คำตอบที่ 395
อยากทราบว่า สมาชิกที่ทำไบโอดีเซลใช้เอง หรือจำหน่าย ก็ตาม กลีเซอรีนที่ท่านได้มาจากขบวนการผลิต ท่านเอามันไปไหนกันบ้างครับ ทำอะไรกับมันบ้าง หรือใช้ประโยชน์กับมันอย่างไรบ้าง มันก่อปัญหาให้ท่านอย่างไรบ้าง หรือก่อปัญหากับสิ่งแวดล้อมอย่างไรบ้างครับ ท่านกำจัดมันด้วยวิธีใด เพราะแต่ละครั้งแต่ละวันที่ท่านทำไบโอดีเซล กลีเซอรีนที่ท่านมีมันจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกวัน หากเรามั่วคิดแต่จะผลิตใช้กันทั่วไป ควรหาทางออกกับสิ่งเหลือใช้ รวมทั้งกับน้ำที่ผ่านขบวนการล้างด้วยครับ อย่าคิดว่ามันเป็นเรื่องง่ายๆที่จะกำจัดนะครับ เราอาจจะเจอปัญหาใหญ่ในอนาคตก็อาจเป็นได้ ผมเองทำไบโอดีเซลใช้เองมา ปีกว่า หลายหมื่นกิโลเมตรแล้ว ก็เจอปัญหากับการกำจัดกลีเซอรีน ทำให้ผมคิดว่ามันจะคุ้มค่าหรือไม่กับการเอาน้ำมันพืชใช้แล้วมาทำไบโอดีเซล มันทำให้ผมประหยัดค่าน้ำมันได้เป็นหมื่นต่อปี แต่ก็สร้างปัญหาด้านอื่นๆได้เหมือนกัน ผมจึงทดลองใช้น้ำมันพืชเก่าใช้แล้ว ผ่านกรอง 1 ไมครอน ผสมน้ำมันดีเซล 20% เพื่อลดความหนืดได้เล็กน้อย แล้วก็เติมใช้กับรถกระบะ ผมเริ่มใช้เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ 50 นี้ ตอนนี้วิ่งได้ 2,000 กิโลเมตร แล้ว ไม่มีปัญหาอะไร เครื่องยนต์ยังทำงานได้เหมือนปกติ ทั้งรอบเครื่องยนต์ และแรงม้าที่รู้สึกได้ยังไม่ต่างกับการใช้ไบโอดีเซลครับ เหตุผลที่ผมลองไม่ทำเป็นไบโอดีเซลใช้ เพราะผมมีปัญหากับการกำจัดกลีเซอรีน และราคาเมทานอล และขบวนการอื่นๆที่กว่าจะเป็นไบโอดีเซล ซึ่งหากผมใช้วิธีน้ำม้นพืชเก่ามาผสมกับน้ำมันดีเซล 20 % ผมมีต้นทุนอยู่ที่ 12บาท ราคาดีเซลอยู่ที่ 23 บาท ผมประหยัดได้ 11 บาท ผมเฉลี่ยใช้น้ำมันทั้งปีประมาณ 3,300 ลิตร ซึ่งเท่ากับว่าผมประหยัดเงินได้ 1 ปี เท่ากับ 36,300 บาท หากเครื่องผมพังหลัง 1 ปี ผมก็สามารถเปลี่ยนเครื่องใหม่ได้อย่างสบาย หากเลยมาปีที่ 2 ผมประหยัดได้ถึง 72,600 บาท หรือ 3 ปี 108,900 บาท และผมก็ไม่ต้องกังวลถึงการสร้างมลภาวะเป็นพิษจากกลีเซอรีนหรือน้ำล้างของไบโอดีเซล มันเป็นมุมมองของผมเองนะครับ ที่คิดว่าขณะนี้ผมคิดถูกหรือไม่กับการทำไบโอดีเซลจากน้ำมันพืชเก่า มาเป็นเชื้อเพลิงรถยนต์ จะคุ้มค่าหรือไม่กับของเหลือ หรือ ของเสียจากขบวนการผลิตไบโอดีเซลที่ออกมาสู่สิ่งแวดล้อม มีวิธีอื่นอีกหรือไม่ที่จะใช้น้ำมันพืชเก่ามาเติมรถดีเซล โดยไม่ต้องทำเป็นไบโอดีเซล และหากมี มันจะมีผลกับเครื่องยนต์อย่างไร จะคุ่มค่ากับการสึกหรอของเครื่องยนต์หรือไม่อันนี้น่าสนใจ ผมจึงเริ่มทำการทดลองใช้กับรถยนต์ตัวเอง ซึ่งเป็นวิธีที่ใครๆก็ไม่ทำกันหรือเลี่ยงที่จะใช้วิธีนี้ หากแต่ถ้าผมใช้งานเครื่องยนต์ได้ถึง 1ปี ผมก็ต้องบอกว่าผมคุ้มค่าแล้วครับ เพราะไม่ต้องหาทางกำจัดกลีเซอรีน หรือบำบัดน้ำเสีย หรือเสียเวลากับการทำไบโอดีเซล และเงินที่ประหยัดได้ก็คุ้มค่าพอที่จะเปลี่ยนเครื่องใหม่ได้ เมื่อมันเกินปัญหา แต่หากไม่ได้ดังที่คิดคือไม่ถึง 1 ปี เครื่องรถยนต์ผมพัง ก็ถือว่าเป็นการทดสอบ ที่ควรต้องลงทุน และพิสูจน์กันให้ คนอื่นๆได้รู้ว่าการใช้น้ำมันมันพืชเก่ากับเครื่องยนต์โดยไม่ทำไบโอดีเซล มันจะได้รับผลอย่างไร และในทางกลับกัน หากใช้งานเกิน 1 ปี หรือกว่านั้น มันอาจจะเป็นวิธีหนึ่งที่จะใช้เชื้อเพลิงจากน้ำมันพืชเก่าโดยไม่ต้องทำเป็นไบโอดีเซล ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นท่านทั้งหลายก็คงเป็นคนคิดเองว่าใช้น้ำมันแบบไหนดีที่เหมาะสมกับตัวท่านเอง ผลจากการใช้น้ำมันพืชเก่าผสมดีเซล จะรายงานให้ทุกท่านทราบเป็นระยะๆ ครับ