WeekendHobby.com
เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


ผาจิ ภาค2 ( ไม่ไปไม่รู้ )

จาก fortu+go
IP:125.27.44.217

จันทร์ที่ , 26/1/2552
เวลา : 12:27

อ่านแล้ว = ครั้ง
 เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งตรวจสอบกระทู้
 แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน ส่งหาเพื่อน

       เคยทิ้งท้ายไว้ว่าจะกลับมาอีก เพราะยังมีอะไรที่ยังน่าชวนให้อยากรู้
ว่าจะต่อที่กระทู้เดิมแต่ก็คิดว่าเริ่มใหม่ดีกว่า






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

แจ้งเพื่อเก็บขึ้นกระทู้พิเศษ คลิ๊กที่นี่แจ้งเพื่อนำขึ้นกระทู้พิเศษ

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  

คำตอบที่ 1
       กลับมาเริ่มที่อนุสาวรีย์ คนตุลาคม อีกครั้ง





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก fortu+go 125.27.44.217 จันทร์, 26/1/2552 เวลา : 12:29  IP : 125.27.44.217   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9493

คำตอบที่ 2
       ฆ้อน เคียว สัญญลักษณ์ ของแท้ แน่นอน





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก fortu+go 125.27.44.217 จันทร์, 26/1/2552 เวลา : 12:31  IP : 125.27.44.217   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9494

คำตอบที่ 3
       ย้อนเส้นทางเดิมที่สังเกตุว่า ทางไม่สูงชันมาก แต่ว่าต้นไม้ข้างทาง ยื่นล้ำเข้ามามากจึง เปลี่ยนเอาคุณปู่ Hilux Hercules มาลุยแทนเพราะอยากจะบุกเข้าไปให้ลึกกว่าคราวก่อน





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก fortu+go 125.27.44.217 จันทร์, 26/1/2552 เวลา : 12:34  IP : 125.27.44.217   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9495

คำตอบที่ 4
       ลุยเข้าไป





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก fortu+go 125.27.44.217 จันทร์, 26/1/2552 เวลา : 12:35  IP : 125.27.44.217   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9496

คำตอบที่ 5
       พักเติมพลังที่ลาน อนุสาวรีย์





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก fortu+go 125.27.44.217 จันทร์, 26/1/2552 เวลา : 12:38  IP : 125.27.44.217   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9497

คำตอบที่ 6
       หลังจากบำรุงกำลังตอนเที่ยงจึงได้ไปต่อ
ข้อผิดพลาดอย่างใหญ่ คือข้อมูล จากการซักถามว่าสถานที่ๆจะไป " ไม่ไกล " ทำให้เสียเวลาในการเดินค้นหา





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก fortu+go 125.27.44.217 จันทร์, 26/1/2552 เวลา : 12:46  IP : 125.27.44.217   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9498

คำตอบที่ 7
       หลังจากบำรุงกำลังตอนเที่ยงจึงได้ไปต่อ
ข้อผิดพลาดอย่างใหญ่ คือข้อมูล จากการซักถามว่าสถานที่ๆจะไป " ไม่ไกล " ทำให้เสียเวลาในการเดินค้นหา



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก fortu+go 125.27.44.217 จันทร์, 26/1/2552 เวลา : 12:50  IP : 125.27.44.217   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9499

คำตอบที่ 8
       สถานที่ แต่ละแห่งไม่มีป้ายบอก ไมมีคนนำทาง
จึงต้อง เดาสุ่ม หลงทางบ้าง






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก fortu+go 125.27.44.217 จันทร์, 26/1/2552 เวลา : 12:52  IP : 125.27.44.217   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9500

คำตอบที่ 9
       ตามเส้นทางที่จะไป





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก fortu+go 125.27.44.217 จันทร์, 26/1/2552 เวลา : 12:53  IP : 125.27.44.217   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9501

คำตอบที่ 10
       ถึงแล้วครับ ถ้ำแรก ถ้ำสื่อสาร ถ้ำนี้ใช้เป็นที่ตั้งของเสาอากาศดักฟังวิทยุของฝ่ายทหาร ทำให้รู้ถึงการเคลื่อนไหวของทหารที่จะเข้ามาโจมตี





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก fortu+go 125.27.44.217 จันทร์, 26/1/2552 เวลา : 12:57  IP : 125.27.44.217   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9502

คำตอบที่ 11
       ภายในถ้ำค่อนข้างกว้างและลึกลับ แทบไม่น่าเชื่อว่าจะมีโพลงถ้ำ





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก fortu+go 125.27.44.217 จันทร์, 26/1/2552 เวลา : 13:00  IP : 125.27.44.217   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9503

คำตอบที่ 12
       เขาลูกนี้แหละ ถ้ำสื่อสาร ตัวถ้ำอยู่เกือบยอด โพลงถ้ำมีช่องทะลุไปถึงยอดเขา จากปากถ้ำผมปีนป่ายต่อขึ้นไปอีกจนเกือบถึงยอด แต่ขาทั้งสองไม่สามัคคีกัน สั่นๆ ไม่กล้าขึ้นต่อ ต้นไม้และหนามเป็นระยะ





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก fortu+go 125.27.44.217 จันทร์, 26/1/2552 เวลา : 13:05  IP : 125.27.44.217   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9504

คำตอบที่ 13
       เราพยายามบุกต่อเพื่อที่จะพิชิต ผาจิ แต่ว่าเราประมาทเส้นทาง เสียเวลาจากการเดินทาง จึงตัดสินใจกลับมาตั้งหลักที่ โรงเรียน สันติสุข





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก fortu+go 125.27.44.217 จันทร์, 26/1/2552 เวลา : 13:11  IP : 125.27.44.217   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9505

คำตอบที่ 14
       พลบค่ำ ที่โรงเรียนบ้านสันติสุข กางเต้นท์ ล้มตัวลงนอน หลังจากที่ได้อ่อนเพลีย และ 2 กลม





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก fortu+go 125.27.44.217 จันทร์, 26/1/2552 เวลา : 13:13  IP : 125.27.44.217   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9507

คำตอบที่ 15
       เช้าวันรุ่งขึ้นได้รับความกรุณาจากครูที่ได้อยู่เฝ้าโรงเรียนได้เชิญ " สหายฉลอง " คุณลุงผู้นี้เกิดที่นี่ และได้เข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิคส์ ตั่งแต่เริ่มต้น ทุกเหตุการที่ผ่านไป การเข้ามาในหมู่บ้านของคอมมิวนิคส์ เส้นทางที่นักศึกษาเข้ามาอยู่รวมกันนับพันคน แนวทางการต่อสู้ เป้าหมาย พื้นทีๆเป็นควมมิวนิคส์เต็มตัว แม้นกระทั่งเป้าหมายที่จะบุกยึดประเทศไทย เราได้สอบถามถึงความเสียหายจากการประทะกับกองทัพ จนได้รู้ว่าที่ "ผาจิ " ยังมีซาก ฮ.ที่ถูกยิงตก 2 ลำ ช่วงเวลาที่คุณ หงา คาราวานได้เข้ามา ในหมู่บ้านได้มาร่วมแต่งเพลงร่วมกับคุณลุง ( คุณลุงเป็นนักดนตรีแบบเดียวกับคุณหงา )





