิบัติการของ PC Tablet SmartPhone ทุกระบบสามารถโพสข้อความและรูปภาพได้โดยไม่ต้องย่อไฟล์
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ website WeekendHobby.Com สมาชิก เท่านั้น จึงจะตั้งกระทู้ หรือ ตอบกระทู้ได้ครับ
Login Click ที่นี่
สมัครสมาชิก Click ที่นี่



Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วันพฤหัสบดี,2 พฤษภาคม 2567 (Online 2047 คน)