ศุกร์,26 เมษายน 2567

เรื่องเล่าคนตกปลา

250 ไมล์กับนายชนบท
แล่นเรือโต้คลื่น
ปลากระบึกที่สีชัง
คืนพระจันทร์ยิ้มแฉ่ง
บางเสร่ยังมีลุ้น
ดอดไปฟันไอ้โฉม
วันนี้ที่รอคอย
มันแปลกดีนะ
สายันรัญจวน
ทุบไอ้สากที่สัพพะยื้อ
น้ำใจ
โฉมเอยโฉมงาม
แข่งขันตกปลาสัญจร#1
ปลายฝนต้นหนาว
แข่งขันตกปลาแสมสารครั้งที่#6
ลูกหมูจอมซ่าส์
โต้ลมหนาว
เก่งกับเฮง
เมษาฮาวาย
เมื่อผมไปงานแข่งฯ
ลองเรือใหม่กับไต๋โก๊ะ
หูดำที่เกาะค้างคาว
ไปลุยโฉมงามกับไต๋น้อง
มหาเฮง
นักเลงโตสากดำ
ฟ้าหลังฝน
หลังมรสุมสงบ
ตามล่าปลาจัมโบ้
บันทึกแห่งความทรงจำ
คุณพริ้งลองของ
อัดปลาโต้เดิ้ง
เพื่อนรักต่างแดน
เก๋าหน้าหวาน
ไต๋ยอช์ตพาเพลิน
สานสัมพันธ์คนตกปลา#1
หรรษาตะวันแดง
บางเสร่รำลึก#4
ตะล่อนไปกับไต๋อ้วน
ตะลอนไปกับไต๋เปี๊ยก
แดงจ๋าแดงจ่า
ลีลาสละ
ลูกหมูย่ำสวาท
ผู้กล้าแห่งวารี
ไต๋ระยอดนักสู้
สายสัมพันธ์คนตกปลา#2
มือใหม่หัดเหวี่ยง
ผู้พันอินทรี
สัตว์ประหลาด
ยุทธการหักเขี้ยวอินทรี
จิตสังหาร
ลากมาอุ้ม
ปริศนาที่เร้นลับ
ดอนตะวันแดง
สานสัมพันธ์คนตกปลาปี3
ปลายักษ์ในตำนาน
ราพาร่าพรางตัว
สานสัมพันธ์คนตกปลา ครั้งที่ 4
อินทรีหลังโขด
ท่องไปกับตะวันแดง
รวมดาวกระจุย
บุกรังสีทอง
สานสัมพันธ์คนตกปลาปี 4
อยากอัดไอ้หลาม
ปลอบขวัญที่กำพวน
วาฮูนักวิ่งน้ำลึก
วังสีทอง
กุเลาเกมส์พันธ์ดุ
รางวัลชีวิต
สานสัมพันธ์คนตกปลาปี5
ธิดาย่ำสวาท
กุเลาเกมส์คนวัยมันส์
เมษาพาเพลิน

