WeekendHobby.com
เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


ยากิ2E8สแต็กกับโฟเด็ดไดไพล8สแต๊กใครจะดีกว่า

จาก HS2XVB(นกอินทรี อ.อรัญฯจ.สระแก้วช่อง50)
IP:202.57.177.226

พุธที่ , 5/1/2548
เวลา : 16:00

อ่านแล้ว = ครั้ง
 เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งตรวจสอบกระทู้
 แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน ส่งหาเพื่อน

       ผมอยากรู้ว่ายากิ2E8สแต๊กเอามาต่อเรียงกันตามแนวดิ่งแบบไดโพล กับโฟเด็ดไดไพล8สแต๊ก อยางไหนจะดีกว่ากัน ผมใช้ยากิ2E8สแต๊กอยู่ แต่ไม่มีโฟเด็ดไดไพล8สแต๊กเอามาเปรียบเทียบ แต่ในความคิดผมคิดว่ามันน่าจะมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับหรืออาจจะดีกว่าโฟเด็ดไดไพล16สแต๊ก แต่ไม่รู้ว่ามันจะจริงหรือเปล่าใครศึกษามาหรือมีความรู้เรื่องนี้ช่วยตอบที่(ขอแบบยาวๆก็ดีนะครับ)


 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

แจ้งเพื่อเก็บขึ้นกระทู้พิเศษ คลิ๊กที่นี่แจ้งเพื่อนำขึ้นกระทู้พิเศษ

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  

คำตอบที่ 1
       ไม่มีใครมีความคิดเห็นเลยหรือครับ ช่วยแสดงความคิดเห็นด้วยนะครับ ขอบคุณล่วงหน้ามากๆครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก HS2XVB(นกอินทรี อ.อรัญฯจ.สระแก้วช่อง50) 202.57.182.228 ศุกร์, 7/1/2548 เวลา : 13:34  IP : 202.57.182.228   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2837

คำตอบที่ 2
       ผมไม่เคยลองเอา2Eมา stack เยอะขนาดนั้น แต่พอบอกได้จากประสบการณ์ที่้ใช้ 16 stackอยู่ คือการรับฟังดีขึ้นมาก แต่กำลังในการส่งศูนย์เสียไปเยอะอยู่เหมือนกัน เพราะจุดต่อมันก็เยอะ และใช้สายเฟสเยอะอยู่น่ะครับ

2Eที่เห็นๆเขาใช้กันก็จะประมาณ 4 stack ในโรงพยาบาลแถวๆสระบุรี เพราะว่าด้านหน้ารพ.กับด้านหลังมันเป็นเขา เขาจึงต้องการให้มันออกตามเส้นทางถนนที่ผ่านหน้าโรงพยาบาลอย่างเดียวน่ะครับ

อ้อ อีกอย่าง พอเกนขยายสูงๆแล้ว ด้านหลังกะข้างๆมันก็จะค่อยๆแย่ลงเรื่อยๆ แล้วไปดีที่ด้านหน้า จนตอนนี้ใช้แต่รอบตัวแทนครับ ระยะรับส่งใกล้ลงมาเยอะ แต่มันได้รอบตัว สะดวกดีครับ ถ้าจะคุยไกลๆค่อยเปลี่ยนมาใช้ 16....



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก แจ๊ค 202.12.97.111 ศุกร์, 7/1/2548 เวลา : 16:20  IP : 202.12.97.111   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2838

คำตอบที่ 3
       ขอบคุณแจ๊คมากครับ แล้วมีท่านอื่นอีกใหม่ครับช่วยแสดงความคิดเห็นด้วยนะครับ ขอบคุณล่วงหน้ามากๆอีกครั้งนะครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก HS2XVB(นกอินทรี อ.อรัญฯจ.สระแก้วช่อง50) 202.57.179.98 ศุกร์, 7/1/2548 เวลา : 20:11  IP : 202.57.179.98   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2842

