คำตอบที่ 1
       ได้เพื่อนได้สำผัสธรรมชาติ ได้ลุ้นได้เมาและอีกหลายๆอย่าง

คำตอบที่ 2
       ผมว่า มันได้ ตรง ความ แปลกใหม่ ของชีวิต โดยที่ บางคน อาจจะไม่ได้ สัมผัส หรือไม่มีโอกาสได้ สัมผัส ในบางมุมของการ ท่องเที่ยว แบบ Off Road ผมเองยอมรับว่า บางครั้ง ก้อกลัว เหมือนกัน เวลา เจอเส้นทางที่ เราไม่เคยไปและเส้นทาง ก้อไม่รู้ว่าขับตรงไปข้างหน้ามันจะไปติดหรือ มีอุปสรรค อะไรหรือเปล่า แต่ พอผ่านมาได้ เราจะกลับออกมาด้วย ความประทับใจ ทั้งลุ้น ทั้งกลัว แต่ก้ออยากไปต่อ อะไรประมาณนี้อ่ะครับ ไม่รู้ ว่ามัน มี เสน่ห์ ตรงไหน นะครับ แต่ ผมหลงเสน่ห์ ไปแล้วหละครับ

คำตอบที่ 3
       เสนห์ offroad อยู่ที่ เส้นทาง สถานที่พักแรม และ ที่ขาดไม่ได้คือเพื่อนที่รู้ใจซึ่งกันและกัน

คำตอบที่ 4
       เสน่ห์ของมันคงจะเป็นการที่เราทำอะไรแล้วได้ความตื่นเต้น ทำให้ต่อมใต้สมองหลั่งสารเอ็นโดฟีน(endophin)(สารแห่งความสุข) ที่เวลาเราไปทำอะไรที่หวาดเสียว เสียงตายแล้วกลับออกมาได้ มันจะรู้สึกประทับใจ แล้วพอนึกถึงก็จะมีความสุข การเล่นออฟโรด ก็เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่ทำร่างกายเราหลั่งสารนี้ออกมา มันเลยทำให้คนที่เข้าร่วมกิจกรรมแล้วถอนตัวไม่ขึ้น(เหมือนติดยาเสพติด) แล้วก็เวลาออกทริปก็อยากจะให้เจออุปสรรค์ แล้วก็ปัญหา ใช้ความคิดในการแก้ปัญหา ได้แลกเปลี่ยนทัศนคติ พูดคุยการแก้ปัญหาของแต่ละคน มันเป็นการได้อรรถรสในการออกทริป เพราะบางครั้งทุกเสี่ยวนาทีของการเดินทางมันก็หมายถึงชีวิตของพวกเรา แล้วแต่ว่าเราจะเลือกมัน แต่ออฟโรด จะไม่ค่อยสร้างความอันตรายถึงชีวิตเหมือนพวกขับรถซิ่ง เพราะถึงบางครั้งรถเราจะพลิก จะคว่ำ แต่ก็เพียงบาดเจ็บแค่เล็กน้อย ผลพลอยอย่างหนึ่งก็คือเราสามารถเข้าไปสัมผัสธรรมชาติได้ใกล้ขึ้น (ผมยอมรับว่าเป็นผลพลอยนะครับในการได้เข้าไปสัมผัสธรรมชาติ เพราะบางครั้งเราหมดเวลาในการเดินทางมากกว่าเวลาที่เราใช้เวลาชื่นชมธรรมชาติ) ทั้งหมดนี้เป็นเพียงความคิดเห็นของผมนะครับ มุมมองของหลายๆ ท่านอาจจะไม่เป็นอย่างที่ผมคิด นะครับ ผมขอแสดงทัศนคติส่วนตัวของผมเองนะครับ และก็อยากรับฟังทัศนคติจากเพื่อนๆ ออฟโรด ด้วยนะครับ

