อังคาร,19 มีนาคม 2567

เรื่องเล่าคนตกปลา

250 ไมล์กับนายชนบท
แล่นเรือโต้คลื่น
ปลากระบึกที่สีชัง
คืนพระจันทร์ยิ้มแฉ่ง
บางเสร่ยังมีลุ้น
ดอดไปฟันไอ้โฉม
วันนี้ที่รอคอย
มันแปลกดีนะ
สายันรัญจวน
ทุบไอ้สากที่สัพพะยื้อ
น้ำใจ
โฉมเอยโฉมงาม
แข่งขันตกปลาสัญจร#1
ปลายฝนต้นหนาว
แข่งขันตกปลาแสมสารครั้งที่#6
ลูกหมูจอมซ่าส์
โต้ลมหนาว
เก่งกับเฮง
เมษาฮาวาย
เมื่อผมไปงานแข่งฯ
ลองเรือใหม่กับไต๋โก๊ะ
หูดำที่เกาะค้างคาว
ไปลุยโฉมงามกับไต๋น้อง
มหาเฮง
นักเลงโตสากดำ
ฟ้าหลังฝน
หลังมรสุมสงบ
ตามล่าปลาจัมโบ้
บันทึกแห่งความทรงจำ
คุณพริ้งลองของ
อัดปลาโต้เดิ้ง
เพื่อนรักต่างแดน
เก๋าหน้าหวาน
ไต๋ยอช์ตพาเพลิน
สานสัมพันธ์คนตกปลา#1
หรรษาตะวันแดง
บางเสร่รำลึก#4
ตะล่อนไปกับไต๋อ้วน
ตะลอนไปกับไต๋เปี๊ยก
แดงจ๋าแดงจ่า
ลีลาสละ
ลูกหมูย่ำสวาท
ผู้กล้าแห่งวารี
ไต๋ระยอดนักสู้
สายสัมพันธ์คนตกปลา#2
มือใหม่หัดเหวี่ยง
ผู้พันอินทรี
สัตว์ประหลาด
ยุทธการหักเขี้ยวอินทรี
จิตสังหาร
ลากมาอุ้ม
ปริศนาที่เร้นลับ
ดอนตะวันแดง
สานสัมพันธ์คนตกปลาปี3
ปลายักษ์ในตำนาน
ราพาร่าพรางตัว
สานสัมพันธ์คนตกปลา ครั้งที่ 4
อินทรีหลังโขด
ท่องไปกับตะวันแดง
รวมดาวกระจุย
บุกรังสีทอง
สานสัมพันธ์คนตกปลาปี 4
อยากอัดไอ้หลาม
ปลอบขวัญที่กำพวน
วาฮูนักวิ่งน้ำลึก
วังสีทอง
กุเลาเกมส์พันธ์ดุ
รางวัลชีวิต
สานสัมพันธ์คนตกปลาปี5
ธิดาย่ำสวาท
กุเลาเกมส์คนวัยมันส์
เมษาพาเพลิน

มิตรภาพไร้พรมแดน
ตอน.ช่อนเจ้าเล่ห์เจอดวงแข็งโป๊ก
วันที่ 21-23 พ.ค. 48

แพตาเหน่ง เขื่อนเขาแหลม กาญจนบุรี

ผู้ร่วมทริบ 1.เฮียคิม 2.หมูฮิเล็ก 3.เชษฐ์ 4.จินโน 5.ไก่เซียนตกน้ำ 6.โยชนบท และ7.เฮียเล็ก บางชัน

ช่อนเจ้าเล่ห์เจอดวงแข็งโป๊ก
สายฝนโปรยปราย พื้นดินที่เหือดแห้งกลับมาชุ่มชื่นอีกครั้ง ต้นไม้ที่ยืนต้นแห้งเหี่ยวเฉา จากการขาดแคลนน้ำมาช้านานก็กลับคืนสู่สภาพ เขียวขจี รังสีความร้อน จากแสงแดดที่แผดเผ่าก็จางสลายไป พร้อมกับสายน้ำฝนที่ชุ่มฉ่ำหลั่งชโลม จากฟากฟ้าสู่พื้นดิน เสียงนกการ้องกู่ก้องไพร สรรพสิ่งมีชีวิตได้กลับคืนมาสู่วิถีทางดำเนินชีวิตอย่างมีความสุขอีกครั้ง ณ ที่แห่งนี้ เราเรียกมันว่า “ทะเลสาบเขาแหลม” เป็นสถานที่อีกแห่งหนึ่งของประเทศไทยที่ยังคง รักษาสภาพความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ได้เป็นที่อยู่อาศัยของ สัตว์ป่า ที่ยังเหลือรอด ดำรงชีวิตขยายเผ่าพันธุ์ของพวกมันอีกต่อไป จนกว่าป่าไม้และสายน้ำแห่งนี้จะถูกทำลาย ’

