ศุกร์,26 เมษายน 2567

เรื่องเล่าคนตกปลา

250 ไมล์กับนายชนบท
แล่นเรือโต้คลื่น
ปลากระบึกที่สีชัง
คืนพระจันทร์ยิ้มแฉ่ง
บางเสร่ยังมีลุ้น
ดอดไปฟันไอ้โฉม
วันนี้ที่รอคอย
มันแปลกดีนะ
สายันรัญจวน
ทุบไอ้สากที่สัพพะยื้อ
น้ำใจ
โฉมเอยโฉมงาม
แข่งขันตกปลาสัญจร#1
ปลายฝนต้นหนาว
แข่งขันตกปลาแสมสารครั้งที่#6
ลูกหมูจอมซ่าส์
โต้ลมหนาว
เก่งกับเฮง
เมษาฮาวาย
เมื่อผมไปงานแข่งฯ
ลองเรือใหม่กับไต๋โก๊ะ
หูดำที่เกาะค้างคาว
ไปลุยโฉมงามกับไต๋น้อง
มหาเฮง
นักเลงโตสากดำ
ฟ้าหลังฝน
หลังมรสุมสงบ
ตามล่าปลาจัมโบ้
บันทึกแห่งความทรงจำ
คุณพริ้งลองของ
อัดปลาโต้เดิ้ง
เพื่อนรักต่างแดน
เก๋าหน้าหวาน
ไต๋ยอช์ตพาเพลิน
สานสัมพันธ์คนตกปลา#1
หรรษาตะวันแดง
บางเสร่รำลึก#4
ตะล่อนไปกับไต๋อ้วน
ตะลอนไปกับไต๋เปี๊ยก
แดงจ๋าแดงจ่า
ลีลาสละ
ลูกหมูย่ำสวาท
ผู้กล้าแห่งวารี
ไต๋ระยอดนักสู้
สายสัมพันธ์คนตกปลา#2
มือใหม่หัดเหวี่ยง
ผู้พันอินทรี
สัตว์ประหลาด
ยุทธการหักเขี้ยวอินทรี
จิตสังหาร
ลากมาอุ้ม
ปริศนาที่เร้นลับ
ดอนตะวันแดง
สานสัมพันธ์คนตกปลาปี3
ปลายักษ์ในตำนาน
ราพาร่าพรางตัว
สานสัมพันธ์คนตกปลา ครั้งที่ 4
อินทรีหลังโขด
ท่องไปกับตะวันแดง
รวมดาวกระจุย
บุกรังสีทอง
สานสัมพันธ์คนตกปลาปี 4
อยากอัดไอ้หลาม
ปลอบขวัญที่กำพวน
วาฮูนักวิ่งน้ำลึก
วังสีทอง
กุเลาเกมส์พันธ์ดุ
รางวัลชีวิต
สานสัมพันธ์คนตกปลาปี5
ธิดาย่ำสวาท
กุเลาเกมส์คนวัยมันส์
เมษาพาเพลิน

มิตรภาพไร้พรมแดน
ตอน. ฟ้าหลังฝน
ตราด 31 ต.ค. - 2 พ.ย. 46

มาอ่านคนที่

ผู้ร่วมทริพ 1.ชนบท 2.คุณบรรจง 3.พี่จำรัส 4.พี่นิด 5.คุณยาว 6.พี่ซิง 7.พี่ชาญ และ 8.น้องเฟิร์น

มิตรภาพไร้พรมแดน
ตอน. ฟ้าหลังฝน


ผ่านฤดูฝน เข้าสู่ฤดูหนาว ลมฝนเคยกราดเกรี้ยว ท้องทะเลที่เคยปั่น ก็ถึงเวลายุติความบ้าระห่ำ เมื่อฝนฟ้าจางหาย ทะเลปราศจากเกลียวคลื่นและเดิ่งโต ได้เวลาของนักตกปลาเริงร่ากระดิ๊กกระดี้ ร้อง ฮูเร ฮูเร ฮูเร่ ฮูเร่ สนุกสนานกับเกมส์ตกปลากันอีกครั้ง หลังฤดูฝนผ่านพ้นไป แต่อย่าพึ่งชะล่าใจว่า
เมื่อหมดฤดูฝน แล้วจะไม่มีฝนตก ทะเลจะหมดความบ้าคลั่ง ก็หาไม่ และนี่เป็นอีก ทริบหนึ่งที่ผม ได้นำมาเล่าสู่ท่านฟัง