คำตอบที่ 4
       ดีกว่ากัน ?? ในแง่ในล่ะครับ สายอากาศมีรูปแบบการวัดคุณสมบัตินับแทบไม่ถ้วน ไม่รู้จะตอบอย่างไงเหมือนกัน และส่วนหนึ่งก็ขึ้นกับโครงสร้างและการออกแบบสายอากาศที่นำมาเปรียบเทียบกันด้วย (ตัวอย่างเช่น สายอากาศ folded dipole 8 stacks 2 ต้นมาเปรียบเทียบรูปแบบการแพร่กระจายคลื่นกันเอง ก็ไม่จำเป็นจะต้องเหมือนกันก็ได้ ถ้าหากระยะระหว่าง element กับ mast วางต่างกัน เป็นต้น) ดังนั้นคำว่า "ดีกว่า" ในคำถามอาจจะต้องตีความกันก่อนนะครับ
คาดเอาว่าคุณคงจะหมายความถึง maximum gain ใน main beam นะครับ ผมก็ไม่เคยวัด radiation pattern ของสายอากาศแบบที่ถามนี้เองเหมือนกัน แต่ในทางทฤษฎีแล้ว โดยทั่วๆ ไป นั้นค่า maximum gain ของสายอากาศ yagi 3 E (เหลือ 2 E ถ้าเราไม่นับ reflector ซึ่งเมื่อนำมา array กันนั้น ใช้ mast เป็น reflector ร่วมกัน) นั้นจะมากกว่าของ folded dipole ประมาณ 3-5 dB เมื่อเทียบกันต้นต่อต้น (ขึ้นกับการออกแบบสายอากาศ ด้วยครับ ว่าจะเอา pattern แบบไหน เช่น จะเอาให้ maximum gain สูงที่สุด หรือยอมให้ gain ลดลง แต่ได้ beamwidth เพิ่มขึ้น ฯลฯ) ถ้านำสายอากาศทั้ง 2 แบบมาต่อ array กันในแบบที่ใช้งานกันทั่วๆ ไป ด้วยการจัด phase ของสัญญาณไปยังสายอากาศทุกๆ ต้น เท่าๆ กัน และด้วยการจัดวางระยะระหว่างสายอากาศแต่ละต้นเท่าๆ กัน แล้ว gain ของ array สายอากาศ yagi ควรจะมีค่ามากกว่า gain ของ array สายอากาศ folded dipole เท่าเดิม คือประมาณ 3-5 dB ด้วยเช่นกัน (แต่ไม่ได้หมายความว่า pattern ของสายอากาศต้นเดียว กับเมื่อนำมาทำเป็น array จะเหมือนกันนะครับ คือ pattern จะเปลี่ยนไปเมื่อทำเปลี่ยน array ทั้งคู่แต่คุณสมบัติเชิงเปรียบเทียบจะคงเดิม เมื่อควบคุมปัจจัยอื่นๆ ให้เท่ากัน ) ดังนั้นพอจะสรุปได้ในเบื้องต้นว่า yagi 2 E * 8 stack จะมีค่า maximum gain มากกว่า folded dipole * 8 stack ประมาณ 3-5 dB ตามเงื่อนไขต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น
ที่ตอบๆ มาไม่แน่ใจว่าจะตรงกับที่ต้องการถามหรือเปล่านะครับบางทีคุณอาจจะหมายความถึงคุณสมบัติอย่างอื่น ก็ได้ ขอตอบตามที่นึกออกเท่านี้ก่อนครับ .. 73



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก คนแก่ 202.57.181.60 เสาร์, 8/1/2548 เวลา : 09:30  IP : 202.57.181.60   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2848

คำตอบที่ 5
       ขอทบทวนความจำเก่าๆ จากที่ได้ฟังบรรยายเมื่อ16-17 ปีก่อนนะ

สายอากาศที่นำมาเรียงด้านข้าง เขาเรียกว่า เบย์
ถ้าเรียงบนล่าง เรียกว่า สแต็ก

เรียงด้านไหน ก็จะบีบลำคลื่นด้านนั้นให้แคบลง

เบย์ ทำให้ลำคลื่นด้านข้างแคบลง สายอากาศมีทิศทาง (ตามเข็มทิศ) ชัดเจนขึ้น อย่างที่มักได้ยินแฮมพูดกันว่า "สายอากาศต้นนี้ทิศทางคมมาก"

