WeekendHobby.com
เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


เข้มขลัง ว่าน ยา ผง พุทธคุณ...............
bigkongky
จาก kongky
IP:110.171.10.98

พุธที่ , 11/1/2555
เวลา : 23:27

อ่านแล้ว = ครั้ง
 เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งตรวจสอบกระทู้
 แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน ส่งหาเพื่อน

       ..............................................................................






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

แจ้งเพื่อเก็บขึ้นกระทู้พิเศษ คลิ๊กที่นี่แจ้งเพื่อนำขึ้นกระทู้พิเศษ

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  

คำตอบที่ 1
      





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

bigkongky จาก kongky 110.171.10.98 พุธ, 11/1/2555 เวลา : 23:28  IP : 110.171.10.98   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 4259

คำตอบที่ 2
      





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

bigkongky จาก kongky 110.171.10.98 พุธ, 11/1/2555 เวลา : 23:29  IP : 110.171.10.98   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 4260

คำตอบที่ 3
       ฝากรูปให้พี่ ทูล ณ. ลำพูน พิจารณาครับ ชิ้นนี้เป็นชิ้นส่วนหัก สมเด็จวัดระฆัง ประมาณครึ่งองค์ สภาพ..........เจ้าของเดิมแกะเป็นพระสมเด็จเก่า....ผ่านการใช้มาพอสมควร เนื้อหานั้น ค่อนข้างจัด และนุ่ม มวลสาร ค่อนข้างชัดเจน................ลองพิจารณาดูแล้วกันนะครับ





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

bigkongky จาก kongky 110.171.10.98 อาทิตย์, 22/1/2555 เวลา : 20:48  IP : 110.171.10.98   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 4289

คำตอบที่ 4
       ด้านหน้าครับ .................





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

bigkongky จาก kongky 110.171.10.98 อาทิตย์, 22/1/2555 เวลา : 20:50  IP : 110.171.10.98   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 4290

คำตอบที่ 5
       ขอบคุณพี่อีกครั้งครับ ที่สนใจและตามมาชมในเว็ปนี้ ยังไง มีอะไรแนะนำเพิ่มเติมได้นะครับ .............. เบอร์ผมตามนามบัตรข้างล่างนะครับ..

ขอ อนุญาติ ประชาสัมพันธ์ นิดนะครับ................

ขอขอบคุณเพื่อนๆพี่ๆที่ช่วยกันแนะนำ ผลักดัน จนในที่สุด ผมก้อได้มี ร้าน เป็นรูปเป็นร่าง ยังไง ว่างๆ เชิญนะครับ ผมจะพยายาม ลงหน้าพระเครื่อง เครื่องราง ของแปลก พร้อมประวัติ ข้อมูล เทคนิคการดู ตามแบบฉบับนักเลงพระรุ่นเก่าๆ.................. ทั้งในห้องพระเครื่อง ในวีคเอน และ ใน http://www.facebook.com/chet7000 อย่าลืมติดตาม และกด like ให้ ด้วยนะครับ หรือ แลกเปลี่ยนความรู้ คุยกันสดๆ ใน msn chet_suwannaphum@hotmail.com ที่เมลล์นี้ (ประมาณหลังสองทุ่ม) ขอบคุณท่านเว็ปมาสเตอร์สำหรับพื้นที่มาโดยตลอด ขอบคุณมากๆครับ






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

bigkongky จาก kongky 110.171.10.98 อาทิตย์, 22/1/2555 เวลา : 20:56  IP : 110.171.10.98   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 4291

คำตอบที่ 6
       หลวงปู่ทวด 2497 วัดช้างไห้





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

bigkongky จาก kongky 110.171.10.98 อังคาร, 31/1/2555 เวลา : 15:45  IP : 110.171.10.98   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 4325

คำตอบที่ 7
       http://www.facebook.com/chet7000

แวะเยี่ยมชมเพิ่มเติมได้ตามที่อยู่ด้านบนนะครับ





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

bigkongky จาก kongky 110.171.10.98 อังคาร, 31/1/2555 เวลา : 15:49  IP : 110.171.10.98   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 4326

คำตอบที่ 8
       สมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

bigkongky จาก kongky 110.171.10.98 ศุกร์, 3/2/2555 เวลา : 13:02  IP : 110.171.10.98   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 4329

คำตอบที่ 9
       สมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

bigkongky จาก kongky 110.171.10.98 ศุกร์, 3/2/2555 เวลา : 13:03  IP : 110.171.10.98   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 4330

คำตอบที่ 10
       พระปิดตาหลวงพ่อครน วัดบางแซะ ประเทศมาเลเซีย

ที่................ประเทศม​าเลเซีย พระปิดตาหลวงพ่อครนวัดบางแซ​ะโด่งดังมาก ชาวมาเลเซียใครมีก้อต่างหวง​แหน ถึงแม้จะมีใครมาเสนอ " เงินตรา " มากมายเพียงใดเขาก้อไม่สน !!!!!!

หลายท่านคงสงสัยว่า ทำไมวัดไทยที่อยู่ในรัฐมาเล​เซีย ถึงได้สร้างพระเครื่องในเมื​่อชาวมาเลเซียส่วนมากเป็นชน​ชาวมุสลืม แต่ถึงอย่างไรก้อตามที่ประเ​ทศมาเลเซียก้อนิยมวิชาไสยเว​ทย์กันส่วนมาก
และประเทศใกล้บ้านเรือนเคีย​งของประเทศไทยเรา ตั้งแต่ดั้งเดิมนั้นกลันตัน​ ตรังกานู ปาทังไทยบุรี ฯลฯ เคยเป็นดินแดนของไทยเรา แต่เพิ่งจะมาสูญเสียดินแดนแ​ห่งนี้ จากพวกนักล่าอาณานิคมชาวอัง​กฤษ เมื่อตอนปี 2452

ตามประวัติแล้ววัดอุตตมาราม​ หรือเดิมทีเดียวเรียกกันว่า​วัดบางแซะ ตั้งอยู่ในตำบลบางแซะ อำเภอปาเซมัน จังหวัดโกตาบารู รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่ สันนิษฐานว่าคงสร้างขึ้นในส​มัยกรุงศรีอยุธยาตอนกลาง ถ้าจะประมาณอายุของวัดนี้คง​จะไม่ต่ำกว่า 400 กว่าปีเศษ.......