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก fortu+go 125.27.44.217 จันทร์, 26/1/2552 เวลา : 13:25  IP : 125.27.44.217   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9509

คำตอบที่ 16
       ทิ้งท้ายคุณลุง ได้พูดเป็น ปรัชญาได้น่าฟังหลายอย่าง
ณ เวลานั้น คอมมิวนิคส์ เจริญขึ้นในประเทศไทยเต็มไปหมด การปราบปรามไม่ใช่หนทางแก้ปัญหา คอมมิวนิคส์เต็มไปหมดแม้นแต่ในกองทัพ แต่เหตุการณ์ทั้งหมดก็ยุติลงแบบเรียบง่าย ไม่มีใครได้หวังยึดประเทศ ยึดอำนาจมาครอง เขาหวังอย่างเดียว ความยุติธรรม เท่าเทียมกัน





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก fortu+go 125.27.44.217 จันทร์, 26/1/2552 เวลา : 13:36  IP : 125.27.44.217   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9510

คำตอบที่ 17
       ผมและเพื่อนๆ สรุปว่า การมาครั้งนี้คุ้มค่าจริงๆ และ เราจะกลับมาอีก

ภาค 3 เราจะขึ้นจะไปยอด " ผาจิ " ให้จงได้





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก fortu+go 125.27.44.217 จันทร์, 26/1/2552 เวลา : 13:40  IP : 125.27.44.217   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9511

คำตอบที่ 18
       ขอบคุณครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก Auto 61.90.149.126 จันทร์, 26/1/2552 เวลา : 21:17  IP : 61.90.149.126   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9514

คำตอบที่ 19
      



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

^Top^ จาก ^Top^ 222.123.129.29 อังคาร, 27/1/2552 เวลา : 08:37  IP : 222.123.129.29   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9521

คำตอบที่ 20
      
แบบนี้ต้องเฝ้ารอคอยภาค3 ..อยากดู..อยากดู



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

popup จาก popup 222.123.212.89 อังคาร, 27/1/2552 เวลา : 13:00  IP : 222.123.212.89   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9526

คำตอบที่ 21
       ขออนุญาตคัดลองข้อความบางส่วนจากเว็ป

http://www.2519me.com/NTOctober/NTOcontent/NTOfiles/northernmemostudentpolitichistories7.htm

เพื่อประกอบ กับความตั้งใจที่ได้เข้าไปที่" ผาจิ "
1. กลับสู่ฐานที่มั่นเขต 7 และที่ตั้งสปท.ในประเทศอีกครั้ง

เวลาผ่านไปเกือบ 22 ปี แล้วซินะ นับแต่การที่ต้องจากฐานที่มั่นเขต 7 แห่งนี้ไป วันนี้ผมมีโอกาสได้กลับมาเยี่ยมเยียนพี่น้องม้งที่เคยร่วมทุกข์ ร่วมสุข ร่วมต่อสู้กับความเลวร้ายในอดีตของสังคมไทยในยุคเผด็จการ ทันทีที่รถจอดสนิท พ่อหลวงบ้าน อ.บ.ต. และพี่น้องม้งก็ตรงเข้ามาต้อนรับจับมือทักทายด้วยความยินดี

ผู้เฒ่า ผู้แก่ บางคนถึงกับน้ำตาไหล ด้วยความตื้นตัน ยินดีที่ได้มาพบกันอีกครั้งหนึ่ง หลังจากทักทายกันตามสมควรแล้ว พ่อหลวงก็เชิญให้ไปเข้าร่วมพิธีทำผีประจำแซ่ (ตระกูล) เช่น แซ่ม้า………ทุกคนที่เป็นสมาชิกของแซ่นั้น ๆ ก็จะมายืนบนลานกลางแจ้งหน้าหมู่บ้าน และมีเชือกที่ถูกถักเป็นรูปคล้ายถักเปียผมต่อกันยาววางล้อมผู้คนเป็นวงกลมอยู่บนดินหมอผีทำการเชือดคอไก่แล้วเดินท่องคล้ายบทสวดไปรอบ ๆ วงปล่อยให้เลือดสด ๆ จากคอไก่พรมลงพื้นดินโดยรอบผู้คนที่ยืนอยู่ตรงกลางวงหลังจากเสร็จพิธีแล้วพวกเราที่มาเยี่ยมเยือนทั้งเป็นนักศึกษา และชาวนาก็ได้รับเชิญให้ไปกินปีใหม่ด้วยกัน ทุกบ้านก็จะฆ่าไก่ หุงข้าวด้วยข้าวไร่ที่หอมกรุ่นชวนกิน และที่จะลืมไม่ได้ก็คือ เหล้าขาวที่กลั่นจากข้าวโพด หรือข้าวเปลือกหมัก ซึ่งมีกลิ่นฉุน และบาดคอ

หลังจากอิ่มหนำสำราญแล้ว ส.เชี่ยว ก็ได้ชักชวนพวกเราขึ้นรถปิคอัพโฟว์วิลล์(ขับเคลื่อนสี่ล้อ)เพื่อไปดูเขื่อนหรือฝายกั้นน้ำเพื่อการทำนา และเลยไปเยี่ยม ส.สังคม ซึ่งใช้ชีวิตอยู่ในถ้ำเล็ก ๆ คล้ายฤาษี และเลยขึ้นไปดู จุดที่จะสร้าง อนุสรณ์สถาน ที่ ส. ของเราได้พลีชีพ ในการต่อสู้ในครั้งนั้น และไปดู อุโมงค์ยักษ์ ยอดภูเขา ซึ่งลึกถึง 30 เมตร และยาวออกมาทางด้านข้างของภูอีก 50 กว่าเมตร พร้อมทั้งไปดู แหล่งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าในครั้งนั้นจุดประสงค์ก็เพื่อการสร้างสถานีวิทยุ ส.ป.ท.นั่นเอง

