คำตอบที่ 1
       May be May be,the design of ambient temperature is the same of both car that they use in USA and Thailand ,but the fact is the ambient temp of USA and Thailand is quite different ,
So ,the heat transfer efficiency will decrese .
1.May be you can increse the heat transfer efficiency by install the bigger raditor or design of new fan.
2.Sell it! this is might be the best way 5555555

คำตอบที่ 2
       ไหนใครลองทำแบบนี้ดูก่อนดีมั๊ยครับ(พี่โกกุยเป็นหนูลองยาให้หน่อยสิครับ)
เพิ่มกระป๋องฉีดน้ำล้างกระจกอีกลูกนึง+มอเตอร์ฉีดน้ำฝน แล้วต่อท่อ+หัวฉีดไปฉีดที่หน้าหม้อน้ำรถ เมื่อเริ่มร้อนก็กดฉีดน้ำ ทำหลักการเดียวกับอินเตอร์คูลเล่อร์น่ะครั(จะworkมั๊ยเนี๊ย)

คำตอบที่ 3
       เคยคิดอยู่ แต่ไม่ได้ทำ ร้อนจัดก็แค่หยิบขวดน้ำกลั่น ไปบีบใส่หน้าหม้อน้ำ ช่วยได้นิดหน่อย จะให้หายขาด เปลี่ยนรถแน่นอนที่สุด

คำตอบที่ 4
       เคยทำอยู่ครั้งนึง ได้ผลครับแต่หลังจากนั้น หม้อน้ำรั่ว เลยเข็ดไม่กล้าทำอีกเลย
ผมเจออีกวิธีนึง น่าสนใจมากกำลังจะไปทำ คือเอาสวิทต่อเข้าไปที่พัดลมไฟฟ้า เวลารถติดๆ ก็เปิดสวิทไว้เลย มีคนทำแล้วบอกว่าความร้อนอยู่ประมาณ 60 เอง ทำเมื่อไหรได้ผลอย่างไรจะแจ้งอีกครั้ง

คำตอบที่ 5
       พัดลมตัวไหนครับคุณนพ มี 2 ตัวนะครับ(สงสัยตัวที่ทำงานตอน 100 องศาใช่รึเปล่า) ของ 4.0L ตัวแรกทำงานพร้อมรอบเครื่องยนต์นิครับ ส่วนของ 2.5L ทำงานตอนเปิดแอร์ใช่ป่ะ ส่วนตัวที่ 2 เหมือนกัน 100 c

คำตอบที่ 6
       ร้อนจริงๆครับ ยิ่งตอนบ่าย2บ่าย3 ยิ่งร้อนหนัก สงสัยต้องติดแอร์เพิ่มอีกซักตัว ถ้ายังไม่เย็น คงต้องลงแช่อ่างกันล่ะ...อิอิ

คำตอบที่ 7
       วันนี้โทร.ไปที่ GMC ช่างบอกว่าที่พัดลมตัวที่สอง(นั่งในรถฝั่งซ้ายมือ)ซึ่งปกติจะทำงานเมื่ออุณหภูมิประมาณ110องศาสามารถต่อตรงให้ทำงานพร้อมแอร์ได้ โดยรถของSHOP คันสีแดง(2.5L)ก็ต่อวิธีนี้ ว่าจะไปขอดูนายหนอนจะไปลองดูไหม

คำตอบที่ 8
       รุ่น 2.5L เห็นทำมาแล้ว 2 คันครับยืนยันว่าได้ผล 100% วิธีก็คือเอาสายไฟต่อกับสายพัดลมตัวซ้ายมือ (ถ้าหันหน้าไปทางเดียวกับรถ) ผ่านรีเลย์ (เพิ่ม) แล้วมาติดสวิทในรถครับ แต่ 4L ยังไม่เห็นมีใครทำ คงต้องเป็นหนูทดลอง ครับ

คำตอบที่ 9
       ดีครับคุณนพ ดีจะได้ทำบ้าง ขอเป็นผู้ตามดีกว่า ดัดแปลงเครื่องคุณนพทำก่อน ดัดแปลงต่อเติมตัวถังนายหนอนทำก่อน จะลุยน้ำลุยท่าเสือเข้มลุยก่อน จะลุยป่าลุยดงนายบีลุยก่อน จะตั้งวงเหล้าผมเสียสละนำเอง(จริงๆฝืนใจนะเนี่ย)