คำตอบที่ 5
       ถามนิดเถอะครับบรรดานักขับรถทั้งหลายบางคนเคยขับมา ขับรถมามากแล้วเคยมีประสบการ์ณเช่นนี้บ้างไหม
ขับรถยกล้อย,ทดสอดสมรรถนะของรถของคนขับว่าเรามีความสามารถฟันฝ่าอุปสรรคต่าง ๆ ที่พบไปได้พอไปถึงจุดหมายปลายทางบรรดาพวกสุภาพบุรุษก็มาสุมหัวกันพิจารณาแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นหรือมาซ่อมแซมส่วนที่ชำรุดทั้ง ๆ ที่ก่อนมาก็ตรวจเชคกันแล้วส่วนบรรดาสุภาพสตรีและเด็กๆก็เดินชมธรรมชาติสัมผัสธรรมชาติไปแต่ทั้งนี้และทั้งนั้นทั้งหมดที่เราทำไปจะพยายามรักษาธรรมชาติไว้ให้มากที่สุดเพราะว่าเราไม่ได้ไปครั้งเดียวแล้วเลิกเราต้องไปอีกและเมือไปแล้วเราขอให้มันอยู่ในสถาพเดิมเพราะเราต้องไปอีกยกตัวอย่างเช่นเขา 15 ชั้นเราทราบจากเจ้าหน้าที่ว่าจะพัฒนาให้เป็นเส้นทางที่ดีเปิดโอกาสให้รถทั่วไปเข้าไปได้(เราไม่ได้เห็นแก่ตัวนะแต่เราเสียดายธรรมชาติที่กำลังจะหมดไป)เพราะถ้าคนเข้าไปมากควบคุทดูแลลำบากก็เป็นธรรมดาที่จะเสื่อมโทรมลงแต่ถ้าเข้าไปน้อยๆ อย่างที่เราเข้าไปมันก็จะควบคุมง่าย แต่อย่างว่าละครับนานาจิตตัง บางคนชอบคนดำ บางคนชอบคนขาวบางคนชอบคนอ้วนจะว่ากันไม่ได้แต่ละคนย่อมมีเหตุผลของตนเอง แต่พวกชอบเสน่ห์ของ OFFROAD เสียแล้วยังไงก็ต้องเป็นอย่างทุกวันนี้

คำตอบที่ 6
       1.ได้ใช้รถ4WDอย่างคุ้มค่า
2.ได้รู้จักพี่ๆเพื่อนๆและกลุ่มบุคคลที่รักการเดินทางท่องเที่ยว
3.ได้ความสามัคคีช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
4.ฯลฯ

คำตอบที่ 7
       สำหรับกับตัวผมเอง เสน่ห์ของoffroadคือ มิตรภาพ ความรัก ความสามัคคี จะบังเกิดขึ้นได้เพียงชั่วข้ามคืน จากคนที่มาต่างทิศ ต่างที่ แล้วมาเจอกันได้ร่วมทริปกัน เพียงชั่วข้ามคืนเดียวจริงๆครับ

คำตอบที่ 8
       เวลากลางคืน นั้งล้อมรอบกองไฟ นั้งสนทนาเส้นทางที่เข้ามา จิบของมืนเมาที่เราชอบ เนื้อย่างบนกองไฟ กลิ่นควันฟืน และที่สำคัญนั้งข้างๆคนรู้ใจ........

คำตอบที่ 9
       นั้งที่เดิมที่พี่ดอนแม่เรวาเค้านั้งเมื่อคืน แต่ตอนเช้า จิบกาแฟ ข้างกองไฟที่ใกล้มอด แกล้มบรรยากาศยามเช้า นั่งดูสายน้ำไหลเอื่อยๆ เสียงนก กลิ่นน้ำค้าง เมฆสีแดงเมื่อต้องแสงอาทิตย์ ปล่อยให้เวลาผ่านไปช้าๆ คนรู้ใจ(ของคนอื่น)เริ่มหุ่งข้าวต้มแสนอร่อย พร้อมกับปรารภออกมา "ไอ้พวกกินเหล้าเมื่อคืนเนี้ย เอาทัพพีตักข้าวไปไว้ไหน(ว่ะ) แล้วเมื่อไหร่จะตื่นสักที(โว๊ย)"

คำตอบที่ 10
       ผ่านมาเป็นปีแล้วยังขำตัวเองอยู่เลย ตอนไปงมหาปลาในร่องV ที่บ่อดินอะ...

