คำตอบที่ 1
       ไม่น่าเกี่ยวกับยางระเบิดครับ ยางระเบิดเกิดจากนำยางหมดสภาพมาใช้ หรือขับไปทับหรือชนสิ่งของบนถนน ถ้ายางเก่าแล้วเปลี่ยนยางเลยดีกว่าครับ ปลอดภัยกว่า

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2
       เกี่ยวกันนิดหน่อยครับ การเติมไนโตรเจน ใช้เติมกับ เครื่องบิน หรือ รถบรรทุกหนักมาก ใช้ในอุตสาหกรรม เป็นส่วนใหญ่ครับ การเติมไนโตรเจน ช่วยให้ยางเย็น ช่วยยืดอายุยาง ป้องกันยางระเบิด โดยเฉพาะ กับเครื่องบินโดยสารครับ ( ข้อมูลจาก สารคดีต่างประเทศ UBC ครับ )

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 3
       ขอโทษครับ ลืมบอกข้อดี - ข้อเสียครับ......ข้อดี - ช่วยยืดอายุยาง ป้องกันอุบัติเหตุ และ ประหยัดเวลา บำรุงรักษา ครับ ( รถบรรทุกหนัก ล้อโต กว่ารถบ้าน นะครับ ต่างประเทศ ที่เจริญแล้ว ค่าแรง แพงกว่าบ้านเรา 5 - 10 เท่า ครับ )........ข้อเสีย - ก็เสียตังค์ เพิ่มไงครับ ถ้าเป็นอุตสาหกรรม ใช้เยอะ ก็ต้องซื้อ เครื่องทำไนโตรเจนเอง ( แยกจากอากาศ ธรรมดาครับ )........

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 4
       เอาอีก

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 5
       คำตอบที่ 5
รถผมเปลี่ยนยางใหม่ที่ศูนย์ยางแห่งหนึ่ง ช่างแนะนำให้เติมไนโตรเจนเลย เพราะรถผมวิ่งทางไกลบ่อยๆ ค่าบริการครั้งแรก ล้อละ 50 บาทครั้งต่อไปตรวจเช็คฟรีตลอดอายุของยางชุดนี้ ช่วงอากาศร้อนมากๆขับไปต่างจังหวัดรู้สึกว่าล้อจะหนักๆและสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากขึ้น
อัตราบรรทุกก็ปกติ ขากลับจึงเข้าปั๊มถ่ายไนโตรเจนออก
และเติมลมแทนรู้สึกว่าขับเบากว่าขาไปและไม่สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอีกด้วย ไม่ทราบจะเกี่ยวกับไนโตรเจนหรือเปล่า

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 6
       ข้อสำคัญ คุณวัดลมยาง หรือเปล่า อย่าเพิ่งโทษอย่างอื่น.....แล้วก๊าซที่เติม เป็นอะไรก็ไม่รู้.....ถ้าอากาศธรรมดา มันมีก๊าซอื่นๆ และความชื้นปนอยู่ด้วย.....ถ้าอากาศธรรมดา มันร้อนง่าย ก็ขยายตัวง่าย จะทำให้รู้สึกว่ารถมันเบา......ถ้าเป็นไนโตรเจน มันเย็น ร้อนยาก มันไม่ค่อยขยายตัว ทำให้รู้สึกว่ารถหนัก......ข้อพิสูจน์ ลองขับจักรยาน ที่สูบลมแข็ง - อ่อน จะรู้สึกต่างกัน.......ที่สำคัญ ไนโตรเจน จะเติมกับ พาหนะที่มี กำลังมาก หลายร้อย หลายพัน แรงม้า เมื่อมาเติม กับรถบ้าน ก็เลยรู้สึก ดังว่า......

