อังคาร,19 มีนาคม 2567

เรื่องเล่าคนตกปลา

250 ไมล์กับนายชนบท
แล่นเรือโต้คลื่น
ปลากระบึกที่สีชัง
คืนพระจันทร์ยิ้มแฉ่ง
บางเสร่ยังมีลุ้น
ดอดไปฟันไอ้โฉม
วันนี้ที่รอคอย
มันแปลกดีนะ
สายันรัญจวน
ทุบไอ้สากที่สัพพะยื้อ
น้ำใจ
โฉมเอยโฉมงาม
แข่งขันตกปลาสัญจร#1
ปลายฝนต้นหนาว
แข่งขันตกปลาแสมสารครั้งที่#6
ลูกหมูจอมซ่าส์
โต้ลมหนาว
เก่งกับเฮง
เมษาฮาวาย
เมื่อผมไปงานแข่งฯ
ลองเรือใหม่กับไต๋โก๊ะ
หูดำที่เกาะค้างคาว
ไปลุยโฉมงามกับไต๋น้อง
มหาเฮง
นักเลงโตสากดำ
ฟ้าหลังฝน
หลังมรสุมสงบ
ตามล่าปลาจัมโบ้
บันทึกแห่งความทรงจำ
คุณพริ้งลองของ
อัดปลาโต้เดิ้ง
เพื่อนรักต่างแดน
เก๋าหน้าหวาน
ไต๋ยอช์ตพาเพลิน
สานสัมพันธ์คนตกปลา#1
หรรษาตะวันแดง
บางเสร่รำลึก#4
ตะล่อนไปกับไต๋อ้วน
ตะลอนไปกับไต๋เปี๊ยก
แดงจ๋าแดงจ่า
ลีลาสละ
ลูกหมูย่ำสวาท
ผู้กล้าแห่งวารี
ไต๋ระยอดนักสู้
สายสัมพันธ์คนตกปลา#2
มือใหม่หัดเหวี่ยง
ผู้พันอินทรี
สัตว์ประหลาด
ยุทธการหักเขี้ยวอินทรี
จิตสังหาร
ลากมาอุ้ม
ปริศนาที่เร้นลับ
ดอนตะวันแดง
สานสัมพันธ์คนตกปลาปี3
ปลายักษ์ในตำนาน
ราพาร่าพรางตัว
สานสัมพันธ์คนตกปลา ครั้งที่ 4
อินทรีหลังโขด
ท่องไปกับตะวันแดง
รวมดาวกระจุย
บุกรังสีทอง
สานสัมพันธ์คนตกปลาปี 4
อยากอัดไอ้หลาม
ปลอบขวัญที่กำพวน
วาฮูนักวิ่งน้ำลึก
วังสีทอง
กุเลาเกมส์พันธ์ดุ
รางวัลชีวิต
สานสัมพันธ์คนตกปลาปี5
ธิดาย่ำสวาท
กุเลาเกมส์คนวัยมันส์
เมษาพาเพลิน

มิตรภาพไร้พรมแดน
ตอน.ราพาร่าอำพราง
วันที่ 1 - 3 ก.ย.48

เรือเจริญผล 1 ไต๋พนธ์ แหลมงอบ

ผู้ร่วมทริบ 1.ชนบท 2.ตั้ม ยูเนี่ยน 3.คุณโฟ 4.พี่ซิง 5.พี่เปี๊ยกปลาเมิน 6.วิทยา ตะวันแดง