2. นวัตกรรมทำกระบั้งไฟ และสร้างเขื่อนกั้นน้ำสาว

เราขับรถจากหมู่บ้านลงไปเรื่อย ๆ ถึงลำธารน้ำสาว และขับเลาะลำธารไปเพียง 2-3 นาที ก็ถึงที่นาซึ่งมีลักษณะพื้นที่ยาวเลาะไปตามลำธารน้ำสาวมีพื้นที่ประมาณ 100 ไร่

สหายที่นั่งไปในรถ 6-7 คน ขอให้ผมเล่า ความหลังให้ฟัง ครั้งนั้นเยาวชนของ 3 หมู่บ้าน คือ บ้านธงแดง บ้านเอกราช และ บ้านต่อสู้ ถือว่าเป็นกำลังหลักในการตั้งเป็น กลุ่มสหกรณ์การผลิต ซึ่งใช้วิธีระดมแรงงานกันเพื่อร่วมกันทำการผลิตอย่างขยันขันแข็ง เยาวชนแดงจำนวนนับ 100 คน ช่วยกันลงแรงแผ้วถางป่าต้นอ้อ และป่ากล้วยจำนวนมากมายที่ขึ้นหนาแน่นเต็มพื้นที่ไปหมด ด้วยจอบด้วยพร้า ด้วยขวาน กว่าจะขุดรากของกล้วยป่าออกให้สิ้นซากนับเป็นความยากลำบากอย่างมากทีเดียว เพราะรากกล้วยป่าไม่เหมือนกล้วยบ้านมันสามารถชอนไชไปได้ทุกตารางนิ้ว และลึกมากรากไปถึงไหนก็เกิดหน่อไม้ได้แน่นไปหมด ต้องใช้เวลาอยู่หลายเดือนกว่าจะขุดหมด และต้องปรับพื้นที่ให้เรียบเพื่อเตรียมการทำนาด้วย

ในขณะเดียวกัน โครงการสร้างฝายกั้นน้ำ ขนาดค่อนข้างใหญ่ก็เกิดขึ้นเพื่อกั้นน้ำยกระดับให้สูงขึ้น จำนวน 3 ฝายด้วยกัน และต้องใช้แรงงานของทหารประชาชน (ท.ป.ท) และนักเรียนการเมืองการทหาร (นักศึกษาที่เพิ่งเข้าป่า) มาช่วยกัน ขนหิน ลากไม้ท่อนซุงขนาดใหญ่ลงมาจากภูเขา เจาะรูตอกสลักไขว้กันไปมา และขนหินตามลำน้ำมาถมที่ตัวฝาย เป็นการทุ่มเทแรงงานอย่างมากเพื่อพัฒนาการผลิตในฐานที่มั่นเพื่อให้พอกับการเพิ่มของจำนวนสหายใหม่ และ น.ศ. ที่มาจากที่ราบ และภาคใต้ ซึ่งทั้งหมดได้ร่วมทำงานด้วยกัน หุงข้าวด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน พอมืดลงก็จุดเทียน จุดขี้ใต้เพื่อเรียนหนังสือด้วยกัน

พูดถึงการทำขี้ไต้ หรือที่เรียกว่า กะบั้งไฟมีกระบวนการทำก็คือ ตอนเช้าต้องขึ้นไปที่ต้นยาง (ไม่ใช่ยางแบบภาคใต้ปลูก) ตักเอาน้ำมันยางที่ถูกเจาะรูลึกลงไปในลำต้นพอเป็นโพรงให้ใช้ช้อนเข้าไปตักน้ำมันออกมาใส่กะบั้งไม้ไผ่ ที่ได้เตรียมไว้หลังจากนั้นก็จุดไฟตรงโพรงไม้นั้นพอให้ร้อนสักพัก ก็ใช้กิ่งไม้ที่มีใบไม้ติดตัดมารวมกันแล้วปิดปากโพรงนั้นสักพักไฟก็ดับน้ำมันยางก็จะค่อย ๆ ซึมออมจากลำต้น วันรุ่งขึ้นค่อยมาตักใหม่ หลังจากได้น้ำมันมาแล้ว ก็ไปหาเศษไม้ผุ ๆ มาทุบให้เป็นเศษเล็ก ๆ แล้วคลุกผสมน้ำมันยาง เทใส่ในกะบั้งไม้ไผ่ไว้จุดไฟในเวลากลางคืน ใช้อ่านหนังสือด้วย

ปัญหาที่เกิดขึ้นบางครั้งหาเศษไม้ผุไม่ได้ โดยเฉพาะฤดูฝนไม้ผุก็จะเปียกน้ำใช้การไม่ได้ ผมจึงคิดประดิษฐ์ ตะเกียงน้ำมันยาง ขึ้นใช้ แต่ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เพราะน้ำมันยางมีความหนืดสูงไม่สามารถดูดซึมเหมือนน้ำมันก๊าดได้ ต้องใช้เวลาในการทดลองหลายสิบครั้งจึงจะสำเร็จ

3. ประดิษฐ์เครื่องตีข้าว ทำกระดาษขึ้นใช้เอง

หลังจากการทุ่มเทแรงกาย แรงใจครั้งใหญ่ตลอดช่วงฤดูแล้งการทดสอบผลก็เริ่มขึ้น ผมในฐานะผู้ออกแบบ และดูแลทุกขั้นตอนได้แจ้งให้ทุกฝ่ายทราบถึงปัญหาว่าแม้ตัวเขื่อนเสร็จ แต่ตรงด้านหูเขื่อนเป็นสิ่งที่ต้องทำด้วย มิฉะนั้นน้ำจะเจาะบริเวณหูเขื่อนให้พังได้ แต่เนื่องจากถึงฤดูที่ประชาชนจะต้องรีบแยกย้ายกันไปทำไร่ส่วนตัว จึงไม่สามารถระดมกำลังได้อีก ผลที่ออกมาจึงเป็นไปตามที่คาดการณ์จริง ๆ แต่อย่างไรก็ตามเราก็สามารถเริ่มทำนาได้บ้างเป็นบางส่วนแล้ว

ผมเริ่มคิดถึงการตีข้าว และปรึกษากับ ส.เที่ยง ซึ่งเป็น ส.ฝ่ายนำและได้ลงมือทำการประดิษฐ์ เครื่องตีข้าว โดยใช้เท้าเหยียบเหมือนจักรเย็บผ้า ตรงส่วนฟันที่ใช้กระแทกกับเมล็ดข้าวให้หลุดจากรวงก็ใช้ไม้ไผ่มาเหล้าเป็นรูปคล้ายใบโพธิ์ เจาะรูติดลงบนลูกกลิ้งไม้ที่ข้างในกลวงขนาดใหญ่กว่าคนโอบยังไม่รอบ

หลังจากเครื่องตีข้าวเสร็จแล้วผมได้ลงมือประดิษฐ์ เครื่องเป่าข้าว (ฝัดข้าว) โดยใช้ไม้กระดานทำใบพัดสำเร็จอีก 1 เครื่อง