มิตรภาพไร้พรมแดน
ตอน.สามพี่น้องลุยดงกุเรา
ไต๋เปี๊ยก 10 ก.ย. 51

มาอ่านคนที่

ผู้ร่วมทริพ 1.ชนบท 2.พี่ชาญ 3.พี่สุจิน 4.พี่สุจิต 5.เฮียอรุณ


เสียงเล่ากล่าวขาน ของเกมส์การตกปลากุเราด้วยการ Jigging ชักนำให้ 3 คนพี่น้อง ผู้หลงใหลในเกมส์ตกปลาเป็นชีวิตจิตใจ ตัดสินใจชักชวนกันมาลงเรือ ไต๋เปี๊ยก แหลมฉบัง ตามกิติศัพท์ที่ดังกระฉ่อนในขณะนี้ โดยมี เฮียอรุณ ขอพ่วงท้ายติดตามมาเสริมกำลังด้วยอีกคน เมื่อได้กำหนดวันนัดหมาย คุณชาญ คุณสุจิน หรือที่เรารู้จักกันดีในนาม “บะหมี่” และคุณสุจิต ก็พากันเดินทางมาถึงท่าเรือสะหานปลาแหลมฉบัง ตามมาด้วยเฮียอรุณ ผู้หมายมั่นปั่นมือกับเกมส์ จิ๊กกุเรา ยังไงวันนี้ขอเพียงได้ลิ้มลอง อรรถรส ของเกมส์จิ๊ก ปลาน้ำตื้น ดูบ้าง เมื่อสมาชิกทุกคนต่างมาพร้อมหน้า หลังจากทักทายกันตามธรรมเนียมคนไทยกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เรือ BO นำโดยไต๋เปี๊ยก ก็คืบคลานออกจากท่าเรือสะพานปลา มุ่งหน้าสู่เกาะไผ่ เพื่อไป ปั่นไฟ ตกหมึกกันที่นั้น

ระหว่างเรือแล่นออก จากท่าเรือสะพานปลา ผ่านท่าเรือแหลมฉบัง มองเห็นเรือสินค้ากำลังจอดเทียบท่าลำมหึมา มันเป็นบรรยากาศอีกแบบหนึ่งที่หาดูที่ไหนไม่ได้ นอกจากที่นี่ที่เดียว เวลาขับเรือผ่านบริเวณนี้ ต้องเหลือบมองรอบข้างให้ดี ดูให้แน่ใจ ว่าเรือขนสินค้าลำโตๆ พวกนั้นมันวิ่งอยู่หรือว่ามันทอดสมอจอดนิ่ง ถ้าเห็นเรือสินค้ากำลังวิ่ง สังเกตให้ดีว่ามันกำลังวิ่งมาทางเราหรือเปล่า ถ้าเรือมันหันหัวปรี่มาทางเรือของเรา เราก็ต้องหลบทางให้เจ้าถิ่นลำนั้นไปก่อน แม้ไต๋เปี๊ยก จะเป็นเจ้าถิ่นอยู่แหลมฉบังมาตั้งแต่เกิดก็ตามที แต่ในท้องน้ำทะเลย่านนี้ ต้องยกให้เรือสินค้าลำโตๆ พวกนี้เป็นเจ้าถิ่นท้องน้ำไป ขืนไปทำเป็นใหญ่ไม่หลบละก็มีสิทธิ์ได้ลงไปว่ายน้ำเล่นเป็นแน่ บรรยากาศยามบ่าย ของท่าเรือวันนี้ไม่ต่างไปจากวันก่อนๆ เรือขนส่งสินค้าวิ่งกันควักไขว่ ไต๋เปี๊ยกหันคอมองดูด้านซ้ายทีด้านขวาที ก่อนจะสบถเสียงออกมาเบาๆว่า “เฮ้ย มันจะไปทางไหนกันแน่ละเว้ยยยไอ้ลำนั้นนะ” นายชนบทหลังจากเรือแล่นออกจากท่าก็มานั่งคลุกอยู่เป็นเพื่อนไต๋ คอยช่วยมองดูเรือขนส่งสินค้าให้กับไต๋เปี๊ยกอีกแรง พอนายชนบท ได้ยินไต๋เปี๊ยกพูดออกมาอย่างนั้น จึงถามออกไปว่า “เรือลำไหนละไต๋” ไต๋เปี๊ยก ตอบพร้อมกับชี้มือให้ดูเรือขนส่งสินค้าลำมหึมา ที่อยู่ด้านขวามือ “นู้น ไอ้ลำสีส้มๆ นู้น มันจะวิ่งมาทางเราหรือเปล่าวะ เหมือนมันจะวิ่งไปทางใต้ แต่ไหง มันหันหัวมาทางแหลม ตูละงง ไปไม่ถูกแล้ว” ไต๋เปี๊ยกกล่าวก่อนจะเบาเครื่องเรือ หันหัวเรือขึ้นไปทางทิศเหนือ เพื่อหลบเรือขนส่งสินค้าลำนั้น