ราตรีดึกสงัด บนเส้นทางสู่เมืองกาญจนบุรี รถยนต์ Honda accord สีทอง ภายในบรรจุ ชายฉกรรจ์ 5 คน ประกอบด้วย เฮียคิม ลูกลาดกะบังลม หมู ฮิเล็ก เชษฐ์ ผีตองเหลือง กระเหรี่ยง จิน และ เฮียเล็ก บางชัน กำลังมุ่งหน้าไปทาง เมืองกาญจนบุรี การเดินทางของพวกเรามา สิ้นสุด ที่ หน้าร้านสะดวกซื้อ “เซเว่นอิเลฟเว่น” อำเภอทองผาภูมิ ประตูรถเปิดออกพร้อมกับ ชายในรถก้าวเท้า ออกมาจากรถ ก่อนจะกางแขนทั้ง 2 ข้างออก แล้วบิดตัวสูดอากาศที่บริสุทธิ์ยามเช้าเข้าปอด ก่อนจะสาวเท้าเดินตรงไปที่ร้านสะดวกซื้อที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เพื่อเตรียมขนมของขบเคี้ยว ตุนเป็นเสบียง “ตาย ห่ะ พึ่งจะ ตี 4 ครึ่ง เองรึวะนี่” เสียงนายหมูฮิเล็กอุทานออกมา เมื่อมองดูนาฬิกา “หา พึ่งจะตี 4 ครึ่ง อีกตั้งเกือบ 2 ชั่วโมง เรือถึงจะมารับพวกเรา บอกแล้วว่าอย่าขับเร็ว ก็ไม่เชื่อ” เฮียคิมลูกกะบังลม ตัดพ้อต่อว่า พลขับ ที่ขับรถมาถึงที่หมายเร็วกว่ากำหนด สายลมพัดพาไอหนาว พร้อมกลิ่นอายดิน มาปะทะจมูก กลิ่นหอม ของดินที่ถูกฝนชะล้าง “เฮ้ย หลบเข้าไปในรถเร็ว ฝนจะตกแล้ว” เสียงตะโกนเรียกให้พรรคพวกที่ออกมายืนบิดขี้เกียจ ให้รีบเข้ามาหลบฝนในรถยนต์ เสียงเม็ดฝนตกกระทบ หลังคาสังกะสี ดัง ‘เปาะแปะ เปาะแปะ’ ก่อนจะซาหายไปในอีก 1 ชั่วโมงต่อมา พอฝนหยุดตก พวกเขาจึงรีบบ่ายหน้า ขับรถมายังท่าขึ้นแพ “ฮัลโหล น้าเสริม เหรอครับ ช่วยเอาเรือมารับผมด้วยครับ ผมมาถึงท่าลงแพผาผึ้งแล้วครับ” เฮียคิมลูกลาดกะบังลม โทรศัพท์ติดต่อให้น้าเสริม เอาเรือมารับ ณ จุดนัดหมาย ท้องฟ้าเริ่มสว่าง เสียงไก่ขันรับลูกคอ ‘เอกอีเอ๊กเอ้ก’ ดังก้องกังวาน สักครู่เดียว น้าเสริม ได้เดินมาทักทาย แล้วช่วยกันขนของขึ้นเรือหางยาวลำใหญ่ มุ่งหน้า ไปยังแพพัก ที่ชื่อว่า “แพตาเหน่ง” เครื่องยนต์ที่ถูกนำมาดัดแปลงเป็นตัวขับเคลื่อน คำราม เสียงดัง บรืน บรื้น ใบจักรตีน้ำจนแตกกระจาย ลมพัดเอาละอองน้ำกระเซนมาปะทะร่างกายจนรู้สึกเย็นชุ่มฉ่ำ เฉพาะสายลมยามเช้าก็เย็นสบาย อยู่แล้ว พอมีละอองน้ำปนมาด้วย ยิ่งเย็นจนรู้สึกว่าจะเย็นมากเกินไป