หลังจากฤดูฝนผ่านพ้นไป ผมได้ ลงเรือกับไต๋วุฒิ อีกครั้ง จากการเชื้อเชิญ เพื่อนที่เล่นเวบบอร์ดในเวบ ที่ผมดูแลอยู่ นั้นคือ WeekendHobby.com คุณบรรจง หนึ่งในสมาชิกชมรมตกปลา บริษัทไทยออล์ย ซึ่งเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงจัดการทุกอย่างในครั้งนี้ ได้ติดต่อจองเรือไว้ 2 ลำ นั้นคือ เรือพิชิตมัสยา ของไต๋วุฒิ และเรือเกรียงไกร ของไต๋โก๊ะ ทริบนี้มีเราได้รับเกรียติจาก "แก๊งค์ใจง่าย" ซึ่งมี พี่ซิง เป็นหัวโจกและพี่ชาญ เดินทางมาสมทบร่วมวงไพบูลย์กับกลุ่มไทยออล์ยในครั้งนี้ด้วย และเมื่อถึงกำหนดวันนัดหมาย รถทุกคัน ล้อหมุน ออกเดินทางจากศรีราชา จุดหมายปลายทางของพวกเราก็คือ ท่าเรือเซนเตอร์พอย จังหวัดตราด เราเดินทางมาถึงท่าเรือเซนเตอร์พอย ประมาณบ่าย 4 โมงแก่ ๆ เรือพิชิตมัสยา จอดเทียบสะพานท่าเรือ เคียงคู่ กับเรือเกรียงไกร รอให้การต้อนรับ อาคันตุกะ ที่จะมาเยือนในครั้งนี้ พลพรรคสมาชิกถูกแบ่งออกเป็น 2 ทีม ทีมแรก นำทีมโดยคุณบรรจง และอีกทีม นำทีมโดยพี่นิพนธ์ ทีมของพี่นิพนธ์เลือกที่จะลงเรือไต๋โก๊ะ ส่วนทีมคุณบรรจง ซึ่งมีผม พี่ซิง และพี่ชาญ คุณยาว พี่นิด พี่จำรัส และน้องเฟิร์น ลงเรือของไต๋วุฒิ สัมภาระถูกขนถ่ายลงเรืออย่างรวดเร็ว พอทุกอย่างพร้อมเสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่ม ใบจักรเรือหมุนตีน้ำ สร้างแรงพลังดันเรือให้ทะยานมุ่งไปข้างหน้า

คืนนี้ไต๋วุฒิจะพาพวกเราไปไดน์หมึกที่เกาะพะเนียน พอเราเดินทาง มาถึงเกาะช้าง จุ่มโพ่ปื้ด ก็จัดการทำหน้าที่พ่อครัวหัวป่าทันที ไม่นานกลิ่นอาหารอันหอมฉุยก็ลอยโชยมาแตะจมูก ชวนให้ท้องปั่นป่วน เกิดอาการ หิวกระหาย ขึ้นมาทันทีทันใด ก็ไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่เที่ยงแล้วจะไม่ให้หิวได้อย่างไรละครับ พี่น้อง อย่างไรผมก็ขอให้โซยข้าวต้มหมูสับร้อนๆ ก่อนละ หิวจนตาเหลือกแล้วละ ฮ่า! อาหารมื้อแรกบนเรือมันสุดแสน จะอร่อยเหาะ จริงๆ พอหนังท้องตึง ไอ้ตัวง่วงก็ถามหา สายตาสอดส่าย มองหาที่เหมาะๆ สำหรับเอนหลัง ว่าแล้วก็ขอสักงีบก่อนละครับ ผมตื่นขึ้นมาอีกที เมื่อเราเดินทางมาถึง จุดที่ไดน์หมึก ต้องตกใจกับภาพที่เห็น อยู่เบื้องหน้า แสงไฟสีเขียวสำหรับเปิดล่อหมึกจากเรือลำน้อยของชาวบ้าน จอดเรียงราย ระเกระกะ จนไม่มีทีว่างพอ จะให้เรือพิชิตมัสยาแทรกเข้าไปจอดเปิดไฟไดน์หมึกได้เลย ไต๋วุฒิวนเรือหาทำเลเหมาะๆ ต้องทิ้งให้ระยะห่างจากเรือของชาวบ้านพอสมควร เพื่อไม่ให้แสงไฟจากเรือเรา ไปรบกวนเรือตกหมึกของชาวบ้านเหล่านั้น เสียง สมอเรือหล่นน้ำดัง ตูม ! สายสมอเรือตึง ไฟไดน์ สว่างไสวรอบลำเรือ ค่ำคืนนี้เราต้องช่วยกัน หาเหยื่อหมึก ให้ได้มากที่สุด เกมส์ตกหมึกดำเนินไปอย่างสนุกสนาน มีหมึกว่ายเข้ามาเล่นไฟ เป็นฝูง แต่ละฝูงจะเป็นกลุ่มใหญ่มาก แต่ที่ผมอดแปลกใจไม่ได้ว่า ทำไมคืนนี้ฝูงหมึกมันถึงว่าย ขึ้นมา ระดับผิวน้ำ แล้วแตกกระเจิงเหมือนมันแตกตื่นหนีตัวอะไรสักอย่าง และแล้วผมก็ได้รับคำเฉลยจากไต๋วุฒิว่า "แถวนี้มีปลารัญจวน เยอะมาก พี่โยน่าจะลงสายหน้าดินไว้ มีโอกาสได้ตัวสูงนะพี่ " อ้อ ถ้าจะใช้แล้วละ ไอ้ปลาตัวนี้มันคงไล่งับปลาหมึก จนแตกกระเจิง นี่เอง ปลารัญจวนเป็นปลาที่มีกางเยอะ เนื้อไม่มีรสชาติเอาไปทำอาหารกินก็ไม่อร่อย อย่างดีก็ขูดเอาเนื้อมันไปทำลูกชิ้น หรือทอดมัน ได้เท่านั้น ผมจึงไม่สนใจ ที่จะลงสายหน้าดินเอาไว้ ตามที่วุฒิบอกไว้ คืนนี้ท้องฟ้าสดสวยมาก ดวงดาวเปล่งประกาย ทอแสงระยิบระยับ เต็มท้องฟ้า ขณะที่ผมกำลังปลดปล่อยอารมณ์ ไปกับความงามของราตรีกาล เสียงร้องจากรอก สปินนิ่ง ของพี่ซิง ก็มาทำลายความสงบ "อ่ะ พี่ซิงเล่นอะไรง่ะ" ผมถามพี่ซิง เมื่อเห็นคันเบ็ดในมือพี่โค้งงอ รอกส่งเสียง กรีด อยู่ตลอดเวลา "อ่ะ มีสู้ มีสู้ ด้วยวุ่ย" พี่ซิงกำลัง งัดกับตัวอะไรสักอย่าง "อ้า ขึ้นแล้วจ้า น้าโยขอสวิงด้วยครับมาช่วยช้อนมันขึ้นมาที" ผมรีบคว้าสวิงไปช้อนปลาหมึกให้พี่ซิง แต่เห็นขนาดของปลาหมึกตัวนี้เท่านั้น "อุ แม่เจ้าโว้ย นี่มันโคตรหมึกเลยนะเนี่ยพี่ซิง" หมึกกระดองตัวเบอเริ่มหนักไม่ต่ำกว่า 1.5 กิโล มิน่าละพี่ซิงถึงงัดเสียจนคันโก่ง จนกระทั้งได้เวลาเฉอวน หลังพระจันทร์ลับท้องฟ้าไปราว 1 ชั่วโมง เราได้หมึก เกือบ 500 ตัว เรามีเหยื่อมากเกินพอที่จะออกไป ตกปลายังหมายนอกแล้ว ไชโย เย้ .....

