อังคาร,19 มีนาคม 2567

เรื่องเล่าคนตกปลา

250 ไมล์กับนายชนบท
แล่นเรือโต้คลื่น
ปลากระบึกที่สีชัง
คืนพระจันทร์ยิ้มแฉ่ง
บางเสร่ยังมีลุ้น
ดอดไปฟันไอ้โฉม
วันนี้ที่รอคอย
มันแปลกดีนะ
สายันรัญจวน
ทุบไอ้สากที่สัพพะยื้อ
น้ำใจ
โฉมเอยโฉมงาม
แข่งขันตกปลาสัญจร#1
ปลายฝนต้นหนาว
แข่งขันตกปลาแสมสารครั้งที่#6
ลูกหมูจอมซ่าส์
โต้ลมหนาว
เก่งกับเฮง
เมษาฮาวาย
เมื่อผมไปงานแข่งฯ
ลองเรือใหม่กับไต๋โก๊ะ
หูดำที่เกาะค้างคาว
ไปลุยโฉมงามกับไต๋น้อง
มหาเฮง
นักเลงโตสากดำ
ฟ้าหลังฝน
หลังมรสุมสงบ
ตามล่าปลาจัมโบ้
บันทึกแห่งความทรงจำ
คุณพริ้งลองของ
อัดปลาโต้เดิ้ง
เพื่อนรักต่างแดน
เก๋าหน้าหวาน
ไต๋ยอช์ตพาเพลิน
สานสัมพันธ์คนตกปลา#1
หรรษาตะวันแดง
บางเสร่รำลึก#4
ตะล่อนไปกับไต๋อ้วน
ตะลอนไปกับไต๋เปี๊ยก
แดงจ๋าแดงจ่า
ลีลาสละ
ลูกหมูย่ำสวาท
ผู้กล้าแห่งวารี
ไต๋ระยอดนักสู้
สายสัมพันธ์คนตกปลา#2
มือใหม่หัดเหวี่ยง
ผู้พันอินทรี
สัตว์ประหลาด
ยุทธการหักเขี้ยวอินทรี
จิตสังหาร
ลากมาอุ้ม
ปริศนาที่เร้นลับ
ดอนตะวันแดง
สานสัมพันธ์คนตกปลาปี3
ปลายักษ์ในตำนาน
ราพาร่าพรางตัว
สานสัมพันธ์คนตกปลา ครั้งที่ 4
อินทรีหลังโขด
ท่องไปกับตะวันแดง
รวมดาวกระจุย
บุกรังสีทอง
สานสัมพันธ์คนตกปลาปี 4
อยากอัดไอ้หลาม
ปลอบขวัญที่กำพวน
วาฮูนักวิ่งน้ำลึก
วังสีทอง
กุเลาเกมส์พันธ์ดุ
รางวัลชีวิต
สานสัมพันธ์คนตกปลาปี5
ธิดาย่ำสวาท
กุเลาเกมส์คนวัยมันส์
เมษาพาเพลิน

มิตรภาพไร้พรมแดน
ตอน.ลีลาสละ
วันที่ 27-29 ส.ค. 47

เรือ ไต๋เปีย

ผู้ร่วมทริบ 1.พี่เหนี่ยว 2.คุณโฟว์ 3.นายตั้ม ขาว 4.นายหนุ่ย บึงสำราญ 5.คุณเหน่ง และ น้องน้ำ