ปัญหากระดาษขาดแคลนก็เป็นปัญหาสำคัญ ผมจึงได้ประดิษฐ์ เครื่องมือทำกระดาษ ขึ้นไว้ใช้เอง โดยมีขั้นตอนคร่าว ๆ ดังนี้ ออกหาตัดยอดไม้ไผ่ที่ยังไม่แก่มาจักรตอดบาง ๆ แล้วนำมาต้มกับขี้เถ้าจนกว่าจะเปื่อย ค่อยนำไม้ไผ่ออกมาล้าง และทุบเอาเนื้อเยื่อละลายน้ำ แล้วทำแผ่นตะแกรงสี่เหลี่ยมลงช้อนเนื้อเยื่อในน้ำนำขึ้นมา ใส่ เครื่องรีด ที่ทำจากกะบั้งพลุที่ศัตรูทิ้งลงมา หลังจากนั้นก็นำไปตากให้แห้ง ลอกออกมาตัดเป็นแผ่น ๆ ใช้เขียนหนังสือได้อย่างดี

ปัญหาแสงสว่างที่ไม่เพียงพอในเวลาอ่านหนังสือ หรือเวลาเทศกาลฉลองสำคัญ ๆ ที่ต้องมารวมตัวกันในลานพิธี ผมจึงคิดกลั่นน้ำมันยาง โดยใช้หลักการคล้ายการกลั่นเหล้า ทำให้ได้น้ำมันที่มีความใสขนาดที่จุดไฟแช็คติด สามารถใส่ตะเกียงเจ้าพายุแทนน้ำมันก๊าดได้เป็นอย่างดี แต่ไม่มีโอกาสทดลองใช้กับเครื่องยนต์เบนซิน หรือ ดีเซล เพราะหาเครื่องทดลองไม่ได้

มีเรื่องขบขันเกิดขึ้นในระหว่างการทดลองกลั่นน้ำมัน ขณะที่ ส.เล่ากั๊วกำลังก้มลงเป่าไฟในเตากลั่นให้ลุกโชนขึ้น ก็เกิดอุบัติเหตุไฟลุกขึ้นท่วมหม้อกลั่นทำให้ ส.เล่ากั๊ว ทั้งขนคิ้ว และผมด้านหน้าถูกไฟเผาไปจนหมดเป็นที่ขบขันแก่คนรอบข้าง

นอกจากนี้ยังได้ทำ เครื่องอัดเมล็ดฝ้าย คือ แยกปุยฝ้ายออกจากเมล็ด โดยใช้ไม้มะค่า 2 อัน นำมากลึงให้กลมเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 นิ้ว ด้านหนึ่งทำเป็นฟันเฟืองโดยใช้เนื้อไม้นั่นเอง แต่ต่อกับมือหมุนคล้ายที่ถีบจักรยาน

การที่สามารถกลึงไม้ได้สำเร็จ ก็เกิดจากการนำเครื่องตีข้าวที่ใช้เท้าเหยียบได้เหมือนจักรต่อเข้ากับเชือกแทนสายพาน นำไปหมุนไม้ที่ต้องการกลึง แล้วใช้สิ่วกลึงเนื้อไม้จนกระทั่งกลม

กำลังจะทำเครื่องปั่นฝ้าย เพื่อให้ประชาชนหัดทอผ้าฝ้ายไว้ใช้เอง ก็ มีคำสั่งจากชั้นบนให้ทำภารกิจที่สำคัญ และปิดลับ คือ นำคน 1 กอง (มี 3 หมู่) เดินทางไปตั้งสำนักใหม่ บริเวณใกล้น้ำตกซึ่งอยู่ห่างไปประมาณ 7-8 ม. เพื่อที่จะสร้างเครื่องกำเนิดไฟฟ้าพลังน้ำ และนำไฟฟ้าไปทำสถานีวิทยุ ส.ป.ท.(เสียงประชาชนแห่งประเทศไทย)

ภารกิจอันดับแรก ก็คือ การสร้างที่พักอาศัยแบบง่าย ๆ คือผนังบ้าน และเตียงนอนทำจากฟากไม้ไผ่ หลังคามุงด้วยใบหวาย หลังจากนั้น ภารกิจอันหนักหน่วงก็เริ่มขึ้น....

ด้วยการนำไม้ตะเคียนขนาดใหญ่ขนาด 2 คนโอบ ซึ่งโค่นล้มอยู่แล้วตามธรรมชาติ เลื่อยตัดเป็นท่อนยาวประมาณ 5 เมตร โดยใช้เลื่อย 2 คน ชัก ขั้นต่อไปคือการเลื่อยปีกไม้ออกทั้ง 4 ด้าน โดยใช้เลื่อยชักซึ่งเป็นโครงไม้ยึดกับใบเลื่อยบาง ๆ ชาวบ้านเรียกเลื่อยอก เสร็จแล้วต้องทำการยกไม้ที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ก็ยาว 5 เมตร ยกขึ้นให้สูงเหนือหัว โดยใช้แม่แรงที่มีอยู่ 2-3 ตัว และต้องสร้างโครงไม้ขึ้นรองรับน้ำหนักขนาดหลายสิบต้น กว่าจะขยับไม้ขึ้นได้ทีละ 1 ซ.ม. นับว่าต้องใช้แรงและเสียเวลาไม่ใช่น้อยกว่าจะยกให้ท่อนไม้สูงขึ้นจากพื้นดินประมาณ 2 เมตร ทั้งนี้เพื่อที่จะใช้เลื่อยตั้ง ที่คนหนึ่งยืนข้างบนคนหนึ่งอยู่ข้างล่าง คอยชักเลื่อยขึ้น และลง เพื่อตัดไม้ออกเป็นแผ่นหนาประมาณแผ่นละ 1 นิ้ว ความกว้างของไม้แต่ละแผ่นประมาณ 2 ฟุต นับว่าเป็นงานที่ต้องใช้แรงมากจริง ๆ เวลานอนปวดไปหมดทั้งตัวบางครั้งมีอาการเกร็งจนกระทั่งเป็นตะคริวตามแขนและขา การเลื่อยไม้ที่มีหน้ากว้างมากเป็นเรื่องไม่ใช่เรื่องง่าย ขนาด ส.เยี่ยมซึ่งมีอาชีพเลื่อยไม้มาก่อนยังต้องยอมแพ้ เพราะยิ่งเลื่อยไปตรงกลางจะโค้งไปเรื่อย ๆ จนเลื่อยไม่ได้เพราะเลื่อยติดแน่น ผมต้องคิดวิธีเอาชนะจนได้ ด้วยการขออยู่ด้านบนทดลองดึงเลื่อยเอียงออกด้านตรงข้ามที่เลื่อยโค้งเข้า แล้วฝืนไว้หลาย ๆ ครั้ง ในที่สุดร่องไม้ที่ถูกเลื่อย ก็ค่อย ๆ ตรงขึ้นหลังจากตรงแล้ว ก็ใช้วิธีดึงเอียงทางซ้ายที ดึงเอียงทางขวาทีสลับกันไปในที่สุดก็แก้ปัญหาการโค้งตรงกลางได้สำเร็จ