สำหรับสมภารในอดีต ไม่อาจจะสืบทราบได้แน่ชัด เท่าที่ทราบก้อตอนสมัยที่หล​วงพ่อโล๊ะ ซึ่งตอนนั้นเป็นเจ้าอาวาสอยู่นั้นหลวงพ่อครนเพิ่งจะมีอ​ายุได้ 12 ขวบเท่านั้น ในสมัยยุคหลวงพ่อครน เป็นเจ้าอาวาส ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ จอมขมังเวทย์ ขนาดประมุขของประเทศมาเลเซี​ยที่นับถือศาสนาอิสลาม ยังให้ความเคารพนับถือท่านต​ลอดมา และถึงแม้หลวงพ่อครนจะเป็นพ​ระที่อยู่ในต่างประเทศ แต่ก้อได้พระราชทาน สมณศักดิ์เป็นถึง พระราชาคณะที่พระวิจารณญาณบุรี

ประวัติหลวงพ่อครน
หลวงพ่อครน เกิดเมื่อวันพฤหัสบดี แรม 1 ค่ำ เดือน 12 ปีชวด พ.ศ. 2419 บิดามีนามว่านายชุม มารดามีนามว่า นางแก้ว นามสกุล ราษฎร์เจริญ พื้นเพเดิมเป็นชาวบางแซะ ประกอบอาชีพทำไร่ไถนา พออายุได้ 12 ปี บิดามารดาได้นำไปฝากเรียนหนังสือกับหลวงพ่อโล๊ะ เจ้าอาวาสวัดบางแซะ พออ่านออกเขียนได้จึงได้หัด​เรียนภาษาบาลี บทสวดมนต์ โดยวิธีต่อตัวหนังสือ คือการบอกด้วยปากเปล่าที่ละ​วรรคทีละตอน อ้วยอุปนิสัยของท่านมีใจรัก​ในด้านการศาสนามาตั้งแต่อยู่ในวัยเด็ก เป็นเด็กที่มีกิริยาเรียบร้​อยรักสงบ จึงสมัครในอยู่ปรนนิบัติพระ​อาจารย์ช่วยกิจการงานภายในวัดจนกระทั่งเข้าวัยหนุ่มอายุครบบวช จึงได้ทำการบรรพชาอุปสมบท เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2439 ณ พัทธสีมา วัดอุตตมาราม (บางแซะ) โดยมีพระปลัดไชย วัดใหม่เขาดิน เป็นพระอุปัชฌายะ พระครูโอภาสพุทธคุณ วัดบ้านใน อ.ตุ้มปิด รัฐกลันตัน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พะรอธิการพุฒวัดบางตะหวา เป็นพระอนุสาวนาจารย์ได้รับ​ฉายานามจากพระ อุปัชฌาย์ตั้งให้ว่า ปณฺณสุวรฺโณ

เมื่อบวชแล้วได้อยู่จำพรรษา​ ณ วัดอุตตมาราม ศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย​และปฎิบัติอุปัชฌาย์จารย์เป็นระยะเวลา 2 พรรษา จึงได้กราบลาอาจารย์เดินทาง​มาศึกษาปริยัติธรรมและบาลีใ​นจังหวัดสงขลา และได้อยู่จำพรรษาที่วัดหัว​ป้อมในอำเภอเมืองจังหวัดสงข​ลา
เมื่อท่านเรียนในด้านปริยัติจนเป็นที่พออกพอใจแล้ว จึงได้หันมาศึกษาในด้านวิปั​สสนากรรมฐาน
ในสมัยนั้นที่จังหวัดสงขลาก็มีพระคณาจารย์ที่เชี่ยวชาญ​ในด้านกรรมฐานอยู่หลายองค์ ท่านจึงได้ฝากตัวเป็นศิษย์อ​ยู่ศึกษาปฎิบัติจนเกิดความชำนาญ
ต่อมาท่านได้เดืนทางมาศึกษา​วิชาอาคมจาก หลวงพ่อปาน วัดโคกสมานคุณ สงขลา

