WeekendHobby.com
เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


อีซูซุ'ลุยผลิตรถบรรทุกCNG เน้นความคุ้มค่าลดต้นทุน

จาก Auto
IP:203.155.6.11

อังคารที่ , 21/4/2552
เวลา : 18:23

อ่านแล้ว = ครั้ง
 เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งตรวจสอบกระทู้
 แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน ส่งหาเพื่อน

       อีซูซุ'ลุยผลิตรถบรรทุกCNG เน้นความคุ้มค่าลดต้นทุน / ชี้ตลาดรถQ1วูบหนักกว่า33 %
อีซูซุเดินเครื่องเปิดตัวรถบรรทุก ซูเปอร์ ซีเอ็นจี 4 รุ่นรวด เน้นความคุ้มค่าลดต้นทุนเชื้อเพลิง


ชี้ตลาดรถไตรมาสแรกวูบหนักกว่า 33 % ส่วนปิคอัพหดตัวกว่า 41 %





นายฮิโรชิ นาคางาวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เปิดเผยว่า ในฐานะผู้นำรถเพื่อการพาณิชย์ เราได้นำเสนอเทคโนโลยีเครื่องยนต์ CNG-MPI (Compressed Natural Gas) ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีในประเทศญี่ปุ่น โดยอีซูซุมียอดจำหน่ายรถบรรทุก CNG เป็นอันดับหนึ่งถึงสิบกว่าปีติดต่อกัน


นอกจากนี้ยังได้ทำการศึกษา และเก็บข้อมูลการทดลองรถบรรทุกอีซูซุซีเอ็นจี-เอ็มพีไอแท้จากโรงงานตามลักษณะการใช้งานในเมืองไทยจนมั่นใจ จึงพร้อมที่จะออกสู่ตลาดในฐานะผู้นำของวงการรถบรรทุกเมืองไทย ด้วยเทคโนโลยีล่าสุดจากญี่ปุ่นที่คุ้มค่าสุดในการลงทุน โดยเปิดตัวพร้อมกันถึง 4 รุ่น พร้อมตอบสนองทุกรูปแบบการขนส่งยุคใหม่ ด้วยรถบรรทุก 6 ล้อขนาดกลางตระกูลเอลฟ์ รุ่น NMR และ NPR รถบรรทุก 6 ล้อขนาดใหญ่ รุ่น FTR และรถหัวลาก 6 ล้อ รุ่น GVR


"อีซูซุ ซูเปอร์ทรัค ซูเปอร์ซีเอ็นจี - เอ็มพีไอ รถบรรทุก CNG แท้จากอีซูซุ ซึ่งประหยัดค่าเชื้อเพลิง ทนทาน แข็งแกร่ง ตลอดจนบริการหลังการขายและการรับประกันคุณภาพที่ครอบคลุมบริการและอะไหล่กว่า 300 แห่งทั่วประเทศ จะช่วยให้ผู้ประกอบธุรกิจสามารถควบคุมต้นทุนการขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ นับเป็นอีกหนึ่งความมั่นใจในระยะยาวที่ช่วยเพิ่มผลกำไรในธุรกิจ อีกทั้งยังช่วยลดมลภาวะได้ดีกว่า จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับภาคธุรกิจที่ต้องการลดต้นทุนและช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม"


ด้านสำนักงานองค์กรสัมพันธ์ บริษัท ตรีเพชร อีซูซุ เซลส์ จำกัด รายงานยอดขายรถยนต์ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2552 ว่า ยอดจำหน่ายรถยนต์รวมทุกประเภทไตรมาสแรกของปี 2552 นี้ จำหน่ายได้ทั้งสิ้น 107,774 คัน ลดลงถึง 33.36% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ตลาดที่หดตัวสูงสุด คือ ตลาดรถ SUV หดตัวลงถึง 49.92% ส่วนตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคล หดตัวลงน้อยที่สุด คือ 17.42% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา





เมื่อพิจารณาตามบริษัทรถยนต์ จะพบว่า ในช่วงไตรมาสแรก โตโยต้า มียอดขายมาเป็นอันดับ 1 ด้วยยอดจำหน่าย 44,444 คัน ลดลง 33.68 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา มีส่วนแบ่ง 41.24% ของตลาดรวม อีซูซุมาเป็นอันดับ 2 ด้วยยอดขาย 23,558 คัน ลดลง 34.54% มีส่วนแบ่งตลาด 21.86% และอันดับ 3 คือ ฮอนด้า จำหน่ายได้ 18,360 คัน ลดลง 18.17% ส่วนแบ่งตลาด 17.04%


สำหรับยอดจำหน่ายรถยนต์รวมทุกประเภทในเดือนมีนาคม คือ 41,328 คัน เพิ่มขึ้น 20.28% เมื่อเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โตโยต้าจำหน่ายได้มากที่สุด คือ 16,762 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 40.56% อีซูซุมาเป็นอันดับ 2 ด้วยยอดจำหน่าย 8,761 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 21.20% และฮอนด้ามาเป็นอันดับ 3 จำหน่ายได้ 7,244 คัน คิดเป็น 17.53% เมื่อพิจารณาตลาดรถปิกอัพขนาด 1 ตันใน 3 เดือนแรก จะพบว่า มียอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 52,912 คัน ลดลง 41.14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา อีซูซุจำหน่ายได้สูงสุด คือ 21,986 คัน ลดลง 34.23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา มีส่วนแบ่งตลาด 41.55% โตโยต้าตามมาเป็นอันดับ 2 คือ 19,945 คัน ลดลง 42.35% มีส่วนแบ่งตลาด 37.69% และนิสสันมาเป็นอันดับ 3 ด้วยยอดจำหน่าย 4,109 คัน ลดลง 40.86% มีส่วนแบ่งตลาด 7.77% ส่วนยอดจำหน่ายของตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไตรมาสแรกของปีนี้รวมทั้งสิ้น 43,968 คัน ลดลง 17.42%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โตโยต้าจำหน่ายได้เป็นอันดับ 1 คือ 20,578 คัน ลดลง 19.40% ส่วนแบ่งตลาด 46.80% ฮอนด้ามาเป็นอันดับ 2 ด้วยยอดจำหน่าย 17,250 คัน ลดลง 10.02% มีส่วนแบ่งตลาด 39.23% และนิสสันจำหน่ายได้เป็นอันดับ 3 คือ 1,075 คัน ลดลง 44.73% ส่วนแบ่งตลาด 2.44%



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

แจ้งเพื่อเก็บขึ้นกระทู้พิเศษ คลิ๊กที่นี่แจ้งเพื่อนำขึ้นกระทู้พิเศษ

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  

คำตอบที่ 1
       ข่าวในประเทศ - “อีซูซุ ซูเปอร์ทรัค ซูเปอร์ซีเอ็นจี-เอ็มพีไอ” พร้อมเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่คุ้มค่าเงินสูงสุด ภายใต้แนวคิด “อีซูซุ...คู่คิดมืออาชีพ” เคียงข้างลูกค้าชาวไทยในทุกภาวะเศรษฐกิจ โดยคำนึงถึงการประหยัดเชื้อเพลิง ลดต้นทุน ใส่ใจสิ่งแวดล้อมครองใจผู้บริโภค การันตีความเชื่อมั่นด้านบริการหลังการขายและอะไหล่ที่ได้มาตรฐานโลกตลอดอายุการใช้งาน





นายฮิโรชิ นาคางาวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เปิดเผยว่า “ในฐานะผู้นำรถเพื่อการพาณิชย์ เราได้นำเสนอเทคโนโลยีเครื่องยนต์ CNG-MPI (Compressed Natural Gas) ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีในประเทศญี่ปุ่น โดยอีซูซุมียอดจำหน่ายรถบรรทุก CNG เป็นอันดับหนึ่งถึงสิบกว่าปีติดต่อกัน นอกจากนี้ยังได้ทำการศึกษา และเก็บข้อมูลการทดลองรถบรรทุกอีซูซุซีเอ็นจี-เอ็มพีไอแท้จากโรงงานตามลักษณะการใช้งานในเมืองไทยจนมั่นใจ จึงพร้อมที่จะออกสู่ตลาดในฐานะผู้นำของวงการรถบรรทุกเมืองไทย ด้วย“อีซูซุ ซูเปอร์ทรัค ซูเปอร์ซีเอ็นจี-เอ็มพีไอ” ที่ให้ความปลอดภัยสูง เนื่องจากเป็นรถบรรทุกซีเอ็นจี-เอ็มพีไอแท้ทั้งระบบซึ่งได้ทยอยเปิดจำหน่ายตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นไป”