เช้าวันใหม่ ผมตื่นขึ้นมาสูดอากาศรับโอโซนอันแสนจะสุดสดชื่น ยามเช้า เจอหน้าไต๋วุฒิ ยังคงยืน ควบคุมพังงาบังคับเรือมุ่งหน้าเข้าหมายกองหิน เช้านี้เราตั้งใจไว้ว่าจะเข้าหมายกองหิน ตกปลา เก๋าลูกหมู กันก่อน แต่แล้วหมายแรก เราก็ วืด เมื่อหน้าจอ Sounder ไม่ปรากฏว่า มีเชื้อปลา เลยสักนิด ไต๋วุฒิ แล่นเรือจากไปเข้าหมายที่ 2 หมายที่ 3 หมายที่ 4 และหมายที่ 5 แต่ละหมาย เหมือนกันหมด ไม่รู้ปลามันพากันอพยพ ละทิ้งถิ่นฐานไปไหน กันหมด วุ่ย ! คุณบรรจงแสดง อาการหงุดหงิด ลุกนั่งไม่ติดทีจนเห็นได้ชัด ก็แหม่ อุตส่าห์เตรียมคันเกี่ยวเหยื่อรอ ตั้งแต่ หมายแรก จนเวลาผ่านไปแล้ว ครึ่งวัน ยังไม่ได้หย่อนเหยื่อลงน้ำ แล้วจะไม่ให้หงุดหงิดยังไงไหว จริงม่ะ ผมแซวเจ้าวุฒิ เมื่อเห็นว่าเวลาเลยมาครึ่งวันแล้ว เรายังไม่ได้ห่อนเบ็ดตกปลากันเลย "เฮ้ย วุฒิ พามานั่งเรือเล่น รึไงวะ"
วุฒิตอบอย่างอารมณ์ดีว่า "แฮ่ะ แฮะ ผมก็ว่ายังงั้นแหละ นึกว่ามานั่งเรือเล่นกับผมแล้วกันนะพี่โย"
"อ้าวอ้ายเวง จะพาตูมานั่งเรือรับลมชมวิวก็ไม่บอกแต่แรก แล้วนี่อีกกี่ไมล์ จะถึงหมายละนี่"
วุฒิตอบว่า "อีก 6 ไมล์ ครับ ก็ประมาณ 45 นาที ก็จะถึง"
เออดี ตูจะได้ลากเหยื่อปลาโอ หาปลาโอ มาตุนไว้ก่อน ว่าแล้ว ผมก็จัดการ Trolling เหยื่อเบิร์ด ที่ได้รับมาจากพี่หมู โอเชี่ยน ระหว่างที่เรากำลังแล่นเรือมุ่งหน้าเข้าสู่หมาย และเหยื่อ เบิร์ด ก็ไม่ทำให้ผมผิดหวัง มันทำหน้าที่ของมันอย่างได้ผล เมื่อมีปลาโอ มางาบเบ็ด เราได้ปลาโอมา 1 ตัวขึ้นมาเปิดประเดิมทริบเป็นตัวแรก