ลีลาสละ
ลีลาสละ "แกรกกกกกก" เสียงรอกกรีดร้องดังสนั่นแสบแก้วหู ปลุกโสตประสาทของคนที่กำลังเหม่อลอย ให้เรียกสติสัมปชัญญะ คืนกลับมาสู่สถานะเผชิญกับความเป็นจริง เสียงร้องตะโกนจากเพื่อนคนหนึ่งแผดเสียงดังบอกให้เพื่อนทุกคนได้รับรู้ "พี่ปลากิน ปลากิน" ยังไม่ทันจะสิ้นเสียงร้องตะโกน กระทาชายทั้งหมดต่างลุกขึ้นยืนพรึบพรับเกือบจะพร้อมเพียงกัน เหมือนกับมีการนัดหมายกันไว้ล่วงหน้า อากัปกิริยาแต่ละคนที่แสดงออก บ้างก็หันซ้ายแลขวามองหาต้นกำเนิดของเสียง บ้างก็ออกอาการลุกลี้ลุกลน จับคันเบ็ดของเองมากอดกระชับ เพียงชั่วประเดี๋ยวคำถามก็ลอยมากับสายลม เสียงดังฟังชัดว่า "คันไหนฟ่ะ เห็นทุกคันก็อยู่ในสภาพปกติแล้วรอกตัวไหนมันร้องละวุ้ย ให้ตายเถอะ โรบิน รึว่า หูของเราฝาดไป" สิ้นเสียงคำถามก็มีเสียงตอบกลับจากหนุ่มน้อยหน้าหล่อคนเดิมเน้นออกไปว่า "คันนู้น พี่ คันนู้น คันที่ปักอยู่บนหลังคาครับพี่ ดูเด่ะ คันโง้งใหญ่แล้ว " กระทาชายนายหน้าเดิม แหงนหน้าขึ้นไปมองยังราวกระบอกคัน เพียงสายตาที่เผยอแลเห็น คันที่โค้งง้อ จนปลายคันแทบจะทิ่มลงบนกลางกบาลอยู่รอมร่อ สัญชาติญาณของผู้ล่า กระโจนเข้าสิงสู่กระทาชายนายนั้นทันที มือที่ใหญ่โตคว้าหมับไปที่คันก่อนจะออกแรงดึงมันออกมาจากกระบอก ปรับแดรกให้แน่นขึ้น ตามด้วยปิดคลิ๊กสัญญาณเสียง ริมฝีปากแสยะยิ้มก่อนจะสบถคำพูดออกมา "ขอวัดถนัด ถนัดสักทีเถอะ แม่มึง เล่นเอากู งง เสียตั้งนาน " เสียงคันแหวกอากาศ ดัง 'ผลั๊ก' สายเอ็นเขม็งตึง เสียงกระโดดน้ำ ตูม ตาม ดังตามมาเกือบจะทันทีที่เขาผู้นั้นตวัดคัน สายตาของผู้ล่า เพ็งมองไปยังต้นกำเนิดเสียง ที่อยู่ห่างไกลไปเกือบ 100 เมตร สิ่งที่เขาได้เห็นอยู่ในขณะนี้ มันเป็นภาพ ของปลาชนิดหนึ่งที่กระโดดสะบัดตัวลอยขึ้นไปบนอากาศ แล้วทิ้งตัวลงน้ำอย่างแรง น้ำบริเวณนั้นแตกกระจาย "ว้าว ไอ้ละ ไอ้ละจริงจริงด้วย" เสียงคนถือคันร้องออกมาด้วยความดีใจ เมื่อรู้ว่าปลาตนเองกำลังต่อสู้ด้วยอยู่นั้นมันเป็นปลาสละ ด้วยลีลาการต่อสู้ ที่เร้าร้อนและเร้าใจของปลาสละ มันจึงเป็นเกมส์การต่อสู้ที่นักตกปลา หลายคนใฝ่หาอยากจะเล่นเกมส์ นี้ กับมันใช่แล้ว 'ลีลาสละ' ที่เหล่าผู้ล่า อย่างคนตกปลาเฝ้าถวินหา