คน 1 กองร้อย ที่ผมรับผิดชอบร่วมกับ ส.เจียง ถูกแบ่งงานออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ ๆ คือ กำลังส่วนหนึ่งจัดไปเลื่อยไม้ อีกส่วนหนึ่งขึ้นไปบนยอดภูเพื่อทำการขุดเจาะอุโมงค์ และอีกส่วนหนึ่งออกไปหาข้าวปลาอาหาร และมีพี่เลี้ยงที่ต้องหุงหาอาหารการกินให้พวกเรา ผมต้องแบ่งเวลาไปช่วยเลื่อยไม้บางวัน และขึ้นไปช่วยเจาะอุโมงค์อีกด้วย

ปัญหาการส่งวิทยุกระจายเสียง (ส.ป.ท.) ก็คือ จะต้องมีเสาอากาศที่สูงประมาณ 30 เมตร และห้องส่งจะต้องสามารถแข็งแรงพอที่จะป้องกันการโจมตีทางอากาศ ด้วยระเบิด ขนาด 500-1000 ปอนด์ได้ด้วย และต้องมีเครื่องกำเนิดไฟฟ้าพลังน้ำ เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าป้อน

เราจึงมีมติที่จะขุดอุโมงค์เป็นรูปตัว L คือเจาะจากยอดภูลึกลงไป 30 ม. และเจาะจากด้านข้างเข้าไปทะลุถึงกัน และทำห้องส่งไว้ข้างในที่ลึกที่สุด เราจึงแบ่งกำลังออกเป็น 2 จุด เพื่อเริ่มขุดปากอุโมงค์ทั้ง 2 ด้านพร้อมกัน โดยอาศัยหลักคำนวณตามวิธีเรขาคณิต ซึ่งเป็นวิชาที่ผมชอบมากเรียนได้คะแนนเต็มเกือบตลอด จนอาจารย์ขอการบ้านที่ผมทำส่งครูไปเป็นตำราสอนรุ่นน้องต่อไป

การขุดเจาะอุโมงค์ได้เริ่มขึ้น โดยการใช้จอบ เสียม ดินช่วงแรกจะเป็นดินลูกรัง ในช่วงประมาณ 5 เมตรแรก หลังจากนั้นเริ่มกลายเป็นหินที่ยังไม่แข็งมาก สามารถใช้ เหล็กสกัด กับ ฆ้อนทุบ ให้แตกเป็นก้อนเล็กได้แล้วขนออกมา ยิ่งลึกเข้าไปการขนดินออกมาทิ้งปากอุโมงค์ก็นับว่าเป็นเรื่องยาก ผมประดิษฐ์ รถเข็นขนาดเล็กทำด้วยไม้ทั้งหมด แม้กระทั่งล้อ คล้าย ๆ กับเกวียนนั่นเอง เพื่อขนดินขนหินออกมาทิ้งที่ปากอุโมงค์

ส่วนอุโมงค์ข้างบนที่ขุดดิ่งลงไปมีความกว้างประมาณ 1.5 เมตร พอแค่เพียงคนลงไปนั่งขุดโดยใช้ ชะแลง อีเตอร์ และ ฆ้อน กับ เหล็กสกัด ผมได้ทำ กว๊าน วางไว้บนอุโมงค์ใช้เชือกพันรอบท่อนไม้ผูกติดกับลังไม้กว้างยาวลึก ประมาณ 1.5 ฟุต ใช้เชือก 2 เส้นเผื่อเส้นหนึ่งขาดอีกเส้นยังพอประคองให้คนที่นั่งลงไปกับลังปลอดภัยได้ ส่วนข้างบนปากอุโมงค์ใช้คน 2 คนช่วยกันหมุนให้เชือกหย่อนลงไปพร้อมคน และดึงเอาหินที่ขุดขึ้นมาถึงปากอุโมงค์ คล้ายกับบันไดถีบรถจักรยานนั่นเอง เมื่อขุดลึกลงไปเกิน 5 เมตร จะพบกับหินแข็งทั้งหมด ซึ่งใช้ฆ้อนกับเหล็กสกัดได้เท่านั้น ตอกลงไปเต็มแรง แต่ละครั้งหินจะหลุดออกมาเป็นสะเก็ดเล็ก ๆ เท่านั้น ด้านนี้เราไม่สามารถใช้ระเบิด ที.เอ็น.ที. ได้เลย เพราะเกรงข้างบนจะร้าว และถล่มลงไปเป็นอันตรายขณะทำงาน จึงต้องใช้มือกับฆ้อน และเหล็กสกัดเท่านั้น เราใช้เวลา 1 เดือนเต็ม ๆ กว่าจะขุดได้ลึก 2.5 ม

หลังจากเวลาผ่านไป 4 เดือน เราขุดได้ลึกประมาณ 10 ม. ปัญหาใหญ๋ก็เกิดขึ้นคือไม่สามารถหายใจได้เพราะขาดอากาศ

ทางด้านงานเลื่อยไม้หลังจากยกท่อนซุงได้สูงเหนือหัวแล้ว ก็ใช้คนเลื่อยประมาณ 4 คน/วัน เรายังต้องแบ่งกำลังคนไปเตรียมพื้นที่ เพื่อที่จะวางรางน้ำขนาดประมาณ 2X2 ฟุต และยาวประมาณ 200เมตร เลาะเชิงเขามาเรื่อย ๆ เพื่อไปลงบ่อพัดน้ำขนาด 2X2X2 ลูกบาศก์เมตร แล้วจึงปล่อยลงตามท่อ PVC ขนาด 5 นิ้ว และลดเหลือ 4 นิ้ว ความสูงประมาณ 20 เมตร เพื่อปั่นกังหันน้ำ และไดนาโม เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าประมาณ 5 กิโลวัตต์ความยากอยู่ที่ตรงจะต้องวางรางผ่านหน้าผาหิน ซึ่งต้องใช้ไม้จำนวนมากในการต่อโครงเพื่อรองรับรางน้ำ และมีความสูง 5-8 เมตร และบางจุดก็เจอก้อนหินก้อนมหึมานับ 10 ตัน ขวางอยู่ข้างหน้า โดยเฉพาะตรงที่ขุดบ่อพักน้ำกว่าจะใช้แม่แรงขยับขึ้นมาได้ทีละ 1 ซ.ม. บางทีใช้เวลาเป็นวัน ๆ กว่าจะขยับได้ส่วนหินก้อนใหญ่ที่ขวางปากทางน้ำเข้าราง ผมต้องใช้วิธีใช้ฆ้อนกับเหล็กสกัดตอกให้แตกเป็นก้อนเล็ก ๆ แล้วขนออกไปเนื่องจากไม่สามารถใช้แม่แรงลงไปงัดใต้น้ำได้