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 7
       ข้อสำคัญ คุณวัดลมยาง หรือเปล่า อย่าเพิ่งโทษอย่างอื่น.....แล้วก๊าซที่เติม เป็นอะไรก็ไม่รู้.....ถ้าอากาศธรรมดา มันมีก๊าซอื่นๆ และความชื้นปนอยู่ด้วย.....ถ้าอากาศธรรมดา มันร้อนง่าย ก็ขยายตัวง่าย จะทำให้รู้สึกว่ารถมันเบา......ถ้าเป็นไนโตรเจน มันเย็น ร้อนยาก มันไม่ค่อยขยายตัว ทำให้รู้สึกว่ารถหนัก......ข้อพิสูจน์ ลองขับจักรยาน ที่สูบลมแข็ง - อ่อน จะรู้สึกต่างกัน.......ที่สำคัญ ไนโตรเจน จะเติมกับ พาหนะที่มี กำลังมาก หลายร้อย หลายพัน แรงม้า เมื่อมาเติม กับรถบ้าน ก็เลยรู้สึก ดังว่า......

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 8
       ไม่ได้เปิดมานาน ใครละเนี่ยมาว่าเราผมขับรถมาตั้งแต่อายุ12ปี ปัจจุบันอายุ41ปี นานพอไหมสำหรับประสบการณ์ ลองอ่านกระทู้ของผมให้เข้าใจก่อนนะ รถผมวิ่งต่างจังหวัดบ่อยมาก ความผิดปกติของรถแค่นิดหน่อยผมก็รู้สึกได้ เอาเป็นว่าขอเล่าต่อจากครั้งที่แล้ว หลังจากกลับมาในวันนั้นผมได้เข้าศูนย์ยางเดิม ให้ช่างถ่ายลมออกแล้วเติมไนโตรเจนใหม่อีกครั้ง วัดแรงดันโดยช่างผู้ชำนาญของศูนย์ วันรุ่งขึ้นผมก็วิ่งออกต่างจังหวัดอีก ความผิดปกติที่เคยเป็นยังเหมือนเดิม ตอนนี้เลยเลิกใช้ไนโตรเจนอย่างถาวร หันหลังให้เลยเสียไป200บาทไม่พอยังสิ้นเปลืองน้ำมันอีกต่างหากยิ่งแพงๆอยู่ เข้าใจความรู้สึกของผมนะครับ แต่ถ้าใครใช้แล้วรู้สึกดีก็ใช้ต่อไปไม่ต้องมาเชื่อผม แค่มาแสดงความคิดเห็นให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมก็เท่านั้น แต่ถ้าทำให้ใครต้องเสียผลประโยชน์ก้ต้องขอกล่าวคำขอโทษมาณ.ที่นี้ด้วย เจริญพร

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 9
       จากหัวข้อที่ถามมาว่าป้องกันยางระเบิดได้ดีกว่าหรือไม่? ตอบว่า ดีกว่าจริงครับ แต่สำหรับรถบ้านอย่าง เราๆแล้ว ไม่จำเป็นเลยครับ ได้ผลทางด้านจิตวิทยามากกว่า แต่ใครเติมแล้วสบายใจก็เติมได้ครับ รถใคร ใครก็รัก จิงป่ะ

-ผมเห็นเราเติมลมธรรมดากันมาเป็นร้อยปีไม่เห็นมันมีปัญหาอะไรเลย เอาเป็นว่าอยากตามเทคโนโลยีและเสียเงินเพิ่มก็ตามสบายครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 10
       เห็นด้วยกับคุณPingPingครับ ที่เสียแล้วเสียไปไม่หวนกลับ คอยหมั่นดูแลสภาพดอกยางและความดันให้คงที่ ตลอดอายุการใช้งานของยางก็เพียงพอ ถ้าวิ่งรถในสภาพอากาศที่ร้อนทางไกล ก็ควรจอดพักบ้างหรือเข้าปั๊มถ่ายลมร้อนออกบ้างแล้วเติมใหม่ วัดความดันอีกรอบแค่นี้ก็ไปไหนไปกัน เที่ยวทั่วไทยเงินไทยไม่รั่วไหลครับ....เจริญพร

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 11
       ชอบลองครับ แก้เบื่อ แก้เซ็ง มีเรื่องคุย อีกตะหาก แล้วก็กลับ ไปเติมลมเหมือนเดิม 555++

แสดงความคิดเห็นย่อย