คำตอบที่ 11
       เมื่อตอนยังไม่ได้มาสัมผัส... แรก ๆคิดว่าทำไมรถ เค้าไม่ชอบวิ่งบนถนนนะ ทำไมต้องให้มอมแมมด้วยม่ายค่อยรักรถกันเลยแฮะ
แต่พอมาได้สัมผัสแล้ว....1ครั้ง...2ครั้ง...3ครั้ง....รู้สึกประทับใจ และบอกกะตัวเองว่า นี่หล่ะสิ่งที่เราเฝ้าหามานาน ...มิตรภาพ... ประทับใจมาก ๆ เจ้าค่ะ
มีสุขก็สุขด้วยกัน มีทุกข์ก็ไม่ทิ้งกัน มอมแมมก้อมอมแมมด้วยกัน อดนอนก็อดนอนด้วยกัน หิวก้อหิวเหมือนกัน อิ่มก้ออิ่มด้วยกัน ถึงจะเหนื่อยแต่ก้อเปี่ยมด้วยรอยยิ้มที่จริงใจ และก้อมีความสุข จริงมั้ยเจ้าคะ นี่แหล่ะเจ้าค่ะ เสน่ห์ของออฟโรด ...จากสมาชิก คนหนึ่งซึ่งมีความประทับใจออฟโรด ไม่รู้ลืม (โอ้โฮ! ซึ้งจริง ๆแฮะ)

คำตอบที่ 12
       ได้วางแผนโกหกเมียเวลาไปแต่งองค์ทรงเครื่องตัวรถมาไงล่ะ

คำตอบที่ 13
       ผมออกทริปครั้งแรกเมื่อตอนงาน OffRoad Caravan ครั้งที่ 1 ครับจาก กทม.ไป ห้วยแม่ขมิ้นครับ คืนแรกนอนในเมืองมีการสาธิตอบรมการขับออฟโรดเบื้องต้นครับ รู้สึกตื่นตาตื่นใจมาก มีคนเข้าร่วมขบวนมากมายครับ
แต่มาประทับใจวันที่สองตอนเดินทางเข้าห้วยแม่ขมิ้นแล้วออกไปทางพระพุทธรูปขาว
ช่วงนั้นฝนตกจึงแบ่งกลุ่มเป็นสองกลุ่ม เส้นทางง่ายกับเส้นทางลุย รถผมตอนนั้นเป็นโรดิโอครับ ไม่มีวินซ์ เจ้าหน้าที่ให้ไปทางง่าย ส่วนพี่อีกคนใช้เกียให้ไปเส้นยาก(ด้านหลังน้ำตก แต่ก่อนมาป้าขายไก่) ผมติดต่อกับพี่อยู่ตลอดเพราะเราเป็น VR ด้วยกัน ได้รับแจ้งมาว่า เส้นทางยากรถติดกันหลายคัน ผมเลยรอตรงแยกแล้วสมทบกับอีกหลายคันเข้าไปช่วยกัน สนุกมากครับ จนมืดค่ำยังไม่ทะลุถนนดำเลย ผมจำไม่ได้ว่าถึงถนนดำเมื่อไหร่ แล้วก็วิ่งย้อนมานอนที่ปราสาทเมืองสิงห์ เกือบเทที่ยงคืนมั๊งครับ เป็นที่มาของกลุ่มออฟโรดกลุ่มหนึ่งที่มีความผูกพัน ช่วยเหลือกันออกมาเมื่อครั้งนั้น
เป็นความประทับใจครั้งแรกของการใช้รถประเภทนี้และท่องเที่ยวแบบนี้ครับ
ผมจึงมองว่าเสน่ห์ของออฟโรดน่าจะอยู่ตรงนี้มากกว่าการเอาชนะกันหรือโชว์ออฟว่าตัวเองเก่งกว่าคนอื่นครับ
(ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ถ้าไม่ตรงความคิดท่านใดก็ขอพระอภัยมณีมา ณ ที่นี้ครับ)

คำตอบที่ 14
       อ่านแล้วชื่นใจค่ะ นี่แหละค่ะคนแบบเราๆ ชาวออฟโรด เอาอีกๆๆๆๆ จะอ่านอีกๆๆๆ

คำตอบที่ 15
       มันเป็นอะไร ๆที่ทำให้จิตใจตัวเอง ดีขึ้น จากเคยจำเจอยู่กับที่ทำงาน ได้สัมผัสธรรมชาติ พบเจอเพื่อนฝูงที่มีน้ำใจ รถไม่ติดเหมือนในสถานที่ท่องเที่ยว ที่รถปกติเข้าได้ คิดว่าดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆครับ

คำตอบที่ 16
       ขนาดขับระมัดระวังสุดๆเคยพลิกตกดอยมาแล้ว2ครั้ง (ที่ตะกอคะกับชิแบร์)แต่ยังไม่เข็ดและจะไม่ประมาท

คำตอบที่ 17
       ผมว่ามันเป็นอะไรบอกไม่ถูกทั้งๆที่มันแสนจะลำบาก แต่ก็เป็นสุขใจ ยิ่งเราได้เข้าไปช่วยเหลือ เข้าไปแบ่งปันในสิ่งที่พวกเข้าไม่มี ถึงจะลำบากแค่ไหนเราก็เป็นสุขที่ได้เข้าไปจนถึง ได้เห็นรอยยิ้มจากพวกเขาที่รอคอยพวกเราอยู่

คำตอบที่ 18
       มันเป็นการพักผ่อนอีกแบบหนึ่งที่จะหาได้ ซึ่งต้องใช้ความยากลำบากและมีใจ ในการเข้าไปหา ต้องผจญภัยไปกับเส้นทาง ได้สัมผัส/ประทับใจกับคนต่างๆที่ได้พบ ได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน กินข้าวดื่มสังสรรค์ร่วมกัน และที่สำคัญที่สุด ก้อรางวัลของการเดินทางในรูปแบบนี้....คุณได้เห็นได้สัมผัสกับธรรมชาติจริงๆ (ไม่ใด้จัด ตกแต่งไว้ให้คนมาชม), สีเขียวๆของแมกไม้, ลำธาร, น้ำตก, ภูเขา และอื่นๆๆๆอีกมากมาย ซึ่งก็เพียงพอให้เรากลับไปด้วยความทรงจำ และ ภาพถ่ายที่สวยงามสำหรับการพักผ่อน และสุดท้าย ถึงแม้ว่าจะต้อง...กลับมา...ซ่อม/แต่งรถ ครั้งแล้วครั้งเล่าก็ยังไม่เข็ด.
นี่เป็นความรู้สึกส่วนตัวนะ (ขอออกตัวไว้ก่อน)

คำตอบที่ 19
       เราไม่มีรถออฟโรดนะ แต่เราชอบรถออฟโรดเป็นชีวิตจิตใจเคยคิดอยากจะซื้อรถออฟโรดแต่ตังค์ไม่มีก็เลยอาศัยชาวบ้านเค้าไปก่อนและได้มีโอกาสไปออก trip กับชาวออฟโรดสนุกมากและได้เพื่อนใหม่เยอะเลยทุกคนที่ไปมาจากหลากหลายที่ทำงานต่างกันแต่ทุกคนไปด้วยจุดประสงค์เดียวกันและที่สำคัญคือความเป็นเพื่อนยังคงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้

คำตอบที่ 20
       ขอเพิ่มเติมอีกนิดพอดีไปอ่านเจอจากบทความที่เพื่อนผมเขียนไว้ เลยเอามากฝากให้อ่านดู (คลิกดูที่นี้)http://www.vrhex.com/article_rbj/showquestion.asp?faq=32&fldAuto=102

คำตอบที่ 21
       เมื่อเจออุปสรรค์ทุกคนทุกคันในกลุ่มจะลงมาช่วยกันแก้ไข เลยตอบกับตัวเองว่าอุปสรรค์มีไว้ให้แก้ครับ และชัยชนะของทุกคนก็คือชัยชนะของผมด้วยครับ ที่สำคัญพวกเราหัวเราะกับมันได้เสมอครับ

คำตอบที่ 22
       ได้รับความมีน้ำใจของเพื่อนๆพี่ ในการช่วยเหลือเมื่อมีปัญหา ถึงแม้จะไม่รู้จักกัน เพียงแต่ใช้ Offroad ด้วยกัน ก็บ่งบอกได้ว่าหัวใจเดียวกัน ( แต่งบต่างกัน ) และความ เป็นสุภาพบุรษ พร้อมให้ความช่วยเหลือเสมอ

คำตอบที่ 23
       มันอยู่ที่ ว่า ยังงัย ถ้าท่องเที่ยว นั้น ป๋ม ชอบที่ จะออกไป ซิ่งรถ ตกปลา ล่าหญิง หรือ ดำน้ำ เป็น ต้น