ราพาร่าอำพรางตัว
เมื่อถึงช่วงปลายเดือนสิงหาคม สู่ต้นเดือนกันยายนของทุกปี ข่าวสารเรื่องราวของฝูงปลาอินทรี ที่เข้ามาไล่ล่าฝูงปลาทู ตั้งแต่บริเวณซากเรือปูนจม มาแหลมตาเทียน โผล่ไปทางหินกองห้าร้อย เรื่อยลงไปถึงเกาะรัง หินพรายน้ำ และหินลูกบาตร ข่าวสารกระจายสู่โสตประสาทหูของเหล่าผู้กล้า ผู้กระหายที่จะออกไปกรำศึกกับฝูงปลาอินทรีที่ หิวกระหาย ในการครั้งนี้นายชนบท ได้รวบรวมกำลังพลพร้อมสหายคู่ใจ จำนวน 1 วงเหล้า และไต๋เรือที่เคยได้ยิน ชื่อเสียงเรียงนามมาช้านาน นามว่า ‘ไต๋พนธ์’ ยอดไต๋แห่งบ้านแหลมงอบ จังหวัดตราด ให้เป็นผู้ขับยานพาหนะชื่อว่า ‘เจริญผล 1’ ออกไปปฏิบัติภารกิจตามคำบัญชาจากใจตนเอง และเมื่อถึงวันดีเดย์ ได้ฤกษ์ออกเดินทางสู่ท้องทะเล ที่เปรียบเสมือนเป็นสนามประลองยุทธ์ในครั้งนี้ อาวุธยุทโธปกรณ์ ต่างๆ ถูกขนย้ายมาลงเรือ เจริญผล 1 ในช่วงเย็นวันศุกร์ที่ 1 กันยายน ตามกำหนดการที่ได้วางไว้ เมื่อสหายรักผู้ร่วมชะตากรรมออกกรำศึกในครั้งนี้ เดินทางมาสม ทบครบทุกคน ไต๋พนธ์ พร้อมเรือเจริญผล1 จึงได้ฤกษ์เบิกโรงเคลื่อนตัวออกจากสะพานเทียบเรือแหลงอบ มุ่งหน้าสู่ทะเลลึก ในยามอาทิตย์ใกล้อัสดงทันที

บนเรือเจริญผล 1 ไต๋พนธ์บังคับพังงาควบคุมเรือ มุ่งหน้าสู่เกาะพะเนียด “ได้ข่าวว่าทะเลตราดช่วงนี้หา หมึกยากมาก ใช่ป่าวครับไต๋” นายชนบท เริ่มต้นสนทนา “ผมไม่รู้ นะ เพราะผมป่วยไม่ได้ออกทะเลมานานเป็นปีแล้ว ละ ฮ่า!” ไต๋พนธ์ตอบ “ อ้าว! แล้วไต๋ยังจำหมายได้อยู่หรือเปล่า ทิ้งไปนานแบบนี้ ไม่ลืมหมายเด็ดไปแล้วหรอกรึ” คุณโฟ ถามแทรกขึ้นมา “เออ นั้นสินะทิ้งพังงาไปนาน ตกปลายังไง ก็จำไม่ได้แล้ว อินทรีอยู่ที่ไหนคงลืมหมดแล้วละม้างไต๋ แฮะ แฮะ” พี่ซิง ได้ทีขอผสมโรงแซวไต๋ เล่นสะหน่อย ส่วนไต๋พนธ์ นั่งนิ่งเงียบถือพังงา ในใจคงจะคิดไปว่า ‘ทำไมคนพวกนี้มันเข้ากันได้ดีจริงๆ’ จนกระทั้งเรือแล่นมาถึงหลังเกาะช้าง ที่ซึ่งไต๋พนธ์จะมาจอดเรือปั่นไฟไดน์หมึกกันที่บริเวณ ราวไฟข้างละ 1 ราว มีหลอดไฟเรียงราย เพียงไม่กี่หลอดถูกกางออก แสงไฟสว่างพรึบ กิจกรรมตก หมึกเริ่มขึ้นแล้ว “เราต้องช่วยกันตกหมึกกันหน่อยนะ หมึกช่วงนี้หายากมาก” นายชนบทบอกต่อเพื่อนสมาชิก เพียงหวังว่าถ้ามีหมึกเป็นในห้องขังเหยื่อสักหน่อย ก็ยังพอมีหวังที่จะได้ตกปลาตะคอง ปลาโฉมงามกันบ้าง สมาชิกต่าง ช่วยคนตกหมึกกันอย่างขมักเขม่น แต่จนแล้วจนรอดจาก 3 ทุ่ม ถึง เที่ยงคืน ยังไม่มีหมึกมาเกาะโยทะกาแม้แต่ตัวเดียว สมาชิกเริ่มหมดความอดทนเมื่อความง่วงมาครอบงำ เริ่มทยอยหลบไปนอนที่ละคนทีละคนจนหมดไม่เหลือใคร อยู่ตกปลาหมึกต่อไป จวบจนรุ่งเช้า เมื่อเรือมาลอยลำข้างเรืออวนลำหนึ่งเพื่อขอแบ่งปันปลาทู โชคยังไม่เข้าข้างพวกเรา เมื่อปลาทูมีเพียง 2 – 3 ตัว นอกนั้นเป็นปลาสีกุน อีก 40 กว่าตัว แม้ในห้องขังเหยื่อจะมีเพียงปลาสีกุน เป็นเครื่อง กระสุน มันก็ยังดีกว่าการไม่มีกระสุนเอาเสียเลย ไต๋พนธ์ หันหัวเรือเข้าสู่หมายด้วยสีหน้าไม่ค่อยจะสู้ดีนัก “เฮอะ ! เมื่อคืนก็ไม่มีหมึกสักตัว นี่เรืออวนก็ดันไม่มีปลาทูสะอีก มีแต่สีกุน ว่ายเต็มห้องเหยื่อ เอาวะ เป็นไงก็เป็นกัน ลุย!” เสียง ไต๋พนธ์บ่นพึมพำ

