อังคาร,19 มีนาคม 2567

เรื่องเล่าคนตกปลา

250 ไมล์กับนายชนบท
แล่นเรือโต้คลื่น
ปลากระบึกที่สีชัง
คืนพระจันทร์ยิ้มแฉ่ง
บางเสร่ยังมีลุ้น
ดอดไปฟันไอ้โฉม
วันนี้ที่รอคอย
มันแปลกดีนะ
สายันรัญจวน
ทุบไอ้สากที่สัพพะยื้อ
น้ำใจ
โฉมเอยโฉมงาม
แข่งขันตกปลาสัญจร#1
ปลายฝนต้นหนาว
แข่งขันตกปลาแสมสารครั้งที่#6
ลูกหมูจอมซ่าส์
โต้ลมหนาว
เก่งกับเฮง
เมษาฮาวาย
เมื่อผมไปงานแข่งฯ
ลองเรือใหม่กับไต๋โก๊ะ
หูดำที่เกาะค้างคาว
ไปลุยโฉมงามกับไต๋น้อง
มหาเฮง
นักเลงโตสากดำ
ฟ้าหลังฝน
หลังมรสุมสงบ
ตามล่าปลาจัมโบ้
บันทึกแห่งความทรงจำ
คุณพริ้งลองของ
อัดปลาโต้เดิ้ง
เพื่อนรักต่างแดน
เก๋าหน้าหวาน
ไต๋ยอช์ตพาเพลิน
สานสัมพันธ์คนตกปลา#1
หรรษาตะวันแดง
บางเสร่รำลึก#4
ตะล่อนไปกับไต๋อ้วน
ตะลอนไปกับไต๋เปี๊ยก
แดงจ๋าแดงจ่า
ลีลาสละ
ลูกหมูย่ำสวาท
ผู้กล้าแห่งวารี
ไต๋ระยอดนักสู้
สายสัมพันธ์คนตกปลา#2
มือใหม่หัดเหวี่ยง
ผู้พันอินทรี
สัตว์ประหลาด
ยุทธการหักเขี้ยวอินทรี
จิตสังหาร
ลากมาอุ้ม
ปริศนาที่เร้นลับ
ดอนตะวันแดง
สานสัมพันธ์คนตกปลาปี3
ปลายักษ์ในตำนาน
ราพาร่าพรางตัว
สานสัมพันธ์คนตกปลา ครั้งที่ 4
อินทรีหลังโขด
ท่องไปกับตะวันแดง
รวมดาวกระจุย
บุกรังสีทอง
สานสัมพันธ์คนตกปลาปี 4
อยากอัดไอ้หลาม
ปลอบขวัญที่กำพวน
วาฮูนักวิ่งน้ำลึก
วังสีทอง
กุเลาเกมส์พันธ์ดุ
รางวัลชีวิต
สานสัมพันธ์คนตกปลาปี5
ธิดาย่ำสวาท
กุเลาเกมส์คนวัยมันส์
เมษาพาเพลิน

มิตรภาพไร้พรมแดน
ตอน.ธิดาย่ำสวาท
วันที่ 31 ต.ค. - 3 พ.ย.2551

เรือโชคสุทธาทิพย์

ผู้ร่วมทริบ 1.ชนบท 2.ตึ๋ง พ.พนัส 3.ศิริชัย 4.น้องปุ๋ย 5.ชายอ้วน 6.เล็กบ้านบึง 7.ประพล มิตซู 8.หนุ่ย บึงสำราญ 9.ทวี มิตซู

