คำตอบที่ 1
       วันที่ 1
กรุงเทพฯ-หนองคาย (620 กม.)
07.00 น. ออกเดินทางจากกทม. ตามอัธยาศัย

18.00 น. นัดพบที่โรงแรมไทย-ลาว รีเวอร์ไซด์รีสอร์จหรือเทียบเท่า จ. หนองคาย ลงทะเบียนรับสติ๊กเกอร์

19.00 น. รับประทานอาหารค่ำ พร้อมฟังบรรยายสรุปเส้นทาง

คำตอบที่ 2
       วันที่ 2
หนองคาย-เวียงจันทน์ - วังเวียง (180 กม.)
07.00 น. รับประทานอาหารเช้า

08.00 น. คาราวานนำท่านสู่ด่านไทย-ลาว ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเดินทางข้ามสะพานมิตรภาพสะพานที่เชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างพี่น้องไทย-ลาว สู่เมืองหลวงนครเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
ชมบ้านเมืองและศาสนสถานที่สำคัญของเมืองหลวงลาว นำท่านสักการะ วัดพระธาตุหลวง พระธาตุเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองของลาว เป็นพระธาตุที่มีขนาดสูงใหญ่ที่สุดในลาว สูงถึง 45 เมตรทุก ๆ ปีจะมีงานบุญใหญ่ บูชาพระธาตุในวันเพ็ญเดือนสิบสองประชาชนจากทั่วทุกสารทิศจะหลั่งไหลมาทำบุญ ตักบาตร เวียนเทียน รอบองค์พระธาตุ จากนั้น ชม อนุสาวรีย์ประตูชัย ซึ่งเป็น สถาปัตยกรรมที่ผสมผสานศิลปะล้านช้างกับฝรั่งเศสเข้าด้วยกันได้อย่างน่าชม สร้างเสร็จในปี พ.ศ.2512 เป็นอนุสรณ์สถานเพื่อระลึกถึงประชาชนชาวลาวที่สละชีวิตในสงครามก่อนหน้าการปฏิวัติพรรคคอมมิวนิสต์ ประตูชัยมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า รัยเวย์แนวตั้ง เพราะการก่อสร้างนี้ใช้ปูนซีเมนส์จากประเทศอเมริกาที่ซื้อมาเพื่อสร้างสนามบินใหม่ในเวียงจันทน์ระหว่างสงครามอินโดจีนแต่พ่ายแพ้จึงได้นำมาสร้างประตูชัย ชม พิพิธภัณฑ์หอพระแก้ว ที่พระเจ้า ไชยเชษฐาธิราช โปรดเกล้าให้ สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต ขณะที่อัญเชิญมาจากล้านนา จ.เชียงใหม่ นานกว่า 200 ปี จากนั้นจึงถูกกองทัพสยามชิงกลับไป ปัจจุบันเป็นหอพิพิธภัณฑ์ รวบรวมศิลปะ โบราณวัตถุล้ำค่าของลาว

12.00 น. รับประทานอาหรกลางวัน

13.00 น. ออกเดินทางขึ้นเหนือตามถนนหมายเลข 13 มุ่งหน้าเมืองวังเวียงระยะทางประมาณ 150 กม. สภาพถนนลาดยาง รถวิ่งสวนไป-กลับ เมืองวังเวียง
เป็นเมืองที่มีธรรมชาติงดงาม ล้อมรอบด้วยขุนเขาอากาศเย็นสบาย ตัวเมืองตั้งอยู่ริมแม่น้ำซองล้อมรอบด้วยเทือกเขาสูงมองเห็นสายน้ำกว้าง สะอาดใสสลับกับเนินแนวเทือกเขาหินปูนเป็นฉากหลัง ได้รับฉายาว่า "กุ้ยหลินแห่งเมืองลาว

16.00 น.เข้าพักที่โรงแรมถาวรสุขหรือเทียบเท่า ท่านสามารถเดินเล่นหรือลงเล่นน้ำอิสระ

19.00 น. รับประทานอาหารค่ำและพักผ่อนตามอัธยาศัย

คำตอบที่ 3
       วันที่ 3
วังเวียง – หลวงพระบาง (240 กม.)