งานเลื่อยไม้กับงานเตรียมที่รองรางน้ำใช้เวลาประมาณ 3 เดือน เราก็สามารถนำไม้กระดานตอกกันเป็นรางน้ำยาวเกือบ 200 เมตร และต้องใช้แผ่นสังกะสีมาวางด้านในรางอีกที ซึ่งเป็นงานที่ไม่ใช่ง่าย เพราะรางน้ำไม่ได้เป็นแนวยาวตรง แต่เป็นแนวคดโค้งไปตามลำน้ำการต่อเชื่อมสังกะสีแต่ละแผ่น จึงต้องคำนวณมุมอย่างดี จึงพอดีสวมลงในรางไม่ได้ ส่วนบ่อพักน้ำขนาด 2X2X2 ลูกบาศก์เมตรนั้น เราขุดเป็นบ่อก่อนแล้วใช้ไม้ที่เลื่อยตอกเป็นผนังทั้งพื้นล่าง และด้านข้างหลังจากนั้น ใช้ผ้ายางทำมาทากาวต่อกันแปะทับผนังด้านในจนรอบไม่ให้น้ำซึมออกได้เลย ตรงก้นบ่อเจาะรูเชื่อมกับท่อ PVC ขนาด 5 นิ้ว เพื่อให้น้ำพุ่งลงไปสู่กังหันน้ำ

ผ่านไป 3 เดือนเศษ เครื่องกำเนิดไฟฟ้าชุดแรก ก็ถูกลำเลียงขึ้นมาก่อน เราสร้างห้องเครื่องขนาดเล็กด้วยไม้ที่เลื่อยวางฐานฝังน๊อทด้วยปูนซิเมนต์ซึ่งมีอยู่ประมาณ 1 ถุงเท่านั้น

ในที่สุด แสงสว่างที่เกิดจากหยาดเหงื่อแรงงานของสหายเราทุกคนก็ปรากฏขึ้น ท่ามกลางความตื่นเต้นยินดีกันทุกคน เรามีโอกาสได้ต้อนรับ คุณเสฐียร จันทิมาทร และ ส.ชีวา เข้ามาพักที่สำนักเราเพื่ออาศัยไฟฟ้าในการเขียนหนังสือด้วย

พอดีกับทางด้านขุดอุโมงค์ก็เจอกับปัญหา ยิ่งขุดลึกเข้าไปแสงสว่างก็น้อยลงทุกที ในช่วง 5-10 เมตร ต้องอาศัยจุดขี้ใต้เข้าไปในอุโมงค์ แต่ละคนพอออกมาข้างนอกล้วนแล้วแต่หน้าดำ จมูกดำไปหมดจากขี้เขม่าของขี้ใต้นั่นเอง พอเรามีกระแสไฟฟ้าใช้เราก็เดินสายไฟไปยังอุโมงค์ ทั้ง 2 ด้าน ใช้หลอดไฟนีออน และหลอดสปอร์ตไลท์ส่องลงไปในอุโมงค์ทำให้การทำงานสะดวกขึ้น

อุโมงค์ทางด้านแนวนอนนั้นช่วง 10 เมตรแรก เราต้องใช้ไม้ตัดเป็นท่อน ๆ เพื่อค้ำด้านข้าง และด้านบนมิให้ดินถล่มลงมา หลังจาก 10 เมตร แล้วจะเจอหินที่ยังไม่แข็งมากพอมีรอยร้าวให้สกัดได้ซึงรอยร้าวเหล่านี้ ทำให้การขุดไม่สามารถขุดให้ตรงได้ต้องคดไปคดมา พอเข้าไปถึงระยะ 1.5 เมตร จะกลายเป็นหินแข็งมากสีเขียวทั้งหมด เราตัดสินใจใช้ระเบิดทีเอ็นทีเข้ามาช่วย ใหม่ๆ ก็ใช้วิธีใช้ไฟแช็กจุดชนวนแล้ววิ่งหนีออกมาปากอุโมงค์ หลังระเบิดแล้วหินจะร้าวไปทั่ว

เราได้ เครื่องกระแทก มาจากลำเลียงครั้งแรก มีอยู่ครั้งหนึ่งผมใช้เครื่องกระแทกไฟฟ้า กระแทกหินร้าวให้หลุดลงมาจากเพดาน เป็นเครื่องที่หนักมากกระแทกจนแขนและร่างกายสั่นสะเทือนไปหมดเหงื่อไหลไคลย้อย ในที่สุดก็หยุดถอยออกมานั่งพัก ทันใดนั้นหินบนเพดานก้อนมหึมาก็ถล่มลงมา นี่ถ้าออกมาช้ากว่านี้สัก 1 นาที ป่านนี้ ร่างผมคงเละอยู่ใต้กองหินนั้นแล้ว

การระเบิดหินในแนวนอนยังคงทำอยู่เป็นระยะ ๆ ปัญหาที่เกิดขึ้นคือพอเลยระยะ 20 เมตร พอจุดชนวนแล้วด้องวิ่งงออกมาระยะไกลขึ้น บางครั้งรอตั้งนานไม่ระเบิดขึ้นมา เพราะสายชนวนชื้นนั่นเอง ผมพยายามหาวิธีที่ปลอดภัยแก่สหาย โดยการจะใช้ไฟฟ้าในการจุดระเบิด ที่สำคัญต้องแหย่เข้าไปในรูแก๊ปเล็ก ๆ แล้วสอดเข้าไปในทีเอ็นที ซึ่งเป็นก้อนคล้ายสบู่ จะระเบิดขึ้นได้ต้องมีแก๊ปรูปร่างคล้ายตะกรุดที่ใช้แขวนคอ เจาะรูก้อนทีเอ็นที แล้วสอดแก๊ปเข้าไปต่อเข้ากับสายชนวน จุดไฟที่ปลายสายชนวนไฟจะวิ่งไปตามสายชนวนไปจุดให้แก๊ประเบิดพร้อมกับทีเอ็นที ผมพยายามหาวิธีใช้กระแสไฟฟ้าเข้าไปจุดความร้อนในตัวแก๊ปโดยตรง ทดสอบหลายวิธี เช่น ใช้หัวเทียนไฟฉายใช้สายทองแดงเส้นเล็ก ๆ ใช้เศษไม้ใบหญ้า ใช้เส้นผม ฯลฯ จนกระทั่งถูกสหายใต้วิจารณ์อยู่หลายครั้ง เพราะขณะทดลองจะทำให้แสงไฟวูบวาบไม่คงที่ผมก็ต้องอดทนกับคำวิจารณ์เหล่านั้นเพื่อรักษาชีวิตสหายของเราไว้ ในที่สุดผมก็ค้นพบว่าตัวจุดประกายที่ดีที่สุดก็คือ แผ่นตะกั่วในซองบุหรี่นั่นเอง ตัดเป็นแผ่นเล็ก ๆ ยาว ๆ มัดแต่ละด้านเข้ากับลวดลาวตากผ้า เพราะขณะนั้นสายไฟฟ้าเรามีน้อยมาก แล้วลากยาวมาถึงปากถ้ำ พอต่อ 2 สาย เข้ากับกระแสไฟฟ้า แก๊ปก็ทำงานทันทีพร้อมเสียงระเบิดดังสนั่น ต่อไปนี้การจุดระเบิดสหายเราก็ปลอดภัย 100%