สแต็ก บีบทิศทางบนล่าง คุณทนง HS1CH ใช้คำพูดว่า "เมื่อเราไม่ต้องการคุยกับท้องฟ้า หรือพื้นดิน
เมื่อสแต็ก ก็เท่ากับเราลดความสูฃของสายอากาศลงมา อยู่ตรงกลางระหว่างต้นบนสุด และล่างสุด

สายอากาศยากิฯ ที่ต้องการอัตราขยายสูงมากๆ มักจะบีบทั้งด้านข้างและบนล่าง มีการเบย์เป็นคู่ แล้วจับมาสแต็กกันอีกที สมมติ สายอากาศยากิฯ 14 อี 4 ต้น
ทำ 2 คู่ก็เรียกว่า 14 อี 2 เบย์
เรียงขนานกันหมด เรียกว่า 4 เบย์
เรียงบนล่างยาวลงมาเลย ก็เรียกว่า 4 สแต็ก

วิเคราะห์จากข้อมูลนี้ การสแต็กสายอากาศจำนวนมาก ึซึ่งแต่ละต้นต้องห่างกันตามสัดส่วนของความยาวคลื่น ทำให้ข้อได้เปรียบด้านความสูงเสียไป

คุณสมบัติที่เกิดขึ้นอีกอย่างคือ สัญญาณถูกบีบให้พุ่งไปข้างหน้าจากจุดกลางของสแต็ก ทำให้รับสัญญาณไกลๆ ดีมาก แต่จะรับสัญญาณใกล้ๆ ไม่ดี หรือไม่ได้เลย

มักนิยมใช้เมื่อเราต้องการติดต่อไกลมากๆ โดยไม่ถูกรบกวนจากสัญญาณใกล้ เช่นการติดต่ออวกาศ หรือสะท้อนดวงจันทร์



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก ธิดา 202.57.181.60 เสาร์, 8/1/2548 เวลา : 10:35  IP : 202.57.181.60   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2849

คำตอบที่ 6
       เอ้า คุณ ธิดามาตอบแล้ว ผมผ่านนะครับ
สวัสดี ครับ คุณ ธิดา สาวสวยแห่ง 100 วัตต์ ฮิ ๆ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

นายวิทยุ จาก นายวิทยุ 61.90.32.120 เสาร์, 8/1/2548 เวลา : 19:53  IP : 61.90.32.120   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2851

คำตอบที่ 7
       คุณนายวิทยุ เสาร์ อย่าพึ่งผ่านซิครับช่วยแสดงความคิดเห็นก่อนครับ ขอร้องเถอะครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก HS2XVB(นกอินทรี อ.อรัญฯจ.สระแก้วช่อง50) 202.57.187.171 เสาร์, 8/1/2548 เวลา : 19:59  IP : 202.57.187.171   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2852