ในวันที่แดดส่องฟ้า มันเป็นสัญญานบอกให้คนตกปลากลุ่มหนึ่ง หันมาคว้าคันเบ็ดและกล่องอุปกรณ์ โยนใส่ท้ายรถ แล้วออกเดินทางมุ่งหน้าสู่จังหวัดตราด ที่ซึ่งมีชายหนุ่มร่างเล็ก วัยกลางคน นามว่า 'เปีย' พร้อมด้วยเรือ ป.เปีย เจริญทรัพย์ ได้จอดเทียบท่า รอพวกเราอยู่ที่ท่าเรืออรุณี บ้านน้ำเชี่ยว พวกเราไปถึงก็ไม่พูดพลามทำเพลงให้เสียเวลา รีบช่วยกันขนสัมภาระลงเรือกันอย่างรวดเร็ว 'เพื่อนเอ่ย อีกไม่นานเราจะได้ออกไปสัมผัสชีวิตกลางแจ้ง กันอีกครั้งหนึ่งแล้ว' เมื่อถึงวันที่เราเฝ้ารอ รอที่จะได้พบ ได้ใช้ชีวิตกับเพื่อนๆ พี่ๆ ที่เรารัก มันเป็นวันที่เรามีความสุขมากอีกวันหนึ่ง ชีวิตชีวาสดใสหัวใจเบิกบานเปรียบประหนึ่งดังเช่น หนุ่มน้อยได้สัมผัสกลิ่นอายดรุณีแรกรุ่น ก็มิปาน สีหน้าผองเพื่อนแต่ละคนดูยิ้มแย้ม เต็มเปรี่ยมไปด้วยความสุข แล้วพาให้สดชื่นหัวใจ เมื่อทุกอย่างพร้อมสรรพ เรือ ป.เปียเจริญทรัพย์ ก็โลดแล่นตามลำคลองที่คดเคี้ยว หัวเรือแหวกพื้นน้ำแตกกระจาย เวลานี้ท้ายเรือ ป.เปียเจริญทรัพย์ ได้กลายเป็นแหล่งชุมนุมของผองเพื่อน โต๊ะทานอาหารกลางท้ายเรือ มีขวดสุรา พร้อมกลับแกล้มตั้งอยู่ วงสนทนาขนาดย่อมเริ่มดำเนินไปตามครรลองของมันเมื่อ คนหลายคนมาอยู่รวมกัน ยิ่งมีใจตรงกันและรู้จักมักจี่กันเป็นอย่างดีเช่นวันนี้แล้ว มันยิ่งทำให้บรรยากาศการสนทนามีอรรถรสเพิ่มมากยิ่งขึ้น ยามอยู่กับเพื่อนรัก รู้สึกว่าเวลามันชั่งเดินรวดเร็วเหลือเกิน มัวแต่คุยกันเพลิน จนเรือมาจอดสงบนิ่ง อยู่หน้าอ่าวสลักเพ็ชร ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ตัว กระทั้งบังโย จุ่มโพ่ พร้อมลูกชาย เด็กประจำเรือกำลังช่วยกันกางแขนไฟ คืนนี้เราจะจอดไดร์หมึกกันที่นี่ เพื่อนเราหลายคน กวีกวาด ลุกขึ้นเดินไปหยิบเอาคันเบ็ดชุดจิ๋ว ขนาดสาย 6 ถึง 8 ปอนด์ มาประกอบผูกโยทะกาสีขาว กิจกรรม ตกปลาหมึกกำลังจะเริ่มขึ้นกับพวกเรา ยามนี้มันเป็นกิจกรรมที่สร้างความเพลิดเพลิน ให้กับพวกเราดีแท้ หลังแสงไฟเปิดสว่างจ้า ผ่านไปได้ไม่นาน ปลาหมึกตัวแรก ก็ถูกลำเลี้ยงขึ้นมาขังในห้องเหยื่อ "ฮ่ะ ฮา เสร็จผมละ" เสียงคุณโฟว์เอ่ยออกมาด้วยความดีใจ และตามมาด้วยเสียงของนายเหน่ง "นี่แน่ะ ของผมก็ได้เหมือนกัน ฮา!" แต่หมึกของพี่เหนี่ยวดูจะได้หมึกตัวใหญ่กว่าเพื่อน "เป็นไง ของผมตัวขนาดนี้น่าเอาไปล่อไอ้ลูกหมูดีนัก เน๊าะ ป๋าโย ว่ามั๊ย" รอยยิ้มแสดงความชื่นชม เมื่อเห็นบรรดาพี่ๆ มีความสุข ปรากฏขึ้นบนใบหน้า เสียงหัวเราะ เกิดขึ้นกับพวกเราทุกครั้งที่มีคนหนึ่งคนใดตกหมึกได้ เราสนุกกับกิจกรรม การหาเหยื่อกันเพลิน จนกระทั้ง เสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์ มือถือดังขึ้น ไต๋เปีย งัวเงียลืมตาตื่นขึ้นมา มองดูในห้องขังเหยื่อ ซึ่งบัดนี้มีหมึกที่พวกเราช่วยกันตกว่ายอยู่ไม่น้อยกว่า 100 ตัว "โห้ ไม่เบาเลยนี่พี่โย ตกหมึกได้เยอะอย่างนี้ ป.เปีย ก็ไม่จำเป็นต้องเฉอวนแล้ว" ไต๋เปีย ตื่นขึ้นมากระเซ้าเหย้าแหย่ทันที ก่อนที่จะรีบเดินไปหรี่ไฟ เพื่อตรวจสอบดูปริมาณปลาหมึก และทำการเฉอวน ในเวลาต่อมา