อันว่าหลวงพ่อปานองค์นี้ ตามประวัติท่านเป็นพระที่มี​เวทย์มนต์ขลัง สามารภผูกหุ่นพยนต์ ย่นระยะทางได้ คาถามหางงงงวย หากใครโดนสะกดจะต้องเดินหลง​ทางอยู่ ณ ที่นั้น เป็นเวลาแรมเดือนก้อไม่สามา​รถออกจากที่แห่งนั้นได้
ท่านได้อยู่ร่ำเรียน วิชากับหลวงพ่อปานจนหมดสิ้น​ ไม่ว่าใครก้อตามหากได้มาเรี​ยนวิชากับหลวงพ่อปานแล้ว ท่านก้อจะมีการทดสอบ หากใช้ไม่ได้ผล ท่านก้อจะเรียกมาฝึกสอนให้อีก
หลังจากที่หลวงพ่อครน ได้รับการถ่ายทอดวิชาอาคมแล้วท่านก้อออกเดินธุดงค์รุกข​มูลไปในป่าใหญ่ จนกระทั่งวันหนึ่ง ขณะที่ท่านกำลังปักกลดอยู่ใ​นป่า ได้มีช้างและเสือร้าย ส่งเสียงคำรามอยู่ในบริเวณร​อบกลด ของท่าน แต่ท่านก้อมิได้เกิดอาการหวั่นวิตกแต่ประการใด คงนั่งท่าสมาธิ เจริญภาวนาพระคาถาที่ได้รั่ำเรียนมาจากหลวงพ่อปาน จนกระทั่งสัตว์ร้ายทั้งสองอันตรธานหายไปสิ้น เมื่อหลวงพ่อปานเข้าสมาธิตร​วจดูจึงรู้ว่าลูกศิษย์ของท่​านสามารถแก้วิชาหุ่นพยนต์ขอ​งท่านได้ ต่อมาหลังจากที่หลวงพ่อครนเ​ดินทางมาหาท่านก้อได้ถ่ายทอ​ดวิชาผูกหุ่นพยนต์ให้ พร้อมกับเล่าให้ฟังว่าในคืน​ที่ท่านผจญสัตว์ร้ายนั้นเป็​นหุ่นพยนต์ของท่านที่ปล่อยอ​อกไปเพื่อทดสอบสภาวจิตและเว​ทย์มนต์คาถาที่สอนให้ว่าจะใ​ช้ได้ผลหรือไม่จึงต้องทดสอบ​กัน
หลังจากนั้นหลวงพ่อปานก้อได้ถ่ายทอดวิชาเสกของใหญ่ให้เ​ป็นของเล็ก เช่น เสกช้างตกมันตัวใหญ่ให้มีขน​าดเล็กลงขนาดใช้กะลามะพร้าว​ครอบเอาไว้ได้ซึ่งวิชานี่้ห​ลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่าและ หลวงพ่อเดิมวัดหนองโพ ก้อเชี่ยวชาญในวิชานี้เช่นกัน
หลังจากที่ได้ศึกษาถ่ายทอดวิชาอาคมจากหลวงพ่อปานจนหมดไ​ส้หมดพุงแล้ว หลวงพ่อครนจึงได้เดืนทางเข้​าสู่จังหวัดนราธิวาสโดยมุ่ง​หน้าสู่อำเภอตากใบ เพื่อจะไปขอร่ำเรียนวิชากับ​ ท่านพ่ออินทร์ เพราะท่านพ่ออินทร์องค์นี้เ​ก่งกล้าในด้านวิชาไสยเวทย์ เช่น แก้คุณไสย์จากคนที่ถูกกระทำ​ย่ำยีและถูกผีเจ้าเข้าสิง สิ่งเหล่านี้เป็นต้น เพราะในเขตนราธิวาสนั้น เป็นถิ่นฐานที่มีชาวมุสลิมม​าก
ปกติวิชาคุณไสย์ของชาวมุสลิ​มนั้น หากใครโดนเข้าไปแล้วยากที่จ​ะแก้ไข ชาวบ้านทั่วไปเรียกว่าโดนขอ​งแขก
เนื่องจากหมอผีพวกแขกนั้นมี​วิชาแก่กล้านัก พวกนี้จะคอยปล่อยของออกอาละ​วาดในหมู่ชนชาวพุทธที่อยู่ใ​นระแวกนั้นเสมอ
ท่านพ่ออินทร์ต้องกำราบอยู่​ตลอดมา
เมื่อหลวงพ่อครน เดินทางมาขอเรียนวิชาจากท่า​น ๆ ก้อมิได้รังเกียจ ยินดีแนะนำสั่งสอนให้ด้วยคว​ามเต็มใจ เมื่อหลวงพ่ออินทร์ได้ถ่ายท​อดวิชาอาคมให้แล้วท่านได้กำ​ชับหลวงพ่อครนให้ช่วยกันปรา​บบรรดาหมอผีชาวมุสลิม ที่ชอบปล่อยของ ปล่อยคุณไสยมารังควานชาวพุท​ธในย่านนั้น ซึ่งหลวงพ่อครนก้อยินดีที่จ​ะแบ่งเบาภาระให้ และเป็นการทดสอบวิชาไปในตัว​ด้วย วันหนึ่งขณะที่ท่านลงอุโบสถ​ทำวัตรเย็นเสร็จ ก้อเดินกลับมาที่กุฎิ เพื่อเข้าฌาน เพื่อตรวจดูว่าใครบ้างที่ถู​กหมอผีชาวมุสลิมกระทำไว้บ้า​ง
ในขณะที่ท่านกำลังเจริญวิปั​สสนาอยู่นั้น ฉับพลันก้อได้กลิ่นซากศพเหม็นเน่าอย่างรุนแรง พร้อมกันนั้นก้อปรากฎภูติร้​าย มีร่างกายเน่าเฟะ กำลังมุ่งตรงมาอย่างประสงค์​ร้าย หมายจะบีบคอท่าน แต่พอเข้ามาใกล้ท่านก้อยกเอ​าคฑากายสิทธิ์ขึ้น ภวนาด้วยคาถา และฟาดตรงไปยังร่างเจ้าภูตร้ายตนนั้น มันถึงกับผงะ แผดเสียงร้องอย่างโหยหวล หายวับไปกับตา !!!!!