ถ้า หมายถึง รถ นะผมได้ขับรถ 4WD พา ทหารส่งโรงพยาบาล 21 นาย วิ่งกลางฝน 3 เที่ยว ไปกลับ ร.พ. และ พท.ฝึก รวม 30 Km ต่อการไปกลับ 1 ครั้ง
วิ่่ง ด้วย 4H ความเร็ว สูง 120-140 Km กลางฝน ครับ
มั้น ใจมาก ช่วย ชีวิต พวกเขาได้ทั้งหมด โดยผม ต้อง
เติมน้ำมัน เอง ไม่เป็น ไร หยวน กันได้
นี่ละ ผมถึง ชอบ ไอ้ OFFROAd 4WD ของ ปม มาก

คำตอบที่ 24
       เฮ้ย ! เนินมันสูง ชันขนาดนั้นจะไปได้หรือวะ ข้างหน้ามีลำธารขวางอยู่จะรอดเปล่าเนี่ย นี่เป็นความคิดแรกที่ได้เคยสัมผัสกับ off road ในตอนแรกกันรถเดิมๆ(คันเก่า) แต่แล้วมันก็พาเจ้าของมันไปได้ทุกที่ ที่เราอยากจะลุยเข้าไปพร้อมกับเพื่อนรู้ใจ ไม่ว่าใครจะมีปัญหาอะไรเราต้องร่วมมือร่วมใจกันแก้ไขอุปสรรคนั้นให้ผ่านพ้นไปให้ได้ ผมว่าความรู้สึกแบบนี้ไม่มีทางจางหายไปจากใจของพวกเราแน่นอน

คำตอบที่ 25
       การที่เราออกมาใช้ชีวิต กลางธรรมชาติ กับความไม่แน่นอนของธรรมชาติ คือเสน่ห์ของรถ ที่จะเอาชนะอุปสรรคเหล่านั้นได้ rain forest all seasons

คำตอบที่ 26
       การที่เราออกมาใช้ชีวิต กลางธรรมชาติ กับความไม่แน่นอนของธรรมชาติ คือเสน่ห์ของรถ ที่จะเอาชนะอุปสรรคเหล่านั้นได้ rain forest all seasons

คำตอบที่ 27
       ทำให้เกิดความมั่นใจ ว่าต้องผ่านอุปสรรคข้างหน้าไปให้ได้ (ซึ่งสามารถใช้ได้กับชีวิตประจำวันในการตัดสินใจ) มีความเป็นระเบียบ (ไม่แซงคิว) สามารถเป็นตัวอย่างสอนเด็ก ๆ ที่ไปด้วยไปในตัว ได้เพื่อนที่เอื้ออาทรต่อกัน ทั้งๆ ที่ไม่ค่อยสนิทกันเท่าใดนัก (ยามลำบาก) ที่สำคัญ ได้พบในสิ่งที่ไม่เคยได้พบครับ

ตานก

คำตอบที่ 28
       ผมชอบที่จะได้ลองทุกอย่างเท่าที่จะมีโอกาศ อย่างน้อยเพื่อได้บอกตัวเองว่าเราไม่ได้พลาดอะไรที่ดีๆ แต่มาลองตรงนี้แล้วบอกได้เลยว่าครบทุกรสชาติครับ มีกำลังใจทำงานรอวันที่จะได้เที่ยวป่าตามแบบของเราๆ

คำตอบที่ 29
       คุณ น้ำตาลทำไมเปิดกระทู้แล้วไม่เข้ามาดูหรือ สรุปอีกเลยละครับ

คำตอบที่ 30
       คุณ งง ๆ
ถ้าคุณ อ่านคำตอบที่ 14 จะเห็นว่า คุณ น้ำตาล ก็เป็นคนหนึ่งที่ ชอบออฟโรด เหมือนกัน และที่ตั้งกระทู้มาก็เพียงอยากดูว่า เพื่อน ๆ ในเวปบอร์ดนี้ชอบเหมือนกันหรือไม่..
..เค้าอาจจะเข้ามาอ่านเป็นระยะ ๆ ก็ได้เพียงแต่ไม่ได้โพสท์ข้อความอะไร.. ขอเถอะครับ ตำหนิติเตียนอะไร ก็น่าจะอ่านกระทู้ให้ระเอียดซักหน่อย ..