ศุกร์,5 ธันวาคม 2568

เรื่องเล่าคนตกปลา

250 ไมล์กับนายชนบท
แล่นเรือโต้คลื่น
ปลากระบึกที่สีชัง
คืนพระจันทร์ยิ้มแฉ่ง
บางเสร่ยังมีลุ้น
ดอดไปฟันไอ้โฉม
วันนี้ที่รอคอย
มันแปลกดีนะ
สายันรัญจวน
ทุบไอ้สากที่สัพพะยื้อ
น้ำใจ
โฉมเอยโฉมงาม
แข่งขันตกปลาสัญจร#1
ปลายฝนต้นหนาว
แข่งขันตกปลาแสมสารครั้งที่#6
ลูกหมูจอมซ่าส์
โต้ลมหนาว
เก่งกับเฮง
เมษาฮาวาย
เมื่อผมไปงานแข่งฯ
ลองเรือใหม่กับไต๋โก๊ะ
หูดำที่เกาะค้างคาว
ไปลุยโฉมงามกับไต๋น้อง
มหาเฮง
นักเลงโตสากดำ
ฟ้าหลังฝน
หลังมรสุมสงบ
ตามล่าปลาจัมโบ้
บันทึกแห่งความทรงจำ
คุณพริ้งลองของ
อัดปลาโต้เดิ้ง
เพื่อนรักต่างแดน
เก๋าหน้าหวาน
ไต๋ยอช์ตพาเพลิน
สานสัมพันธ์คนตกปลา#1
หรรษาตะวันแดง
บางเสร่รำลึก#4
ตะล่อนไปกับไต๋อ้วน
ตะลอนไปกับไต๋เปี๊ยก
แดงจ๋าแดงจ่า
ลีลาสละ
ลูกหมูย่ำสวาท
ผู้กล้าแห่งวารี
ไต๋ระยอดนักสู้
สายสัมพันธ์คนตกปลา#2
มือใหม่หัดเหวี่ยง
ผู้พันอินทรี
สัตว์ประหลาด
ยุทธการหักเขี้ยวอินทรี
จิตสังหาร
ลากมาอุ้ม
ปริศนาที่เร้นลับ
ดอนตะวันแดง
สานสัมพันธ์คนตกปลาปี3
ปลายักษ์ในตำนาน
ราพาร่าพรางตัว
สานสัมพันธ์คนตกปลา ครั้งที่ 4
อินทรีหลังโขด
ท่องไปกับตะวันแดง
รวมดาวกระจุย
บุกรังสีทอง
สานสัมพันธ์คนตกปลาปี 4
อยากอัดไอ้หลาม
ปลอบขวัญที่กำพวน
วาฮูนักวิ่งน้ำลึก
วังสีทอง
กุเลาเกมส์พันธ์ดุ
รางวัลชีวิต
สานสัมพันธ์คนตกปลาปี5
ธิดาย่ำสวาท
กุเลาเกมส์คนวัยมันส์
เมษาพาเพลิน

 

 

 

 

 

 

 

 

ทริพตราด เมื่อวันที่ 3-4-5 กุมภาพันธ์ 2544

 

  ตอน " เมียตายไม่เสียดายเท่าเหล้าตก...น้ำ "            โดย...เสือปลาขี้เมา 

 