คำตอบที่ 8
       ครับ มาแล้ว ครับ
สิ่งที่คุณถามมา มันมีข้อที่แต่ต่างกันอยู่มาก คล้าย คุณ ซื้อ ปอร์เช่ แล้วเอามาบรรทุก ข้าวสาร นั่นและ ครับ
คือ
1. ยากิ ( Yagi ) คือ สายอากาศ ที่สร้างมาเพื่อประโยชน์ในการใช้งานแบบ ทิศทาง คล้ายคุณ ซื้อ ไฟฉาย คุณ ต้องการความสว่างที่ไหน คุณต้องการความสว่างที่เป้าหมาย ไม่ได้ต้องการความสว่างที่ตัวคุณเลย ใช่ไหม ครับ
2. สายอากาศ Dipole ซึ่งหมายความรวมถึง Polded Dipole ด้วย คล้ายคุณซื้อตะเกียงเจ้าพายุ คุณต้องการความสว่าง รอบ ๆ ตัวคุณ รวมทั้งตัวคุณด้วยใช่ไหม ครับ
เห็นหรือยังล่ะ ครับ มันต่างกัน
ถ้าคุณต้องการ ทำให้มันเป็น เป็ด หรือ นกเป็ดน้ำ ล่ะก็ มันย่อมเอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้ เพราะ นกเป็ดน้ำ ยังไงก้บินไม่เก่งเท่า นกเหยี่ยว ว่ายน้ำก็สู้ปลาไม่ได้ เดินบนดินก็สู้สัตว์บก ไม่ได้ ใช่ไหมครับ พูดง่ายๆ คือ ทำได้ทุกอย่าง แต่ไม่ดี เด่น เลยสักอย่าง ครับ
ทั้งสายอากาศ Polded Dipole และ Gagi มันก็มาจากพื้นฐานเดียวกัน คือ Dipole ครับ พูดง่าย ๆ มาจากแม่เดียวกัน คล้าย Ford กับ Mazda นั่นแหละ ครับ
Polded Dipole เอามา Stack กันเพื่อประโยชน์ ในการเพิ่ม Gain ขยายให้มากขึ้น ซึ่ง 4 Stack Gain ด้านหน้ามากสุด แค่ 9 dB. แต่ หลังยังพอได้ ข้างยังพอมี
Yagi 4 E แผงเดียว Gain ด้านหน้า ก็ร่วม 9 - 10 dB. ครับ หลังเดี้ยง ข้างบอด
คงพอเข้าใจ นะ ครับ ผมถือโอกาส ไม่พูดทางเทคนิคมากนัก เพราะ มีการกล่าวถึง อาจารย์ใหญ่ ผมแล้ว ครับ จริงไหมครับ คุณ ธิดา
เรื่อง เกี่ยวกับสายอากาศ เป็นเรื่องที่ ยาว ๆ สนุก ๆ พูดคุยกันได้ ข้ามวัน ข้ามคืน ไม่จบไม่สิ้น บางเรื่องเป็นเรื่องที่เข้าใจยาก บางเรื่องก็เข้าใจง่าย ครับ
สนุก ครับ สงสัย ตรงไหน สอบถาม มาเลย ครับ ยินดี ครับ
" อ้าว " คุณ ธิดา ห้ามลุกหนี นะ ครับ นั่งลง ก่อน ห้ามหนี นั่งอยู่ นี่แหละ เป็นเพื่อนกันก่อน ครับ เดี๋ยวผมเหงา นานๆ จะมี เจนเนอเรชั่นเดียวกัน อยู่ใน บอร์ด ครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก นายวิทยุ 61.90.32.248 อาทิตย์, 9/1/2548 เวลา : 08:28  IP : 61.90.32.248   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2854

คำตอบที่ 9
       ขอบคุณนายวทยุมากครับ แล้วมีท่านอื่นอีกใหม่ครับช่วยแสดงความคิดเห็นด้วยนะครับ ขอบคุณล่วงหน้ามากๆอีกครั้งนะครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก HS2XVB(นกอินทรี อ.อรัญฯจ.สระแก้วช่อง50) 202.57.180.236 อาทิตย์, 9/1/2548 เวลา : 15:57  IP : 202.57.180.236   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2856

คำตอบที่ 10
       ขอถามตรงประเด็นเลยว่า ต้องการเปรียบเทียบในลักษณะการแพร่กระจายคลื่นสัญญาณที่แพร่กระจายออกไป และmaximum gainนำมาเปรียบเทียบกันระหว่างยากิ กับโฟลเดดฯ ว่ามีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันอย่างไร ถ้าจะนำมาเปรียบเทียบกัน



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก HS2XVB(นกอินทรี อ.อรัญฯจ.สระแก้วช่อง50) 202.57.187.7 อาทิตย์, 9/1/2548 เวลา : 20:36  IP : 202.57.187.7   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2857