ในที่สุดเราก็ผ่านพ้นเขตสัญจรของเรือเดินสมุทร มาได้ การเดินทางที่ค่อนข้างจะตื่นเต้นเล็กน้อยกับการมาตกปลาที่นี่ก็จบลงเมื่อเราเข้าเขตบริเวณเกาะนก มองเห็นเกาะไผ่อยู่เบื้องหน้าไม่ไกล “ไปปั่นไฟไดน์หมึกที่เดิมหรือเปล่าครับไต๋เปี๊ยก”นายชนบท เอ่ยปากถามขณะที่เรือแล่นเลยเกาะนกมา “อื่ม ที่นั้นแหละ” ไต๋เปี๊ยกกล่าว “ทำไม ชอบไปปั่นไฟตรงนั้นจังละไต๋” นายชนบท อดสงสัยไม่ได้ ทำไมไต๋เปี๊ยกจึงชอบพามาปั่นไฟไดน์หมึกที่เดิมอยู่เป็นประจำ “ตรงนั้นมันเป็นจุดที่น้ำเบาที่สุด เวลาครอบอวนจะได้หมึกเยอะ อวนมันไม่ปลิว” ไต๋เปี๊ยกกล่าว มันเป็นประสบการ ของคนหาปลาพื้นบ้านโดยแท้ ในที่สุดเราก็มาถึงหมายไดน์หมึก แสงตะวันลาลับขอบฟ้าไปแล้ว เจ้าแป๊บเหลนชายไต๋เปี๊ยก ทำหน้าที่กางคานไฟ และคานอวน ดวงไฟกลมโตที่เรียงรายบนคานไฟส่องแสงสว่างรอบลำเรือ ณ บัดนี้ มหกรรมตกหมึกเริ่มต้นขึ้นแล้ว ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อละครับ 2 คน ตาทวดกับเหลนชายตกหมึกเก่งชะมัด 3 สิงห์พี่น้อง รวมทั้ง เฮียอรุณ และนายชนบท 5 คนรวมกันยังสู้ 2 คน ตาทวดกับเหลนไม่ได้เลย เพียงชั่วโมงกว่าๆ ประชากรหมึกในห้องขังเหยื่อ มีมากพอสำหรับคน 5 คนใช้ตกปลาทั้งวันแล้ว “คืนนี้มีปลาอะไรให้ตกบ้างรึเปล่าคุณโย” เฮียอรุณเอ่ยปากถามระหว่างนั่งตกหมึก “แถวนี้ คงเป็นปลาสาก เดี๋ยวครอบหมึกเสร็จ ไต๋เปี๊ยกคงพาไปตกปลาสาก ครับเฮีย ทำสายหน้าลวดหรือยัง” นายชนบทกล่าวตอบ

พี่ชาญพอได้ยินการสนทนาระหว่าเฮียอรุณกับนายชนบทจึงกล่าวขึ้นว่า “ตกปลาสากเหรอ งั้นผมขอตัวนอนเอาแรงไว้เล่นกุเราพรุ่งนี้ดีกว่า” พี่ชาญกล่าวจบก็ลุกขึ้นเดินเอาคันตกหมึกไปเก็บแล้วขึ้นไปนอนบนชั้นสองของเรือ “ผมก็ไม่เอาด้วยคน ขอนอนเอาแรงเหมือนคุณชาญดีกว่า ฮะ ฮา ไม่ใช่ขี้เกียจนะ” เฮียอรุณกล่าวจบก็ขึ้นไปนอนตามพี่ชาญไปอีกคน กระทั้งกระแสเริ่มไหลเบาลง ไต๋เปี๊ยกร้องสั่งเจ้าแป๊บกางอวนครอบหมึก การครอบหมึกเพียงโครมเดียวได้หมึกรวม 3 กระจาด เมื่อได้เหยื่อสำหรับใช้ตกปลาและสำหรับเอาไปฝากคนที่อยู่บ้านแล้ว ก็ได้เวลาที่จะได้หย่อนเบ็ดตกปลากันเสียที “ป่ะไต๋เปี๊ยกไปหาตกปลาอะไรเล่นกันก่อนดีกว่า สัก ตี 2 ค่อยวิ่งออกไปหมายกุเรา” นายชนบทกล่าวกับไต๋เปี๊ยก ไต๋เปี๊ยกพยักหน้า หงึกๆ อาการอย่างนี้ แสดงว่าไต๋เปี๊ยกคงจะเริ่มง่วงนอนแล้ว แต่ด้วยภาระและหน้าที่ ไต๋เปี๊ยก จึงไม่อาจจะหลับตาได้ มันเป็นความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของไต๋เปี๊ยก ซึ่งนับวันจะหาได้ยากในบรรดาไต๋เรือรับจ้างตกปลา จะมีไต๋เพียงไม่กี่คน ที่มีความรับผิดชอบต่ออาชีพและหน้าที่ได้ดีอย่างนี้ ไต๋เรือ บางคนพอติดเครื่องปั่นไฟเสร็จก็เข้านอน นอนจนเพลิน จนดวงอาทิตย์โผล่แดดส่องก้น ไต๋ก็ยังไม่ตื่นเลยก็มี