ตูมมมมม ! เสียงสมอเรือหล่นน้ำ เด็กเรือทำการมัดสายสมอกับหลักผูก “ เอ้าถึงหมายแล้วค่อยๆ ปล่อยไปที่ละสายนะครับ สายมันจะได้ไม่กอดกัน” ไต๋พนธ์ กล่าวชี้แน่ะบอก ขุนพลอาวุธเบา ลุกไปหยิบฉวยคันเบ็ดที่ใส่สาย 8 – 10 ปอนด์ ที่ปลายสายผูกด้วยลวดเป็นขนาด 26 ปอนด์ มีตะขอเบ็ดเบอร์ 10 จำนวน 3 ตัว เบ็ดแต่ละตัว จะห่างกันประมาณ 2 เซนติเมตร ส่วนขุนพลอาวุธหนัก ชอบงัดของใหญ่ ก็ลงสายหน้าดิน หวังจะงัดลูกหมูเล่นสักตัว และสิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็ปรากฎ ต่อสายตา เมื่อนายตั้ม หย่อนสายเพียงตะกั่วถึงพื้นคันเบ็ดที่กำอยู่ในมือ ก็มีอันสั่นสะท้านไปทั้งลำแขนทั้งสองข้าง จากแรงฉุดกระชากที่หนักหน่วงและรุนแรง อย่างที่นายตั้มไม่เคยพบมาก่อน “อึ๊บ พี่ ๆ ปลากินผมแล้ว” เสียงนายตั้มร้อง เสียงหลง สายตาทุกคู่หันขวับมายังนายตั้ม ก่อนที่พี่เปี๊ยกปลาเมิน จะร้องบอกไปว่า “งัดคันขึ้นสู้มันเลย ตั้ม งัด งัด งัด เลยดิว้อย ทำไม ไม่งัดละวุ้ยตั้ม” นายตั้มบัดนี้หน้าตาบูดเบี้ยว ออกแรงเบ่งจนแก้มป่อง พูดจาก็ตระกุกตระกัก “มะ...มัน งะ..งัด ไม่ได้ อ่ะพี่ ปะ..ปลา มะ..มะ..มันดึงแรง ชะ..ช่วยหน่อย ” นายตั้ม พูดไปพยายามงัดคันเท่าที่แรงมี แต่ก็งัดไม่ได้แม้แต่น้อยตรงกันข้ามกลับถูกปลาดึงจนคันโค้งแทบจะจรดผิวน้ำ ในที่สุดสาย 40 ปอนด์ ก็ขาดสะบั่น อิสระภาพเป็นของปลาตัวนั้นส่วนนายตั้ม ได้ประสบการณ์เพิ่มขึ้น