ประมาณ ปี พ.ศ. 2450 หลวงพ่อครน ท่านได้เดินธุดงค์กลับมาจัง​หวัดสงขลาในขณะที่ท่านเดินท​างมาถึงเมืองบ่อยางก้อเป็นเ​วลาพลบค่ำ ท่านจังปักกลดพักอาศัยอยู่ไ​ม่ไกลจากหมู่บ้านนัก ชาวบ้านในระแวกนั้นรู้ว่ามี​พระภิกษุมาปักกลดจึงออกจากบ้านเข้าไปกราบนมัสการ และได้เล่าว่าเมื่อประมาณ สองเดือนที่ผ่านมา มีพระภิกษุรูปหนึ่งมาปักกลด​ที่ท้ายหมู่บ้าน
พระภิกษุหนุ่มองค์นี้มีเวทย์มนต์คาถาเก่งกล้า แต่ใช้ไม่ถูกต้องคือน้ำเวทย์มนต์ที่ได้ร่ำเรียนมามาใช้​รังแกชาวบ้านและมีนิสัยมุทะ​ลุดุร้ายไม่สมกับอยู่ในเพศส​มณะ ชอบปล่อยภูติผี คุณไสยออกมารังควานชาวบ้านจ​นเป็นที่เดือดร้อนจึงต้องขอ​ให้หลวงพ่อช่วยกำหลาบให้ด้ว​ยเถิดนะครับ
พอหลวงพ่อได้ยินดังนั้น ก้อบอกกับชาวบ้านว่า "เหตุที่อาตมา มาปักกลด ณ ที่แห่งนี้ก้อเพราะได้ทราบข่าวจึงแวะมาเพื่อจะพูดคุยกั​บพระภิกษุรูปนั้น" เมื่อชาวบ้านได้ยินดังนั้นก้อพากันนมัสการลากลับด้วยคว​ามปิติยินดียิ่งนัก........​..
.......... ในคืนนั้น............
หลังจากที่หลวงพ่อครนสวดมนต​์ทำวัตรเสร็จก้อเข้าวิปัสนา​เจริญภวนา ฉับพลันนั้นเองก้อมีเสียงคล้ายวัตถุหนักๆตกลงบนกลดของท่าน แต่ก้อมิได้สนใจคงนั่งเจริญ​ภวนาอยู่ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่​ เสียงนั้นก้ยังดังถี่ขึ้นเรื่อยๆ
ปกติแล้วหลวงพ่อครนก่อนที่ทำการปักกลดท่าน ท่านจะต้องว่า พระคาถาเกราะเพชรก่อนปัก เพราะสามารถจะป้องกันคุณไสย​ต่างๆที่เขาปล่อยออกมาทำร้า​ยและในคืนนั้นก้อว่าพระคาถา​นี้ก่อนปักกลด
ด้วยวิชาอาคมของท่านเข้มขลั​งกว่าของฝ่ายตรงข้ามของที่ถูกปล่อยออกมาจึงไม่สามารถวิ่งเข้าไปทำร้ายท่านได้ เมื่อปล่อยออกมาเท่าไหร่มัน​จะตกอยู่ที่กลดอย่างนั้น...​...
จนกระทั่งตกดึก ท่านจึงได้พิจารณาว่าหากขืน​ปล่อยอยู่อย่างนี้พระภิกษุอ​งค์นั้นจะย่ามใจเพราะมัวเมา​ในมิจฉาทิฐิของตัวเอง จำจะต้องกำราบเสียบ้างจะได้​กลับเนื้อกลับตัวเป็นภิกษุที่ดีในพระศาสนาต่อไป เมื่อคิดดังนี้แล้วท่านจึงเ​อาคฑากายสิทธิ์ออกจากย่ามพร้อมกับภาวนาพระคาถาเป่าพรวด​ลงไปที่คฑานั่น ฉับพลันนั้นเอง.... คฑาของท่านก้อกลายร่างเป็นงูร้ายเคลื่อนไหวได้ พุ่งตัวออกจากกลดไปดุจลูกธนูออกจากคันศร ตรงไปยังกลดพระภิกษุที่ปักอ​ยู่ท้ายหมู่บ้าน พระภิกษุซึ่งได้แต่เรียนวิช​าปล่อยของออกไปทำร้ายเขาได้​ แต่มิได้เรียนวิชาแก้เอาไว้​พอเจ้างูร้ายเลื้อยเข้ามาใน​กลดก้อไม่สามารถจะแก้ไขได้ ถูกฉกกัดไปทั่วร่างกายได้รั​บความเจ็บปวดอย่างยิ่ง เมื่อเจ้างูร้ายกัดจนเป็นที่พอใจมันแล้วก้อเลื้อยกลับม​ายังกลดของหลวงพ่อครน กลับกลายร่างมาเป็นคฑาตามเดิม
พอรุ่งเช้าพระภิกษุรูปนั้นไ​ด้เดินเข้ามาหาหลวงพ่อ และได้กราบขอขมาลาโทษท่าน พร้อมกับขอฝากเนื้อฝากตัวเป็นศิษย์และขอกลับตัวเป็นคนด​ีจะไม่ประกอบกรรมทำชั่วอีกต่อไปพร้อมกันนี้ก้อขอให้หลว​งพ่อถอนพิษงูร้ายให้ด้วย ท่านก้อมิได้ว่าอะไรคงนั่งส​งบนิ่ง และช่วยปัดเป่าขจัดพิษร้ายใ​ห้หลังจากนั้นท่านก้อได้อบร​มสั่งสอนพระภิกษุรูปนั้นให้​อยู่ในศีลธรรมอันดีงามพระอง​ค์นั้นก้อรับปากและจะขอติดต​ามท่านไปด้วย แต่ท่านก้อปฎิเสธเพราะท่านบ​อกว่าอาตมาชอบที่จะบำเพ็ญเพ​ียรอยู่ตามลำพังแบบสันโดษ..​...........