07.00 น. รับประทานอาหารเช้า

08.00 น. ออกเดินทางจากเมืองวังเวียง เดินทางขึ้นเหนือของลาวสู่ เมืองหลวงพระบาง (ระยะทาง 240 กม.)
เพลิดเพลินกับทัศนียภาพสองข้าง ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติอันงดงาม ชมวิธีชาวบ้านที่เรียกว่าชาวลาวบน การทำมาหากินบนที่สูง การทำไร่นาแบบขั้นบันได การปลูกผักเพื่อบริโภคและขาย การเลี้ยงสัตว์ตามธรรมชาติของชนพื้นเมืองเผ่าต่างๆของลาว เช่น ลาวสูง ลาวเทิง ลาวม้งไทลื้อ เส้นทางสายนี้จัดเป็นเส้นทางที่ลัดเลาะภูเขาที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชียอาคเนย์ระหว่างทางแวะ ดื่มชา-กาแฟลาว ที่มีรสชาดเป็นเอกลักษณ์ของลาวที่บ้านกิ่วกระจำบนยอดภูเบี้ย(ค่าใช้จ่ายไม่รวม)

12.30 น. รับประทานอาหารกลางวันที่หลวงพระบาง

บ่าย คาราวานพานำท่านเที่ยวชมเมืองที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
สมบูรณ์ด้วยศิลปวัฒนธรรมล้านช้างทั้งสถาปัตย์ ก่อสร้าง บ้านเมือง ผู้คน ที่ยังคงรักษาขนมธรรมเนียบไว้ เดินทางสู่ วัดเชียงทอง (Xieng Thong Temple) เป็นวัดหลวงคู่บ้านคู่เมืองหลวงพระบาง สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชก่อนที่จะย้ายเมืองหลวงไปเวียงจันทน์ และยังได้รับการอุปถัมภ์จากเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ และเจ้าชีวิตศรีสว่างวงศ์วัฒนา กษัตริย์สองพระองค์สุดท้ายของลาว บริเวณที่ตั้งของวัดอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของตัวเมืองหลวงพระบาง ใกล้บริเวณที่แม่น้ำคานไหลมาบรรจบกันกับแม่น้ำโขง มีพระอุโบสถ หรือภาษาลาวเรียกว่า “สิม” เป็นหลังไม่ใหญ่โตนัก หลังคาพระอุโบสถแอ่นโค้งและลาดต่ำลงมาก ซ้อนกันอยู่ 3 ชั้น เป็นศิลปะแบบหลวงพระบาง ส่วนกลางมี ช่อฟ้า ประกอบด้วย 17 ช่อ ซึ่งเป็นที่สังเกตกันว่า เป็นวัดที่พระมหากษัตริย์สร้างขึ้นจึงมี 17 ขั้น ส่วนสามัญจะสร้างกันแค่ 1-7 ช่อ เชื่อกันว่าจะเก็บของมีค่าไว้ในนั้นด้วย ส่วนหน้าบัน หรือภาษาลาวว่า “โหง่” เป็นรูปเศียรนาค ความงามของวัดอยู่ที่ความสงบสง่าสะอาดมีการวางผังออกแบบและบำรุงรักษาอย่างดีเยี่ยมจากนั้นนำท่านเข้าชม วัดวิชุนราช (Visounnarath Temple) สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าวิชุนราช ในปี พ.ศ. 2046 สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระบาง ซึ่งอาราธนามาจากเมืองเวียงคำ มีเจดีย์ปทุมหรือพระธาตดอกบัวใหญ่ วัดนี้มีพระธาตุเจดีย์องค์ใหญ่รูปทรงคล้ายแตงโมผ่าครึ่ง ทำให้ชาวลาวเรียกกันว่า พระธาตุหมากโม เป็นทรงโอคว่ำยอดพระธาตุลักษณะคล้ายรัศมีแบบเปลวไฟของพระพุทธรูปแบบลังกาหรือสุโขทัย เจดีย์นี้อาจดูทรุดโทรมมากแม้จะมีการปฏิสังขรณ์มา 2 ครั้งแล้วในปี พ.ศ.2402 ในสมัยพระเจ้าสักกรินทร์(คำสุก) ซึ่งเป็นพระราชบิดาของเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ ได้โปรดให้มีการบูรณะใหม่และได้มีการบูรณะครั้งใหญ่ในปี พ.ศ.2457 ในรัชสมัยของเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ ได้ค้นพบโบราณวัตถุมีค่ามากมาย เช่น เจดีย์ทองคำ พระพุทธรูปหล่อสำริด พระพุทธรูปทองคำ ปัจจุบันนำไปเก็บไว้ในหอพิพิธภัณฑ์หลวงพระบาง ในพระราชวังหลวงจนปัจจุบัน
พระราชวังเก่า (Royal Palace Museum) เป็นวังที่เจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ ทรงประทับอยู่ที่นี่จนสิ้นพระชนม์ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อปี พ.ศ.2518 พระราชวังก็ได้ถูกเปลี่ยนเป็น พิพิธภัณฑ์ ประกอบด้วย หอฟังธรรม ห้องรับแขกของเจ้ามหาชีวิตและพระมเหสี ห้องท้องพระโรง ทางด้านหลังก็เป็นพระตำหนักซึ่งมีเครื่องใช้ไม้สอยต่างๆ จัดเก็บไว้เป็นระเบียบเรียบง่าย และนำท่านนมัสการ หอพระบาง ซึ่งเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของหลวงพระบาง เป็นพระพุทธรูปประทับยืน ปรางค์ห้ามสมุทร เป็นพระพุทธรูปศิลปะขอมสมัยหลังบายน น้ำหนัก 54 กก. ประกอบด้วยทองคำ 90% และยังมีพระพุทธรูปนาคปรกสลักศิลาศิลปะขอมอีก 4 องค์ประดิษฐานอยู่ เดินทางไปยังหลังจากนั้นตรงข้ามพระราชวังนำท่านเดินขึ้นบันได 328 ขั้นสู่ พระธาตุภูษี (Phou Si Mountain) สองข้างทางร่มรื่นด้วยต้นดอกจำปา ภูษีนี้ หมายถึง “ภูศรี” คือเป็นศรีของเมืองหลวงพระบางนั่นเอง ตั้งโดดเด่นกลางใจเมืองมีจุดชมวิวก่อนถึงยอดพระธาตุ มองเห็นวัด บ้านเรือน ทอดยาวขนานกับแม่น้ำโขงจรดปากแม่น้ำคาน ยอดสูงสุดของภูษี อยู่บนพื้นที่ราบแคบๆ ตัวพระธาตุเป็นทรงดอกบัวสี่เหลี่ยมทาสีทอง ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมยอดประดับด้วยเศวตฉัตรทองสำริด 7 ชั้น สูงประมาณ 21 เมตร จะสวยมากในยามบ่ายแก่ๆ แบบนี้แสงแดแจะส่ององค์พระธาตุเป็นสีทองสุกปลั่ง มีทางเดินรอบองค์พระธาตุ สามารถชมทิวทัศน์ตัวเมืองหลวงพระบาง