หมายแรกของค่ำคืนนี้ คงหนีไม่พ้นปลาสาก ที่มีอยู่ดาษดื่น ในละแวกเกาะไผ่แห่งนี้ สายหน้าลวดเป็นขนาด 40 ปอนด์ผูกด้วยตะขอเบ็ด ทรงก้านยาวขนาด 2/O จำนวน 2 ขอ ผูกมัดห่างกัน ประมาณ 1 นิ้วครึ่ง หมึกตายในกระจาด นำมาวางไว้เตรียมพร้อม สะดวกแก่การหยิบจับ เพราะเรือลำนี้ นักตกปลาจะต้องช่วยเหลือตัวเองมากกว่าเรือลำอื่น จะมาร้องให้เด็กเรือช่วยหยิบโน้นจับนี้คงจะยากเสียหน่อยเพราะบางครั้งอาจไม่มีเด็กเรือลงเรือไปกับเราเลยสักคน พวกพี่ๆ จากจุดไดน์หมึกมายังกองปะการังเทียมระยะทางห่างกันไม่มากนัก ใช้เวลาเดินทางเพียงไม่นาน ก็มาถึงแล้ว บรรดาพี่ๆ ที่นอนพักเอาแรงตั้งแต่ยังไม่ครอบอวนยังนอนหลับกันสบาย ไม่มีใครตื่นมาตกปลากันสักคน “เอ๊ะ มันชักจะยังไงกันอยู่นะ ไต๋เปี๊ยก ไม่มีใครตื่นมาตกปลาสากกันเลย” นายชนบท พึมพำเปล่งเสียงในลำคอ “นู้น คันโน้นมากินแล้ว อย่ามั่วพูดอยู่เลย เอ้าเร็ว มันดึงคันโง้งแล้ว” ไต๋เปี๊ยก กล่าวพร้อมชี้นิ้วไปยังคันเบ็ดที่ปักอยู่กาบซ้ายเรือที่ออกอาการโค้งคำนับ ‘หงึก หงึก หงึก’ อยู่นั้นแหละ เจ้าแป๊บที่อยู่ใกล้คันกว่าใครรับหน้าที่มือสังหาร จัดการเผด็จศึก ทันที ไม่นานนักปลาสากเหลือตัวขนาดขอมือก็ทะลึ่งพรวดขึ้นมาให้ไต๋เปี๊ยกสับตะขอยกขึ้นมานอนดีดดิ้นบนพื้นเรือ ก่อนจะแปรสภาพเป็นข้าวต้มปลาสากในวันรุ่งขึ้น หลังจากปลาสากตัวแรกโดนสำเร็จโทษ ด้วยตะบอกเผ่นกระบานไป 2 โป๊ก ก็ไม่มีปลาอะไรเข้ามาข้องแวะ ทักทายพวกเราอีกเลย เวลาก็เหลืออีกหลายชั่วโมงกว่าท้องฟ้าจะสว่าง “ป่ะไต๋เปี๊ยก ขับเรือไปจอดนอนที่หมายกุเรากันเลยดีกว่า ปลามันก็ไม่กินแล้ว เสียเวลาเปล่าๆ” นายชนบทเสนอ ไต๋เปี๊ยก ก็สนองตอบ