“อ้าวซาหวัดดีครับมิตรรักแฟนเพลงของตาเหน่งทุกคนไปเข้าแพหลังโน้นเลยครับรีบไปเลย อย่าช้า อาหารเช้าจะเอาอารัยดีครับ” เสียงทักทายจากตาเหน่งผู้เป็นเจ้าของแพพัก กล่าวสวัสดีทันที่ที่เรือหางยาว แล่นมาถึง “สาหวัดดีครับน้าเหน่งเช้านี้ขอข้าวต้มปลากดคัง ร้อนๆ ดีกว่า เออ ขอกาแฟ สัก 4 ชุดก่อนนะ ” เฮียคิมกล่าวกับตาเหน่ง ก่อนจะหันหัวเรือมายังแพ ที่พัก “ขนของลงไว้บนแพ หลังนี้กันเลย เดี๋ยวเรือคงจะมาแล้ว กินข้าวเสร็จเราก็จะออกไปตีปลากันได้เลย” เวลาผ่านไปไม่นานตาเหน่ง 8 หลอด ก็แจวเรือ นำอาหารมาส่ง ได้ซดข้าวต้มปลากดคัง ร้อนๆ จิบกาแฟ หอมกรุ่น ร่างกายกระปรี่กระเป่า สดชื่นขึ้นมาอีกเยอะ ‘ต๊อก ต๊อก ต๊อก.....’ เสียงเครื่องยนต์ Honda ที่เกาะท้ายเรือหางยาวชาวบ้านดังแว่วมาแต่ไกล เชษฐ์ ผีตองเหลือง กับเฮียเล็กบางชันอดรนทนรอไม่ไหว ลุกขึ้นยืนชะโงกหน้าเพ่งสายตามองออกไปตรงหัวโค้งปากหุบ จนเรือลำน้อยค่อยวิ่งเข้ามาในรัศมีสายตา เราจึงได้เห็นเรือหางยาว 3-4 ลำ วิ่งตามกันมาเป็นแถว “ป่ะ เตรียมตัวเรือมารับแล้ว” เฮียคิมลูกลาดกะบังลมกล่าวกับเพื่อนสมาชิก คันเบ็ดและอุปกรณ์ กล่องเหยื่อ นำมาเตรียม พร้อม แล้วเรือหางยาวก็นำพา พวกเขาออกเดินทางสู่หมายตกปลาในเขื่อนเขาแหลม วันนี้น้ำในทะเลสาบเขาแหลมลดแห้ง ลงไปมาก ต้นไม้ที่ยืนต้นจมน้ำตายมานานหลายปี โผล่กิ่งก้าน พ้นพื้นน้ำระเกะระกะ ไปทั่ว เรือลำน้อยค่อยๆ ลัดเลาะ ลอดช่องไปตามแนวต้นไม้ที่ตายแล้ว ไปอย่างน่าหวาดเสียว บางครั้งหัวเรือก็ไปเสยเอาตอไม้ที่จมปริ่มๆ น้ำ ที่นายท้ายไม่อาจจะมองเห็นได้ ทำให้เรือเอียงวูบ จนเรือแล่น ผ่านพ้นแนวป่าไม้ มาถึงหุบ เรือแต่ละลำก็แยกย้ายกันเข้าไปในแต่ละหุบ นายท้ายเบาเสียงเครื่องยนต์ลงก่อนจะดับเครื่องในที่สุด แล้วคว้าไม้พายขึ้นมาแจวแทน ทุกอย่างเงียบกริบไม่มีแม้แต่เสียงของลมหายใจ หมูฮิเล็กใช้มือยัน กาบเรือพยุงร่างกาย ที่ใหญ่โต ลุกขึ้นยื่นแล้วก้มไปหยิบอาวุธ ประจำกาย ที่มีเพียง รอกสปินนิ่ง ราคาถูก ขึ้นมากระชับในมือ ก่อนจะขยับท่าทางให้มั่นคง สายตาเพ่งมองหายังแหล่งหมายที่คิดว่าจะมีปลาช่อน เพชรฆาต ข้างตลิ่ง อาศัยอยู่ พอเล็งที่หมายได้ที่แล้ว หมูฮิเล็ก ก็ง้างแขน ออกแรงหวดคันส่งเหยื่อกบตาซวด สีช้ำเลือดช้ำหนอง ออกไปยังจุดหมายที่ตนเอง เล็งไว้ “ควับบบบบ...” เสียงคันแหวงอากาศ ส่งกบตาซวด ลอยละลิ่วพุ่งออกจากคันดุจดังลูกศรที่พุงออกจากเกาฑัณฐ์ ก็มิปาน เพียงไม้แรกเท่านั้น ก็ได้เรื่อง “เฮ้ยยยยยย...ไม้แรกก็ไปค้างบนกิ่งไม้เลยรึไงฟ่ะ” กบตาซวดพุ่งไปอย่างไม่มีทิศทาง ก่อนจะไปสงบตัวหยุดนิ่งห้อยต่องเต่ง อยู่บนกิ่งไม ้เหนือพื้นน้ำ ประมาณคืบ ในขณะที่เจ้าหมูฮิเล็ก พยายามสะบัดคัน เพื่อจะปลดสิ่งที่พันธนาการ เหยื่อกบตาซวด ตัวสุดโปรดอยู่นั้น เหตุการณ์ที่ไม่คาดฟันก็เกิดขึ้น เมื่อมีปลาช่อนขนาด จัมโบ้ กระโดดตัวลอยขึ้นมางับเหยื่อที่กำลังห้อยต่องเต่ง อยู่บนอากาศเข้าเต็มปาก ‘ตูมมมม...’ “อ้าวเฮ้ย ปลากินเหยื่อแล๊ววว อะไรมันจะตะกละขนาดนี้วะ ฮะ ฮ่ะ ฮา” ตอนแรก หมูฮิเล็ก ร้องออกมาด้วยความตกกะใจ ไม่นึกว่าจะมีปลากระโดดขึ้นมาชาร์ทเหยื่อ ได้แต่หลังจากนั้นอาการตกใจก็หมดไป อารมณ์ ปิติลิงโลด ก็เข้ามาแทนที ปลาช่อนตัวแรกของหมูฮิเล็กใหญ่เกือบจะ 2 กิโลกรัม