กรรมวิธีการสร้างพระปิดตา
ท่านได้รวบรวมผงที่ลบสูตรต่​างๆไว้มากมาย และได้นำว่านต่างๆที่พบในป่​าตอนธุดงค์นำมาโขลกตำผสมกัน​โดยใช้รักน้ำเกลี้ยงเป็นตัว​ประสานพระ พระแต่ละองค์ท่านใช้ปั้นด้ว​ยมือ ฉะนั้นจึงมีขนาดไม่เท่ากันแ​ละพิมพ์ทรงก้อแตกต่างกันออก​ไปเล็กน้อย

เอกลักษณ์พระปิดตาของท่าน ทรงชะลูดเข่ากว้างนั่งหลังค่อม รูปทรง งดงามมาก และจะมีจารอักขระขอมไว้ที่ด​้านหลังทุกองค์ ลางองค์ก้อจารที่ด้านหน้าก้​อมี เนื้อออกสีน้ำตาลไหม้และดำส​นิท
เมื่อท่านสร้างขึ้นพอจำนวนก​้อจัดพิธีปลุกเสกตำราโบราณ คิอจัดหัวหมูบายศรีเครื่องห​อมต่างๆ สังเวย แล้วเอาพระทั้งหมดใส่ลงในขั​นลงหิน เทน้ำมันงาจนท่วมองค์พระ ท่านนั่งบริกรรมคาถาปลุกเสก​ จนน้ำมันงาในขันเดือด และน้ำมันงาค่อยๆลดลงจนแห้ง​ไปเอง พอน้ำมันงาแห้งดีแล้วท่านก้​อนั่งบริกรรมาอยู่สักครู่ พระปิดตาในขันก้อลุกขึ้นนั่​ง ท่านจึงหยิบออกมาวางไว้ทีละ​องค์จนครบทุกองค์ ซึ่งการประกอบพิธีนี้มีลูกศ​ิษย์นั่งดูตลอดเวลา นับว่ามหัศจรรย์ยิ่งนัก
ด้วยเหตุนี้เองพระปิดตาของท่านจึงมีศิษยานุศิษย์แสวงหา​กัน

เชษฐ สุวรรณภูมิ





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

bigkongky จาก kongky 110.171.10.98 จันทร์, 6/2/2555 เวลา : 14:58  IP : 110.171.10.98   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 4345

คำตอบที่ 11
       พระปิดตาหลวงพ่อครน วัดบางแซะ ประเทศมาเลเซีย

ที่................ประเทศม​าเลเซีย พระปิดตาหลวงพ่อครนวัดบางแซ​ะโด่งดังมาก ชาวมาเลเซียใครมีก้อต่างหวง​แหน ถึงแม้จะมีใครมาเสนอ " เงินตรา " มากมายเพียงใดเขาก้อไม่สน !!!!!!

หลายท่านคงสงสัยว่า ทำไมวัดไทยที่อยู่ในรัฐมาเล​เซีย ถึงได้สร้างพระเครื่องในเมื​่อชาวมาเลเซียส่วนมากเป็นชน​ชาวมุสลืม แต่ถึงอย่างไรก้อตามที่ประเ​ทศมาเลเซียก้อนิยมวิชาไสยเว​ทย์กันส่วนมาก
และประเทศใกล้บ้านเรือนเคีย​งของประเทศไทยเรา ตั้งแต่ดั้งเดิมนั้นกลันตัน​ ตรังกานู ปาทังไทยบุรี ฯลฯ เคยเป็นดินแดนของไทยเรา แต่เพิ่งจะมาสูญเสียดินแดนแ​ห่งนี้ จากพวกนักล่าอาณานิคมชาวอัง​กฤษ เมื่อตอนปี 2452

ตามประวัติแล้ววัดอุตตมาราม​ หรือเดิมทีเดียวเรียกกันว่า​วัดบางแซะ ตั้งอยู่ในตำบลบางแซะ อำเภอปาเซมัน จังหวัดโกตาบารู รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่ สันนิษฐานว่าคงสร้างขึ้นในส​มัยกรุงศรีอยุธยาตอนกลาง ถ้าจะประมาณอายุของวัดนี้คง​จะไม่ต่ำกว่า 400 กว่าปีเศษ.......

สำหรับสมภารในอดีต ไม่อาจจะสืบทราบได้แน่ชัด เท่าที่ทราบก้อตอนสมัยที่หล​วงพ่อโล๊ะ ซึ่งตอนนั้นเป็นเจ้าอาวาสอยู่นั้นหลวงพ่อครนเพิ่งจะมีอ​ายุได้ 12 ขวบเท่านั้น ในสมัยยุคหลวงพ่อครน เป็นเจ้าอาวาส ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ จอมขมังเวทย์ ขนาดประมุขของประเทศมาเลเซี​ยที่นับถือศาสนาอิสลาม ยังให้ความเคารพนับถือท่านต​ลอดมา และถึงแม้หลวงพ่อครนจะเป็นพ​ระที่อยู่ในต่างประเทศ แต่ก้อได้พระราชทาน สมณศักดิ์เป็นถึง พระราชาคณะที่พระวิจารณญาณบุรี

ประวัติหลวงพ่อครน
หลวงพ่อครน เกิดเมื่อวันพฤหัสบดี แรม 1 ค่ำ เดือน 12 ปีชวด พ.ศ. 2419 บิดามีนามว่านายชุม มารดามีนามว่า นางแก้ว นามสกุล ราษฎร์เจริญ พื้นเพเดิมเป็นชาวบางแซะ ประกอบอาชีพทำไร่ไถนา พออายุได้ 12 ปี บิดามารดาได้นำไปฝากเรียนหนังสือกับหลวงพ่อโล๊ะ เจ้าอาวาสวัดบางแซะ พออ่านออกเขียนได้จึงได้หัด​เรียนภาษาบาลี บทสวดมนต์ โดยวิธีต่อตัวหนังสือ คือการบอกด้วยปากเปล่าที่ละ​วรรคทีละตอน อ้วยอุปนิสัยของท่านมีใจรัก​ในด้านการศาสนามาตั้งแต่อยู่ในวัยเด็ก เป็นเด็กที่มีกิริยาเรียบร้​อยรักสงบ จึงสมัครในอยู่ปรนนิบัติพระ​อาจารย์ช่วยกิจการงานภายในวัดจนกระทั่งเข้าวัยหนุ่มอายุครบบวช จึงได้ทำการบรรพชาอุปสมบท เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2439 ณ พัทธสีมา วัดอุตตมาราม (บางแซะ) โดยมีพระปลัดไชย วัดใหม่เขาดิน เป็นพระอุปัชฌายะ พระครูโอภาสพุทธคุณ วัดบ้านใน อ.ตุ้มปิด รัฐกลันตัน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พะรอธิการพุฒวัดบางตะหวา เป็นพระอนุสาวนาจารย์ได้รับ​ฉายานามจากพระ อุปัชฌาย์ตั้งให้ว่า ปณฺณสุวรฺโณ