ไต๋วุฒิสั่งย้ายหมายอีกครั้ง หมายนี้เกิดเหตุเซ็งสำหรับผมและหมูขึ้นมาทันที เพราะว่านายแก้วดันทะลึ่งทำเหล้าตกทะเล ไปทั้งขวด พึ่งเปิดใหม่แท้ๆ  กินไปได้คนละแก้วเอง ทำตกน้ำไม่ว่าเสือกทะลึ่ง ครางเพลง  " เมียตายไม่เสียดายเท่าเหล้าหก" ออกมาอีก มันน่าตื๊บ ให้ตกน้ำ เสียจริงๆ  ฉุนครับฉุน ใครๆก็รู้ เสือปลาอย่างผม ขาดเหล้าได้ไง  ..เฮอะ ..เท่ากับว่าเราเหลือเหล้าอีกขวดเดียวเท่านั้น แล้ววันพรุ่งนตูจะเอาเหล้าที่ไหนมากินี้ตอนเรือวิ่งกลับเข้าฝั่งละวะ ไอ้แก้ว.....คงไม่เหลือให้กินแน่ๆ พวกเราย้ายหมายออกจากที่นี่ ตอนเที่ยงคืนเศษๆ หมายที่3 ความมันส์เริ่มมาเยือนเมื่อเหยื่อเป็นเกือบหมด ไต๋วุฒิพาพวกเรามาถึงหมายที่3 ประมาณตี 2 พวกเราก็ลุกขึ้นมาตกปลาต่อ ตามหน้าที่แต่ จะมีเพียงลุงส.กับเอ ทาโร เท่านั้นที่หลับต่อปลุกเท่าไรก็ไม่ยอมตื่น ผมมองดูเหยื่อแล้วตะโกนบอกให้เด็กเรือเอาหมึกตายที่แช่ไว้ ้อกมาเสริมเนื่องจากเหยื่อหมึกเป็นเหลือไม่เกิน 50 ตัว ไต๋วุฒิเห็นเหยื่อแล้วก็ไม่ลงสาย บอกว่าเก็บให้พวกเราลงสาย และบอกให้พวกเราประหยัดเหยื่อหน่อยปลาจะกินดีช่วงต ี4 ผมได้ เปลี่ยนคันกับรอกใหม่โดยใช้คันคอลสตาร ์20-40 กับรอกชิมาโน่ TFS200 ใส่สาย 25 ปอนด์เพราะว่า ชุด Penn Inter.20  ที่ใช้อยู่มันมีน้ำหนักมาก ( เพราะว่าวันนี้ไม่ค่อยหมานมากกว่า อิอิอิ ) ผมกับตั้ม นั่งตกกลางเรือแต่คนละฝั่ง ส่วนพี่หมู,บูรณ์และแก้วปักหลักอยู่ท้ายเรือ หมายนี้เมื่อมาถึงน้ำไหลค่อนข้างแรง ทุกคนต้องเพิ่มตะกั่วอีก 1 ลูก เพื่อให้เหยื่อลงถึงหน้าดิน พอเหยื่อลงถึงหน้าดินปลาก็ ตอดเหยื่อทันทีเลย แต่ผมวัดไม่ทันมัน ตั้มที่นั่งตกใกล้ๆ กันเห็นสายชิ่งของผมซึ่งยาวเกือบ 4 เมตร จึงแนะนำให้ผมให้ลดความยาวของสายชิ่งลง โดยให้เหตุผมว่าถ้าน้ำไหลแรงมากและปลากินเหยื่อ เบาใช้สายชิ่งสั้นจะให้ความรู้สึกที่ดีกว่า ผมได้ลองทำตามคำแนะนำปรากฏว่ามัน work ผมรับ ความรู้สึกได้ดีขึ้นและก็วัดคันเบ็ดได้ทัน ผมได้ข้างปานขนาดโล. กว่าขึ้นมาเป็นตัวที่3  และตั้มที่ตก อยู่กราบเรืออีกข้างหนึ่ง ก็อัดข้างปานขนาดเท่าที่ผมอัดขึ้นมาหลายตัว อัดไปก็บ่นไป ว่าทำไมอั่งเกยไม่ยอม มากินซักที เสียงเฮฮาจากท้ายเรือดังอยู่ตลอดเวลาเด็กเรือชื่อนายยอดหิ้วปลามาโยนใส่ตระกร้า เป็นระยะๆ ส่วนใหญ่จะเป็นปลาอั่งเกยขนาด 2-3 กก. ทำให้ผมกับตั้มมองด้วยความอิจฉาผมได้อัดปลาอีก 3-4 ครั้งแต่หลุด หมดขณะปลาอยู่กลางน้ำคิดว่าเป็นปลาอั่งเกยเพราะว่าน้ำหนักมากกว่าข้างปานที่ตกได้เยอะ เลยดูที่ตัวเบ็ดพบว่าปลายหักเลยเปลี่ยนเบ็ดตัวใหม่แทน   พอปล่อยเหยื่อเป็นตัวใหม่ลงถึงหน้าดิน กลับเจอปลาที่กินคันของตั้มวิ่งมาพันกับสายของผม เลยต้องปล่อยสายไปให้ตั้มเอาปลาขึ้นมาก่อนและแก้สายที่พันกัน พอตั้มแก้สายเสร็จแล้ว ปล่อยสายคืนผม สายผมก็วิ่งจู๊ดไปทางท้ายเรือผมก็สงสัยว่าทำไมสายวิ่งทำมุมแปลกๆ จึงวัด สวนเลยปรากฏว่าปลากินเหยื่อและคิดว่าใหญ่ด้วยเพราะวัดแล้วรั้งไม่อยู่ประกอบด้วยสายที่ ปล่อยไปยาวมาก ไอ้เจ้าตัวลึกลับตัวนี้จึงวิ่งเข้าทรากเรือจมไปเลยต้องใช้บริการจากเด็กเรือให้ช่วยดึงสายให้ขาด ซึ่งกว่านายยอดเด็กเรือจะดึงขาดใช้เวลาตั้งนาน (ความเหนียวของสายตรา ระฆังสีดำขนาด 30 ปอนด์) ผมคิดแล้วว่านั่งตกกลางเรือคงจะเจอแต่ข้างปานเป็นแน่ จึงย้าย ไปกระแซะที่ท้ายเรือบ้างเผื่อจะได้ปลาใหญ่บ้าง เมื่อผมย้ายไปตกที่ท้ายเรือ (โดยที่เจ้าแก้วเก็บคันขึ้นไปนอนเพราะว่าอัดมาหลายตัวแล้วง่วง ผมจึงเข้าไปเสียบแทนที่) 