ลองนึกว่าต้องวิ่งหนีออกมาระยะ 40-50 เมตร บนทางขรุขระคดเคี้ยว บางทีก็สะดุดล้ม ถ้าเกิดไม่ระเบิดก็ต้องค่อย ๆ ย่องเข้าไปดูพร้อมกับขี้ไต้ เพราะขณะระเบิดจะต่อไฟฟ้าเข้าไปข้างในไม่ได้ และต้องคอย ลุ้นว่า จะตูมตามออกมาหรือเปล่า มันไม่ใช่เรื่องสนุกสนานเลยนะสหาย

อุโมงค์ด้านบนแนวดิ่ง สหายยังคงใช้ความมานะพยายามด้วยมือ 2 มือ ลงไปได้ครั้งละ 1 คน 1 วันถ้าขุดได้ 3-4 ลัง ถือว่ายอดเยี่ยมแล้ว มีเรื่องสนุกที่ทุกครั้งที่เล่าเรื่องต้องหัวเราะกัน ก็คือมีครั้งหนึ่ง นำสหายหญิงขึ้นไปช่วยเกิดอยากลองหมุนลังดู สหายชายคนหนึ่งก็เข้าไปนั่งในลัง ข้างบนก็ค่อย ๆ หมุนปล่อยเชือกลงไปช้า ๆ ลงไปยังไม่ทันถึงก้นหลุม สหายหญิงเกิดพลาดหลุดมือ ปล่อยสหายเราตกไปกระแทกพื้นดังโครม โชคดีที่ใกล้ถึงก้นหลุมแล้วจึงไม่เจ็บมากนัก เมื่อการขุดลงไปลึกกว่า 10 เมตร แล้วปัญหาก็เกิดขึ้นคือไม่มีอากาศหายใจจึงขุดต่อไม่ได้ ผมต้องหาวิธีแก้ไข โดยการนำไม้ไผ่ท่อนยาว ๆ มาผ่าครึ่งซีก กะเทาะเอาข้อออกให้หมดแล้วประกบกันแบบเดิม ใช้หวายมัดให้แน่นหย่อนลงไปต่อ ๆ กันจนถึงก้นหลุมตรงข้อต่อใช้ผ้ามัดให้แน่น แล้วนำกระบั้งพลุอลูมิเนียมกลม ๆ ยาวประมาณ 1 เมตร กลึงไม้กลม ๆ ทำเป็นลูกสูบชักหุ้มด้วยผ้า มีคนคอยชักลูกสูบอยู่ข้างบนเป่าลมเข้าไปในท่อไม้ไผ่ตลอดเวลาทั้งวันที่ทำงาน เราใช้เวลา 6-7 เดือน ขุดลึกลงไปจนใกล้ระดับ 20 เมตร การเป่าลมด้วยมือก็ไม่ได้ผลแล้วเพราะแรงดันไม่พอ ต้องยุติการขุดในแนวดิ่งไประยะหนึ่ง

ผมขอให้ข้างล่างช่วยส่งเครื่องเป่าลมไฟฟ้าขึ้นมาให้ ซึ่งต้องใช้เวลาเกือบเดือนกว่าจะหาซื้อ และลำเลียงขึ้นไปให้ ในที่สุดเครื่องเป่าลมไฟฟ้าก็มีพลังมากพอ ที่จะเป่าลมเข้าไปในกระบอกไม้ไผ่ลึกถึง 20-30 เมตร ได้

เมื่อระยะขุดจาก 2 ทางยิ่งใกล้กันเข้าไป เราจะได้ยินเสียงตอกหินดังก้องชัดเจนขึ้นทุกขณะ ตลอดเวลาปัญหาที่ผมต้องเผชิญก็คือ ผมจะคอยคำนวณเป็นระยะ ๆ โดยการให้วิชาตรีโกณมิติ แล้วทำลูกศรชี้ทิศไปยังจุดที่จะพบกัน แต่สหายเราไม่ค่อยเชื่อ เชื่อการอาศัยใช้หูแนบฟัง แล้วคิดว่าน่าจะเป็นทิศที่ถูก แต่มันเบี่ยงเบนไปอีก จึงทำให้การขุดเบี่ยงเบนจากเป้าหมายออกไปเรื่อย ๆ ยิ่งทำให้การคำนวณของผมยุ่งยากเข้าไปอีก เพราะอุโมงค์ซิกแซกไปเรื่อย เหมือนงูเลื้อย แล้วที่สุดระยะทางการคำนวณที่น่าจะบรรจบกันได้แล้วก็ไม่ทะลุถึงกัน

ในที่สุด ผมจำเป็นต้องใช้การสั่งที่เด็ดขาด คำนวณอีกครั้ง แล้วสั่งทุกคนว่าผมตามใจสหายมาตลอด ครั้งนี้ขอให้เชื่อผมทำตามคำสั่งของผมให้ขุดไปในทิศทางที่ผมชี้ให้ ถ้าผิดพลาดผมจะรับผิดชอบเอง เราปรับทิศการขุดเกือบ 90 องศา ให้ทุกคนยืนหยัดขุดในทิศทางนี้ต่อไป ท่ามกลางเสียงบ่นเสียงวิจารณ์ว่า ไม่ถูกทิศผมยังคงยืนยันให้ขุดต่อไป ใช้เวลาอีก 10 กว่าวัน ในที่สุดเสียงฆ้อนตอกเหล็กสกัดดังผลุก็ดังขึ้นกลายเป็นรูขนาดเท่ากำปั้น เสียงไชโยก็ดังขึ้นเราทะลุถึงกันแล้ว ๆ เป็นบทพิสูจน์ว่าจิตในที่หาญกล้า ภูผายังยอมแพ้