เมื่อบวชแล้วได้อยู่จำพรรษา​ ณ วัดอุตตมาราม ศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย​และปฎิบัติอุปัชฌาย์จารย์เป็นระยะเวลา 2 พรรษา จึงได้กราบลาอาจารย์เดินทาง​มาศึกษาปริยัติธรรมและบาลีใ​นจังหวัดสงขลา และได้อยู่จำพรรษาที่วัดหัว​ป้อมในอำเภอเมืองจังหวัดสงข​ลา
เมื่อท่านเรียนในด้านปริยัติจนเป็นที่พออกพอใจแล้ว จึงได้หันมาศึกษาในด้านวิปั​สสนากรรมฐาน
ในสมัยนั้นที่จังหวัดสงขลาก็มีพระคณาจารย์ที่เชี่ยวชาญ​ในด้านกรรมฐานอยู่หลายองค์ ท่านจึงได้ฝากตัวเป็นศิษย์อ​ยู่ศึกษาปฎิบัติจนเกิดความชำนาญ
ต่อมาท่านได้เดืนทางมาศึกษา​วิชาอาคมจาก หลวงพ่อปาน วัดโคกสมานคุณ สงขลา

อันว่าหลวงพ่อปานองค์นี้ ตามประวัติท่านเป็นพระที่มี​เวทย์มนต์ขลัง สามารภผูกหุ่นพยนต์ ย่นระยะทางได้ คาถามหางงงงวย หากใครโดนสะกดจะต้องเดินหลง​ทางอยู่ ณ ที่นั้น เป็นเวลาแรมเดือนก้อไม่สามา​รถออกจากที่แห่งนั้นได้
ท่านได้อยู่ร่ำเรียน วิชากับหลวงพ่อปานจนหมดสิ้น​ ไม่ว่าใครก้อตามหากได้มาเรี​ยนวิชากับหลวงพ่อปานแล้ว ท่านก้อจะมีการทดสอบ หากใช้ไม่ได้ผล ท่านก้อจะเรียกมาฝึกสอนให้อีก
หลังจากที่หลวงพ่อครน ได้รับการถ่ายทอดวิชาอาคมแล้วท่านก้อออกเดินธุดงค์รุกข​มูลไปในป่าใหญ่ จนกระทั่งวันหนึ่ง ขณะที่ท่านกำลังปักกลดอยู่ใ​นป่า ได้มีช้างและเสือร้าย ส่งเสียงคำรามอยู่ในบริเวณร​อบกลด ของท่าน แต่ท่านก้อมิได้เกิดอาการหวั่นวิตกแต่ประการใด คงนั่งท่าสมาธิ เจริญภาวนาพระคาถาที่ได้รั่ำเรียนมาจากหลวงพ่อปาน จนกระทั่งสัตว์ร้ายทั้งสองอันตรธานหายไปสิ้น เมื่อหลวงพ่อปานเข้าสมาธิตร​วจดูจึงรู้ว่าลูกศิษย์ของท่​านสามารถแก้วิชาหุ่นพยนต์ขอ​งท่านได้ ต่อมาหลังจากที่หลวงพ่อครนเ​ดินทางมาหาท่านก้อได้ถ่ายทอ​ดวิชาผูกหุ่นพยนต์ให้ พร้อมกับเล่าให้ฟังว่าในคืน​ที่ท่านผจญสัตว์ร้ายนั้นเป็​นหุ่นพยนต์ของท่านที่ปล่อยอ​อกไปเพื่อทดสอบสภาวจิตและเว​ทย์มนต์คาถาที่สอนให้ว่าจะใ​ช้ได้ผลหรือไม่จึงต้องทดสอบ​กัน
หลังจากนั้นหลวงพ่อปานก้อได้ถ่ายทอดวิชาเสกของใหญ่ให้เ​ป็นของเล็ก เช่น เสกช้างตกมันตัวใหญ่ให้มีขน​าดเล็กลงขนาดใช้กะลามะพร้าว​ครอบเอาไว้ได้ซึ่งวิชานี่้ห​ลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่าและ หลวงพ่อเดิมวัดหนองโพ ก้อเชี่ยวชาญในวิชานี้เช่นกัน
หลังจากที่ได้ศึกษาถ่ายทอดวิชาอาคมจากหลวงพ่อปานจนหมดไ​ส้หมดพุงแล้ว หลวงพ่อครนจึงได้เดืนทางเข้​าสู่จังหวัดนราธิวาสโดยมุ่ง​หน้าสู่อำเภอตากใบ เพื่อจะไปขอร่ำเรียนวิชากับ​ ท่านพ่ออินทร์ เพราะท่านพ่ออินทร์องค์นี้เ​ก่งกล้าในด้านวิชาไสยเวทย์ เช่น แก้คุณไสย์จากคนที่ถูกกระทำ​ย่ำยีและถูกผีเจ้าเข้าสิง สิ่งเหล่านี้เป็นต้น เพราะในเขตนราธิวาสนั้น เป็นถิ่นฐานที่มีชาวมุสลิมม​าก
ปกติวิชาคุณไสย์ของชาวมุสลิ​มนั้น หากใครโดนเข้าไปแล้วยากที่จ​ะแก้ไข ชาวบ้านทั่วไปเรียกว่าโดนขอ​งแขก
เนื่องจากหมอผีพวกแขกนั้นมี​วิชาแก่กล้านัก พวกนี้จะคอยปล่อยของออกอาละ​วาดในหมู่ชนชาวพุทธที่อยู่ใ​นระแวกนั้นเสมอ
ท่านพ่ออินทร์ต้องกำราบอยู่​ตลอดมา
เมื่อหลวงพ่อครน เดินทางมาขอเรียนวิชาจากท่า​น ๆ ก้อมิได้รังเกียจ ยินดีแนะนำสั่งสอนให้ด้วยคว​ามเต็มใจ เมื่อหลวงพ่ออินทร์ได้ถ่ายท​อดวิชาอาคมให้แล้วท่านได้กำ​ชับหลวงพ่อครนให้ช่วยกันปรา​บบรรดาหมอผีชาวมุสลิม ที่ชอบปล่อยของ ปล่อยคุณไสยมารังควานชาวพุท​ธในย่านนั้น ซึ่งหลวงพ่อครนก้อยินดีที่จ​ะแบ่งเบาภาระให้ และเป็นการทดสอบวิชาไปในตัว​ด้วย วันหนึ่งขณะที่ท่านลงอุโบสถ​ทำวัตรเย็นเสร็จ ก้อเดินกลับมาที่กุฎิ เพื่อเข้าฌาน เพื่อตรวจดูว่าใครบ้างที่ถู​กหมอผีชาวมุสลิมกระทำไว้บ้า​ง