แล้วในที่สุดเสียงเครื่องยนต์ที่ดังกระหึ่ม ก็เบาลง แสดงว่า เราได้เดินทางมาถึงหมายแล้ว ทุกคนหวังไว้เต็มเปี่ยมว่า หมายนี้ จะได้หย่อนเบ็ดกันสักที หลังจากที่นั่งเรือเล่นมาตั้งครึ่งค่อนวัน ไต๋วุฒิ วนเรือหาพิกัดหมายและเชื้อปลา พวกเราเกือบจะทุกคนเข้ามาแออัด จนแน่นในห้องขับเรือ สายตาทุกคู่เพ็งมองไปยัง จอ Sounder และแล้ว สิ่งที่พวกเรา กำลังช่วยกันภาวนา ก็ปรากฏ ขึ้นเต็มหน้าจอ Sounder "เย้ เขียวพรืดเต็มจอ เลยครับ ให้มันได้ยังงี้สิวะ" เสียงใครก็ไม่รู้ ร้องออกมาด้วยความดีใจจนออกนอกหน้า ก่อนที่ทุกคนจะสลาย ไปคว้าคันใครคันมัน ขึ้นมาเกี่ยวเหยื่อเตรียมพร้อม พอสายสมอตึง สายเบ็ดทุกสาย ก็หย่อนลงน้ำทันที ผมหันไปถาม วุฒิว่า " วุฒิ หมายอยู่ตรงไหนครับ" วุฒิ บอกว่า "อยู่หัวเรือพี่" น้ำ 2 กระดอง ข้างบนไหลไปทาง ข้างล่างไหลไปทาง วุฒิบอกว่าน้ำลักษณะ อย่างนี้ จอดเรือยากมาก คำนวณ ตำแหน่งทิ้งสมอ ไม่ถูก และก็จริงอย่างที่วุฒิ บอกกับเราเปรี๊ยบ ตอนแรกที่เราปล่อยสาย น้ำจะพัดตะกั่วไหลไปทางท้ายเรือ แต่พอตะกั่วถึงพื้น กระแสน้ำด้านล่าง ก็จะพัดเอาตะกั่ว ไหลไปทางหัวเรือ พอตะกั่วของผมถึงพื้นปุ๊บ ก็ได้รับการทักทายจาก เจ้าถิ่นทันที คันเบ็ดในมือที่ถืออยู่ถูกปลาดึง วูบ อย่างแรง ผม ลดคันลง จนปลายคันเกือบจะจรดผิวน้ำ เพื่อส่งสายให้ปลาดึง ก่อนจะวัดคันสวนอย่างแรง "เย้...ได้แล้วโว้ย ตัวนี้หนักเอาการเสียด้วยสิ"

การต่อสู้เริ่มขึ้นครั้งแรก สงครามระหว่าง นักตกปลากับหมู่มวลมัจฉา เปิดฉาก ตะลุมบอน กันชุลมุน ชนิดใครดีใครอยู่ ปลาเข้าฉวยเหยื่อพวกเรารอบลำเรือ ชนิดที่เรียกว่า เหยื่อหมึก ทุกตัวที่หย่อนลงน้ำ เป็นต้องโดนฉวย ไม่ว่าจะเป็นพี่นิดที่ยึดทำเลหัวเรือ ก็งัดเอาอังเกยไซส์เกิน 4 กิโล ขึ้นตามผมมาติดๆ หรือแม้แต่คุณยาว ที่เคยแต่ตกปลาสายลอย ไม่เคยตกปลาจม แม้แต่ครั้งเดียว ก็ได้รับรู้รสชาติ ความมันส์ จากปลาจมก็คราวนี้แหละ แม้แต่พี่ซิง พี่ชาญที่ยึดท้ายเรือ ก็ช่วยกันงัดปลาเป็นว่าเล่น ขณะที่พวกเรากำลังเมามันส์ กับการอัดปลาอยู่นั้น น้องเฟิร์นผู้หญิงที่ชอบตกปลาเป็นชีวิตจิตใจ ที่ใฝ่ฝันว่าอยากจะประลองกำลัง กับเจ้าเก๋าลูกหม ูดูสักครั้ง ผมก็ไม่ขัดศรัทธา บอกให้วุฒิช้อนเอาหมึกหอมตัวโต หนึ่งเดียวที่เรามีอยู่ มาเกี่ยวเบ็ด ก่อนหย่อนลงน้ำได้เพียงไม่นาน คันเบ็ดในมือนู๋เฟิร์น ก็โดนกระชากอย่างแรง นู๋เฟิร์นออกแรงแขน ทั้งสองข้างงัดเจ้าเก๋าลูกหมู จนหน้านิ่วคิวขมวด ดูจากอาการแอ็คชั่นคัน ที่โค้งงอ ก็พอรู้ว่าคู่ต่อกร ของนู๋เฟิร์น คงมีขนาดใหญ่ไม่ธรรมดาเสียแล้ว นู๋เฟิร์นออกแรงแขนทั้งสองข้างชักคะเย่อ กับเจ้าลูกหมูอย่างเอาเป็นเอาตาย คนที่จะตาย น่ะไม่ใช่ปลานะขอรับพี่น้อง แต่เป็นตัวนู๋เฟิร์นเองตะหากที่กำลังจะตาย ดูรูปการณ์ตอนนี้แล้ว โอกาสที่นู๋เฟิร์น จะได้ตัวมันคงจะยาก เพราะมันไม่ปล่อยโอกาสให้คนอัด ได้เก็บสายเอ็นเลยแม้แต่ นิดเดียว พละกำลังของคนอัด เริ่มลดน้อยถอยลง แขนทั้งสองข้างเริ่มอ่อนล้า และแล้วแรงผู้หญิงตัวน้อยน้อย ผู้ยังไม่มีประสบการณ์กับเกมส์หนักๆ ก็มิอาจจะต้านทาน พละกำลังอันมหาศาลของเก๋าลูกหมูได้อีกต่อไป เมื่อมันกระชากสาย พาตัวเข้าไปซุกในรูได้สำเร็จ ในที่สุดสายเอ็นขนาด 40 ปอนด์ ก็ขาดสะบั่นทันที นู๋เฟิร์น ถึงกับหมดแรง แขนทั้งสองข้าง ห้อยต่องแต่ง กล้ามเนื้อระบมปวดล้าไปทั่วทั้งท่อนแขนตั้งแต่นั้นมาจนถึงวันเดินทางกลับนู๋เฟิร์นก็ไม่สามารถจะยกแขนข้างซ้ายขึ้นได้เลย นู๋เฟริน์สมหวังกับสิ่งที่ตั้งใจไว้ แม้จะพลาดโอกาสไม่ได้เชยชมตัวมันก็ตาม ขณะที่เรากำลังเสียดายกับปลาที่ขาดไป คุณยาวที่หย่อนสายไว้ท้ายเรือ กำลังอัดก็ปลาเก๋าอีกตัวอยู่ คันเบ็ดโค้งงอ โชว์แอ็คชั่น อย่างสวยงาม คุณยาวใช้คันที่มีแอ็คชั่นอ่อนสายเอ็นขนาดเล็ก มันจึงเป็นเรื่องยาก ที่จะงัดเอาไอ้เก๋าระดับน้องๆ ลูกหมูขึ้นมาได้ ในที่สุดสายเอ็นก็ขาดไปอีกคน เราปล่อยปลาไปอีก 1 ตัวแล้ว