‘จ๊อบ จ๊อบ จ๊อบ จ๊อบ จ๊อบ’ เสียงใบพัดจากเหยื่อปลอมของเฮียเล็กบางชัน ตีน้ำส่งเสียง ดังเพื่อกวนประสาท ปลาชะโดขี้โมโหให้เข้ามางับเหยื่อใบพัด เฮียเล็กบางชันกำลังก้มหน้าก้มตา ปั่นรอกเก็บสาย จนเหยื่อเคลื่อนตัวใกล้เข้ามาจวนจะถึงเรือ เหลืออีกเพียง 2 เมตร สิ่งที่ ไม่ คาดฝันก็เกิดขึ้น ‘ตูมมมมม......’ ปลาชะโดตัวใหญ่กระโจนขึ้นมางับเหยื่อเสียงดังสนั่น สร้าง ความตกใจให้กับเฮียเล็กบางชัน เป็นอย่างมาก “เหวยยยย.... อ้ายห่ะ ตกใจหมดเลย” ด้วย อารามความตกใจ เฮียเล็กบางชันถึงกับโยนคันเบ็ดทิ้งลงน้ำ ‘จ๋อม’ พอเฮียเล็กบางชันตั้งสติได้ ก็รีบกระโดดลงน้ำเอื้อมมือไปคว้าคันที่กำลังค่อยๆ จมน้ำขึ้นมาได้อย่างฉิวเฉียด เนื้อตัวเฮียเล็กเปียกน้ำไปทั้งตัว “เกือบสิ้นชื่อแล้วมั๊ยละเรา คุณโย นะ คุณโย ทำไมไม่บอก เราก่อนนะว่า ชะโดมันกินเหยื่อเสียงดัง” เฮียเล็กบางชันสบถ บ่นท้อถึงคนที่ชักชวนมาตกปลาน้ำจืด ที่ไม่ยอมบอกเรื่องนี้ให้รับรู้ “คิก คิก คิก” เสียงนายท้ายเรือ ที่แอบเบือนหน้า ไปกลั่นหัวร่อเสียงดัง คิกคัก “กระแต๊ก กะแต แต้ แว๊ด” เสียงนกกระแตแต้แว๊ด กรู่ร้องดังลั่นหุบ เหมือนกับมัน กำลัง สมน้ำหน้าคนที่กระโดดน้ำจนตัวเปียก อีกด้านหนึ่งของหุบ นกเป็ดน้ำจำนวน 5 – 6 คู่ กำลังบินกรู่กันขึ้นบนท้องฟ้า เฮียคิมลูกลาดกะบังลม กวาดสายตาสาดส่องมองหาจุดที่จะส่งเหยื่อ ‘ควับ’ เสียงคันแหวก อากาศ เหยื่อกบสะเทือนน้ำ สะท้อนบก ลอยละลิ่วปลิวออกไปกลางท้องฟ้าก่อนจะตกแหมะลงบนพื้นดินห่างจากตลิ่งไปหลายคืบ “อุวะ กบตูดัน กระโดด ไปอยู่บนโคกเสียนี่ ” เฮียคิมลูกลาดกะบังลม บ่นพึมพำก่อนจะค่อยๆ หมุนรอก Shimano Crestfire CR-100D ที่ลงทุนควักกระเป๋า ซื้อมาด้วยค่าตัวเพียง 1 พันกว่าบาท กบน้อยขยับตัว ไถลลงสู่น้ำก่อนจะเลื่อนตัว วิ่งบนผิวน้ำ ได้ไม่ถึงเมตร ทันใดนั้น ก็เกิดเสียงฮุบเหยื่อดังสนั่น หวั่นไหว น้ำแตกกระจายเป็นวงกว้าง “ตับบบบ” เสียงฮุบเหยื่อ อย่างรุนแรง กบน้อยจมน้ำหายไปทั้งตัว “อ้าว โดนแดรกแล้วรึวะ อย่างนี้ก็เสร็จตูสิ” เฮียคิมวัดคัน การต่อสู้เกิดขึ้น ปลาช่อนขี้โมโหพยายามต่อสู้ดิ้นร่นกระโดดตัวลอยจนน้ำแตกกระจายเป็นวงกว้าง แล้วการต่อสู้ก็จบ สิ้นลงเมื่อนายท้ายเรือ ใช้สวิงช้อนปลาตัวนั้นขึ้นมาบนเรือ “วาว....หมาน หมาน หมาน ตัวนี้ใหญ่ดีวุ่ย” เฮียคิมลูกลาดกะบังลม เป็นปลื้ม กับผลงาน สายตา จับจ้องมองปลาช่อนตัวใหญ่ ประมาณ 1 กิโล ครึ่ง ที่นอนนิ่งหมดฤทธิ์อยู่บนพื้นเรือ