ขณะที่ขุนพลอาวุธหนักกำลังเสียดายกับปลาเก๋าลูกหมู ตัวแรกที่พึ่งจะหลุดไป ทางหัวเรือ พี่เปี๊ยก กำลังเกิดอาการ โยกโย้ โยกหยก อาการเฉกเช่นเดียวกับนายตั้มเมื่อครู่นี้ “ เอ้า มาเลย มาเจอกับข้านี่ มันถึงจะสมน้ำสมเนื้อกัน” พี่เปี๊ยกปลาเมิน สำเนียกเสียงสบถ ออกมาอย่างคนสะใจ ภาพที่เราเห็นพี่เปี๊ยกปลาเมิน กำลังพันตูกับปลาเก๋าลูกหมู เข้าให้แล้ว “ ตาเปี๊ยกปลาเมิน เปลี่ยนไปแล้ว วุ้ย ปลาไม่เมินพี่เปี๊ยก แล้วละพี่น้อง ฮ่า! ” นายโยชนบท ส่งเสียงแซว เมื่อดูอากัปกิริยาและประเมินสถานการณ์ ของพี่เปี๊ยกแล้ว ถ้าฟ้าไม่แกล้ง โชคไม่เข้าข้าง โอกาสที่พี่เปี๊ยกปลาเมิน จะได้ปลาตัวนี้มันมีมากเหลือเกิน แต่แล้วชะตาฟ้าลิขิต ชีวิตของ ‘เปี๊ยกปลาเมิน’ ยังคงอยู่คู่ ฉายา ‘ปลาเมิน’ ต่อไป เมื่อเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดฝันเกิดขึ้น ‘โผ๊ละ’ เสียงแปลกประหลาด ไม่ค่อยคุ้นหู ดังมาจากมือพี่เปี๊ยก ทุกสายตาหันไปมองยังจุดกำเนิดเสียง สิ่งที่เห็นก็คือ ปลายคันเบ็ดส่วนที่หักไหลลู่ตาม สายเอ็น จมลงสู่น้ำอย่างรวดเร็ว “เฮ้ย คันเบ็ดตูหักแล้ว” พี่เปี๊ยกปลาเมิน ตกตะลึงกับสิ่งไม่คาดฝันเมื่อคันเบ็ดอันเป็นสุดที่รัก ต้องมากลายสภาพหักเป็นสองท่อน “ปลายังอยู่ นี่พี่เปี๊ยก รีบอัดต่อเลยพี่” พี่เปี๊ยกปลาเมิน ปรับอารมณ์อย่างรวดเร็ว มือกำคันเบ็ดออกแรงงัด ในขณะที่ปลาตัวต้นเหตุ ออกแรงวิ่งไม่หยุด มันไม่ปล่อยโอกาสให้เป็นพี่เปี๊ยกได้เก็บสายบ้างเลย ในที่สุดสายที่ตึง ก็ขาดสะบั้น เป็นไปตามคาดหมาย “เย้.....ดีใจจัง พี่ตู คันก็หัก สายก็ขาด ปลาก็ไม่ได้ สุดยอดเลยพี่ตู ฮะ ฮ่า! ” เสียงตะโกนแซวออกมาด้วยความสะใจ “เอ้า...มีคนใจดีทำปลาหลุดไปแล้ว ป่านนี้ไอ้ตัวที่หลุด มันไปบอกเพื่อนมันหมดแล้วละใจดีเหลือเกิน คนนี้ ฮะ ฮา ฮ่า! ” พี่ซิง ได้ทีแซวซ้ำไปอีกดอก สถานการณ์ของพี่เปี๊ยก ตอนนี้ โดนสะจน ย่ำแย่กว่าตอนถูกปลาอัด เสียอีก

เวลาผ่านไปพักใหญ่ ทุกอย่างเงียบสงบไม่มีแม้แต่ปลาเล็กปลาน้อยมาแทะเหยื่อ “เอ๊ะ.... รึว่าไอ้ตัวที่ตาเปี๊ยก ทำหลุดไปนั้น มันไปบอกเพื่อนมัน จริงๆ ” พี่ซิงบ่นพึมพำออกมาพอได้ยิน “ ย้ายหมายดีกว่า ครับไต๋” มติออกมาเป็นเอกฉันท์ ไต๋พนธ์ เห็นดีด้วยพร้อมกับลุกไปเก็บเบ็ดของนายตั้ม ที่เกี่ยวปลาสีกุนไว้ ทันใดนั้นเอง สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อคันเบ็ดในมือไต๋พนธ์ ถูกกระชากอย่างรุนแรง ไต๋พนธ์วัดคันสวนทันที “บ๊ะ คนกำลังจะเก็บ ก็โดนดีสะแล้วสงสัยจะเป็นช่อนทะเล” ไต๋พนธ์ เปรยเสียงออกมาพร้อมกับแสยะยิ้มที่มุมปาก “ท่าจะเป็นสละ ละม้าง วิ่งอย่างนี้” เสียงทายผลปลา ดังแทรกขึ้นมา เมื่อลีลาการต่อสู้ของปลาวิ่งแฉลบไปมา ในที่สุดนายตั้มก็งัดปลาปริศนาตัวนี้ขึ้นสู่ผิวน้ำ และทันทีที่เห็นเรือนร่างสีเงินยวง ของมัน เสียงตะโกนกรู่ก้องก็ดังขึ้น “ อินทรี ครับ ปลาอินทรีที่รอคอย มันมาแล้ว วู้..ตะละล่า” เสียงร้องด้วยดีใจเมื่ออินทรีชะตาขาด ที่แอบมาโฉบสายเอ็นโมโน ตัวนี้ถูกไต๋พนธ์ใช้ตะขอเกี่ยวขึ้นมานอนสงบบนเรือ “เช็คสายลอยดูกันสิว่าเหยื่อ มันยังดิ้นได้ดีอยู่รึม่าย” เสียงร้องเตือนบอกเหล่าขุนพลอาวุธเบา ให้เช็คสายที่ลอยไว้ทั้งสามเส้น “เฮ้ย..หายไปทั้งยวงเลยวะ อารายมางาบมันไปเมื่อไหร่ละวุ้ย” นายชนบท ร้องอุทานออกมาเมื่อสายรีดลวดขาดหายไปหมดทั้งสามสาย “รีบผูกชุดใหม่ลงไปเลย มันต้องมีตัวอีกแน่” พี่ซิงบอก สายหน้าชุดใหม่ถูกผูกอย่างรวดเร็ว ปลาทูตัวแรกถูกโยนออกไป พอปลาทูตัวนั้นสัมพัสผิวน้ำ มันก็ใส่เกียร์หมา ว่ายหัวซุกหัวซุนไม่เหลียวหลัง ประหนึ่งว่ามันได้เจอกับ มัจจุราช เข้าให้แล้ว “ดูสิ ปลามันลากทุ่นโฟม วิ่งจู๊ดดด อย่างกับมันกำลังหนีอะไรสักอย่าง พี่ซิงว่าม่ะ” นายชนบท ถามพี่ซิง ที่ยืนถือคันอยู่ข้างๆ ในขณะที่มือขวาดึงสายเอ็นจากรอกส่งออกไปให้ปลาสีกุน ว่ายห่างออกไปทางท้ายเรือ ทันใดนั้นเอง สิ่งที่รอคอยก็สำแดงผล เมื่อสายเอ็น ถูกแรงกระชากออกไปอย่างรวดเร็ว มองเห็นสายเอ็นขนาด 10 ปอนด์ กรีดพื้นน้ำเป็นแนวตรง ไต๋พนธ์ยืนถือคันเบ็ด รอคอยท่าไม่ปล่อยโอกาสเช่นนี้ให้ผ่านพ้นไป จัดการวัดคันสวนทันที “อึ้บ...อยู่แล้ว มาคันใครมารับไปอัดสะ” ไต๋พนธ์กล่าว นายวิทยาที่ยืนอยู่ข้างๆ รีบรับคันมาอัด