หลังจากได้ดูรูปขณะที่นู๋เฟิร์นอัดปลา ผมก็นำมาวิเคราะห์หาสาเหตุที่ทำให้ แขนของนู๋เฟิร์น ได้รับบาดเจ็บ จากการอัดกับปลาที่มีพละกำลังมาก อย่างเจ้าปลาเก๋าลูกหมู น่าจะมาจากท่วงท่า ที่จับคันเบ็ด ซึ่งมันเป็นพื้นฐานของการตกปลา ที่นักตกปลาควรจะเรียนรู้ไว้ นั้นคือการจับคัน ขณะที่เราต้องออกแรงงัดปลาควรจะจับด้วยมือทั้ง 2 ข้างอย่างมั่นคง กล่าวคือมือทั้ง 2 ข้างกุมอยู่ที่ ฟอร์กิ๊ฟ โดยให้มือด้านซ้ายอยู่หน้ามือขวา ขาทั้งสองข้างกางออก และย่อตัวลงเล็กน้อย เพื่อให้เรายื่นด้วยท่าที่มั่นคง การที่นู๋เฟิร์น จับฟอร์กิ๊ฟ ด้วยมือซ้าย เพียงข้างเดียว แล้วมือขวา มาจับ ที่ด้ามคัน แล้วออกแรงงัดปลาอย่างที่เราเห็นในรูป จึงเป็นการใช้แรงจากท่อนแขน เพียงข้างเดียว ผลที่ได้รับ ก็คือเส้นเอ็นอาจจะยึดหรือพลิก หรือมีโอกาสที่จะฉีกขาดได้ เพราะต้องเกร็งแขน อยู่ตลอดเวลา ในขณะที่ต่อสู้กับปลา นั้นเองครับ สิ่งนี้นักตกปลาควรจะระมัดระวัง และศึกษาไว้เพื่อความปลอดภัยของตัวเราเองครับ