อีซูซุ ซูเปอร์ทรัค ซูเปอร์ซีเอ็นจี-เอ็มพีไอ รถบรรทุก CNG แท้จากอีซูซุ เปิดตัวพร้อมกันถึง 4 รุ่น พร้อมตอบสนองทุกรูปแบบการขนส่งยุคใหม่ ด้วยรถบรรทุก 6 ล้อขนาดกลางตระกูลเอลฟ์ รุ่น NMR และ NPR รถบรรทุก 6 ล้อขนาดใหญ่ รุ่น FTR และรถหัวลาก 6 ล้อ รุ่น GVR พร้อมเครื่องยนต์ 3 รุ่นได้แก่





เครื่องยนต์ รุ่น 4HV1 ขนาด 4,570 ซีซี โอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ (OHC) ควบคุมการฉีดจ่ายด้วยหัวฉีดอัจฉริยะ MPI ให้กำลังสูงสุด 130 แรงม้า ที่ 3,200 รอบต่อนาที หรือ 96 กิโลวัตต์ ที่ 3,200 รอบต่อนาที ให้แรงบิดสูงสุด 353 นิวตัน-เมตร ที่ 1,400 รอบต่อนาที หรือ 36 กิโลกรัม-เมตร ที่1,400 รอบต่อนาที (ในรุ่น NMR82H5CK, NPR82H5CK และ NPR82K5CK)

เครื่องยนต์ รุ่น 6HF1-TCN ขนาด 7,790 ซีซี เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ แบบ 6 สูบ โอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ (OHC) ควบคุมการฉีดจ่ายด้วยหัวฉีดอัจฉริยะ MPI ให้กำลังสูงสุด 220 แรงม้า ที่ 2,400 รอบต่อนาที หรือ 162 กิโลวัตต์ ที่ 2,400 รอบต่อนาที ให้แรงบิดสูงสุด 735 นิวตัน-เมตร ที่ 1,400 รอบต่อนาที หรือ 75 กิโลกรัม-เมตร ที่ 1,400 รอบต่อนาที (ในรุ่น FTR86QCK)

เครื่องยนต์ รุ่น 6HF1-TCS ขนาด 7,790 ซีซี เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ แบบ 6 สูบ โอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ (OHC) ควบคุมการฉีดจ่ายด้วยหัวฉีดอัจฉริยะ MPI ให้กำลังสูงสุด 245 แรงม้า ที่ 2,200 รอบต่อนาที หรือ 180 กิโลวัตต์ ที่ 2,200 รอบต่อนาที ให้แรงบิดสูงสุด 883 นิวตัน-เมตร ที่ 1,400 รอบต่อนาที หรือ 90 กิโลกรัม-เมตร ที่ 1,400 รอบต่อนาที (ในรุ่น GVR86JCK)

http://www.manager.co.th/Motoring/ViewNews.aspx?NewsID=9520000043361



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก Auto 203.155.6.11 อังคาร, 21/4/2552 เวลา : 18:34  IP : 203.155.6.11   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 11165

คำตอบที่ 2
      
มิตซูบิชิ ยกเครื่องบริการหลังการขาย

http://www.manager.co.th/Motoring/ViewNews.aspx?NewsID=9520000044580

บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ประกาศ ปรับโฉมการบริการหลังการขายของบริษัทครั้งใหญ่ ด้วยการสร้างมาตรฐานใหม่ภายใต้แนวคิด “Diamond” เพื่อการดูแลลูกค้าแบบครบวงจรและสร้างความเชื่อมั่นและความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า ครอบคลุมทุกส่วนงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งโครงการต่างๆ ประกอบด้วย