ในจังหวะนั้นเอง คันเบ็ดของนายชนบท ก็โค้งงอลงตามด้วยเสียงกรีดร้องของรอกดังลั่น “แกร๊กกกกกกก” สายเอ็น 8 ปอนด์ กรีดผิวน้ำเป็นแนวยาว นายชนบทวัดคันสวนเบาๆ เกมส์การต่อสู้ ด้วยสาย 8 ปอนด์ ดำเนินไปอย่างดุเด็ดเผ็ดมันส์เร้าอารมณ์ในหัวใจของนักสู้ เหลือเกิน ใครที่เป็นโรคหัวใจ มีสิทธิหัวใจวายได้ทุกขณะจิตที่ปลาอินทรีไซร์เกิน 6 กิโลกรัม มันกระชากสายออกไป รอกตัวไหนถ้าระบบเบรคไม่ดีพอ มีโอกาสสายขาด ‘ชวดอดแดร๊ก’ ได้โดยไม่มียื่นอุธร หรือฎีกา “อ้าว ของพี่ซิงก็โดนฉวยด้วยรึนั้นวุ่นวายแล้วว้อย” นายชนบท ร้องออกมาด้วยความสะใจ ที่ปลาฉวยเหยื่อ ที่เดียว 3 สาย ท้ายเรือบัดนี้ เกิด ความโกลาหลชุลมุล วุ่นวาย พักใหญ่ “ตูมมม ตูม ตูมม” เสียงปลาตัวของพี่ซิงกระโดดสะบัดงวงเหนือผิวน้ำ “ว๊ากกกก ไอ้โทงป๊อก เจือกมากินเบ็ดตู ” พี่ซิง อุทานด้วยอารมณ์เซ็ง เมื่อเห็นปลากระโทงร่มตัวน้อยแอบมาสอยเหยื่อ และเมื่อพี่ซิงอัดมันเข้ามาใกล้เรือ เราจึงตัดสายปลดเบ็ด คืนอิสรภาพให้กับมันไปเจริญเติบโต คู่ท้องทะเลตราดต่อไป