จวบจนแสงตะวันใกล้จะลาลับไปจากทิวเขา เสียงเครื่องยนต์ของเรือหางดังแววมาตาม กระแส ลม พวกเขากำลังมุ่งหน้าเดินทางกลับมายังแพที่พัก “นั้นใครมาอยู่แพเราวะ” ผีตองเหลือง เชษฐ์ ที่เดินทาง กลับมาถึงแพพักเป็นชุดแรก กล่าวอย่างแปลกใจเมื่อเห็นบุรุษ ลึกลับ 2 คนเดินวนเวียน อยู่ในแพพัก ของตัวเอง “อ้าว ธ่อ นึกว่าใครที่ไหน พี่โย กับพี่ไก่นี่เอง มาถึงกันเมื่อไหร่ครับ” ผีตองเหลืองเชษฐ์ ทักทาย 2 บุรุษหนุ่มที่พึ่งจะเดินทาง มาถึง “พี่ มาถึงประมาณ บ่าย 3 เจอ แต่อ้าย กระเหรี่ยงอยู่แพคนเดียว เป็นไงบ้างผลงานวันนี้”บุรุษผู้มาเยือนนามว่า โย ชนบท กล่าว ตอบ “ไม่ค่อยได้ตัวครับ แต่ฮุบเป็นสิบ แต่ไม่ติด แฮ่ะ แฮะ ได้ไอ้ช่อนมาตัวเดียว อิอิอิ...เฮียเล็กแห้วครับ ฮะ ฮ่ะ ฮา” ผีตองเหลืองเชษฐ์ แจกแจงผลงานให้ผู้มาเยือนทราบ “อ้าว เฮียคิมมาพอดี ตามกันมาติดๆ เลยนะเฮีย สวัสดีครับ” เฮียคิมเมื่อเห็นแขกที่มาเยือนเป็นใครถึงกับหัวเราะร่า “ว่าแล้ว ป๋าโยต้องตามมา เจ๋งครับวันนี้ผมได้มาอีก 3 ดูผลงาน สะก่อนมันส์จิง ว้อย” เฮียคิมลูกลาดกะบังตกผลงานปลาช่อน ขึ้นโชว์ แต่ละตัวมีขนาดใหญ่ ทั้งนั้น ไม่นานนัก หมูฮิเล็ก ก็กลับมาถึงแพเป็นคนสุดท้าย “อ้าว พี่โย นึกว่าจะเปลี่ยนชื่อเป็น ป๋าเบี้ยว สะแล้ว หึหึ” หมูฮิเล็ก กล่าวทักทายสมาชิกใหม่ “น้อยๆ หน่อยเจ้าหมูฮิ ผมยึดถือสัจจะเป็นที่มั่น รับปากอะไรกับใครไว้จะต้องทำ บอกว่าไปก็ต้องไป บอกว่ามา ก็ต้องมา ไม่เคย เบี้ยวใคร มีแต่โดนคนอื่นเขาเบี้ยว อิอิอิ...” เมนูอาหารค่ำคืนนี้ หนีไม่พ้นปลาเป็นหลัก ทั้งปลาช่อนเผาเกลือ ปลาช่อนต้มยำ ปลาช่อนแสงจันทร์ และปลาบู่นึ่งซีอิ้ว หลังจากอิ่มหมีพลีมันกับอาหารมื้อค่ำ ชีวิตคนกลางแจ้ง ก็เริ่มบรรเลง ด้วยบทเพลงเพื่อชีวิต ที่รวบรวมเอาสารพัดศิลปิน มาไว้ที่แพแห่งนี้ ดื่มสุรา ร้องเพลงขับขาน กับเพื่อนที่รู้ใจ ‘ทำไมชีวิตพวกตูถึงสุขปานนี้วะ’