ธิดาย่ำสวาท
‘กรี๊งงงงงง’ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในช่วงเย็นวันหนึ่ง นายชนบทหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากล่าวคำทักทาย กับผู้ที่โทรมา “สวัสดีครับน้าระ” ผู้ที่โทรมาไม่ใช่ใครอื่น ชื่อที่ Memory ไว้โชว์หราว่า ‘น้าระร่วงข้าว’ สหายตกปลาจากทีม ‘คนคอเดียวกัน’ นี่เอง “สวัสดีครับน้าโย น้าโยพอมีเวลาว่างเมื่อไหร่ อยากให้มาลงเรือตกปลาหน่อย” น้าระรวงข้าวกล่าวพร้อมกับตั้งคำถามมาพร้อมสรรพ “อ้อ จะชวนผมไปลงเรือตกปลาหรือน้าระ ได้เลย ปลายเดือน พฤศจิกายน ผมปิดเทอมพอดีเอาช่วงนั้นแหละน้าระ” นายชนบทกล่าว เมื่อวันเวลาถูกกำหนด การหาเพื่อนร่วมเดินทาง ก็เริ่มขึ้น ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยาก เมื่อนำไปประกาศหาเพื่อนร่วมทริบ ในเวปไซท์ WeekendHobby.com เพียงวันเดียวก็มีสมาชิกเสนอตัวขอร่วมเดินทางจนครบ เป็นที่รู้กันอยู่ว่าช่วงปลายฝนต้นหนาวอย่างเช่นปลายเดือนพฤศจิกายน นั้นเป็นช่วงที่ธรรมชาติสับสนตัวเองอย่างหนัก ฝนตกไม่เป็นเวร่ำเวลา นึกอยากจะตก พ่อก็ตกสะ เฉอะแฉะ ยังงั้นแหละ ลมหนาวก็จ่อคิว พัดความหนาวเย็นมาเป็นระยะ เพื่อนร่วมเดินทาง หลายคนจึงเกิดความกังวลว่าครั้งนี้จะออกเรือตกปลากันได้หรือเปล่า เพราะทั้งลมทั้งฝนกระหน่ำทั้งวันทั้งคืน แม้แต่น้าระร่วงข้าว สหายสุทธาทิพย์ ผู้ที่ติดต่อชักชวนให้นายชนบท ไปทดสอบเรือในครั้งนี้ก็ไม่วาย ถึงกับโทรมาแจ้งข่าวสารรายงานสภาพอากาศแบบวันต่อวัน “ฝนตกทั้งวันทั้งคืนเลยน้าโย พรุ่งนี้จะออกเรือได้รึ” เสียงน้าระโทรมาแจ้งสถานการณ์ “ดูจากภาพถ่ายดาวเทียม พรุ่งนี้มันก็หยุดแล้วน้าระ น่าจะออกเรือได้” นายชนบทมั่นใจ ตามคำพยากรณ์ของกรมอุตุฯ และเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องสร้างความมั่นใจมั่นใจในความปลอดภัยให้กับเพื่อนร่วมเดินทาง ‘ลมเงียบ คลื่นต่ำ ฝนไม่มี แต่เดิ่งไม่แน่’ เป็นคำพูดที่นายชนบทโทรไปแจ้งข่าวสารให้กับลูกทีมทุกคนทราบในช่วงเช้าวันเดินทาง