- Diamond Insurance ประกันภัยเอกสิทธิ์พิเศษสำหรับลูกค้ารถยนต์มิตซูบิชิ เพิ่มความมั่นใจในการซ่อมแซมรถจากช่างผู้เชี่ยวชาญและมั่นใจกับอะไหล่แท้ที่โชว์รูมรถยนต์มิตซูบิชิทั่วประเทศ โดยลูกค้าจะได้รับสิทธิประโยชน์และความคุ้มครองพิเศษต่างๆ อาทิ ฟรีประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. อัตราเบี้ยประกันภัยพิเศษ การคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นสูงสุดถึง 10 ล้านบาทต่อครั้ง ( เงื่อนไขความคุ้มครองตามรายละเอียดของกรมธรรม์ประกันภัย) พร้อมบริการรับแจ้งอุบัติเหตุและช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง รถใหม่สามารถต่ออายุประกันภัยชั้นหนึ่ง (ซ่อมห้าง) ได้นานสูงสุด 5 ปี

- Diamond Warranty การขยายเวลารับประกันคุณภาพระบบส่งกำลังทุกรุ่นยาวนานถึง 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร ครอบคลุม 3 หมวดใหญ่ ได้แก่ หมวดเครื่องยนต์ หมวดเกียร์ และ หมวดชุดขับเคลื่อน โดยรถที่ร่วมโครงการดังกล่าวจะต้องเข้ารับการตรวจเช็คระยะที่ศูนย์บริการอย่างต่อเนื่องทุกๆ 5,000 กิโลเมตร หรือ 3 เดือน แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน

- Diamond Card การบันทึกข้อมูลสำคัญของรถไว้ในบัตรเพียงใบเดียว เพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการรับบริการจากศูนย์บริการมาตรฐานทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นบัตรสิทธิประโยชน์ในการรับส่วนลดจากการใช้จ่ายในร้านค้า ร้านอาหาร และสถานบันเทิงต่างๆ ที่ร่วมรายการอีกมากมาย

- Diamond Speed Service “บริการตรวจเช็คฉับไว มั่นใจมาตรฐาน” รูปแบบใหม่ของการนำรถเข้าตรวจเช็คตามระยะ โดยการนำระบบการนัดหมายมาใช้เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบของลูกค้าโดยบริการดังกล่าวจะช่วยลดะยะเวลาในการตรวจเช็ครถยนต์ของลูกค้า แต่ยังคงไว้ซึ่งประสิทธิภาพในการให้บริการสูงสุดเช่นเดิม

- Diamond Body and Paint “บริการใส่ใจด้วยคุณภาพงานสีและตัวถัง” เป็นบริการซ่อมสีและตัวถังจากทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญผ่านการอบรมตามมาตรฐานระดับสูงของมิตซูบิชิ มั่นใจได้กับคุณภาพของงาน นอกจากนี้ยังมีบริการ ไดมอนด์ สปอต รีแพร์ บริการซ่อมสีและตัวถังเฉพาะจุด เพิ่มความสะดวกและรวดเร็วในการซ่อมสีและตัวถังในกรณีที่มีรอยบุบหรือริ้วรอยขนาดเล็ก จากมาตรฐานการซ่อมและบริการที่รวดเร็วทันใจภายใน 5 ชั่วโมง

- Diamond used car “รถมือสอง รับรองคุณภาพ” โครงการที่สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับธุรกิจรถยนต์ใช้แล้ว เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการ ซื้อ ขาย และแลกเปลี่ยนรถยนต์ใช้แล้วที่มีคุณภาพดี เชื่อถือได้ในราคายุติธรรม โดยมีการจัดทำใบรับรองคุณภาพให้กับรถยนต์มิตซูบิชิที่ใช้แล้วและผ่านกระบวนการคัดสรรตามเกณฑ์และการตรวจสอบคุณภาพอย่างเข้มงวดรวม 180 รายการ ภายใต้มาตรฐานของบริษัท ช่วยสร้างความมั่นใจว่าราคาขายจะไม่ตก

ทั้งนี้ บริการดังกล่าวข้างต้นได้เปิดให้บริการบางส่วนแล้วตั้งแต่ปลายปี 2550 ที่ผ่านมา ณ ศูนย์บริการที่ร่วมรายการ