เสียงร้อง เฮ ด้วยความดีใจ เมื่อไต๋พนธ์ ใช้ตะขอเกี่ยว ปลาอินทรีทั้งสองตัวขึ้นมานอนบนเรือได้สำเร็จ สายลอยรีบจัดเตรียมเพื่อลงสายอีกครั้งอย่างรวดเร็วแข่งกับเวลานาทีทองที่ฝูงปลายังเวียนว่าย อยู่รอบๆ เรือ “เอ้า แหลก สะ” คาถาประจำตัวไต๋พนธ์ ที่จะตะเบ็งเสียงส่งทุกครั้งที่โยนปลาออกไป และเพียงปลาสีกุน ตัวนั้นสัมพัสน้ำ มันก็โกยอ้าว เช่นเมื่อครู่ สายเอ็นถูกกระชากออกไปอย่างรวดเร็วจนผิดปกติ นายชนบทรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณ จึงวัดคันสวน ทันที “ มันงาบอีกแล้วครับท่าน คามือครับคามือเลย ฮ่า! ม่ะคุณโฟ มาอัดปลาเลยเร็ว ” นายชนบท ร้องออกมาพร้อมกับยื่นคันส่งให้ คุณโฟ ทำหน้าที่อัดปลา ส่วนคันของวิทยาก็ถูกปลาฉวยเกือบจะพร้อมๆ กัน การแบ่งปันความสุขเกิดขึ้นอีกครั้ง นายวิทยา ส่งเสียงเรียกพี่เปี๊ยกปลาเมินให้มารับคันไปอัดปลา พี่เปี๊ยกปลาเมิน ยื่นมือรับคันมาถือ พร้อมกับพูดออกมาว่า “แน่ใจนะ ปลาหลุดห้ามว่ากันนะโว้ยโดยเฉพาะอีตาชนบท ห้ามพูดเลย ” พี่ซิง รีบชิงพูดขึ้นมาทันทีว่า “ก็อย่าให้มันหลุด สิวะ จะได้ไม่โดนว่า” พี่เปี๊ยกปลาเมิน ได้ยินดังนั้นได้แต่ทำปากขมุบขมิบ เหมือนกับกำลังท่องคาถา ขมังเวทย์ อะไรสักอย่าง “อ่ะแน่ เล่นของด้วยรึพี่” เสียงแซว ดังขึ้นอีกครั้ง “ คาถาอะไรก็เอาไม่อยู่หร๊อก ถ้าคนมันจะซวยจริง เดี๋ยว มันก็หลุดเองแหละ” นายชนบท ไม่ปล่อยโอกาสให้พี่เปี๊ยกปลาเมิน ตั้งตัวรีบแซวไปสะอีกดอก