ท้องฟ้าที่มืดครึ่มมาหลายวันเริ่มส่อแววความสดใส กลุ่มก้อนเมฆที่ปกคลุมท้องฟ้ามาหลายวัน เริ่มจางหายไปจากท้องฟ้า แสงแดดเริ่มสาดส่องสู่พื้นผิวดิน โอกาสที่จะเป็นไปตามคำพยากรณ์ของกรมอุตุฯ เริ่มเป็นจริง สมาชิกนักตกปลากลุ่มหนึ่งสุดปลื้ม กับสภาพท้องฟ้าในวันนี้ “พี่โย วันนี้อากาศเป็นไงบ้างออกเรือได้เปล่า” นายหนุ่ยบึงสำราญโทรศัพท์มาถามนายชนบทแต่เช้า “ลมเบาลงมาก ออกเรือได้สบาย ไม่น่าเป็นห่วง แล้วหนุ่ยจะเริ่มออกเดินทางกันได้เมื่อไหร่ละ เราต้องรีบไปถึงแหลมงอบก่อน บ่าย 4 โมงนะหนุ่ย” นายชนบทกล่าว เมื่อสมาชิกเดินทางมาพร้อมหน้าพร้อมตา ครบองค์ประชุม การเดินทางไปตราดก็เริ่มต้นขึ้น จุดหมายปลายทางที่พวกเรากำลังมุ่งหน้าไป คือท่าเรือสะพานปลาแหลมงอบ ที่ซึ่งมีเรือสหายสุทธาทิพย์จอดรอคอยให้การต้อนรับนักตกปลา จอดเทียบท่ารออยู่ การเดินทางโดยรถยนต์มาสิ้นสุดเมื่อยามตะวันบ่ายคล้อย และคงอีกไม่นานแสงจากดวงสุรีย์ก็คงจะลาลับฟ้า พวกเราไม่รอช้าให้ ทันที ที่รถยนต์จอดสงบนิ่ง เราก็พบกับใบหน้ายิ้มแย้ม บ่งบอกถึง ความเป็นหนุ่มอารมณ์ดีของ ‘น้าระร่วงข้าว’ ที่กำลังเดินแกว่งตุ่มเข้ามาทักทาย ตามประสาคนที่รู้จักมักจี่ สนิทสนมกันมานาน “แหม! ไม่น่าเชื่อ ฝนพึ่งหยุดตกก่อนหน้าน้าโยมาถึงไม่เกิน 2 ชั่วโมงนี่เอง ฟ้าก็พึ่งจะโปร่งก็วันนี้ มันเล่นครึ่มมาเป็นอาทิตย์ ” น้าระพูดจบ พวกเราก็ไม่รอช้า ทั้งเด็กเรือเร่งรีบช่วยกันขนข้าวขนของขนสัมภาระ ถ่ายลงเรือสหายสุทธาทิพย์อย่างรวดเร็ว

ในไม่ช้าเสียงเครื่องยนต์ก็ครางกระหึ่ม เรือสหายสุทธาทิพย์ค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกจากท่าเรือ แล่นมุ่งหน้าสู่เกาะหมาก ที่ซึ่งพวกเราจะไปจอดเรือเปิดไฟไดน์หมึกกันที่นั้น เมื่อเรือแล่นพ้นท่าเรือมาได้ไม่นานวงสุราเริ่มก่อตัวขึ้น “ม่ะ น้าระ เปิดเหล้ากินกันดีกว่า” นายชนบทเปิดฉากก่อหวด ทันที นานๆ จะมีโอกาสได้มานั่งดื่มกินพร้อมเพื่อนเก่า อย่างน้าระร่วงข้าวนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ไต๋บูรณ์เร่งความเร็วเข้าสู่ความเร็วปกติ แสงตะวัน เริ่มจะหรี่แสงลง ดวงอาทิตย์กำลังจะเสร็จสิ้นภารกิจ ดวงจันทร์ กำลังรอรับช่วงภารกิจให้ความสว่างยามค่ำคืนต่อจากดวงตะวัน มันเป็น วัฏจักร แบ่งหน้าที่การทำงานที่สมดุล ของธรรมชาติ เรือสหายสุทธาทิพย์ยังคงโลดแล่น มุ่งหน้าสู่เกาะหมาก คืนนี้เราจะไปจอดเรือปั่นไฟไดร์หมึกกันที่นั้น ไต๋บูรณ์ชะลอความเร็วเรือลงเพื่อจะทิ้งสมอ “อ้าว...ได้เวลาทำกิจกรรมหาเหยื่อกันแล้วพวกเรา” สิ้นเสียงบอก โยทะกาหลากสี ถูกนำมาผูกเข้ากับสายเอ็น ก่อนจะนำไปนั่งหย่อนข้างกาบเรือ มือขวาถือคันตกปลาหมึกยกขึ้นยกลงเป็นจังหวะไม่นานนักคุณประพลก็สอยหมึกตัวแรกขึ้นมาขังในห้องเหยื่อ จากนั้นบรรดาหมึกน้อยใหญ่ก็เรียงรายดาหน้ากันขึ้นมาว่ายน้ำเล่นในห้องเหยื่อ เวลาผ่านไปปลาหมึกเริ่มจับโยทะกาห่างตัว เพราะน้ำหยุดเดิน ความง่วงก็เข้ามาเยือน เพื่อนๆ เริ่มทยอยไปหลับนอนกันทีละคน 2 คน ที่เหลือพอจะต่อสู้กับความง่วงได้ก็ยังคงนั่งตกหมึกกันต่อไปจนกระทั้ง ไต๋บูรณ์ ตื่นขึ้นมาหรี่ไฟ เฉอวน ปฏิบัติการเฉอวนปลาหมึกอุบุติขึ้นทันทีที่ ดวงไฟทั้งหมดดับลง คงเหลือเพียงดวงสีแดงเพียงดวงเดียว “เอ้า..” เสียงไต๋บูรณ์ตะโกนสั่งลูกเรือทำการกวานพื้นอวน รอบแรกมีปลาหมึกติดอวนไม่ถึง 50 ตัว จึงต้องมีการเฉอวนรอบ 2 และรอบ 3 ตามมา เมื่อการเฉรอบ 2 ไม่ได้หมึกแม้แต่ตัวเดียว ขบวนการเฉอวนเสร็จสิ้นยามเมื่อแสงตะวันขึ้นจับขอบฟ้า เมื่อรวมพลเมืองหมึกในห้องขังทั้งจากการเฉอวนและใช้ตกเอา น่าจะเกิน 150 ตัว “ป่ะ บูรณ์ มีหมึกเท่านี้ ก็เพียงพอแล้ว งานนี้ตั้งใจ จะมา จิ๊ก เป็นหลัก” นายชนบทกล่าวกับไต๋บรูณ์