ขณะที่เรากำลังพันตูอยู่กับปลาอย่างเมามันส์อยู่นั้น ก็ดันมามีอุปสรรค์ อันใหญ่หลวง ก็เกิดขึ้นกับพวกเราจนได้ เมื่อสายเอ็นมันเกิดอาการรักใคร่กันขึ้นมา จากอิทธิพลของน้ำ 2 กระดอง มันพาสายเอ็นไปพันกันมั่วไปหมด จนไม่รู้สายใครเป็นสายใคร มันพันกันจนนัวเนีย ยุ่งเหยิงต้องตัดทิ้งสถานเดียว เราพลาดโอกาสทอง ตอนปลากำลังฉวยเหยื่อ เพราะต้องมาจัดการ กับสายที่พันกันจน ยุ่งเหยิง และมันก็เป็นอีกบทเรียนหนึ่ง ที่เราต้องจดจำ และให้รู้จัก วิธี การเลี้ยงตะกั่ว ไม่ให้ตะกั่วของเราไป ระรานชาวบ้าน นั้นก็คือ เมื่อตะกั่วแตะพื้น แล้วอย่าได้ดึงสายปล่อยสายออกไปอีก เด็ดขาด ให้ใช้วิธียกคันขึ้นลง เหมือนกับการโสกหมึกเท่านั้น แล้วสายเอ็นของเรา ก็จะไม่ไประรานพันกับสายเอ็น ของชาวบ้านได้ครับ สรุปที่หมายนี้เราช่วยกันดึง ปลาขึ้นมานอน ดิ้นกระเด่ว กระเด่วบนเรือตั้งหลายตัว สมกับเวลาที่เรานั่งเรือเล่นมาตั้งหลายตั้งครึ่งค่อนวัน ฝีมือเจ้าวุฒิ ยังยอดเยี่ยมเหมือนเดิม แล้วเราจำต้องย้ายหมายไปยังหมายใหม่เมื่อปลาหยุดกินเหยื่อ ซึ่งมันเรื่องปกติเมื่อปลาไม่กินเหยื่อ เราก็ต้องย้ายไปตก ยังหมายอื่น เรามาแวะยังกองหิน อีกกองก่อนที่ คืนนี้เราจะไปยังหมายซากเรือ พอเรือจอดสนิทได้ที่ แต่ละคนก็ ไม่พูดพลามทำเพลง กันละครับ สายเอ็นทุกสายหย่อนลงน้ำ โดยไม่ต้องให้ย้ำเตือนกันอีก พอเหยื่อถึงพื้น เราก็ได้รับการต้อนรับทันที ส่วนใหญ่จะเป็นปลาอังเกย ที่หมายนี้ ปลากินเบ็ดดีมาก พวกเราสนุกกับการสอยปลา ขึ้นมาบนเรือ ตั้งหลายสิบตัว เราใช้เวลาที่หมายนี้เพียงไม่นานเพราะ มันเริ่มจะมืดค่ำลงแล้ว เราจำเป็น ที่จะต้องจากฝูงปลา บ้าเลือดที่หิวโซ พวกนั้น เพื่อไปยังหมายซากเรือจมที่รอเราอยู่ข้างหน้า วันนี้เราหนีน้ำ 2 กระดองไม่พ้น ไม่ว่าจะไปที่ไหน ก็เจอน้ำ ลักษณะเช่นนี้นี้ทั้งนั้น แม้แต่ที่หมายซากเรือจม เรายังต้องมาเจอกับน้ำ 2 กระดอง อีก พอเราลงเหยื่อถึงพื้นปุ๊บ ปลาก็เข้า ชาร์ทเหยื่อทันที ผมได้ปลาแดงเขี้ยว ไซร์ 4 โล ขึ้นมาเปิดหมาย ได้อย่างสวยหรู่ ทั้งพี่ซิง พี่ชาญ ช่วยกันงัดปลาอังเกย และกะพงข้างปาน ขึ้นมาเพิ่มประชากรปลาบนเรือ เกือบจะ 2 ตระกร้า จนปลาหยุดกินเหยื่อ ไต๋วุฒิจึงย้ายหมายมายัง ซากเรืออีกซากหนึ่ง ที่จมน้ำอยู่ไม่ห่างไกล จากซากเดิมเท่าไรนักประมาณ 14 ไมล์ ใช้เวลาวิ่งเรือ 1 ชั่วโมง กับอีก 45 นาที เราก็มาถึงซากเรือ อันใหม่ที่หมายนี้ ปลากินเหยื่อดีกว่าหมายอันแรก เสียอีก เราช่วยกันงัด ปลาอังเกย โดยเฉพาะตัวของพี่ชาญ ที่ลากอังเกยไซร์เกิน 6 กิโล ขึ้นมา ก่อนที่เราจะเจอกับเหตุการณ์ ประหลาดก็เกิดขึ้น กับพวกเรา เมื่อปลาที่เราอัดขึ้นมา ถึงกลางน้ำ มีอันต้องหายไปเหลือเพียงตัวเบ็ดเปล่าๆ เป็นอยู่อย่างนี้ตั้งหลายครั้ง หลายครา ปลามันโดนตัวอะไร สักอย่าง มาขโมยไปจากตัวเบ็ด เหมือนกับมันสามารถ ปลดปลาออกจากเบ็ดได้ ผมเคยได้ยินไต๋เรือรุ่นเก่าเล่าให้ฟังว่าปลาโลมา ชอบมางับปลา ที่เราตกได้ มันก็อาจจะเป็นไปได้ ที่ปลาโลมา มาคาบปลาที่เราตกได้ไปกิน แต่ที่น่าแปลกใจว่าทำไม มันถึงได้คาบเบาจัง เราไม่รู้สึกแรง กระชากเลยสักนิด