เหมือนนรกเข้าข้างคนบาป จู่ๆ ปลาที่พี่เปี๊ยกปลาเมินกำลังอัด จวนเจียนจะถึงเรืออยู่แล้ว ก็มีอันต้องหลุดไป “หลุด แล้ว! บอกแล้ว ว่า ให้ผมอัดนะแน่ใจนะ เห็นยัง” พี่เปี๊ยก สบถออกมาด้วยอารมณ์บ่งบอกถึง โชคชะตาของตัวเอง “ใครให้อีตานี่อัดปลา วะ วู้ ชื่อก็บอกอยู่แล้ว ว่าเปี๊ยกปลาเมิน ยังส่งคันให้อัดอีกแล้วเป็นไง ” พี่ซิงได้ที แซวสะไม่มีดีเหลืออยู่เลย “ ฮึ ฮึ เห็นตูเป็นเครื่องบันเทิงอารมณ์ ไปสะแล้วพวกนี้” พี่เปี๊ยกกล่าวเสียงอ๋อย แล้วปลาก็หยุดฉวยเป็นไปตามที่เราคาดไว้ไม่ผิด ตะวันเริ่มคล้อยตัวลงต่ำ เวลาสำหรับวันนี้ใกล้หมดไป ไต๋พนธ์บังคับเรือสู่เกาะไม้ซี้ เพื่อตกปลาสากและหลับนอน “อ้าวพี่เปี๊ยก ไม่ปล่อยสายลาก CD สักสายเหรอพี่ เพื่อฟลุ๊คอาจได้ไอ้สากดำอย่างที่ไต๋บอกว่าเคยได้ก็ได้ ใครจะไปรู้” นายชนบทกล่าว พร้อมกับหยิบเอาคันเบ็นของนายตั้ม มาผูก CD-14 ตัวเขียวท้องส้ม สายรีดเดอร์ ไม่ต้องใช้ให้เสียเวลา ผูก CD-14 ตรงเข้าสายเมนจากรอกเลย ท้ายเรือยามนี้มีสาย Trolling ไว้ 2 สาย จวบจนเรือใกล้มาถึงสะพานหน้าเกาะไม้ซี้ ไม่มีปลาใดมาแผ่วพาน เหยื่อทั้งสองยังคงส่ายก้น ดุ๊กดิ๊กอย่างปกติสุข “ เก็บเบ็ดด้วยครับพี่เปี๊ยก เรือถึงท่าเทียบเรือแล้ว” นายวิทยากล่าว เรือลดความเร็วลงปล่อยให้ เก็บสายเบ็ดได้ง่ายขึ้น ในขณะที่นายชนบทกำลังกรอรอกเก็บสายเบ็ดอยู่นั้น สิ่งเหลือเชื่อก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อปลายสายเกิดแรงกระชาก อย่างรุนแรง “เฮ้ยยยยย ปลาดึง ผม” นายชนบทวัดคันพร้อมเก็บสายเข้ามา “จริงอ่ะ ปลาไล่กินตอนเก็บสาย นี่อ่ะนะ อีตาชนบทไม่ต้องมาฟร์อม หลอกกันเล่นเลย” พี่เปี๊ยกปลาเมิน พูดแบบไม่อยากจะเชื่อ “จริงครับ ดูโน้น เห็นม่ะ มันดิ้นกระแด๋ว กระแด๋ว ขึ้นน้ำแล้วนู้น” นายชนบทชี้ให้ดู ก่อนจะพูดออกไปว่า “ว่าแต่ของพี่เถอะ ทำไม เหยื่อ CD ของพี่ มันไปหลบซ่อนตัวอยู่ใต้ใบไม้แบบนั้นละพี่ แล้วปลาที่ไหนมันจะมองเห็นละพี่” นายวิทยา พอเห็น CD-14 ของพี่เปี๊ยกมีใบไม้ปิดอยู่อย่างมิดชิด ก็อดกลั่น อารมณ์ขันไว้ไม่อยู่ “ก๊ากกกกก CD-14 พี่เปี๊ยกกลัวโดนปลางาบ เลยเอาใบไม้มา พรางตัว อ่ะเด่ะ ขนาดเจ้าของมันยังมองไม่เห็นเหยื่อตัวเองเลย ฮ่า!” พี่ซิง คุณโฟ และคนอื่นๆ ต่างหัวเราะ ขำในโชคชะตา ของพี่เปี๊ยกปลาเมิน “ดูสิ พี่น้องแม้แต่เหยื่อ CD-14 ตัวโปรดยังพรางตัวไม่ให้ปลามองเห็นแล้วแบบนี้เมื่อไหร่ จะได้ปลาสะทีเล่าพี่เปี๊ยก สมแล้วที่เป็นเครื่องบันเทิงอารมณ์ ของน้องๆ” นายชนบทกล่าว พร้อมกับอัดปลาตะคอง ที่งาบ CD-14 เข้าเต็มปาก

เริ่มต้นเช้าวันใหม่ ไต๋พนธ์พาเรือไปลอยลำโต้เดิ่ง ที่หมายเดิมของเมื่อวานนี้ “โอ้แม่เจ้าประคุณเดิ่ง แต่ละ ลูกสูงอย่างกับภูเขา มายไหว แล้ว อวก ดีก่า” นายวิทยาที่งัวเงีย ตื่นขึ้นมารีบลุกพรวดพราด ชะโงกหน้าออกไปขู่ทะเล เสียโฮกใหญ่ ไต๋พนธ์ ใช้เวลาลอยลำโต้เดิ่งที่หมายนี้ ได้ไม่นาน ก็ต้องรีบถอนสมอเรือวิ่งหนีเดิ่ง ที่ยิ่งเวลาผ่านไป มันยิ่งโตขึ้นเรื่อยๆ “ผมไม่ไหวเหมือนกัน ไปหลบเกาะข้างในก่อนดีกว่า” ไต๋พนธ์กล่าว พร้อมกับสั่งถอนสมอมุ่งหน้าสู่ หัวแหลมของเกาะกูดทันที “พี่เปี๊ยกไม่ลากสายอีกเหรอพี่ เหยื่อพรางตัว ของพี่อ่ะ ฮะ ฮ่า” นายวิทยากล่าวติดตลก แต่คนที่กล่าวถึงไม่ตลกด้วยเลย “ลากก็ได้ วะ เผื่อฟลุ๊ค จะได้อินทรี ของตัวเองกลับบ้านสักตัว” พี่เปี๊ยก กล่าวพรางหยิบชุด Trolling ออกมาปล่อยสายส่งเหยื่อ CD-14 ลงไปส่ายก้น กระดุ๊กกระดิ๊ก หมายหลอกล่ออินทรีหน้ามืดสักตัว และแล้วความฝันของพี่เปี๊ยก ปลาเมินก็บรรลุผล เมื่อคันเบ็ด ถูกแรงกระชากจนคันที่ปักอยู่ โน้มลงก่อนจะตามด้วยเสียงร้องแหบๆ ของรอกเก่าๆ เสียงนี้มันทรมาณใจคนตกปลาเสียเหลือเกิน “เย้ ตูไม่แห้วแล้วโว้ย” พี่เปี๊ยก ดีใจกับปลาอินทรี ตัวโต ฝ่ายนายชนบทมาครั้งนี้ ไม่ต่างอะไรกับนางมารร้ายสำหรับพี่เปี๊ยก เมื่อเห็นพี่เปี๊ยกมาประสบผลสำเร็จด้วยอินทรีไซร์งาม จึงลุกขึ้นคว้าคันนายตั้ม มาผูกเข้ากับ CD-14 อีก 1 สาย และเพียงไม่นาน คันที่พึ่งจะปล่อยสายออกไปก็โดนปลางาบ มันเป็นอินทรี ตัวที่ 2 ที่ได้จากการลากสาย “เห็นป่ะ ไม่อยากจะคุย นี่ถ้าผมลงสายลากคู่กับพี่เปี๊ยกนะรับรองตัวเมื่อกี้ พี่เปี๊ยกอดแดร๊กแน่นอน” นายชนบท ได้ทีปล่อยแมงโม้ ปลิวว่อนเรือ