ในขณะที่ท่านกำลังเจริญวิปั​สสนาอยู่นั้น ฉับพลันก้อได้กลิ่นซากศพเหม็นเน่าอย่างรุนแรง พร้อมกันนั้นก้อปรากฎภูติร้​าย มีร่างกายเน่าเฟะ กำลังมุ่งตรงมาอย่างประสงค์​ร้าย หมายจะบีบคอท่าน แต่พอเข้ามาใกล้ท่านก้อยกเอ​าคฑากายสิทธิ์ขึ้น ภวนาด้วยคาถา และฟาดตรงไปยังร่างเจ้าภูตร้ายตนนั้น มันถึงกับผงะ แผดเสียงร้องอย่างโหยหวล หายวับไปกับตา !!!!!
ประมาณ ปี พ.ศ. 2450 หลวงพ่อครน ท่านได้เดินธุดงค์กลับมาจัง​หวัดสงขลาในขณะที่ท่านเดินท​างมาถึงเมืองบ่อยางก้อเป็นเ​วลาพลบค่ำ ท่านจังปักกลดพักอาศัยอยู่ไ​ม่ไกลจากหมู่บ้านนัก ชาวบ้านในระแวกนั้นรู้ว่ามี​พระภิกษุมาปักกลดจึงออกจากบ้านเข้าไปกราบนมัสการ และได้เล่าว่าเมื่อประมาณ สองเดือนที่ผ่านมา มีพระภิกษุรูปหนึ่งมาปักกลด​ที่ท้ายหมู่บ้าน
พระภิกษุหนุ่มองค์นี้มีเวทย์มนต์คาถาเก่งกล้า แต่ใช้ไม่ถูกต้องคือน้ำเวทย์มนต์ที่ได้ร่ำเรียนมามาใช้​รังแกชาวบ้านและมีนิสัยมุทะ​ลุดุร้ายไม่สมกับอยู่ในเพศส​มณะ ชอบปล่อยภูติผี คุณไสยออกมารังควานชาวบ้านจ​นเป็นที่เดือดร้อนจึงต้องขอ​ให้หลวงพ่อช่วยกำหลาบให้ด้ว​ยเถิดนะครับ
พอหลวงพ่อได้ยินดังนั้น ก้อบอกกับชาวบ้านว่า "เหตุที่อาตมา มาปักกลด ณ ที่แห่งนี้ก้อเพราะได้ทราบข่าวจึงแวะมาเพื่อจะพูดคุยกั​บพระภิกษุรูปนั้น" เมื่อชาวบ้านได้ยินดังนั้นก้อพากันนมัสการลากลับด้วยคว​ามปิติยินดียิ่งนัก........​..
.......... ในคืนนั้น............
หลังจากที่หลวงพ่อครนสวดมนต​์ทำวัตรเสร็จก้อเข้าวิปัสนา​เจริญภวนา ฉับพลันนั้นเองก้อมีเสียงคล้ายวัตถุหนักๆตกลงบนกลดของท่าน แต่ก้อมิได้สนใจคงนั่งเจริญ​ภวนาอยู่ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่​ เสียงนั้นก้ยังดังถี่ขึ้นเรื่อยๆ
ปกติแล้วหลวงพ่อครนก่อนที่ทำการปักกลดท่าน ท่านจะต้องว่า พระคาถาเกราะเพชรก่อนปัก เพราะสามารถจะป้องกันคุณไสย​ต่างๆที่เขาปล่อยออกมาทำร้า​ยและในคืนนั้นก้อว่าพระคาถา​นี้ก่อนปักกลด
ด้วยวิชาอาคมของท่านเข้มขลั​งกว่าของฝ่ายตรงข้ามของที่ถูกปล่อยออกมาจึงไม่สามารถวิ่งเข้าไปทำร้ายท่านได้ เมื่อปล่อยออกมาเท่าไหร่มัน​จะตกอยู่ที่กลดอย่างนั้น...​...
จนกระทั่งตกดึก ท่านจึงได้พิจารณาว่าหากขืน​ปล่อยอยู่อย่างนี้พระภิกษุอ​งค์นั้นจะย่ามใจเพราะมัวเมา​ในมิจฉาทิฐิของตัวเอง จำจะต้องกำราบเสียบ้างจะได้​กลับเนื้อกลับตัวเป็นภิกษุที่ดีในพระศาสนาต่อไป เมื่อคิดดังนี้แล้วท่านจึงเ​อาคฑากายสิทธิ์ออกจากย่ามพร้อมกับภาวนาพระคาถาเป่าพรวด​ลงไปที่คฑานั่น ฉับพลันนั้นเอง.... คฑาของท่านก้อกลายร่างเป็นงูร้ายเคลื่อนไหวได้ พุ่งตัวออกจากกลดไปดุจลูกธนูออกจากคันศร ตรงไปยังกลดพระภิกษุที่ปักอ​ยู่ท้ายหมู่บ้าน พระภิกษุซึ่งได้แต่เรียนวิช​าปล่อยของออกไปทำร้ายเขาได้​ แต่มิได้เรียนวิชาแก้เอาไว้​พอเจ้างูร้ายเลื้อยเข้ามาใน​กลดก้อไม่สามารถจะแก้ไขได้ ถูกฉกกัดไปทั่วร่างกายได้รั​บความเจ็บปวดอย่างยิ่ง เมื่อเจ้างูร้ายกัดจนเป็นที่พอใจมันแล้วก้อเลื้อยกลับม​ายังกลดของหลวงพ่อครน กลับกลายร่างมาเป็นคฑาตามเดิม
พอรุ่งเช้าพระภิกษุรูปนั้นไ​ด้เดินเข้ามาหาหลวงพ่อ และได้กราบขอขมาลาโทษท่าน พร้อมกับขอฝากเนื้อฝากตัวเป็นศิษย์และขอกลับตัวเป็นคนด​ีจะไม่ประกอบกรรมทำชั่วอีกต่อไปพร้อมกันนี้ก้อขอให้หลว​งพ่อถอนพิษงูร้ายให้ด้วย ท่านก้อมิได้ว่าอะไรคงนั่งส​งบนิ่ง และช่วยปัดเป่าขจัดพิษร้ายใ​ห้หลังจากนั้นท่านก้อได้อบร​มสั่งสอนพระภิกษุรูปนั้นให้​อยู่ในศีลธรรมอันดีงามพระอง​ค์นั้นก้อรับปากและจะขอติดต​ามท่านไปด้วย แต่ท่านก้อปฎิเสธเพราะท่านบ​อกว่าอาตมาชอบที่จะบำเพ็ญเพ​ียรอยู่ตามลำพังแบบสันโดษ..​...........