และแล้ว เวลา 1 ปี เต็ม ๆ ที่สหายเราทุ่มเทเพื่อให้บรรลุภารกิจ ด้วยความกระตือรือร้น ด้วยความเหนื่อยยากทั้งแรงกาย แรงใจ และแรงสมอง เราก็ได้บรรลุถึงชัยชนะอันยิ่งใหญ่ ซึ่งจะจารึกไว้ จนกว่าฟ้าดินจะถล่มทลายไป ถือเป็นเกียรติประวัติอันยิ่งใหญ่ของมิตรสหายเรา ที่จะได้รับการกล่าวขวัญไปจนชั่วลูกชั่วหลาน

การลำเลียงครั้งใหญ่ได้เกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งใช้เวลาในการเดินทาง 3-4 วัน เพื่อลำเลียง เครื่องส่งวิทยุ และ เครื่องปั่นไฟฟ้าดีเซล เพื่อสำรองเวลาฤดูแล้งซึ่งน้ำอาจไม่พอใช้ผลิตไฟฟ้า การแบกหามเครื่องยนต์ดีเซลขนาดผลิตไฟฟ้าได้ 5 กิโลวัตต์ ขึ้นภูลงห้วย ผ่านป่ารก ขวากหนามนานัปการเป็นเวลา 3-4 วัน กว่าจะมาถึงที่มั่นเป็นเรื่องที่น่ายกย่องถึงจิตใจที่ไม่กลัวความลำบากไม่กลัวตายของสหายทุก ๆ คน

เราได้สร้าง ห้องส่ง ไว้ตรงส่วนที่ลึกที่สุดในอุโมงค์ โดยเจาะกว้างเป็นห้องขนาดประมาณ 3X3 เมตร บุผนังด้วยแผ่นไม้ที่เราเลื่อย ส่วนเสาอากาศก็ต่อสูงขึ้นไปตามปล่องที่เจาะลึก 30 เมตรนั้น

การปิดเปิดน้ำเป็นเวลา ก็เป็นปัญหาไม่น้อย เพราะระยะทางจากที่พักไปถึงต้นน้ำไกลพอสมควรทีเดียว ผมจึงประดิษฐ์ เครื่องตั้งเวลาอัตโนมัติ โดยใช้กะบั้งพลุไฟเป็นตัวบรรจุน้ำ ข้างในใช้ขวดพลาสติกทำลูกลอย ปล่อยให้น้ำหยดไปตามสายให้น้ำเกลือ เมื่อลูกลอยลอยขึ้นถึงจุดที่เราตั้งเวลาปิด ปลายไม้ก็จะไปดันตะขอที่คล้ายแร้วดักนก ทำให้เชือกที่แขวนหินก้อนใหญ่ไว้ตกลงกระแทกประตูน้ำให้ปิดลงไป เครื่องปั่นไฟฟ้าก็จะหยุดทำงาน น้ำยังคงหยดใส่กระบอกอลูมิเนียมต่อไปเรื่อย ๆ จนถึงอีกจุดหนึ่งก็ไปปลดเชือกอีกเส้นหนึ่ง ทำให้หินที่แขวนไว้อีกก้อนหนึ่งตกลงบนคานงัดทำให้กระตุกประตูน้ำเปิดขึ้น เครื่องปั่นไฟก็เริ่มทำงานอีกครั้งหนึ่ง พร้อม ๆ กับลูกลอยได้ดึงฝาที่อุดรูอยู่ด้านล่างของกระบอกอลูมิเนียมให้เปิดออกเหมือนกดโถชักโครก น้ำจากกระบอกก็ไหลออกทิ้งจนหมด แล้วฝาก็ลงไปอุดรูอีกครั้ง ทำให้เริ่มกระบวนการทำงานใหม่อีกครั้งหนึ่งโดยน้ำหยดต่อไปเรื่อย ๆ

สหายที่นั่งรถมาด้วยกันนั่งฟังผมเล่า อดีตแห่งการต่อสู้ในฐานที่มั่นเขต 7 ให้ฟังเกือบตลอดระยะทางขึ้นเขาลงห้วยประมาณ 20 นาที เราก็มาถึงที่หมาย ที่คิดว่า น่าจะใช้สร้าง อนุสรณ์สถานแห่งการต่อสู้ เป็นทำเลที่สวยงามมากอยู่บนสันเขา มองเห็นยอดผาจิ และผาช้างอย่างชัดเจน เส้นทางถนนน่าจะตัดผ่านในอนาคต สามารถมองเห็นจุดสำคัญ ๆ ที่ตั้งของสำนักต่าง ๆ และ ที่อยู่เดิมของประชาชนในอดีต มีลานกว้างพอที่จะจอดรถได้ประมาณ 100 คัน อีกไม่นานอนุสรณ์สถานเขต 7 ผาจิจะต้องตั้งตระหง่านขึ้นเพื่อรำลึกถึง อดีตที่มีทั้งความเจ็บปวด ความรักแห่งมิตรสหาย ความสำเร็จ ชัยชนะ หรือพ่ายแพ้ แต่สิ่งหนึ่งที่จะเป็นอมตะตลอดไป ก็คือ จิตใจของมิตรสหายที่ไม่มีวันตาย ไม่มีวันพ่ายแพ้แก่ความอยุติธรรมที่ยังดำรงอยู่ในสังคมของมนุษยชาติ

เรายังต้องช่วยกันขจัดปัดเป่า เพื่อให้เกิดสันติสุขอย่างถาวรไปจนตลอดชีวิต และสืบต่อไปยังชนรุ่นหลังตลอดไป







 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก fortu+go 125.25.70.245 เสาร์, 31/1/2552 เวลา : 12:58  IP : 125.25.70.245   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9640

คำตอบที่ 22
       ดี...ครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

BADDOG จาก BADDOG 58.10.85.74 จันทร์, 2/2/2552 เวลา : 09:50  IP : 58.10.85.74   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9669

      

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  



website รองรับการใช้งานทุกระบบปฏิบัติการของ PC Tablet SmartPhone ทุกระบบสามารถโพสข้อความและรูปภาพได้โดยไม่ต้องย่อไฟล์
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ website WeekendHobby.Com สมาชิก เท่านั้น จึงจะตั้งกระทู้ หรือ ตอบกระทู้ได้ครับ
Login Click ที่นี่
สมัครสมาชิก Click ที่นี่



Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วันศุกร์,26 เมษายน 2567 (Online 5945 คน)