เช้าวันใหม่แสงตะวันเริ่มสาดแสงร่ำไร เรือสหายสุทธาทิพย์โลดแล่น มุ่งหน้าสู่ หมายเรือปั่นจั่นจม ที่ซึ่งมีปลาอังเกยอาศัยอยู่อย่างมากมาย สมาชิกเริ่มทยอยตื่นจากการหลับไหล ออกมานั่งรับลมชมทะเล ที่บริเวณหัวเรือสหายสุทธาทิพย์ “จะถึงหมายประมาณกี่โมงครับพี่โย” นายหนุ่ยบึงสำราญ ถาม “ประมาณ บ่าย 3 อีกตั้งไกล นั่งเล่นนอนเล่นได้หลายตื่นเลยละหนุ่ย” นายชนบทตอบ เวลาผ่านไปขณะที่เรือแล่นมุ่งหน้าสู่หมายเรือปั่นจั่นจม พลันสายตานายชนบทก็เหลือบไปเห็นขอนไม้ขนาดใหญ่ลอยน้ำมา ด้วยสัญชาตญาณ แล่นขึ้นมาในสมองเขาจึงตะโกนบอกให้ไต๋บูรณ์ เลี้ยวเรือเข้าไปดู “บูรณ์ ขอนไม้ลอยน้ำ ทางขวามือแวะเข้าไปดูหน่อยเผื่อมีโต้มอญให้เล่น ซ้อมมือคลายเหงา” นายชนบทบอก ไต๋บูรณ์ปั่นพังงาบังคับเรือเลี้ยวไปตามที่นายชนบทชี้เป้าหมาย อุปกรณ์ชุด Jigging ที่เตรียมมาด้วยถูกนำขึ้นมาถือไว้ในมือรอเวลาให้เรือแล่นเข้าใกล้ขอนไม้ พอได้ระยะเหวี่ยงเหยื่อ คันเบ็ดในมือนายชนบทก็ดีดเหยื่อจิ๊กตัวน้อย ตกใกล้ๆ กับขอนไม้ แล้วปล่อยให้เหยื่อจิ๊กจมน้ำ ในระยะความลึกประมาณ 20 เมตร แล้วก็กรอสายกลับพร้อมสบัดคันเบาๆ เป็นการสร้างแอ๊คชั่นให้กับตัวเหยื่อ เพียงแค่เหยื่อสร้างแอ๊คชั่น ได้ไม่กี่คันประสาทสัมพัสก็รับรู้ได้ว่า มีตัวอะไรสักอย่างโฉบเหยื่อจิ๊กเข้าให้แล้ว นายชนบทจึงวัดคันเบาๆ ตัวที่เข้ามาโฉบเหยื่อกระโดดโชว์ตัวทันที ที่มันติดเบ็ด “มีปลาโต้มอญ จริงๆ ด้วยพี่น้อง นี่เป็นไง วิ่งจู๊ดไปโน้นเลย” นายชนบทร้องบอกให้เพื่อนๆ เตรียมตัวสนุกกับเกมส์เร้าใจระหว่างเดินทาง