แม้ร่างกายจะอ่อนล้าจากการพานักตกปลาออกมาตกปลากุเราไม่เว้นแม้แต่วันเดียว เรียกได้ว่า พอส่งชุดนี้ขึ้นฝั่ง มีนักตกปลาอีกชุดหนึ่งยืนรออยู่บนท่าสะพานปลารอขึ้นเรือ จะออกไปตกปลากันอีกแล้ว เมื่อความง่วงที่เข้ามาครอบงำไต๋เปี๊ยก แต่ด้วยภาระหน้าที่ ที่ต้องทำ ยังคงมีต่อ จึงไม่อาจจะข่มตาหลับได้ นายชนบทเห็นอาการไต๋เปี๊ยก ที่นั่งขับเรือไปสัปหงกไปตลอดทาง เช่นนั้น อดเห็นใจไต๋เปี๊ยกไม่ได้ จึงบอกให้ไต๋เปี๊ยกไปนอนพักผ่อนเสีย ส่วนหน้าที่พลขับปล่อยให้เป็นหน้าที่นายชนบท “ไต๋ไปนอนเถอะ ตั้งเข็มเท่าไหร่ละ เดี๋ยวผมขับให้เอง” นายชนบทถามเส้นทางตามเข็มทิศ จะได้ไม่วิ่งไปถูก อยู่กลางทะเลย่ามกลางคืนแบบนี้ ถ้าไม่มีเข็มทิศหรือ GPS ช่วยละก้อ ไม่ต่างอะไรไปจากคนตาบอด ได้ขับเรือหมุนไปหมุนมาแน่ๆ “เข็ม 172 วิ่งไปเลยอีก 2 ชั่วโมงปลุกด้วยละกัน” ยามนี้ทุกคนหลับกันหมดแล้วยังคนเหลือนายชนบทเพียงคนเดียวที่นั่งถ่างตาถือพังงา พาเรือ BO มุ่งสู่กองหินกระเด็น ที่ซึ่งมีปลากุเรา แวะเวียนเข้ามาหากินชุกชุม กระทั่งเรือแล่นใกล้จะถึงหมายกองหินกระเด็น นายชนบทเบาเครื่องลง แล้วเอื้อมมือไปสะกิดไต๋ “ไต๋เปี๊ยก ใกล้ถึงหมายแล้ว” ไต๋เปี๊ยกลุกขึ้นงัวเงีย หรี่ตามองดูเข็มทิศ และจอ GPS “อื่ม ถึงแล้วจริงๆ ด้วย แป๊บโว้ย ตื่นไปทิ้งสมอ” ไต๋เปี๊ยก ร้องปลุกเหลนชาย “ไม่ต้องปลุก หรอกไต๋ เดี๋ยวผมไปทิ้งสมอให้ ไต๋เปี๊ยกบอกมาแล้วกันว่าจะทิ้งเมื่อไหร่” นายชนบทอาสาเป็นคนทิ้งสมอ แล้วจัดแจงมัดสายสมอกับเสาจนเป็นที่เรียบร้อย ต่อจากนี้เป็นการนอน รอแสงตะวันรุ่งอรุณวันใหม่