คำตอบที่ 11
       ตามที่เคยพูดไปแล้วว่า Polded Dipole และ Yagi คล้ายมาจากท้องแม่เดียวกัน
ผมเอา Polded มาตั้ง คล้ายเอาหลอดนีออนมาตั้ง
ผมเอา Refrector มาตั้งข้างหลัง คล้ายเอากระจกมาตั้งด้านหลัง
ผมเอา Diven Element มาตั้งข้างหน้า คล้ายเอาเลนส์มาวางด้านหน้า
ตอนนี้ มันกลายเป็น Yagi ไปแล้ว ครับ
เพราะ ฉะนั้น การแพร่กระจายคลื่นจมคงไม่ต้องกล่าวถึงนะ ครับ
Maximum Gain
Polded Dipole ส่วนใหญ่ ที่ใช้งานแล้วได้เรื่องได้ราว ก้อยุ่ที่ 4 กับ 8 Stack ส่วน 16 Stack Gain ไม่ได้เพิ่มมากไปกว่า 8 สักเท่าใด ครับ
ส่วน Yagi มีไปเรื่อย ๆ ยัน 17 E ที่ ความถี่ 144 หรือ 23 E ที่ความถี่ สูง ๆ เช่น 450 หรือ 800 - 900 MHz. ( สาเหตุที่ไม่ทำ E มากๆ ในความถี่ต่ำ เพราะ มานยาว ครับ 13 E Long Boom ยาวตั้งเกือบ 10 เมตร นึกดูซิ เอาแป๊บ แบกบนบ่า 2 ข้าง ( ยาว แค่ 6 เมตร ) หนัก บ่ เกะกะ ไหมครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

นายวิทยุ จาก นายวิทยุ 61.90.32.236 จันทร์, 10/1/2548 เวลา : 09:07  IP : 61.90.32.236   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2861

คำตอบที่ 12
       นายวิทยุครับคำว่า"16 Stack Gain ไม่ได้เพิ่มมากไปกว่า 8 สักเท่าใด ครับ"หมายความว่ายังไงแปลว่าถึงเพิ่มเป็น16Stackก็ไม่ทำให้ Gainทั้งภาครับและภาคส่งดีขึ้นมากมายอะไรไปกว่า8 Stack ใช่ไหมครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก HS2XVB(นกอินทรี อ.อรัญฯจ.สระแก้วช่อง50) 202.57.187.217 จันทร์, 10/1/2548 เวลา : 11:34  IP : 202.57.187.217   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2867

คำตอบที่ 13
       4 Stack เกนขยาย ประมาณ 9 dB.
8 Stack เกนขยาย ประมาณ 12 กว่า dB.
16 Stack เกนขยาย ประมาณ 13 14 15 db อะไรแถวนี้แหละ
แต่ ทิศทางการแพร่กระจายคลื่น 16 Stack นั้น จะกดลงมากกว่า 8 Stack ( 8 Stack ก็แทบจะราบอยู่แล้ว 16 คล้ายคนก้มหน้า นิด ๆ นั่นแล ครับ )
เพราะ ฉนั้น แทนที่จะส่งไปแบบ ป สระ อู นอ ปู๊น ยาว ๆ กลายเป็น ไป ปู๊น สั้นไปหน่อย อะไรทำนองนี้แหละ ครับ
มันอยู่ที่ เทคนิค การติดตั้งด้วย นะครับ
สายอากาศ มันไม่มี อะไร ตายตัว นะครับ สามารถ Apply ได้ ตลอด ครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

นายวิทยุ จาก นายวิทยุ 61.90.32.205 อังคาร, 11/1/2548 เวลา : 08:38  IP : 61.90.32.205   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2880

คำตอบที่ 14
      



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

allband จาก ALLBand-9 203.150.217.111 อังคาร, 11/1/2548 เวลา : 08:55  IP : 203.150.217.111   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2882

คำตอบที่ 15
       คุณALLBand-9ช่วยแสดงความคิดเห็นด้วยนะครับ ขอบคุณล่วงหน้ามากๆนะครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก HS2XVB(นกอินทรี อ.อรัญฯจ.สระแก้วช่อง50) 202.57.178.70 อังคาร, 11/1/2548 เวลา : 10:01  IP : 202.57.178.70   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2883

คำตอบที่ 16
       อย่างนั้งผมแก้ปัญหาโดยการทำให้เฉียงทำมุมให้ขึ้นฟ้าก็จะแก้อาการอย่างที่ท่านว่าได้ใช่ไหมครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก HS2XVB(นกอินทรี อ.อรัญฯจ.สระแก้วช่อง50) 202.57.178.70 อังคาร, 11/1/2548 เวลา : 10:34  IP : 202.57.178.70   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2884

คำตอบที่ 17
       เขาไม่ทำแบบนั้นหรอก ครับ เปลืองพื้นที่ เขาใช้ แค่ 8 Stack ติด 2 ด้าน ของ Tower ส่วนต้องการให้ไกลกว่านั้น เขาใช้ Yagi จิ้มเอา Work กว่ากันเยอะ ครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