หลังเสร็จสิ้นขบวนการหาเหยื่อ พวกเราก็หลับพักผ่อนเอาแรง ส่วนไต๋เปีย ก็ทำหน้าที่ไต๋เรือที่ดี ขับเรือพาพวกเราไปตกปลาสาก ตอนหัวรุ่งไว้เป็นอาหารยามเช้า และเราก็มีอาหารจากทะเลสดๆ ที่ถูกทุบหัวแบะ 3 - 4 ตัว นอนอยู่ในตะกร้า มันจึงถูกแปรสภาพเป็นข้าวต้มปลาโชกุนรับแสงอรุณในเช้าวันนี้ทันที "เปีย คลื่นลมข้างนอกเป็นยังไงบ้าง" ผมสอบถามสภาพอากาศ จากไต๋เปีย ให้แน่ใจ เพื่อที่จะตัดสินใจจะดำเนินการวางแผนไรตกปลาในทริบนี้ต่อไป "ข้างนอกลมจัดมาก พี่โย วันนี้ออกไปไหนไม่ได้แน่ โน้นพี่โยดูน้ำหัวเกาะหมากโน้น คลื่นขาวเชียว" ไต๋เปียกล่าวพร้อมกับชี้มือให้เรา ดูลูกคลื่นตรงร่องระหว่างเกาะกูดกับเกาะหมาก ที่มองเห็นแต่ไกล แต่ก็รู้ได้เลยว่า ไอ้สีขาวๆ เป็นแนวริ้วยาวนั้นคือ คลื่นหัวแตก ที่จะเกิดขึ้นเมื่อมีลม "ไอ้หย๋า มีลม สงสัยถ้าจะแรง ด้วยสิ ขาวโผลน ไปหมดยังงั้น" ผมอุทานออกมา ทันที ที่ได้เห็นแนวคลื่นหัวแตก "เปีย หาปลาข้างเกาะตกดีกว่า ไม่อยากเสี่ยงออกไปโดนลมวะ มานเจียว" ผมตัดสินใจ ให้ไต๋เปีย หาตกปลาข้างเกาะ ไต๋เปียก็รับคำ "ผมจะพาไปตก ปลาสละ ที่ข้างเกาะกระดาดแล้วกัน อากาศอย่างนี้ น่าจะมีตัว" ไต๋เปียตอบตกลงพร้อมยื่นข้อเสนอที่ ไม่อาจจะปฏิเสธได้ "ดี ดี ปลาสละนี้ ละพี่ชอบอัดกับมันมากเลย ป๋าโย รู้มั๊ย เวลามันกระโดด นะ สุดยอดมาก เร้าใจดี ไปเลยป๋าโย" พี่เหนี่ยว กล่าวเสริมเห็นพ้องตรงกัน ไต๋เปียจึงหมุนพังงาเบนหางเสือ หันหัวเรือเข้าสู่ชัยภูมิ ข้างเกาะกระดาษ มีเกาะหมากเป็นแนวกำแพงบังคลื่นลม แต่ก็ไม่วาย ที่จะมีลูกคลื่น ขนาด 1 - 1.5 เมตร เล็ดรอดโถมเข้ามาซัดเรือให้โครงเครงไปมาเป็นระยะ มหกรรมถล่มวังสละ เริ่มอุบัติขึ้นแล้วเมื่อเรือปัดเข้าที่หมาย ไต๋เปีย จัดการนำคันเบ็ดของคุณโฟว์มาปล่อยสายลอย ด้วยการนำก้อนโฟมมามัดเป็นทุ่น วัดระยะความลึกจากตัวเหยื่อขึ้นมาประมาณ 3 วาครึ่ง ส่วนผมปล่อยเหยื่อระดับกลางน้ำ โดยร้อยตะกั่วขนาดเล็กเข้าไปในสายหลัก แล้ววัดระยะความยาวจากปลายสายมาหาตะกั่วประมาณ 5 เมตร ก่อนจะใช้หนังยาง มารัดสายเอ็นยึดติดเข้ากับลูกตะกั่ว สายหน้าเราจะใช้สายรีดเดอร์ลวดเป็น ขนาด 29 ปอนด์ ตัวเบ็ดเบอร์ 12 ส่วนนายเหน่ง ยังเป็นมือใหม่สำหรับการตกปลา ผมจึงอาสา เป็นมือชง จัดการวางเหยื่อหน้าดินให้ ส่วนพี่เหนี่ยว กับนายหนุ่ยบึงสำราญ ใช้วิธีทิ้งบอมม์ ลงเหยื่อหน้าดินเช่นเดียวกัน ส่วนนายตั้ม ขอเล่นสายลอยขนาบข้างเทียบรัศมีไต๋เปีย ที่ถือว่าเป็นมือสายลอยระดับพระกาฬ ในย่านน้ำเชี่ยวก็ว่าได้ ขณะที่กำลังปล่อยเหยื่อลงสายให้นายเหน่ง นายหนุ่ยบึงสำราญ ที่ลงคันหน้าดินก็วัดคันดัง 'ตั๊บ' ตามด้วยเสียงแซว จากไต๋เปีย "อ้าว ปลากินเณรแอ แล้ว" นายหนุ่ยบึงสำราญพึ่งจะโกนหัวบวชหน้าไฟให้คุณยายที่จากไปมาหมาดๆ หัวนายหนุ่ยจึง ปราศจากเส้นผม เรียกง่ายๆ ก็คือหัวโล้น นั้นเอง พอเพื่อนๆ รับมุข ของไต๋เปีย ได้เท่านั้นแหละ เสียง ฮา ก็ดังระเบิดขึ้นมาทันที "หึหึ! คิดได้ยังไงเนี่ยไต๋ เณรแอ เอ๋ะ ! ดูๆ มันก็เหมือนเน๊อะ ฮา!!" นายหนุ่ยได้แต่ยิ้มแผล็บ แผล็บ ยอมรับฉายาใหม่ ที่ไต๋เปีย ตั้งให้ ทันใดนั้นเอง คันเบ็ดในมือไต๋เปีย ที่กำลังปล่อยสายลอยอยู่นั้นก็ถูกแรงฉุดกระชาก "อึ๊บ ปลากินแล้ว เอ้า คันใครมารับไปอัดปลาด้วย" ไต๋เปีย พูดไปพร้อมกับ วัดคันย้ำคมเบ็ด ก่อนที่คุณโฟว์จะไปรับคันมาอัดต่อ ที่ปลายสายเอ็นห่างจากท้ายเรือไปประมาณ 100 กว่าเมตร เกิดมีกายกรรมโชว์ลีลาตีลังกาม้วนตัวกลางอากาศ ให้ผู้ชมซึ่งเป็นนักตกปลาที่อยู่บนเรือได้ชม "เฮ เฮ เอาอีก เอาอีก" เสียงร้องตะโกนจากท่านผู้ชมที่ยื่นดูลีลากระโดดสูง ของปลาสละ เฮ ดังลั่นเป็นระยะ ในขณะที่ นักมวยคู่แรกระหว่างนายหนุ่ย หรือเณรแอ กำลังพันตู กับเจ้าสละไซร์ใหญ่ อย่างเอาเป็นเอาตาย ฝ่ายคุณโฟว์ ก็ดูจะใช้ฝีมือบังคับปลาไม่น้อยไปกว่านายหนุ่ยเท่าใดนัก สุดท้ายนายหนุ่ยก็กำชัย สยบสละคะนองวัย ด้วยหมัดอีเป้อ ที่เหวียงสะเปะสะปะเข้าเบ้าตาสละคู่ต่อสู้จนมันหงายท้องยอมแพ้ ส่วนนายหนุ่ย หลังจากพิชิตสละตัวแรกลงได้ ก็ต้องไปก้มหน้าขู่ทะเล ยกใหญ่ ปล่อยอาหารที่พึ่งจะยัดลงกระเพาะไปเมื่อเช้า ให้เป็นอาหารปลา ก่อนจะขอตัวม้วนเสื่อรีบเข้าไปนอนในเก๋งเรือ เพราะเณรแอ อดหลับอดนอน มาหลายคืน ก็เลยเกิดอาการ หัวมึนจากการต่อสู้กับสละคะนองวัย ท่ามกลางเกลียวคลื่นที่โถมซัดเรือเป็นระลอก สรุปว่า มวยคู่นี้ แพ้น๊อค ทั้งคู่ ฝ่ายปลาสละโดนสากเบือ เผ่นกะบานไป 2 โป๊ก ส่วนฝ่ายเณรแอ นอนหน้าซีดหัวมึนอยู่ในเก๋งเรือ หันกลับมาดูคู่ของคุณโฟว์ ที่กำลังนัวเนีย เหมือนจ๊อกกี้ ขี่อาชาพยศ แม้คุณโฟว์ จะหลอกล่อด้วยการแล็บลิ้นปลิ้นตา หวังให้คู่ต่อสู้หลงกลอย่างไร ก็ยังไม่สำเร็จผล ฝ่ายอาชาสละยังคงพยศ โดดตัวเย้ยหยัน จ๊อกกี่หนุ่มโฟว์ที่ขึ้นกุมบังเหียน คุณโฟว์เริ่มใช้ทีเด็ดด้วยการโยกซ้าย ส่ายขวา ก่อนจะทิ่มหมัดตรงเข้าระหว่างครีบพุง เล่นเอาอาชาสละ ส่ายหัวตาม จังหวะจนอ่อนแรงและถูกคุณโฟว์ สอยหมัดอัปเปอร์คัตเข้าไปอีกดอก อาชาสละถึงกลับแผ่หรา จึงถูกคุณโฟว์ลากมาตามผิวน้ำ ชัยชนะเป็นของคุณโฟว์