ขณะที่นายชนบทกำลังหลับปุ๋ย เสียงดัง ‘เอ๊ะอะมะเทิ้ง’ จากไต๋เปี๊ยกกับเจ้าแป๊บ ดังมา กระทบประสาทหูเสียงนั้น ปลุกให้นายชนบท และบรรดาพี่ๆ ต้องตื่นขึ้นจากการหลับใหล “เอ้าแป๊บ ช้อนปลาที เฮ้ยคันโน้นปลากินอีกแล้ว นี่คนข้างบนนั้น จะมาตกปลาหรือมานอนกันละนี่ ปลากินเบ็ดใหญ่แล้ว” เสียงไต๋เปี๊ยก ตะโกนร้องอย่างดังประหนึ่งเหมือนจงใจจะปลุกให้นักตกปลาตื่นขึ้นมาตกปลากันได้แล้ว “ใกล้จะเช้าแล้วหรือนี่ ฟ้าสางแล้ว เฮียอรุณ พี่ชาญ พี่สุจิน ตื่นไปตกปลากันดีกว่า เช้าแล้ว” นายชนบทร้องบอกบรรดาพี่ๆ ให้ลุกขึ้นมาตกปลา อุปกรณ์ Light jig ที่แต่ละคนเตรียมไว้ตั้งแต่ เมื่อคืน ถูกหยิบขึ้นมาเตรียมพร้อมไว้ในมือ พี่ชาญปลีกวิเวกขอไปอยู่ท้ายเรือ พี่สุจิต พี่สุจินและเฮียอรุณ เฝ้าประจำหัวเรือ เหยื่อจิ๊กหลากหลายยี่ห้อ ราคาถูกบ้างแพงบ้างตามอัธยาศัย ถูกดีดออกไป เสียงเหยื่อจิ๊กกระทบน้ำดัง ‘ต๋อมแต๋ม’ เป็นระยะ จังหวะเดียวกับ แสงสีทองผ่องอำไผจากดวงสุรีย์ เริ่มทอแสงสาดส่องรัศมี กระจายไปทั่วพื้นท้องทะเล เป็นจังหวะเดียวกับมหกรรม บรรเลงเพลงจิ๊ก เริ่มต้นขึ้นแล้วเช่นกัน เวลาผ่านไปเพียงไม่นาน นายชนบทที่ออกลีลา วาดรวดลายโชว์ บรรดาพี่ๆ ก็สำแดงเดชเมื่อ คัน Smith PE 1-4 โค้งวูบลงตามแรงกระชาก “มันเอาแล้วเฮีย นี่เป็นไง วิ่งจู๊ดดดด ไปโน้นแล้ว” ปลากุเรา หลงกลการล่อหลอก พุ่งเข้างาบเหยื่อจิ๊กของนายชนบทเข้าเต็มเปา กว่ามันจะรู้ว่าเจ็บฟัน มันก็ช้าไปเสียแล้ว ตะขอเบ็ดขนาด 1/o ปักทะลุเข้ามุมปาก มันคงตกใจมิใช่น้อย จึงออกแรงใส่เกียร์หมาออกแรงวิ่งอย่างรวดเร็ว สาย PE-2.5 ไหลออกจาก สปูลด้วยความเร็วจี๋ เสียงสปูลกรีดเสียงร้องยาว เสียงนี้มันช่างเร้าอารมณ์เสียกระไร บัดนี้สายตาความอิจฉา จากบรรดาพี่ๆ ที่หันมามอง ลุกวาว “อารายวะ ไมกินเร็วขนาดนี้เลยรึ” พี่ชาญสบถเสียงแทบไม่เชื่อสายตา

