คำตอบที่ 1
      
-คำอธิบายด้วยเหตุผลตามคำถาม อาจยาวมาก ..เพราะต้องกล่าวถึง "ความเชื่อ" ในเรื่องทำให้โล่ง..โดยไม่เสียงไม่ดัง/ควันไม่ดำ...และลักษณะตำแหน่งปลายท่อ ที่ไม่ได้บอกไว้ว่าเหมือนเดิมหรือเปล่า....

-ขอเตือนว่าการนำเทคนิคข้างถนนมายึดเป็นจุดพัฒนาที่ถูกปิดกั้น...ในส่วนใหญ่ อาจหมายถึง การหลงทางเองครับ..

-ตัวอย่างง่ายๆ...ลองนึกถึงรูปแบบการพัฒนาท่อไอเสียที่ทำกันจากร้านท่อไอเสีย ในระยะยาวที่ผ่านมา เช่น 30 ปี /กี่รูปแบบวิธี มีที่กลายเป็นรูปแบบที่เป็นสากล หรือยั่งยืน เหมือนชุดคิทของนอกมือสอง ที่มีคนซื้อต่อมาใช้ หรือมีสูตรไหนที่ทำแล้วมาขายต่อในไทยกันเองได้บ้าง โดยหมายถึงตลอดมา ขึ้นอยู่กับสภาพดีหรือไม่ ซึ่งขอตอบว่า (เกือบ)ไม่มีสักแบบเลยครับ

-ขอโทษที่ขัดใจ ..ไม่อยากให้หลงทาง ลึก/ไกล ไปกว่านี้ เพราะไม่เพียงเชื่อในสิ่งที่ไม่ใช่หลักสากลหรือสมการเหมาะสม แต่ยังเกิดอคติขึ้นกับรูปแบบสังคมด้วยครับ....

-รูปแนบคต.นี้ ตัวอย่างไทยคิดค้น ซึ่งสาธิตผลทางสื่อทีวีด้วยในสมัยนั้นๆ เหนือกว่าคำบอกเล่าปากต่อปากมาก ก็ไปไม่รอด เรื่องหายไปแล้ว และอะไรที่(กลับ)มาแทนที่ ลองคิดดูคงเข้าใจเองครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2
      


-กฏบังคับยานยนต์ข้อหนึ่ง ซึ่งผู้ผลิตรถยนต์ต้องปฏิบัติ หรือสร้างสินค้าเพื่อให้ตรวจสอบผ่าน คือค่าความดังเสียง/ค่าไอเสีย ของรถยนต์รุ่นนั้นๆ เพราะถนนและอากาศเป็นของทุกๆคน ไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง เหมือนห้ามทิ้งขยะ....ผู้ผลิตใส่หม้อพักไอเสีย เพื่อลดเสียง ก็เพียงแค่พอผ่าน ไม่ได้ให้แบบดีที่สุด เพราะเกี่ยวกับความสูญเสียแรงม้าที่เป็นจุดขาย เมื่อทุกรายการบังคับผ่านการตรวจสอบ หมายถึง นำไปขายได้ ..ถ้าผู้ซื้อใช้นำไปตัดหม้อพักไอเสียออก หากถูกตรวจพบด้วยสายตา(ไม่ได้ใช้เครื่องมือวัด) ก็มักโยนความหมายไปที่ดัดแปลงสภาพให้ผิดจากที่ขออนุญาตไว้...โดยในการควบคุมรถหลังการขาย เป็นหน้าที่ของ ตำรวจ / ขนส่ง โดยเจ้าหน้าที่มีอำนาจ "พิจารณา"ได้ ...

-การแจ้งข้อหา อาจบอกว่า ตัดหม้อพักออก แต่ใบสั่งจะเป็นข้อหาดัดแปลงสภาพๆเป็นผลต่อถนนส่วนรวมได้หลายหัวข้อ นอกจากเสียง อาจหมายถึงฝุ่น หากปลายท่อไปขาดอยู่หน้าเพลาหลังและงอลงเป่าถนน...

-หากตัดหม้อพักใบท้ายออกแล้วเสียงไม่ดัง...ผู้ผลิตขาย คงไม่ใส่มาให้ เพราะมีต้นทุน หรือเพิ่มกำไรได้ถ้าไม่มีหม้อพักใบนี้...



-หากท่านเป็นผู้ไม่เข้าใจ เมื่อเห็นทางเลือกหรือคำเตือน อาจลังเล แต่หากท่านเป็นผู้หวังผลซึ่งหมายถึงเชื่อมั่นในวิธี เพียงแต่ไม่รู้ว่าที่ไปไม่รอดหรือถูกจับปรับ ต้องสู้(เพื่อความเชื่อนั้น)อย่างไร....ขอเตือนอีกครั้งว่า..อย่าไปไกลกว่านี้ ..วันหน้า อาจเสียความรู้สึกในทางผ่านชีวิตตอนนี้ได้ครับ...

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 3
      
-ขออนุญาตวางความเห็น หวังให้เป็นเพียงข้อคิด/สังเกต เกี่ยวสิ่งที่มักลืมๆกัน จนความหมายเปลี่ยนไป เกือบ/จวน เป็นผลถาวรแล้วครับ...


- หนึ่ง....คือรถปิคอัพตอนเดียวที่ต่อเหล็กเป็นโครงหลังคาขนาดใหญ่เพื่อให้บรรทุกได้มาก เช่นเพื่อบรรทุกแผ่นเมตัลชีส หรือแผ่นเหล็กหลังคา ซึ่งมีความยาวเกิน 6.0ม. และที่ใช้บรรทุกถังน้ำพลาสติค(แบบ 500 ลิตรขึ้นไป) เป็นรถปิคออออัพที่ถูกจับปรับเป็นประจำทั้งด่านตรวจ และเรียกตามทางหลวง ขอยกเว้นรถปิคอัพบรรทุกผลไม้ เพราะบรรทุกเกินน้ำหนักบังคับไปมากหลายเท่า ซึ่งเป็นรายได้ตามน้ำหนัก ....

-สอง....คือรถปิคอัพ(ส่วนใหญ่)เป็นแบบ 4ป.ท้ายบรรทุก และแบบมีแค็ป ซึ่งใส่ล้อกว้าง จนเกินตัวถัง ..เป็นรถที่ถูกจับ/ปรับ ตามระยะกวดขัน/เข้มงวด หรือไม่ประจำแต่ถ้ามีด่านตรวจใหญ่ ก็มักโดน....

-ทั้งสองชนิด ...มีความจำเป็นในการกระทำผิดเท่ากันหรือไม่ และทำไมจึงไม่แก้ไข หมายถึงยังเห็นได้เรื่อยๆเป็นเวลายาวนาน หรือไม่หมดไป...

-รถปิคอัพทั้งสองชนิด เวลาโดนเรียกแจ้งข้อหา ส่วนใหญ่ใช้ทางออกโดยการเจรจา ขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยปรับกันพอเป็นพิธี และจ่ายตรงนั้นเลย ประหยัดเงินและเวลากว่าไปเสียค่าปรับที่สน. แต่หลังจากนั้นผู้ที่โดนปรับ(มัก)บอกคนอื่นๆว่า "ถูกรีดไถ"......


-คิดและตอบในใจนะครับ การแก้ไขที่แท้จริงและยั่งยืน จะมาเองหลังจากคิดออกครับ....

แสดงความคิดเห็นย่อย