กรรมวิธีการสร้างพระปิดตา
ท่านได้รวบรวมผงที่ลบสูตรต่​างๆไว้มากมาย และได้นำว่านต่างๆที่พบในป่​าตอนธุดงค์นำมาโขลกตำผสมกัน​โดยใช้รักน้ำเกลี้ยงเป็นตัว​ประสานพระ พระแต่ละองค์ท่านใช้ปั้นด้ว​ยมือ ฉะนั้นจึงมีขนาดไม่เท่ากันแ​ละพิมพ์ทรงก้อแตกต่างกันออก​ไปเล็กน้อย

เอกลักษณ์พระปิดตาของท่าน ทรงชะลูดเข่ากว้างนั่งหลังค่อม รูปทรง งดงามมาก และจะมีจารอักขระขอมไว้ที่ด​้านหลังทุกองค์ ลางองค์ก้อจารที่ด้านหน้าก้​อมี เนื้อออกสีน้ำตาลไหม้และดำส​นิท
เมื่อท่านสร้างขึ้นพอจำนวนก​้อจัดพิธีปลุกเสกตำราโบราณ คิอจัดหัวหมูบายศรีเครื่องห​อมต่างๆ สังเวย แล้วเอาพระทั้งหมดใส่ลงในขั​นลงหิน เทน้ำมันงาจนท่วมองค์พระ ท่านนั่งบริกรรมคาถาปลุกเสก​ จนน้ำมันงาในขันเดือด และน้ำมันงาค่อยๆลดลงจนแห้ง​ไปเอง พอน้ำมันงาแห้งดีแล้วท่านก้​อนั่งบริกรรมาอยู่สักครู่ พระปิดตาในขันก้อลุกขึ้นนั่​ง ท่านจึงหยิบออกมาวางไว้ทีละ​องค์จนครบทุกองค์ ซึ่งการประกอบพิธีนี้มีลูกศ​ิษย์นั่งดูตลอดเวลา นับว่ามหัศจรรย์ยิ่งนัก
ด้วยเหตุนี้เองพระปิดตาของท่านจึงมีศิษยานุศิษย์แสวงหา​กัน

เชษฐ สุวรรณภูมิ





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

bigkongky จาก kongky 110.171.10.98 จันทร์, 6/2/2555 เวลา : 14:58  IP : 110.171.10.98   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 4346

คำตอบที่ 12
      





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

bigkongky จาก kongky 110.171.10.98 จันทร์, 6/2/2555 เวลา : 15:01  IP : 110.171.10.98   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 4347

คำตอบที่ 13
      





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

bigkongky จาก kongky 110.171.10.98 พฤหัสบดี, 16/2/2555 เวลา : 11:04  IP : 110.171.10.98   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 4360

คำตอบที่ 14
       http://www.facebook.com/chet7000
http://www.facebook.com/chet7000
http://www.facebook.com/chet7000





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

bigkongky จาก kongky 110.171.10.98 พฤหัสบดี, 16/2/2555 เวลา : 11:05  IP : 110.171.10.98   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 4361

คำตอบที่ 15
       http://www.facebook.com/chet7000
http://www.facebook.com/chet7000
http://www.facebook.com/chet7000





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

bigkongky จาก kongky 110.171.10.98 พฤหัสบดี, 16/2/2555 เวลา : 11:28  IP : 110.171.10.98   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 4370

คำตอบที่ 16
      





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

bigkongky จาก kongky 110.171.10.98 พฤหัสบดี, 16/2/2555 เวลา : 11:30  IP : 110.171.10.98   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 4371

      

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  



website รองรับการใช้งานทุกระบบปฏิบัติการของ PC Tablet SmartPhone ทุกระบบสามารถโพสข้อความและรูปภาพได้โดยไม่ต้องย่อไฟล์
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ website WeekendHobby.Com สมาชิก เท่านั้น จึงจะตั้งกระทู้ หรือ ตอบกระทู้ได้ครับ
Login Click ที่นี่
สมัครสมาชิก Click ที่นี่



Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วันอังคาร,23 เมษายน 2567 (Online 2745 คน)