แสงตะวันสาดส่องยามเช้า เสียงไก่ขันดัง เอก อิ เอ้ก เอ๊ก ต้อนรับแสงอรุณของเช้าวันใหม่ เฮียเล็กบางชัน ลุกขึ้นมาเอาน้ำลูบหน้าลูบตา เสร็จก็เดินไปเขย่าตัวปลุกเพื่อนๆ คนอื่น ที่ยังนอน หลับใหล ให้ตื่นขึ้นมาเพื่อจะออกไปตีปลากันแต่เช้า “ตื่น ๆ ๆ นอนกันได้แล้ว เดี๋ยวเรือจะมารับ แล้วนะ กระเหรี่ยง ขอกาแฟ 3 ถ้วย ด้วย” เฮียเล็กบางชันอาละวาดเพื่อนๆ จนทุกคนจำต้อง ยอมตื่นนอน “เดี๋ยวคุณโย ออกรอบเช้าก่อนนะ ผมขอหลับต่อ อีกสักงีบ บ่ายๆ ผมค่อยไปแล้วกัน” คุณไก่เซียนตกน้ำ เสนอตัวขอนอนต่อหลังอาหารเช้าจากฝีมือป้าลี ผ่านไป บรรดาเรือหางยาว ที่ได้ตกลงกันไว้ ก็เริ่มทยอยวิ่งเข้ามารับ “อ้าวรีบๆ กันหน่อย หมูฮิ เรือมารอแล้วครับ เอ้าเรือของเชษฐ์กับเฮียเล็กก็มาแล้ว เรือผมก็มาแล้ว ทุกคนพร้อมงั้นออกไปลุยกันเลย” เฮียคิมลูกลาดกะบังลม ไล่เลียขาน ชื่อสมาชิกให้ลงเรือ แต่ละลำเมื่อทุกคนลงประจำเรือพร้อมกันหมด เรือหางยาวก็แล่น ออกจากแพพักไล่ตามกันเป็นริ้วขบวน มุ่งสู่หุบหมาย ระหว่างทางเรือแล่นผ่าน ซากต้นไม้ที่ตายแล้วที่โผล่กิ่งก้านที่เหลืออยู่ พ้นน้ำยามน้ำลด บางต้นปะดับประดาไปด้วยซากตาข่าย ที่ชาวบ้าน ลงไว้จับปลา ต้นไม้บางต้นประดับด้วยสายเชือกเบ็ดราวระโยงละยางเกะกะเต็มไปหมด จนเรือแล่นผ่านดงไม้ที่ตายแล้วเลยมาถึงหุบ ‘หนองหญ้าคา’ นายท้ายเรือค่อยๆ เบาเครื่องยนต์ลงที่ละน้อยๆ จนเรือแล่นเข้ามาถึง ปากทางเข้าหุบ เครื่องยนต์ก็ดับลง โย ชนบทใช้สองมือยันพื้นเรือพยุงกายลุกขึ้นยืน สายตาสอดส่ายมองหาเป้าหมาย ก่อสาหร่ายข้างหน้าคือเป้าหมายที่เล็งไว้ แล้วบรรจงหวดคันส่งเหยื่อกบกระโดดออกไปหลอกล่อปลาช่อนที่หิวโซ สักตัว กบน้อยลอยละลิ่วตามแรงดีดส่ง ของคันเบ็ด ก่อนจะไปตกแหมะ ลงบน กอสาหร่าย ขณะที่กำลังหมุนรอกกรอสายเข้ามาปลาก็เข้ามา ฮุบเหยื่อของเขาเสียงดังถนัดถนี่ ‘ตลั๊บบบบ.’ ปลาฮุบเหยื่อกบน้อย เข้าให้แล้ว โย ชนบท รีบกรอสายให้ตึง เพื่อที่จะทำการวัดคัน แต่ยิ่งกรอเท่าไหร่ สายก็ไม่ตึงสักที ปลามันพาสายวิ่งย้อน เข้ามาหาตัวเขาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่มันจะมาหยุดนิ่งห่างจากตัวของเขาแค่ 2 เมตร จากนั้นสิ่งที่ไม่คาดฝัน ก็เกิดขึ้น เมื่อเหยื่อกบน้อยลอยตุ๊บป่องทะยานขึ้นสู่ผิวน้ำ “อ้ายเวง มันเล่นคาบเหยื่อมาคืนให้ถึงเรือเลยเนอะเมิ้ง” โย ชนบทเมื่อเห็นพฤติกรรมของปลาที่วิ่งคาบเหยื่อ แล้วมาคาย ต่อหน้าเขา ก็อดขำในโชคชะตาตัวเองไม่ได้ ‘ให้มันได้ยังงี่สิวะ ปลาช่อนชาตินี้ไม่มีรุ่งสะแล้วมั้งตู’