เห็นการซ้อมมือ ก่อนจะเจอศึกหนักที่แท้จริง สิ้นเสียงนายชนบท คุณประพล คุณทวี นายหนุ่ย และน้าตึ๋ง ต่างช้อนหมึกกะตอยตัวเล็กขึ้นมาเกียวเบ็ดเบอร์ 12 ที่ชุดสายหน้าปราศจากลูกตะกั่ว ก่อนจะบรรจงหวดไปยังขอนไม้ เพียงหมึกกระตอยกระทบผิวน้ำดัง ‘แป๊ะ’ เป็นเสียงเรียกให้บรรดา อีโต้มอญ กรูกันเข้าแย่งทึ้ง หมึกกระตอย ตัวไหนไวกว่า ก็จะคาบเหยื่อได้ก่อน แล้ววิ่งปรู๊ด ตัวที่งาบไม่ทันเพื่อนก็จะพากันว่ายตามเป็นพวน ความมันส์เริ่มต้นแล้ว สมาชิกต่างพากันสนุกสนาน เป็นการคั่นเวลา ได้อย่างเหมาะเจาะกับการเดินทางยาวนาน “สนุกดีว้อย เอาเหยื่อมาอีก” เสียงนายหนุ่ยตะโกนร้องด้วยความสะใจ กิจกรรมคั่นเวลามีอันต้องยุติลงด้วยเวลาอันรวดเร็ว เพราะเสบียงกรัง หมึกกะตอยตัวเล็ก นั้นหมดลง “หมึกตัวเล็กหมดแล้ว เซฟ เหยื่อตัวใหญ่ไว้เล่นอังเกย ดีกว่า ป่ะ เก็บเบ็ด” นายชนบทร้องบอกสมาชิก เป็นอันสิ้นสุดกับเกมส์เบาๆ แต่เร้าใจ ไต๋บูรณ์ บังคับเรือเร่งเครื่องเต็มตัว ใบจักรตีน้ำดันให้เรือสหายสุทธาทิพย์เคลื่อนตัวสู่เบื้องหน้า

ตะวันยามบ่ายแก่ๆ ไต๋บูรณ์ เบาเครื่องยนต์ลง เป็นสัญญาณบ่งบอกให้รู้ว่า บัดนี้เราได้เดินทางมาใกล้จะถึงหมายปั่นจั่นแล้ว “เอ๊ะ บูรณ์มีเรือปั่นไฟ จอดอยู่นี่ ไม่รู้ว่ามันจอกคร่อมหมายรึเปล่า” นายชนบทถามเมื่อเห็นเรือปั่นไฟจอดอยู่ยังตำแหกน่งที่พวกเรากำลังจะไปพอดิบพอดี “สงสัยจะตรงกันกับเรือลำนั้นพอดีเลยละพี่โย” ไต๋บูรณ์กล่าว ก่อนจะเลียบๆ เคียงๆ บังคับเรือ วนหาซากเรือจม ไต๋บูรณ์วนเรือหา ซากเรือ อยู่หลายรอบ อาจจะเป็นที่รำคาญของเรือปั่นไฟ ลำนั้นก็มิอาจจะทราบได้ ไต๋เรือปั่นไฟลำนั้นจึง ชะโงกหน้า ออกมาจากเก๋งเรือแล้วชี้นิ้ว พร้อมกับตะโกนบอกเลขพิกัดดาวเทียม ว่าซากเรืออยู่ตำแหน่งไหน และพอไต๋บูรณ์วนเรือไปยังพิกัด ที่ไต๋เรือผู้นั้นบอก Sounder ก็จับภาพซากเรือ ขนาดมหึมา มีเชื้อปลา ว่ายยั้วเยี้ย เขียวพรืดเต็มจอ Sounder เราซึ้งในน้ำใจไต๋เรือปั่นไฟที่บอกตำแหน่งให้เรารู้ จึงมอบเครื่องดื่มชูกำลังตอบแทนน้ำใจของไต๋เรือปั่นไฟลำนั้น ไต๋บูรณ์ ดูทิศทางน้ำทิศทางลม จนแน่ใจ ก่อนจะวนเรือไปยังจุดทิ้งสมอ “เอ้า ทิ้ง” ไต๋บูรณ์ ร้องสั่ง เด็กเรือที่ยืนกุมเชิงเฝ้าสมอเรือรอท่าอยู่แล้ว พอสิ้นเสียง ไต๋บูรณ์ เสียงสมอเรือตกน้ำดัง ‘ตูมมมม!’ตอนนี้สมาชิกผองเพื่อน ต่างลุกขึ้นไปหยิบคันเบ็ดของใครของมัน แล้วมายืนเข้าแถว รอช้อนหมึกมาเกี่ยว ก่อนจะไปเลือกทำเล ที่ตนชอบแล้วหย่อนก้น โรยสายทิ้งเหยื่อลงน้ำ