ส่วนของศูนย์บริการ ปัจจุบัน มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มีโชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐาน 126 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งถือว่าเพียงพอต่อการให้บริการ แต่อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ก็ได้มีการพัฒนาคุณภาพของศูนย์บริการให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะด้านต่างๆ ให้กับพนักงานของผู้จำหน่ายอย่างต่อเนื่อง

โดยมีการจัดอบรมเรื่องผลิตภัณฑ์ตลอดจนส่วนงานที่เกี่ยวกับบริการหลังการขายตามหลักสูตรมาตรฐานของมิตซูบิชิ อาทิ การจัดทำหลักสูตรเพื่อสร้างระดับความรู้ความสามารถสำหรับการบริการหลังการขายให้แก่พนักงานช่างเทคนิค (Technician) พนักงานที่ปรึกษางานบริการ (Service Advisor) และพนักงานอะไหล่ ( Part) โดยจะเป็นการอบรมเป็นระดับชั้น นับตั้งแต่เริ่มเข้าทำงานใหม่ แบ่งเป็นหลักสูตรชั้นต้น (M- Step I) ชั้นกลาง (M- Step II) ชั้นสูง (M- Step III ) และ Master ซึ่งในแต่ละหลักสูตรจะต้องผ่านการทดสอบให้ผ่านเกณฑ์การตัดสิน 70% ขึ้นไป ยกเว้นในระดับ Master ที่ต้องผ่านเกณฑ์ตัดสิน 80% ขึ้นไป ทั้งภาคทฤษฎีและปฎิบัติ

ซึ่งหลักสูตรดังกล่าวจะทำให้ผู้จำหน่ายมีพนักงานฝีมือดีไว้คอยบริการลูกค้า พร้อมทั้งสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าที่เข้ารับบริการอีกด้วย โดยปัจจุบัน บริษัทฯ สามารถผลิตบุคลากรในระดับ Master Technician เพื่อทำหน้าที่ดูแลลูกค้าเกือบ 100 คนจากทั่วประเทศ ในขณะที่มีMaster Service Advisor ประมาณ 60 คน และ Master Part ประมาณ 20 คน พร้อมวางเป้าหมายที่จะสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพไปพรhอมกับการยกระดับงานด้านบริการให้มีมาตรฐานอย่างเต็มระบบต่อไป

ทั้งนี้ในส่วนของงานด้านชิ้นส่วนและอะไหล่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งหน่วยงานที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันกล่าวคือ บริษัทฯได้มีการเพิ่มศักยภาพในการให้บริการด้านการจัดส่งอะไหล่โดยมีมาตรฐานด้านเวลาเป็นตัวกำหนด สำหรับพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑลจะสามารถจัดส่งอะไหล่ได้ภายใน 1 วันในขณะที่ต่างจังหวัดจะต้องจัดส่งให้ได้ภายใน 3 วัน เพื่อให้ทันต่อความต้องการ พร้อมกำหนดราคาชิ้นส่วนและอะไหล่ที่เหมาะสม เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า

“ เราอยากให้ลูกค้าทุกท่านมั่นใจว่า ทุกคนที่มิตซูบิชิกำลังทุ่มเทและพยามยามอย่างเต็มที่เพื่อสร้างสรรค์และพัฒนาคุณภาพทั้งยนตรกรรมและการบริการเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับท่าน ซึ่งถือเป็นผู้ที่มีความสำคัญสูงสุดในการดำเนินธุรกิจของเรา และแน่นอนว่าจากนี้ไปทุกท่านคงจะได้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ ของเรา” คาซูฮิโระ วาตาชิเกะ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จำกัด กล่าว






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก Auto 203.155.6.11 อังคาร, 21/4/2552 เวลา : 18:35  IP : 203.155.6.11   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 11166

      

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  



website รองรับการใช้งานทุกระบบปฏิบัติการของ PC Tablet SmartPhone ทุกระบบสามารถโพสข้อความและรูปภาพได้โดยไม่ต้องย่อไฟล์
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ website WeekendHobby.Com สมาชิก เท่านั้น จึงจะตั้งกระทู้ หรือ ตอบกระทู้ได้ครับ
Login Click ที่นี่
สมัครสมาชิก Click ที่นี่



Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วันพฤหัสบดี,18 เมษายน 2567 (Online 2824 คน)