แต่แล้วจู่ๆ ฝนเจ้ากรรมก็เทกระหนำมาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย ทั้งๆ ที่คืนนี้ดวงดาวขึ้นเต็มท้องฟ้า มันก็น่าแปลกใจอยู่ไม่น้อย พวกเรารีบเก็บคันเบ็ด แล้วเข้ามาหลบฝนในเก๋งเรือกันหมด ในขณะที่พายุฝน ยังคงเทกระหน่ำ ลงมาอย่างบ้าคลั่ง ขณะนั้นเองผมมองออกไปข้างนอกเรือ สิ่งที่ผมเห็นอยู่ขณะนี้ มันเป็นเชือกสายสมอเรือ ลอยขนานคู่กับเรือของเรา ผมตกใจมากนึกว่า สายสมอของเรือเราหลุดหรือขาด ผมจึงบอกพี่ชาญว่า "พี่ชาญสายสมอเรือขาดลอยน้ำข้างเรือเรา" พี่ชาญมองออกไปตามจุดที่ผมชี้ให้ดูแล้วบอกว่า "ไม่ใช่สายสมอหรอกมันเป็นสันคลื่นมากกว่า" ผมยืนยันได้เลยว่าสายตาของผมไม่ได้ฝาด มองอะไรผิดเป็นแน่ สิ่งที่ผมเห็นมันเป็นสายสมอเรือแน่นอน แต่มัน จะเป็น สายสมอ ของเรือลำไหน อันนี้ผมไม่รู้ ที่แน่ๆ มันไม่ใช้สายสมอของเรือเราแน่นอน พี่ซิงพอได้ยินคำ ที่ผมสนทนากับพี่ชาญ ก็ถามผมว่า "นี่เราอยู่ที่ไหนรึโย" ผมตอบพี่ซิงไปทันที่ว่า "เราอยู่ที่ซากเรือจมครับพี่ซิง" พี่ซิง ทอดหายใจดังเฮือกใหญ่ ก่อนจะบอกพวกเราให้เข้ามาหลบฝนในเก๋งอย่าได้ออกไปเดินเผ่นพ่านนอกเรือเด็ดขาด ผมถึงกับเซ็งในโชคชะตา บ่นกระปอดกระแปดออกมาว่า "เทวาดา นะเทวดาทำไมมากระจู๋รั่วตอนนี้ด้วยฟ่ะ ปลากำลังกินเหยื่อดีๆ ดันมาปล่อยฝนสะด้าย" ฝนตกหนักเกือบ 2 ชั่วโมง จึงค่อยซาเม็ดลง คราวนี้ไม่รู้ว่าห่าพายุ มันมาจากไหน มันถาดโถม พัดกระหน่ำสะจนยื่นไม่ติดที่ ถ้าใครขืนออกไปเดินข้างนอกเก๋งเรือเวลานี้ ผมรับรองได้เลยว่าต้องถูกพายุลม พัดปลิวกระเด็น ตกเรือแน่นอนแต่สิ่งที่น่าแปลกอีกอย่าง แม้จะมีลมพายุแรงจนยื่นแทบไม่อยู่ แต่เรือเจ้าวุฒิ กลับลอยลำอย่างนิ่งเฉยไม่มีอาการโคลงเคลงสะทกสะท้านเลยสักนิด เรือนิ่งมากจนน่าแปลกใจ หลังสิ้นพายุ ผมเหลือบไปเห็นหมึกศอกตัวใหญ่ยาวเกินศอก ว่ายขึ้นเล่นผิวน้ำผมใช้โยทะกาตีไปเกี่ยวตัวมันขึ้นมาได้สำเร็จ

พอพายุสงบลง จนนิ่งสนิดวุฒิสั่งย้ายหมายทันที เพียงครึ่งชั่วโมง เราก็มาถึงหมายใหม่ พอเราหย่อนเบ็ดถึงพื้นปุ๊บ ปลาก็ฉวยปั๊บเหมือนกับมันกำลังรออาหารที่เรากำลังส่งลงไปให้ หมายนี้เรา ได้ปลาหลายตัวแต่ส่วนใหญ่จะตัวไม่ค่อยจะโต ขนาดพอดี จาน หรือที่เราเรียกมันว่าปลาจานเป็นส่วนใหญ่ ผม พี่ซิง และพี่ชาญ ส่วนคนอื่นๆ หลับกันเพลินตั้งแต่หมายซากเรือโน้นแล้ว จึงเหลือเพียงเรา 3 คนที่ยังคนฝืนสังขาร มานั่งถ่างตาตกปลาจนเหยื่อหมึกหลอดในห้องขังเหยื่อหมดเกลี้ยง เหลือเพียงหมึกศอกเพียง 3 ตัว ผมเลยเก็บหมึกศอกทั้ง 3 ตัว ไว้ไป ล่อไอ้เก๋าลูกหมู ตอนขากลับจะดีกว่า เราเดินทางกลับเข้าฝั่งกันคืนนั้นทันที