แต่ละคนใจจดใจจ่อ สายตาเพ่งมองอยู่ที่ปลายคัน มือทั้งสองข้างกุมคันเบ็ดไว้อย่างมั่นคงรอจังหวะ ปลาฉวยเหยื่อเมื่อไร เป็นโดนสวนเมื่อนั้น ‘ตั๊บบบ!’ เสียงวัดคันดังหนักแน่น “ เอ้า เอาแล้ว คุณประพลโดนแล้ว แหม หย่อนปุ๊บ ฉวยปั๊บเลยนะครับ ” น้าตึ๋ง กล่าวเสียงดัง เมื่อมองเห็นผู้ที่นั่งอยู่ข้างๆ วัดคันอย่างหนักหน่วง ปลายคันโค้งโก่งงอ สายเอ็นตึงเขม็ง เกมส์การต่อสู้ได้เปิดฉากขึ้นแล้ว “อึ๊บบบ! หนักเอาเรื่อง แหะ ตัวนี้” การต่อสู้ระหว่างคนกับปลา ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดปลาอังเกยไซร์ใหญ่ เกือบ 4 กิโล ก็ลอยขึ้นสู่ผิวน้ำ คุณประพลเปิดประเดิมปลาตัวแรก ได้อย่างงดงาม ขณะนั้นเองชายอ้วนที่เลือกทำเล ข้างประตูเก๋งเรือ ก็กำลังงัดกับปลาเช่นกัน ทางหัวเรือคุณทวี ก็ไม่น้อยหน้า ยื่นอัดปลาจนหน้าบูดหน้าเบี้ยว “ ปลากินรอบลำเรือเลยอย่างนี้มีเหนื่อยแน่ น้าโย ฮะ ฮา ฮ่า” นายระรวงข้าว กล่าวกับนายชนบท ที่หวังสร้างกระแส Jigging อังเกย เวลาผ่านไปก็ไม่มีอังเกยหน้ามืด มางาบเหยื่อ Jig สักตัว สายตานายชนบทได้แต่มองดูเพื่อนๆ ปนอิจฉา นิดๆ คราใดที่เพื่อนๆ อัดอังเกย ขึ้นมานอนพะงาบๆ จนเต็มตะกร้า ใบที่ 2 แล้วเหยื่อ Jig นายชนบทยังนิ่งเฉย “ท่าจะปั่นหุ้นไม่ขึ้นสะแล้วตู” นายชนบทบ่นพึมพำเสียงดังในลำคอ กระทั่งน้ำหยุดเดินปลาที่ฉวยเหยื่อดีๆ ก็พากันหยุด เกมส์ที่กำลังมันส์ ก็มีอันต้องยุติลง เมื่อดวงตะวันใกล้จะลาลับท้องฟ้า “ป่ะ บูรณ์ ย้ายหมายกันดีกว่า ปลาหยุดกินแล้ว” นายชนบทกล่าวกับไต๋บูรณ์ผู้นำพา พวกเราออกหาความสำราญในการตกปลาในครั้งนี้ เสียงเครื่องยนต์คำรามขึ้นอีกครั้ง “เดี๋ยวจะพาเราไปอัดหมู ที่หมายดินดาน จากนี่ไปอีก 8 ไมล์ ครับ” ไต๋บูรณ์บอก สมาชิกต่างเก็บเบ็ด พร้อมจะเผชิญหน้ากับลูกหมูไซร์จัมโบ้ อย่างที่ไต๋บูรณ์บอก