ไต๋เปีย ย้ายสนามประลองยุทธ ไปยัง 'ดอนสละ' ซึ่งจะอยู่ทางทิศตะวันออก ของเกาะกระดาด และเยื้องมาทางเกาะหมาก ด้วยภูมิประเทศมีลักษณะเป็นหินกระเด็น กระจายอยู่ทั่วไป จึงเป็นที่ปลาสละชอบเวียนว่าย มาหาอาหารกินในที่แห่งนี้ 'ดอนสละ' แห่งนี้จึงเป็นสมรภูมิเดือดให้เราได้ตื่นตา สนุกกับลีลาสละ ณ ดอนสละ บังเกิดวงน้ำขนาดใหญ่ หลายวงมันเกิดจากการกระโดดขึ้นเล่นน้ำของบรรดาปลาสละ เสียงหางฟาดน้ำดัง 'ตูมต้าม' เป็นระยะ ประหนึ่งเหมือนมันกำลังไล่ล่าหาอาหาร หรือ กำลังจับคู่เต้นระบำเริงร่า เหล่า บรรดาขุนศึกบนเรือไต๋เปีย เมื่อเห็นภาพดังนั้นก็ก่อให้เกิดความกะสันต์ กระหายที่จะได้ชมลีลาสละที่ตื่นเต้นเร้าใจอีกครั้ง ต่างก็รีบคว้าอาวุธ เพื่อมาต่อกรกับอาชาสละ นายตั้ม กับคุณโฟว์ ยังคงใช้วิธีลอยสายเช่นเดิม ไต๋เปีย หยิบเอาคันของผมไปจัดการปล่อยสายลอย พี่เหนี่ยว ยังคงทิ้งบอมม์ ทุ่นระเบิดน้ำลึก เช่นเดิม ส่วนผมก็ทำหน้าที่เป็นคน 'ชงปลา' ให้นายเหน่ง น้องใหม่ที่หัดตกปลา หลังจากลงเหยื่อให้นายเหน่งได้ไม่นาน รอก Accurate ก็แผดเสียงดังสนั่น พร้อมกับปลายคันที่ถูกกระชากจนโค้งงอ เกือบจะจรดผิวน้ำ ผมจัดการวัดคันย้ำคมตะขอ ก่อนจะยื่นคันส่งให้นายเหน่งที่ยืนอมยิ้มแก้มตุ่ย อยู่ข้างๆ ยื่นมือรับคันไปอัดปลา "อึ๊บ โอ้ยยย หนักบรรลัย เลยพี่ โอ๊ะ โอะ โอ้" เสียงร้องของ 'มือใหม่หัดตก' เล็ดรอดดังออกมา "อัดอย่างนั้นมันไม่ยอมง่ายๆ หรอกอ้ายน้อง มันต้องนั่งพับเพียบอัดเชื่อพี่เต๊อะ พี่เคยมาแล้ว" คุณโฟว์ บอกนายเหน่งอย่างมีเลศนัย นายเหน่ง ด้วยความเป็นน้องใหม่เมื่อรุ่นพี่ให้คำแนะนำมาอย่างนั้นก็รีบทำตาม นั่งพับเพียบเรียบร้อย อัดปลาในท่านางรำทันที "เฮ้ย ทำตามด้วยเร๊อะ ฮ่ะ ฮะ ผมหลอกเล่นเฉยๆ " คุณโฟว์ถึงกับปล่อย ฮา ออกมา "ท่านี้ถนัดดีพี่ ผมชักจะชอบแล้ว สิ" นายเหน่งรีบตอบแก้เขิน แล้วก้มหน้าตา อัดปลาในท่าที่เรียบร้อย เป็นคุณหนู ต่อไป เวลาผ่านไปชั่วไม่กี่อึดใจ โฉมงาม ไซร์โต ก็ถูกนายเหน่งดึงขึ้นมาให้ไต๋เปีย ใช้ตะขอเกี่ยวขึ้นเรือได้สำเร็จ ผมในฐานะมือชง ก็ต้องจัดการทำหน้าที่ เกี่ยวเหยื่อแล้วลงสายลงไปอีกครั้ง จะเหมือนฟ้าประทาน หรือทะเลกลั่นแกล้งนายเหน่ง พอลงเหยื่อใหม่ไม่ถึง 5 นาที ปลาก็เข้ามาฉวยเหยื่อ ดึงคันโก่งง้ออีกครั้ง ทำให้นายเหน่ง ต้องมานั่งพับเพียบอัดปลาด้วยท่าคุณหนู และตัวนี้ก็เป็นปลาโฉมงาม ตัวที่ 2 เรียกเอา เหงื่อเม็ดโป้ง ๆ ผลุดขึ้นเต็มใบหน้าของนายเหน่ง หลบไปนั่งหอบ แฮ๊ก แฮ๊ก