คำตอบที่ 10
       เคยถามชั่งเครื่องคนนึง บอกว่าให้ติดพัดลมเพิ่มเข้าไปที่หน้าหม้อน้ำ (ด้านหน้าเลยนะครับ) แล้วติดสวิทย์เอาไว้เลย พอร้อนก็เปิดไว้ตลอด จะช่วยได้ครับ

คำตอบที่ 11
       แก้ปัญหา Jeep เครื่องร้อน ง่ายนิดเดียว คับ แค่ ดับเครื่อง ก็ไม่ร้อนแล้ว ฮิ ฮิ ไม่รู้จะโดยยำมั้ยเนีย ถ้าตอบแบบนี้
คำตอบสุดท้าย ให้ต่อตรงขนาน พัดลมไฟฟ้า ของรถ ให้เปิดทำงาน ทุกครั้ง ที่ เปิด แอร์ วีธีนี้ ผมใช้แล้วได้ผลมาก รับรอง

คำตอบที่ 12
       Put in anti-freeze / anti-boil 50 : water 50 so the boiling point of coolant is over 100 C.
For Dr Jeep's comment. How about electric fan working when compressor works, not all the time that A/C works. The engine could be too cold which is not good either.

คำตอบที่ 13
       จริงๆแล้วถ้าเป็นรถสภาพเครื่องเดิมๆ(standad) ไม่แต่งเพิ่ม วิศวกรที่ออกแบบเค้าน่าจะทำมาดีแล้วนะ วิ่งใช้งานได้ทั่วทุกที่ในโลกนี้(international) ถ้าจะแก้ไขเพิ่มเติมคงต้องเปลี่ยนเซนเซอร์ตัดต่อการทำงานของพัดลมเครื่อง ให้ต่อเร็วขึ้นอีก15-20 องศาจากของเดิม ไม่รู้ว่าของจีพจะมีให้เปลี่ยนหรือเปล่า (วิธีนี้ใช้กับของเบ้นซ์ มีให้เลือกเปลี่ยน 2 สี คือเซนเซอร์ตัวสีแดงกับสีเทา) อีกวิธีหนึ่งคือต่อตรงเหมือนอย่างที่ Dr.jeep แจ้งไว้ต่อขนานคู่กับพัดลมแอร์ให้ทำงานพร้อมกันเมื่อเปิดแอร์ เพราะคนออกแบบส่วนใหญ่จะให้พัดลมสปีดที่หนึ่ง(กรณีมีตัวใหญ่ตัวเดียว)เริ่มทำงานเมื่อคนรู้สึกร้อนจึงเปิดแอร์(คนเป็นเซ็นเซอร์ตัวที่1) ส่วนสปีดที่สองหรือตัวที่สองจะเริ่มทำงานเมื่อเครื่องร้อนถึงจุดที่เซนเซอร์กำหนดไว้ สรุปดังนั้นถ้าจะดัดแปลงก็ทำได้ที่สปรีดที่สองหรือพัดลมตัวที่สองนี้ โดยไม่ต้องรอให้ความร้อนสูงถึงจุดนั้นแล้วพัดลมค่อยทำงาน เพราะมันอาจจะระบายความร้อยได้ไม่ทัน.....ใจขาโจ๋ทั้งหลาย

คำตอบที่ 14
       ถามหนอนและพี่ขนมิ้ง...ตอนช่างถอดกันชนออกมาแล้วไม่ได้ติดตั้งตัววัดอุณหภูมิ ด้านหน้าขวารถ...แต่ได้ม้วนสายวัดไว้บริเวณใต้ไฟหน้า.....รถมักจะขึ้น SC บ่อยๆเวลาเครื่องร้อน ผมก็เลยดึงมาผูกไว้ใต้กันชน อุณหภูมิที่แจงบนกระจกมองหลังจะลดต่ำลง....เหลือเท่ากับอากาศปกติ ไม่ทราบว่าผมทำถูกไหม และที่ตำแหน่งเดิมของมันนี่ อยู่ที่ไหน....