เกมส์การต่อสู้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง เจ้าแป๊บทำหน้าที่คนช้อนปลายืนถือสวิงตั้งท่า เตรียมพร้อม รอจังหวะที่ปลาลอยขึ้นสู่พื้นน้ำ เมื่อไหร่จึงจะทำการช้อนทันที “เอ้าแป๊บ ช้อนปลาทีมันลอยขึ้นมาแล้ว”นายชนบทตะโกนร้องบอกเจ้าแป๊บให้รีบช้อนปลากุเรา “โอ้ โห้ ตัวใหญ่ดีนี่” เสียงเฮียอรุณอุทานออกมาอย่างดังเมื่อเห็นกุเราตัวนั้นขึ้นมานอนดีดดิ้นบนพื้นเรือ “อื่ม ท่าจะ 4 โลได้นะตัวนี้ อย่างนี้ได้มันส์แน่ เอาสู้ต่อไป” พี่สุจิน กล่าวเสริมสร้างอารมณ์คึกคะนองสุดขีด “นี่ผมก็ได้แล้ว อึ๊บ ฮะ ฮา อุ่ย มี สู้ ด้วย” เฮียอรุณร้องดังด้วยความดีใจ เมื่อปลากุเรา เข้าฉวยเหยื่อวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว “อย่าพึ่งดีใจ จนกว่าจะเอามันขึ้นมา นอนบนเรือได้นะเฮีย” นายชนบทกล่าวยังไม่ทันจบประโยค เสียง ‘อุ๋ย’ ก็ดังขึ้น “อุ๋ย หลุด หลุดแล้ว ฮะ ฮา ปล่อยปลาแต่เช้าเลยวะตู” เฮียอรุณพึมพำเสียงลอดออกมาจากลำคอ “ หา ปลาหลุดแล้ว น้านปะไร ว่าแล้วเชียว”นายชนบทกล่าว “พี่ชาญ ท้ายเรือเป็นยังไงบ้างโดนบ้างหรือยัง หัวเรือโดนไป 2 แต่ปล่อยไปตัวหนึ่งแล้วนะ” นายชนบทตะโกนถามคนทางท้ายเรือ “ยังเลยวะ อ้าว เฮ้ย มันเอาแล้ว วู้ไอ้นี่ เล่นทีเผลอนี่หว่า” พี่ชาญ พูดยังไม่ทันจบ ก็โดนปลาสอยเข้าให้ อารมณ์ความดีใจ ไหนเลยจะเทียบเทียม ตอนได้อัดปลาโชว์น้องๆ ในที่สุดกุเราตัวที่ 2 ก็ถูกอัญเชิญขึ้นมาดิ้น บนพื้นเรือ “เฮ้ย ของผมโดนอะไรเข้าละนี่”พี่สุจิต น้องชายคนเล็กที่ไม่สันทัด การตกปลา เทียบเท่าพวกพี่ๆ ร้องออกมาอย่างดัง เมื่อคันเบ็ดที่ถืออยู่ในมือ โดนแรงกระชากสวนอย่างแรง เสียงพี่สุจิต ที่ตกปลาอยู่ข้างๆ ดังขึ้นเป็นเทรนเน่อร์ให้น้องชาย “วัดคันด้วย วัดเลย” พี่สุจิต รีบทำตามทันที ขณะเดียวกัน นายชนบทก็โชว์ลีลาการอัดปลาเป็นครั้งที่สอง

ปลาเข้าฉวยเหยื่อจิ๊กเป็นเวลาใกล้เคียงกับพี่สุจิต แต่แล้วสิ่งไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น “เฮ้ย ทำไมมันเบาจัง” เสียงพี่สุจิตร้องออกมา “อารัยนะ ปลาหลุดไปแล้วหรือ” พี่สุจิน กล่าวถามเมื่อเห็นสายเบ็ดของน้องชายคนเล็กออกอาการตกท้องช้างเบาหวิว “สงสัยปลาจะหลุดแล้ว” พี่สุจิตกล่าว ขณะเดียวกัน ฝ่ายนายชนบท ที่กำลังอัดปลาอยู่ต้องออกอาการเกร็ง เพราะเกรงว่าจะทำปลาหลุดตามพี่สุจิตไปอีกคน และแล้วในที่สุด “เฮ้ย ปลาตะคองเหลือง แป๊บเอาสวิงมาช้อนที ตะคองเหลืองตัวใหญ่สะด้วยสิ” นายชนบทร้องตะโกนหาสวิง พอทุกคนได้เห็นปลาตะคองเหลืองตัวงามตัวนี้ที่หลงงาบเหยื่อจิ๊กเข้าเต็มปาก ต่างลงความเห็นพ้อง ตรงกันว่า ไอ้ตัวที่พี่สุจิตทำหลุดไป คงจะเป็นปลาตะคองเหลืองเผ่าพันธุ์ เดียวกันกับตัวนี้แน่แท้ แต่แล้วพี่สุจิตก็แก้ตัวใหม่ได้สำเร็จ เมื่อสามารถงัดเอาปลากุเราขึ้นมาชดเชยกับตัวที่ตัวเองทำหลุดไปตั้ง 3 ตัว เกมส์กุเราช่วงหัวเช้า เป็นไปอย่างสนุกสนาน เฮียอรุณยังตีไข่ไม่แตก แต่กลับทำปลาหลุดปลาขาดไปตั้งหลายหน ส่วนพี่สุจิน หนักกว่าใครเพื่อน ไม่เคยแม้แต่ปลาจะเหลียวมองเหยื่อ ได้แต่ส่งสายตาค้อนประลักประเหลือก ยามที่น้อยชายหรือพี่ชาย หรือคนอื่นได้อัดปลากัน กระทั้งเวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง เหตุการณ์ที่เคยชุลมุนวุ่นวาย ก็ยุติลงตามธรรมชาติ เมื่อน้ำหยุดเดิน “น้ำหยุดเดินแล้ว แป๊บทำข้าวต้มปลาสากมากินกันดีกว่า” นายชนบทร้องบอกเจ้าแป๊บ เช้านี้ จึงมีข้าวต้มปลาสากที่ตกเมื่อคืนมาเป็นอาหารเช้าลองท้องกัน