เรือลำน้อยค่อยๆ เคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ กระทาชายคนหน้าเดิมยังคงดำเนินกิจกรรม หวดคันส่งเหยื่อออกไป อย่างต่อเนื่อง สะเปะสะปะ ยังไง ก็ยังสะเปะสะปะ ยังงั้นเหมือนเดิม ไม่มี เปลี่ยน จวบจนเรือของหมูฮิเล็กแล่นสวนออกมา “พี่โยข้าง ในมีแต่ตัวใหญ่ๆ ผมซัดมา 6 ตัวพี่รีบเข้าไปเลยยังเหลืออีกหลายหุบที่ผมยังไม่ได้เข้าไป”หมูฮิเล็ก ตะโกนบอก กระทาชายคนนั้น ได้แต่มองหน้านายท้ายเรือ ก่อนจะออกไปว่า “ป่ะ เข้าไปดูข้างในดีกว่า” แต่ไม่ว่าจะ เป็นหุบเล็กหุบ น้อย ก็จะมีฟองขาวฟอด เป็นทางยาว แสดงว่าพึ่งผ่านการโดนลุยมามาดๆ “โอ้ ... พึ่งจะโดนย่ำยี มาสดๆ เลยนะนี่ ฟองยังฟอดอยู่เลย เลยเข้า ไปอีกหุบดีกว่า” จนเรือมาถึงก้นหุบ บริเวณที่เต็มไปด้วยสาหร่ายปกคลุมเต็มไปหมด โย ชนบทในคราบนักหวดเหยื่อปลอม ดีดคันส่งเหยื่อกบ ออกไปข้างหน้า กบน้อยปลิวกระเด็นกระดอน ไปตกอยู่บน กอสวะเขาค่อยกรอรอกเก็บสายเข้ามา จังหวะที่เขากำลังเพลินกับการกรอรอกอยู่นั้น ปลาก็กระโดดงาบเหยื่อกบกระโดดเข้าเต็มปาก ‘ตูมมมมมม...’ “เสร็จเรา แล้ว ตัวใหญ่ด้วย” อารามดีใจได้แค่แผล๊บเดียวเท่านั้น เหตุการณ์เดิมเดิม ก็เกิดขึ้นอีกครั้ง ดูมันเป็น เหตุการณ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ที่เกิดขึ้นกับชายผู้นี้จริงๆ ‘ตูม ตูม...พรืด พรืดดดด’ ปลาช่อนตัวเขือง กระโดดสะบัดหัว สะบัดหางตัวลอยละลิ่วไปตกบน ตลิ่ง พร้อมกับตะขอเบ็ดได้หลุดออกจากปากปลาช่อนเจ้ากรรม โย ชนบทได้แต่ชำเลืองตามองดูปลาช่อน ที่กำลังส่ายตัว ไถลตัวเลื่อนลงน้ำ โดยที่ไม่อาจจะทำอะไรได้ “กลับที่พัก ไม่ตงไม่ตก มันแล้ววันนี้ ” นั้นคือคำสั่งที่เฉียบขาด สายตาที่เหือดแห้ง มองดูปลาช่อนตัวเท่าลำแขน 2 ตัว ในใจคิดนึกปลง อนิจจัง ถ้าเอาปลาตัวเท่านี้กลับไปยังแพที่พัก อาจจะต้องโดนถูกเพื่อนๆ ถากถาง เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาจึงจับปลาช่อน ตัวน้อยทั้ง 2 ตัว ปล่อยกลับคืนสู่สายน้ำ