โบกมือ ขอพักหายใจให้หายเหนื่อย "พี่โย ขอพักก่อน เหนื่อย อย่าพึ่งหย่อนเบ็ดนะ ไม่ไหวแล้ว เหนื่อย เฮอ!" นายเหน่งหลังจากโดนไป 2 ดอกติดๆ ก็ออกอาการซี่โครงบาน ขณะที่พี่ๆ ยื่นลุ้นเอาใจช่วยนายเหน่งอัดปลาอยู่นั้น ทุ่นโฟมของนายตั้ม ก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ตามด้วยเสียงร้องแหบๆ จากรอก นายตั้ม รีบเข้าไปคว้าคันขึ้นมากุมแล้วออกแรงวัดไป 1 ฉับ ด้านพี่เหนี่ยว ยอดขุนพลนำทัพ ด้วยอาวุธเบา ชุดสปินนิ่ง มาหย่อนท้ายเรือ เพื่อรอเวลา 'ล่าสังหาร' ในขณะที่ ปลายังไม่ฉวยอาวุธหลัก ที่ลงหน้าดินไว้ และก็ได้สนุกกับความ มันส์เมื่อ 'ปลาไอ้เปีย' ขนาด โลกว่า มาสอยเหยื่อวิ่งจู๊ด " โอ้ จอร์จ มันสะเด่วแห้ว จริง จริง เลย วู้ ฮะ ฮ่ะ ฮ่า" สีหน้าพี่เหนี่ยวเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข สนุกกับอารมณ์ ชุดเล็กแต่สู้ขาดใจ จังหวะเดียวกันนั้นเอง คันเบ็ดที่ปักอยู่ในกระบอกปักคัน มุมขวาท้ายเรือก็เกิดอาการสั่นเร้าๆ และโค้งง้อ สายเอ็นเขม็งตึง "เฮ้ย คันนั้น ปลาดึงแล้ว" ผมกระโจนพรวดเดียวไปคว้าคันแล้วออกแรงวัดไป 1 ดอก ฉับพลันนั้นเองก็ได้ปรากฏเรืองร่างสีเงินยวง กระโดดพลิ้วขึ้นเหนือผิวน้ำ เหมือนเป็นการแสดงตัวให้เรารับรูว่า 'ฉันอยู่นี่ ' ระยะไกลกว่า 100 เมตร สละตัวนี้มันใช้เวลาวิ่งไม่ถึง 10 วินาที อะไรมันจะวิ่งได้รวดเร็วขนาดนี้ เราแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ดูจากลักษณะ การต่อสู้ ที่โลดโผนเร้าใจแบบนี้มันคงจะไม่ยอมสิโรราบลงโดยง่าย "โอ๊ะ! จอร์จ เราตกอยู่ในวงล้อมของฝูงอาชาสละ เสียแล้ว" เสียงพี่คนหนึ่งพึมพำออกมา "ม่ะป๋าโย ตัวนี้พี่อาสาเผด็จศึกกับมันเอง" พี่เหนี่ยว ขันอาสา ขอปราบอาชาสละที่กำลังพยศทันที ที่เห็นมันกระโดดโชว์ตัว ขณะนี้เพื่อนเรา 2 คนกำลังต่อสู้พันตูกับอาชาสละ บรรดาขุนพลเหล่านักรบเมื่อแลเห็นปลาสละเข้าจู่โจมคราเดียวถึง 2 ตัว ต่างรีบหยิบอาวุธมายืนกุมไว้ในมือ เพื่อรอเวลาและจังหวะที่ปลาสละจะมางาบเหยื่อจากคันของตัวเองบ้าง บัดนี้ได้เกิดมีการแสดงกายกรรมเหนือผิวน้ำให้พวกเราได้ดูได้ชมอีกครั้ง เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ไม่อาจจะรู้ได้สุดท้าย เหล่าขุนพล ก็สามารถปราบอาชาพยศทั้ง 2 ตัวลงได้ บัดนี้หมึกเป็น ซึ่งถือว่าเป็น 'เครื่องกระสุน' ของพวกเราได้หร่อยหรอ ลดน้อยลงไปเรื่อยๆ และหมดลงในที่สุด คืนนี้ เราต้องเตรียมกระสุน หาเหยื่อ มาฉะกับมันอีกครั้งในวันพรุ่งนี้