เรือสุทธาทิพย์ใช้เวลาเดินทางร่วมชั่วโมงกว่าก็มาถึงหมายดินดาน เรามีหมึกศอกเหลืออยู่ 5 ตัวในห้องขังเหยื่อ สายหน้าถูกทำขึ้นมาใหม่เพื่อให้เหมาะสมกับขนาดของเหยื่อที่จะใช้ นายชนบทเลือกหมึกศอกตัวใหญ่สุดขึ้นมาเกี่ยวเบ็ด 3 ตัว ก่อนจะนำไปหย่อนข้างกาบเรือ เพียงแค่ตะกั่วกระทบพื้นดินด้านล่าง ปลายคัน Carpenter 56MII-S ที่จับคู่กับรอก Stella 8000 SW บรรจุสาย PE -6 ไว้เต็มสปูลก็โค้งวูบลงตามแรงดึงของปลา นายชนบทที่ถือคันอยู่ ผ่อนคันลงตามแรงลากของปลา พอได้จังหวะ จึงหวัดคันสวนอย่างแรง “ป๊าบบบ เข้าให้ นี่แน่ะ อยู่มั๊ย” เสียงวัดเบ็ดดัง หนักแน่น กะทีเดียวให้เบ็ดจมมิดเงี่ยง คัน Carpenter โน้มลงได้ใจ ระบบเบรค Shimano Stella ไว้ใจเชื่อขนมกินได้ ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ สายค่อยๆไหลลื่นออกอย่างราบเรียบไม่มีสะดุด นายชนบท ในใจนั้นคิดว่าคู่ต่อกรคงเป็นปลาเก๋าลูกหมูแน่แล้ว จึงออกแรงโยกคันปั๊มอัดปลาอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ปลาเจ้ากรรมดูท่าจะไม่ยอมให้นายชนบทอัดแต่ฝ่ายเดียว มันฮึดสู้ออกแรงวิ่งจู๊ดหนีตายอย่างไม่คิดชีวิต “เฮ้ย ลูกหมูพันธ์อะไรฟ่ะ วิ่งเร็วออกอย่างนี้” นายชนบทนึกแปลกใจ กับอาการการต่อสู้ของคู่กรณีถึงกับสบถออกมาอย่างดัง น้าระรวงข้าวเห็นดังนั้นถึงกับอดที่จะพูดไม่ได้ “ดูคันน้าโยดิ โง้งจนเสียวจะหัก มันจะหักมั๊ยละนั้นน้าโย ” น้าระรวงข้าวเอ่ยปากถาม ขณะที่นายชนบท เป่าลมออกทางปากใช้ปากช่วยหายใจเอาอ๊อกซิเยนไปช่วยให้คลายเหนื่อย นายชนบท พยายามออกแรงโน้มคันปั๊ม ปั๊ม ปั๊ม ไม่นานนักคู่กรณีก็ลอยตัวขึ้นมาได้เห็นโฉมหน้า มันเป็นปลาช่อนทะเล ไซร์ 10 กิโล “หน่อยแน่ะ ที่แท้ก็เป็นอ้ายช่อนทะเลนี่เอง เล่นเอาตูหอบซี่โครงบานเลยนะเมิ้ง ” นายชนบทเปรยเสียงออกมา แบบคนเกือบหมดสภาพ ในขณะที่เพื่อนๆ ที่นั่งอยู่รอบๆ เรือ กำลังอัดปลาอยู่ เป็นระยะ ไม่ให้เหงา