สภาพร่างกายที่เหนื่อยล้า บวกกับความโหยหิว ทำให้อาหารมื้อนี้อร่อยมากเป็นพิเศษ ช่วงบ่ายนี้ คุณไก่เซียนตกน้ำ จะต้องออกไป หวด ๆ หมุนๆ และเหมือนฟ้าจะเข้าข้างคนบาป พอพวกเขาออกเดินทางไปได้ไม่นาน ก็เกิด ฝนตกลงมาทันที จวบจนเวลาเย็น เรือทุกลำก็เดินทางกลับมายังแพพัก สีหน้าแต่ละคนยิ้มระลื่น บงบอกถึงความสำเร็จที่แต่ละคนพกกลับมายังแพพัก เลี้ยวมองกระชังขังปลา 3 ใบ บัดนี้มันอัดแน่นไปด้วยปลาช่อนขนาดใหญ่ เต็มเอียดทั้ง 3 ใบ เราคัดเอาตัวเล็กๆ ขนาดไม่ถึง 1 กิโล ปล่อยมันกลับคืนสู่น้ำไป ส่วนตัวใหญ่ จำนวนเกือบ 40 ตัวเรานำมันไปแจกจ่ายให้กับเพื่อนผู้รักษ์ตกปลาเหมือนกับพวกเรา ส่วนที่เหลือก็ฝากตาเหน่งขังไว้เป็นอาหารเลี้ยงคนต่อไป ปลาช่อนที่แพตาเหน่งนี่เจ้าเล่ห์ทุกตัว บ่อยครั้งที่คาบเหยื่อ แล้วบ้วนทิ้ง หลายหนที่เอาหัวพุงโหม่งเหยื่อจน ปลิวกระเด็นไปเกยบนโคก แต่ไม่ว่าปลามันจะเจ้าเล่ห์ขนาดไหน มันก็เสร็จพวก เราเพราะดวง ของพวกเรามันไม่ใช่แค่ดวงธรรมดา แต่มันเป็น “ดวงบวกฟลุ๊ค”แพตาเหน่ง ค่าบริการแพพักถูกแสนถูก เพียงหลังละ 700 บาท ส่วนราคาค่าเรือหางยาวเพียง 400 บาทราคานี้รวมค่าน้ำมันแล้ว อาหารการกิน สะดวกสบายมากอยากกินอะไร ตะโกนสั่งตาเหน่งได้ทันที เดี๋ยวตาเหน่งก็จะไปบอกป้าลีทำให้ ฝีมือป้าลีในการทำอาหารนั้น สุดยอดอร่อยเหาะมาก ใครที่ได้ชิมต้องยกนิ้วให ้โดยที่แม่ช้อยไม่ต้องมารำ ให้เสียเวลา สำหรับท่านที่ต้องการจะไปพักผ่อน ตกปลา ติดต่อสอบถามได้ที่เบอร์โทร 09-0372508 ขอสายตาเหน่งหรือป้าลี ก็ได้ขอรับ สำหรับทริบลุยปลาช่อนน้ำจืด ทริบนี้ก็ขอจบไว้เพียงเท่านี้ ....สวัสดีครับ

[กลับสู่หน้าเมนูหลัก]


Home | Bicycle | Offroad | Fishing | Radio Control | GPS Corner | Second hand | Member area
Copyright © 2000, www.WeekendHobby.com, All right reserved.

Contact Webmaster