17.00 น. เข้าพักที่โรงแรมบ้านลาวรีสอร์จ ระดับ 3 ดาวหรือเทียบเท่า

19.00 น. รับประทานอาหารค่ำหลังอาหารเดินเที่ยวตลาดกลางคืนได้

คำตอบที่ 4
       วันที่ 4
เมืองหลวงเก่า หลวงพระบาง

06.00 น. อากาศยามเช้าสัมผัสกลิ่นอายของอารยธรรมเมืองหลวงพระบางโดยนำท่านทำบุญ ใส่บาตรข้าวเหนียว พระสงฆ์ที่ออกมาบินทบาตรยามเช้า นับร้อย ๆ รูป เป็นภาพยามเช้าที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตอันสงบสุขและความเลื่อมใส ศรัทธาต่อพุทธศาสนา (ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ต้องติดต่อไกด์ให้เตรียมให้โดยตรง)

07.00 น. รับประทานอาหารเช้า

08.00 น. หลังอาหารคาราวานออกเดินทางไปเพื่อไปลงเรือข้ามฟากสู่ ถ้ำติ่ง (Ting Cave)
ซึ่งเป็นถ้ำอยู่บนหน้าผาริมแม่น้ำโขงมีอยู่ 2 ถ้ำ คือ ถ้ำล่างและถ้ำบน ถ้ำติ่งลุ่ม หรือ ถ้ำล่างสูง 60 เมตรจากพื้นน้ำ มีลักษณะเป็นโพรงน้ำตื้นๆ มีหินงอกหินย้อย มีพระพุทธรูปไม้จำนวนนับ 2,500 องค์ ส่วนใหญ่จะเป็นพระยืน มีทั้งปางประทานพร และปางห้ามญาติ ถ้ำติ่งบน จะไปทางแยกซ้ายเดินขึ้นบันไดไป 218 ขั้น ปากถ้ำไม่ลึกมากมีพระพุทธรูปอยู่ในถ้ำแต่ไม่มากเท่าถ้ำล่าง สมัยโบราณเป็นที่สักการะบวงสรวงดวงวิญญาณ ผีฟ้า ผีแถน เทวดาผาติ่ง ต่อมาพระเจ้าโพธิสารทรงเลื่อมใสพระพุทธศาสนาเป็นผู้นำพระพุทธรูปเข้ามาทรงใช้ถ้ำติ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางพุทธศาสนา

10.30 น. แวะบ้านซ่างไหชมวิถีชีวิตของชาวบ้านที่อยู่ริมแม่น้ำโขง
มีอาชีพในการหมักสาโท และต้มเหล้าขาว จำหน่ายและยังเป็นแหล่งรวมสินค้าพื้นเมืองจำพวก ผ้าทอลวดลายสวยงามมากมาย เครื่องเงิน วางจำหน่ายอย่างเป็นระเบียบ ชมความร่วมมือของชาวบ้านที่ได้จัดแต่งลานบ้าน อย่างสวยงามเพื่อรอรับนักท่องเที่ยว

12.00 น. รับประทานอาหารเที่ยง

บ่าย คาราวานออกเดินทางจากหลวงพระบาง 30 กิโลเมตร ไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ หนึ่งในน้ำตกตาดกวางสีที่สวยที่สุดในเขตหลวงพระบาง
ชมความงามของน้ำตกที่ตกลดหลั่นเป็นชั้นๆ อย่างสวยงามแต่ละชั้นเกิดจากการผสมของหินปูนสูงราว 70 เมตร มี 2 ชั้น สภาพป่าร่มรื่น มีสะพานและเส้นทางเดินชมรอบๆ น้ำตก จากนั้นนำท่านเดินทางกลับตัวเมืองหลวงพระบาง แวะบ้านผานม เป็นหมู่บ้านชาวไทลื้อ มี ฝีมือในการทอผ้าอย่างสวยงาม ชมการทอผ้าใช้กี่กระตุกเป็นภูมิปัญญาของลาวในการทอผ้าเนื้อดี อดีตที่นี่เป็นแหล่งทอผ้าถวายแด่เจ้ามหาชีวิต ปัจจุบันผ้าทอจากบ้านผานมนี้มีชื่อเสียงมาก และมีการรวมกลุ่มตั้งเป็นศูนย์หัตถกรรมแสดงสินค้า และมีการสาธิตให้ท่านนักท่องเที่ยวได้ชม พร้อมทั้งเลือกซื้อได้

17.00 น. เดินทางกลับโรงแรมพักผ่อนอิสระ

19.00 น. รับประทานอาหารค่ำ

20.30 น. พักผ่อนตามอัธยาศัยหรือท่องราตรี

คำตอบที่ 5
       วันที่ 5
หลวงพระบาง - อุดมไชย - หลวงน้ำทา (310 กม.)

7.00 น. รับประทานอาหารเช้า

8.00 น. ออกเดินทางขึ้นเตามถนนหมายเลข 13 เหนือต่อ

10.45 น.ขับรถชมเมืองอุดมไชยที่มีคนจีนมาทำมาหากินจำนวนมาก หลังจากนั้นรับประทานอาหารกลางวันที่เมืองอุดมไชย

13.00 น. ออกเดินทางต่อไปเมืองหลวงน้ำทา

15.30 น. ถึงชายแดนลาว-จีน บ้านบ่อเตนพาท่านเข้าพักที่พักระดับโรงแรมคาสิโนสร้างใหม่

18.00 น. รับประทานอาหารค่ำและพักผ่อน

คำตอบที่ 6
       วันที่ 6
บ่อเตน - หลวงน้ำทา – ห้วยทราย - เชียงของ (240 กม.)

08.00 น. ออกเดินทางตามถนนหมายเลข R3A ที่เพิ่งใช้มาปีกว่าสภาพถนนเป็นถนนลาดยางเรียบภูเขาสูง

12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ที่ห้วยทราย

13.00 น. พร้อมทำเอกสารที่ชายแดนฝั่งลาวและนำรถลงแพขนานยนต์ผ่านขั้นตอนการเข้าเมืองไทย

14.00 น. เข้าสู่ประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ สิ้นสุดการบริการ

คำตอบที่ 7