การเกทับหยอกล้อ เกิดขึ้นตลอดเส้นทาง จนกระทั้งเรือมาถึงหมายที่จะลอยสายอินทรี “เอ้า หมายนี้ ผมเคยได้ใหญ่ๆ ประจำใครจะลงก่อนเอาปลาเหยื่อมาเลย” ไต๋พนธ์ ร้องบอก “คุณโฟ เอาคันมาเล่นเลยครับ เดี๋ยวให้ไต๋เกี่ยวเหยื่อให้” นายชนบทกล่าว กับสหายรัก และเพียงไม่นาน คันของพี่ซิงที่ลงสายคู่กันก็โค้งงอ จากแรงกระชาก ก่อนด้วยจะส่งเสียง ‘แกกกกก’ ดังยาวเหยียด กว่าพี่ซิงจะมาคว้าไปวัดแล้วอัด ในที่สุดปลาอินทรี ไซร์ เกิน 5 กิโลกรัม ก็ถูกตะขอ กระชากวิญญาณเกี่ยวคอขึ้นมาบนเรือสำเร็จ นับเป็นอินทรี ตัวที่ 12 ที่ได้ในครั้งนี้ “วู้เยี่ยมเลยพี่ ตัวนี้ใหญ่ดี” นายวิทยากล่าว ในขณะที่สายตาเหลือบไปเห็นคันเบ็ดของคุณโฟ ค่อยๆ โน้มลงอย่างช้าๆ “ปลากินเบ็ดแล้วคุณโฟ วัดเลย” นายวิทยาร้องตะโกนบอก แต่ยังช้ากว่ามือนายชนบท ที่คว้าคันหมับ ขึ้นมาแล้ววัดทันที “เอ้า คุณโฟรับไปจัดการสะเลยด้วย” คุณโฟ รับคันมาอัดปลาอย่างชำนาญ ด้วยเพราะตัวนี้คงจะไซร์ไม่ธรรมดา จึงเกิดอาการเล่นเอาร่อเอาเถิด กันอยู่พักใหญ่ ก่อนที่ตะขอกระชากวิญญาณจากมือนายชนบทจะเกี่ยวหมับเข้าที่ต้นคอปลาอินทรีตัวนั้น “อู้หู ตัวนี้ ใหญ่บะละกั๊ก เลยพี่โฟ ปิดเกมส์ได้สวยมาก ครับ” นายตั้มกล่าว “ป่ะ เก็บเบ็ดกลับบ้านกันเถอะเที่ยงแล้ว”ไต๋พนธ์ บอกเมื่อถึงเวลาอันสมควรต้องกลับเข้าฝั่ง เรื่องราวของทริบนี้ก็ขอจบลงเพียงเท่านี้ ขอขอบคุณ ไต๋พนธ์ และ ผู้ร่วมทริบ ทุกท่าน

[กลับสู่หน้าเมนูหลัก]


Home | Bicycle | Offroad | Fishing | Radio Control | GPS Corner | Second hand | Member area
Copyright © 2000, www.WeekendHobby.com, All right reserved.

Contact Webmaster