คำตอบที่ 15
       อืม...4.0L มีตัววัดอุณหภูมิ 2.5L ไม่มีครับ
ขอตอบว่าไม่ทราบจริงๆ ลองดูของ 4.0L ด้วยกันที่เดิมๆก่อนดีมั๊ยครับ

คำตอบที่ 16
       ควรจะต่อไว้นะพยายามให้อยู่ใกล้ๆต่ำแหน่งเดิม เพราะรุ่น 4.0 L จะมีจอวัดดูอุณหภูมิอากาศภายนอกรถ แต่เซนเซอร์ตัวที่สำคัญกว่าและควรระวังอย่างมากคือ เซ็นเซอร์ของระบบถุงลม(airbag) พยายามอย่าไปยุ่ง,เคลื่อนย้าย,ทำให้กระทบกระเทือน(ในขณะที่ไม่ได้ถอดขั้วแบตฯหรือไม่ได้ปิดสวิทกุญแจ) เพราะไม่เช่นนั้นอาจต้องเสียเงินซื้อถุงลมมาใส่ไหม่โดยไม่ได้ใช้ประโยชน์เลย.

คำตอบที่ 17
       ขนมิ้งมีปัญหาความร้อน และน้ำมันก็แพงขายเลยดีไหม

คำตอบที่ 18
       ของพี่ขนแมววิ่งได้กี่โลลิตรครับ ของผมถ้าในเมือง 6 กม/ลิตร ต่างจังหวัด 7.5-8 กม ลิตร ยอมรับได้ถ้าเทียบกับรถอื่นนะ

คำตอบที่ 19
       ขนแมวเค้าเท้าหนัก ชอบทำตัวเป็นวัยรุ่นใจร้อนวิ่งได้น้อยกว่าคุณนพนิดหน่อย ตอนนี้ขนแมวได้แต่รอเจ้าเสือ 4 ประตู(1 KZ) ว่าเมื่อไรจะออกมาสักทีใช่ไหม?รู้ทันหรอกน่า......แล้วจะสืบหาข่าวมาให้นะ.

คำตอบที่ 20
       คุณนพ รถผมวิ่งได้ 5-5.5 km/L และเสียงรถดังมากฟังเพลงในรถไม่ค่อยได้ยินเลย อาจเป็นเพราะไม่ได้ใช้ cat ของมันหรือเปล่า ขนมิ้ง jeep ใช้ดีอยู่แล้ว
ขับมันดี ได้ข่าวมาจากไหนเรื่อง เจ้าเสือ 4
กระสุน ยังเฝ้าอ่านอยู่หรือเปล่าปรากฏตัวหน่อย

คำตอบที่ 21
       Had the radiator cleaned inside ?

คำตอบที่ 22
       คุณ yukyik รถผมตอนเปลี่ยนหม้อน้ำใหม่ + ปั้มใหม่ + วาวล์ใหม่ น้ำยาหม้อน้ำก็เติม ก็ร้อนครับ มีอีกอย่างที่ยังไม่เปลี่ยนก็คือ เลปียนรถใหม่ นี่แหล่ะ

คำตอบที่ 23
       Extra electric fan and ทำใจ. Similar to a fuel consumption of 6 to 8 kms/litre. With that 190 horses, these are the prices. May be a thicker radiator, if there is space ?

คำตอบที่ 24
       ไม่ทราบว่าความร้อนที่สูงขึ้นเกิดตอนอยู่ในป่าหรือเปล่าครับ และเคยมีใครแนะนำให้ไปเปลี่ยนหม้อน้ำ ให้ใหญ่ขึ้น หรือขยายช่องหม้อน้ำหรือเปล่า แต่วีธีนี้ใช้กับหม้อน้ำที่ถูกใช้งานมานานอาจเกิดการอุดตันทางเดินของน้ำเดินไม่สะดวก(แต่อาจจะสังเกตุครีบของหม้อน้ำดูก่อนว่าสภาพยังตั้งตรงหรือเปล่าเพราะมีผลกับการระบายความร้อนด้วย)