เช้าวันใหม่ที่หมายเดิม ท้องฟ้าแจ่มใส ทะเลเรียบ นายชนบทคว้าคันชุด Jig มาลอง จิ๊กดูเผื่อจะฝลุ๊ก แต่จนแล้วจนรอด ก็ไม่มีปลามาเล่นเหยื่อ จิ๊กเลยสักตัว นายชนบทจึงนำคันไปปักไว้ในกระบอกแต่ย้งคงปล่อยให้เหยื่ออยู่ในน้ำไว้อย่างนั้น ก่อนที่จะไปคว้าชุดลอยสายมาทำการปล่อยสายลอยเพื่อหาอินทรี สักตัว ขณะที่นายชนบทกำลังปล่อยสาย คันจิ๊กที่ปักคากระบอกไว้ ก็ถูกปลาดึกกระชากจนคัฯโค้งน่าหวาดเสียว นายอ้วนที่ยื่นอยู่ใกล้ที่สุดวิ่งมาจะคว้าคันขึ้นมาเล่น แต่พอแลเห็นมือหมุนเป็นด้านซ้ายนายอ้วนถึงกับส่ายหน้า “ขับซ้ายสะด้วย ผลขับซ้ายไม่เป็นใครมาเล่นที ปลาดึงใหญ่แล้ว” นายชนบทเห็นดังนั้นจึงละจากการลอยสายก่อนจะรีบปรีไปคว้าคันขึ้นมาอัดแต่ช้าไปเสียแล้ว ปลามันเข้ารูไปเรียบร้อยแล้ว ถึงจะไม่ได้ปลาแต่ก็ทำให้เราใจรู้ว่าปลามันกินเหยื่อจิ๊กแล้ว น้าตึ๋งเห็นดังนั้นจึงไปคว้าชุดจิ๊กมาดีดเหยื่อออกไปข้างหน้าแล้วโสกคันขึ้น “ปั๊ก เข้าให้ ติดแล้ว คราวนี้ติดจริงๆ” น้าตึ๊ง ตะโกนก้องด้วยความดีใจสุดขีด “เฮ้ย เข้ารูไปแล้ว” น้าตึ๊งเปรยออกมาเมื่อปลามันดึงเข้ารู น้าตึ๊งผ่อนเบรคแล้วคลายสายออกจากรอกให้สายหย่อน เพียงไม่นานปลาก็ออกวิ่งจากรู “เอ้า มันออกจากรูแล้ว ปั๊มคันเลยน้าตึ๊ง” นายชนบทกล่าว คันชุดที่ใช้ตีเหยื่อปลอมตกชะโด ทำงานอย่างเชื่อใจได้ฝ่ายผู้ตกน้าตึ๊งออกแรงงัด ในที่สุด เราก็ได้เห็นโฉมปลาที่อาจหาญมากินเหยื่อจิ๊ก “ไอ้ย่ำสวาท” น้าระรวงข้าว อุทานออกมาอย่างดัง “ มันสวยสมกับเป็นธิดาย่ำสวาทมากกว่า”นายชนบทกล่าว เราชื่นชมกับ ‘กุดสาด’ และความพยายามของน้าตึ๊ง

นักตกปลาท่านใดสนใจจะไปตกปลาที่ทะเลตราด กับเรือ โชคสุทธาทิพย์ เรือดี ราคาไม่แพงเกินเหตุ พนักงานบริการเยี่ยม ไต๋เรือขยัน ติดต่อที่เบอร์ 087-8339941 และ 080-5720303 แล้วท่านจะชื่นชอบ

[กลับสู่หน้าเมนูหลัก]


Home | Bicycle | Offroad | Fishing | Radio Control | GPS Corner | Second hand | Member area
Copyright © 2000, www.WeekendHobby.com, All right reserved.

Contact Webmaster