ตะวันบ่าย หลังจากอิดโรยจากเกมส์การต่อสู้ที่เผ็ดร้อน มาหลายเกมส์ แต่ดูเหมือนบรรดาขุนพลยอดนักสู้ ของเราไม่แสดงทีท่าว่าอิดโรย ลงแม้แต่น้อย กลับแสดงความฮึกเหิม กะสันต์จะราวีกับฝูงปลาสละอีกต่อไปแต่กระสุนหมดเสียก่อน เราจึงมาแวะเกาะหมาก เพื่อผ่อนคลายและอาบน้ำชำระคราบเหงื่อที่เหนี่ยวเหนอะจากการกรำศึกมาทั้งวัน จากนั้นก็รอเวลาดวงอาทิตย์ลับแสง เราจะออกไปหาเหยื่อตุนเป็นกระสุนที่หน้าอ่าวเกาะหมากค ืนนี้หน้าอ่าวเกาะหมากอุดมไปด้วยปลาหมึก ใหญ่น้อยว่ายเข้ามาเล่นแสงไฟ ทั้งน้องเปิ้ล และน้องน้ำ 2 สุภาพสตรี ที่ลงเรือมาด้วย สนุกสนานกับกิจกรรมตกปลาหมึก แถมยังติดอกติดใจกันยกใหญ่ เวลาผ่านไปยังถึง 3 ทุ่ง เราตกหมึกได้มากกว่า 300 ตัว คืนนี้เราไม่จำเป็นที่จะต้องเฉอวนอีกแล้ว ไต๋เปีย สั่งถอนสมอ เข้าหมายไปตกปลาอังเกยกันทันที แต่พวกเราส่วนใหญ่ ของีบเอาแรงไว้สู้กับฝูงสละในวันรุ่งขึ้นดีกว่า เช้าวันใหม่ วันที่ท้องฟ้าขมุกขมัว น้ำทะเลขุ่นหมองกว่าเมื่อวาน นายตั้ม บรรจงใช้สวิงไล่ช้อน ปลาทู ซึ่งมี 1 เดียวในบ่อขังเหยื่อขึ้นมา เกี่ยวเบ็ด แล้วโยนลงน้ำ ขณะที่นายตั้มกำลังก้มหน้าก้มตาปล่อยสาย ทุ่นโฟมยังลอยไม่ห่างไกลจากท้ายเรือเท่าไรนัก จู่ จู่ นายตั้มก็ร้องออกมา สะเสียงหลง "เฮ้ย ปลาทูผมโดนแดร๊กไปแล้ว" การต่อสู้เริ่มต้นขึ้นต้อนรับแสงอรณรุ่งวันใหม่ ช่วงแรกฝ่ายสละคึกคะนองวิ่งปรู๊ดเดียว ไปกระโดดโหยงเหยง ส่ายหัวหลอกล่อ นายต้น ห่างจากท้ายเรือไปเกือบ 100 เมตร นายต้น เมื่อเจอเจ้าสละใช้ลูกไม้นี้ ถึงกับกระเดือกน้ำลายที่เหนียวเหนอะ ลงคอ ดังเอิ๊ก แต่แล้วสายลวดขนาด 30 ปอนด์ ก็ไม่อาจจะรั้งทนแรงสะบัดของสละตัวนี้ต่อไปได้ มันขาดกระจุย ทันทีที่สละกระโดดสะบัดหัวฟาดหาง มันจากไปโดยปล่อยให้นายต้น 'เอ๋อ แดร๊ก' ยื่นงง กับเหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้นรวดเร็วเหลือเกิน "มีปลาทูอีกป่ะ ถ้ามีผมให้ตัวละ ร้อยเลยเอ้า" นายตั้ม ร้องหาปลาทูเพื่อเอามาล่อสละ เพื่อต้องการจะล้างตาอีกครั้ง ในย่ามนี้ราคาปลาทูโคตรแพงเลยนะจะบอกให้

ทะเลตราดยังคงเป็นมนต์เสน่ห์ให้นักตกปลาหลงใหล ท่านใดที่ได้มายลจะซาบซึ้งในเสน่ห์แห่งมนต์ตราทะเลตราด และอยากจะกลับมาเยือนที่นี่อีกครั้ง เรื่องราวในทริบนี้ก็ขอจบลงไว้เพียงเท่านี้

ข้อมูลเรือ ป.เปียเจริญทรัพย์ ไต๋เปีย เรือยาว 13 เมตร อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ เพียบพร้อมด้วย Sounder และ GPS ราคามิตรภาพสำหรับคนตกปลา

[กลับสู่หน้าเมนูหลัก]


Home | Bicycle | Offroad | Fishing | Radio Control | GPS Corner | Second hand | Member area
Copyright © 2000, www.WeekendHobby.com, All right reserved.

Contact Webmaster