เกมส์กุเรา จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งในช่วงบ่าย ระหว่างนี้ก็นั่งๆ นอนๆ หรือตกปลาเล็ก เพื่อรอเวลาให้น้ำไหลอีกครั้ง ซึ่งจากตารางน้ำบอกไว้ว่าน้ำจะเริ่มไหลขึ้นเวลา บ่าย 2 โมง ท้องฟ้าวันนี้ มีก้อนเมฆปกคลุมท้องฟ้า ช่วยบดบัง รังสี ที่ร้อนแรงของดวงอาทิตย์ได้เป็นอย่างดี แต่มันก็เป็นอุปสรรค์อย่างหนึ่งในการตกปลากุเราด้วยเหยื่อจิ๊ก สีสัน ของเหยื่อจึงต้องเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพอากาศ เมื่อท้องฟ้าครึมอย่างเช่นวันนี้ เหยื่อจิ๊กสีส้มสดใส จะใช้ได้ผลดีกว่าสีใดๆ “ท้ายเรือปลากินแล้ว ดูโน้น” เสียงไต๋เปี๊ยก ร้องบอกสมาชิกทางหัวเรือ ภาพที่เห็นพี่ชาญ ซุ้มอัดปลาเงียบ อยู่คนเดียงทางท้ายเรือ “เป็นไงพี่ชาญได้กี่ตัวแล้ว”นายชนบทตะโกนถาม “ 7 หรือ 8 ตัวแล้ว มันอยู่จุดเดียวกันเลย” พี่ชาญกล่าวตอบ จังหวะนั้นเอง เฮียอรุณก็โดนสอยบ้าง กองเชียร์ ซึ่งมีนายชนบทเพียงคนเดียงส่งเสียงเชียร์เฮียอรุณดังลั่น “อย่าให้หลุดอีกนะเฮีย” ไม่รู้จะเป็นเสียงเชียร์หรือเสียงขู่กันแน่นะ ในที่สุดเฮียอรุณ ก็สามารถพิชิต ปลากุเราไซร์ใหญ่ ขึ้นมานอนบนเรือได้เป็นผลสำเร็จ ในขณะที่พี่สุจิน ก็ทำแต้มตามมาติดๆ ชั่วโมงทองของเกมส์ตกปลากุเรา ดำเนินไปอย่างเข้มข้น จำนวนปลากุเราวางเรียงรายเกลื่อนพื้นเรือ “ป่ะพี่ กลับเข้าฝั่งกันดีกว่า เดี๋ยวจะถึงฝั่งมืด” นายชนบทร้องบอกพี่ๆ เก็บเบ็ดเตรียมตัวเข้าฝั่ง เกมส์ตกปลากุเราจึงเป็นอันยุติลง ด้วยความประทับใจ กันทั่วหน้า


[หน้าต่อไป] [กลับสู่เมนู]


Home | Bicycle | Offroad | Fishing | Radio Control | GPS Corner | Second hand | Member area
Copyright © 2000, www.WeekendHobby.com, All right reserved.

Contact Webmaster