จนเช้าวันใหม่ เราเหลือหมึกศอกว่ายในห้องขังเหยื่อเพียง 3 ตัว เราใกล้เกาะกูดเข้ามาเรื่อยๆ มองเห็นเกาะกูดอยู่ข้างหน้าริบๆ มันเป็นโอกาสสุดท้ายที่เรา จะได้งัดกับเก๋าลูกหมู ผมบอกให้วุฒิเข้าหมายปลาเก๋าลูกหมูกันเช้านี้ กับความหวังที่ยังพอมีด้วยเหยื่อที่เหลืออยู่เพียง 3 ตัวสุดท้าย ผมผูกชุดสายหน้าใหม่ใช้เบ็ด 6/0 ก้านสั้น 3 ตัวผูกให้ได้ระยะความยาว เท่ากับเหยื่อหมึกศอก คุณบรรจง เลือกหมึกตัวรองลงมา ส่วนพี่นิด คว้าเอาปูดำขึ้นมาเกี่ยว ด้วยความหวังจะได้อัดกับเจ้าลูกหมู ก่อนจะเดินทางกลับบ้าน ไต๋วุฒิ บรรจงจอดเรือให้ตรงหมายที่สุด พอเรือเข้าตรงหมายดีแล้ว วุฒิก็จัดการเกี่ยวหมึกตัวยาวศอกตัวที่ยาวที่ ศอกกว่าตัวนั้น มาเกี่ยวด้วยชุดสายหน้าที่ผมผูกเบ็ดไว้ 3 ตัว แล้วหย่อนลงข้างเรือ ตะกั่วเตะพื้นไม่ถึง 1 นาที คุณบรรจงยังหย่อนเหยื่อไม่ถึงพื้นด้วยซ้ำ เก๋าลูกหมู ก็ดึงคันเบ็ดในมือเจ้าวุฒิ จนไต๋วุฒิทรุดฮวบลงทั้งตัว ผมที่ยืนอยู่ข้างเห็นวุฒิ ทรุดฮวบคาตา ไต๋วุฒิ ร้องเสียงหลง ก่อนจะลดคันลงตามจังหวะที่ปลาดึง แล้วออกแรงวัดคันทั้งตัว คันเบ็ดโค้งงอ ทันทีที่วุฒิวัดคันสวนมันอย่างเต็มแรง วุฒิ วัดย้ำคมเบ็ดอีกครั้งแล้วปั๊มคัน ก่อนจะยื่นคันให้ผมรับมาอัดต่อ แต่ผมรับคันมาอัดได้เพียงไม่นาน ปั๊มคันได้เพียง 2-3 ครั้ง คันที่โค้งงออยู่ดีๆ ก็ ดีดตัวชี้ตรงเด่ น้ำหนักที่หนักอึ้งก็เบาหวิว ปลามันหลุดไปอีกแล้ว เบ็ดตั้ง 3 ตัว อยู่ครบปลามันยังหลุดไปได้ ส่วนคันของคุณบรรจง ก็วัดไม่ติด แม้แต่คันของพี่นิดที่เกี่ยวปูดำ แล้วปักคันไว้ในกระบอกปักคันก็โดนปลาดึง จนคันโค้ง โก่งงองุ้ม จนเสียวว่าคันจะหัก พี่นิดรีบถอดคันออกจากกระบอกปักคัน แต่กว่าพี่นิดจะดึงคันออกจากกระบอกปักคันได้ก็เอาเรื่องเหมือนกัน แต่พี่นิดก็อัดกับมันได้ไม่นาน ปลาก็หลุดไปอีกตัว สรุปว่า เหยื่อหมึกศอก 3 ตัว กับอีก 1 ปูดำ โดนปลาดึงครบทั้ง 4 คัน แต่ไม่ได้ตัวขึ้นมาสักตัว เราพลาดโอกาสที่เหลืออยู่ "ทริบนี้ได้แต่เสียว ครับ ได้แต่เสียวไม่มีเสร็จ" เสียงไต๋วุฒิแซวพวกเรา "เออ ถ้าจะจริงของเอ็ง วะ วุฒิ ทริบนี้ ขนาดหมดฝนแล้ว นึกว่าจะไม่เจอฝน ยังมาเจออีกจนได้ แถมตกหนักเป็นบ้าเป็นหลังเลยด้วย"


ถึงแม้นจะสิ้นฤดูฝนไปแล้ว ก็อย่าหวังว่าท้องฟ้าจะสดใสซาบซ่าน เรื่องของธรรมชาติ เดี่ยวนี้ มันออกจะพิลึกพิลั่น ไม่เป็นไปตามฤดูกาลเช่นแต่ก่อน คำโบราณที่เคยว่าไว้ "ฟ้าย่อมสดใส หลังสิ้นพายุฝน" ถ้าจะใช้ไม่ได้กับยุคสมัยนี้เสียแล้ว แต่ถึงอย่างไร ความสุขที่ได้ออกมาตกปลา มันย่อมเป็นสิ่งที่วิเศษสุด แม้เราจะไม่สมหวังกับปลาเก๋าลูกหมูก็ตามที ท้ายสุดนี้ ขอให้เพื่อนๆ ชาวตกปลาจงสนุกและมีความสุขกับเกมส์ตกปลาเพื่อการผ่อนคลาย ใช่เกมส์ซีเรียสที่ต้องจริงจัง จนหมดสนุก สำหรับทริบนี้ ก็จบลงเพียงเท่านี้ แล้วพบกันใหม่ฉบับหน้า สำหรับไต๋วุฒิ ฝีมือยังเยี่ยมเหมือนเดิม แขกจองเรือจนแน่นหาวันว่างแทบไม่มี ท่านใด สนใจจะติดต่อเรือไต๋วุฒิ แล้วละก็คงจะต้องติดต่อจองข้ามปี แล้วละครับ


[กลับสู่เมนู]


Home | Bicycle | Offroad | Fishing | Radio Control | GPS Corner | Second hand | Member area
Copyright © 2000, www.WeekendHobby.com, All right reserved.

Contact Webmaster