นายวิทยุ จาก นายวิทยุ 61.90.32.205 อังคาร, 11/1/2548 เวลา : 18:33  IP : 61.90.32.205   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2891

คำตอบที่ 18
       > ทิศทางการแพร่กระจายคลื่น 16 Stack นั้น จะกดลงมากกว่า 8 Stack ( 8 Stack ก็แทบจะราบอยู่แล้ว 16 คล้ายคนก้มหน้า นิด ๆ นั่นแล ครับ )

??? ทำไมมุมการแพร่กระจายคลื่นของ 16 Stack นั้น จะกดลงมากกว่า 8 Stack ล่ะครับ ตามความเข้าใจของผม มุมการแพร่กระจายคลื่นในแนวระนาบตั้ง (vertical plan) ควรจะเท่าเดิม แต่ขนาดของ beamwidth (ในระนาบแนวตั้งเช่นกัน) จะลดลง คล้ายๆกับเราบีบลูกโป่งให้พองด้านหน้ามากขึ้น แต่ปริมาตรเท่าเดิมความอ้วนก็จะลดลง

การตั้งใจทำให้มุมการแพร่กระจายคลื่นในแนวระนาบตั้งนั้นชี้ขึ้นหรือลง สามารถทำได้หลายวิธีเช่นการติดตั้งแผ่นสะท้อนหรือการป้อนสัญญาณแต่ละ element ด้วย phase ที่ไม่เท่ากัน จะสามารถทำให้มุมการแพร่กระจายคลื่นยกขึ้นยกลงได้ โดยปกติเราจะป้อนสัญญาณให้ dipole แต่ละ element เข้าไปด้วย phase ที่เท่าๆ กัน จะสังเกตว่า เวลาเราตัด phasing line นั้น จะเป็นลักษณะที่สมมาตรกันครับ (ซึ่งความจริงแล้ว phasing line นั้นเราตั้งใจจะใช้งานมันเป็น quater wave -impedance transformer ด้วย ->เป็นอีกหัวข้อกระทู้หนึ่งไปเปิดใหม่ได้)

ตัวอย่างการปรับมุมด้วยการป้อนสัญญาณแต่ละ element ด้วย phase ที่ไม่เท่ากันนี้ จะพบได้เสมอในงานพวกสายอากาศสถานีฐานโทรศัพท์มือถือที่ฝรั่งทำมาขายครับ จะเอาเท่าไหร่ก็หมุนปรับเอาได้เลยเพราะใช้กลไกหมุมเฟืองปรับ phase เอา เรียกว่า Adjustable Electrical Down Tilt ส่วนของวิทยุสมัครเล่นแบบทำใช้เองที่เคยอ่านเจอ (นานมาแล้ว) เคยเห็นใช้ สายนำสัญญาณความยาวต่างๆ กัน (เพื่อให้ phase ของสัญญาณเปลี่ยนไปด้วย) ทำงานร่วมกับ selector switch....เวลาจะใช้ก็ปรับ switch เอา

ขอคำชี้แนะจากท่านผู้อาวุโสด้วยครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก คนแก่ 202.57.178.163 พุธ, 12/1/2548 เวลา : 07:12  IP : 202.57.178.163   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 2894

คำตอบที่ 19
      



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก 0 61.91.193.48 ศุกร์, 30/9/2548 เวลา : 19:11  IP : 61.91.193.48   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 4773

คำตอบที่ 20
      



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก 61.91.183.152 อังคาร, 3/1/2549 เวลา : 16:15  IP : 61.91.183.152   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 5755

      

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  



website รองรับการใช้งานทุกระบบปฏิบัติการของ PC Tablet SmartPhone ทุกระบบสามารถโพสข้อความและรูปภาพได้โดยไม่ต้องย่อไฟล์
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ website WeekendHobby.Com สมาชิก เท่านั้น จึงจะตั้งกระทู้ หรือ ตอบกระทู้ได้ครับ
Login Click ที่นี่
สมัครสมาชิก Click ที่นี่



Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วันอาทิตย์,7 ธันวาคม 2568 (Online 2268 คน)