พอลงเหยื่อถึงพื้นก็ปักคันไว้แล้วก็หันมาชงเหล้า พอชงเสร็จยังไม่ทันได้ดื่มเลย คันคอลสตาร์ของผมก็โค้งวูบลง พร้อมกับเสียงรอกชิมาโน่ก็ดังขึ้น ผมก็เลยต้องวางแก้วเหล้าแล้วดึงคันขึ้นมาอัดปลา ไอ้ตัวนี้สู้ใช้ได้เลยแรงดีกว่าข้างปานที่ได้มาก่อนหน้า เมื่ออัด ขึ้นมาถึงผิวน้ำเห็นประกายสีทองแว๊บขึ้นมา จึงรู้ว่าเป็นเจ้าอั่งเกยที่ต้องการ น้ำหนักประมาณ 3 กก. ไต๋วุฒิเดินมาบอกว่าเหยื่อหมึกเป็นเหลืออีกไม่เกิน 20 ตัวขอให้เราประหยัดหน่อยเผื่อไว้อัด ปลาที่จะเข้าตอนตี 5 ดังนั้นทุกคนจึงใช้หมึกตายตกกันแต่ก็ยังมีปลากินตลอดเวลา โดยไม่เกี่ยงว่า เป็นหมึกตาย เจ้าสำนักตั้ม ก็ทนตกอยู่กลางเรือคนเดียวไม่ไหวจึงย้ายมาอยู่ท้ายเรือด้วยซึ่งปลาที่ ท้ายเรือก็ทักทายอย่างดีโดยส่งอั่งเกยมากินเหยื่อ ช่วงเวลาประมาณตี 3 กว่าๆ เป็นช่วงเวลาที่ปลา เข้ามาถล่มเหยื่อ พวกเราสี่คนช่วยกันอัดปลาอย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะพี่หมูโดนถี่ ที่สุดเรียกว่า หย่อนเหยื่อลงเป็นกินทุกไม้ แดงเขี้ยวขนาด 3-4โล. กินคันพี่หมูติดกันถึง 5 ตัว ผมได้เรียกนายเอ ออกมาอัดปลาแต่ไม่ยอมตื่น ไต๋วุฒิบอกให้ลงหมึกเป็นบ้างเวลาปลากินห่างตัวซึ่งก็ได้ผลปลา ก็ยังฉวยเหยื่อต่อไปอีก ช่วงประมาณตี 4 เกือบตี 5 ปลาสากได้เข้ามากวนอีกสายของพวกเราโดนกัดขาดทุกคน ซึ่งเมื่อเปลี่ยนสายลงไปอีกมันก็ยังตามราวีอีก (เราใช้สายชิ่งเป็นสายเอ็นกัน) ดังนั้น จึงเปลี่ยนสายหน้าเป็นลวดลงไปบ้าง มันกับไม่กินเบ็ดแต่หันมากัดตะกั่วแทน ผมเจอแบบนี้เลยเก็บคันดีกว่า (ประกอบว่าอัดปลาช่วงนั้นได้มา5-6ตัวแล้ว) หมูกับบูรณ์ก็เจอแบบผมเลยเก็บคันขึ้น เหลือตั้มคนเดียวที่ยังลงสายอยู่ ไต๋วุฒิจึงแก้สถานการณ์โดยการติดเตาถ่านเอาหมึกตายที่เหลือจากปลากินเอามาย่าง ( อิอิอิ..เกี่ยวกันไหมละนี่?) ผมกับหมูและบูรณ์เลยหันมาก๊งเหล้าแกล้มหมึกย่างแทน การตกปลาซึ่งเจ้าสำนักตั้มที่ไม่กินเหล้าแต่หยิบหมึกย่างแกล้มน้ำเปล่า ช่วงตี5 นายเอตื่น ขึ้นมาแล้วโวยพวกเราหาว่าไม่ปลุก ซึ่งพวกเราก็บอกว่าปลุกแล้วแต่ไม่ตื่นเอง นายเอลงเหยื่อหมึก เป็นซึ่งเหลือประมาณ 2-3 ตัวแล้วก็ประสบความสำเร็จตีไข่แตก โดยได้ปลาสากขึ้นมา1ตัวแต่เอาตัวที่ 2 ไม่ได้เนื่องจากหลุดหมด พอเหล้าขวดสุดท้ายหมดหมูกับผมและบูรณ์ก็นอน ปล่อยให้เจ้าสำนักตั้มกับเอทาโร่ตกกันต่อไป เกมเบาๆ ข้างเกาะไม้ตั้ง ผมตื่นขึ้นมาตอน 8โมงกว่าพบว่าเรือกำลังวิ่งกลับฝั่ง พวกเราส่วนใหญ่ตื่นกันหมดแล้ว นายเอกำลังทำปลาข้างปานตัวใหญ่บอกว่าจะทำปลานึ่งมะนาวให้กิน พวกเราคุยกันแล้วลงความเห็นว่า ควรจะตกปลาจานไปเป็นของฝากลูกน้อง

หมูจึงไปเจรจากับไต๋วุฒิให้หาที่จอดเรือให้ตกปลาเล็กซึ่งไต๋วุฒิรับปากว่าจะพาไปตกที่หมายข้างเกาะไม้ตั้ง (ซึ่งเรือวิ่งผ่านพอดี) พวกเราได้กินข้าวเช้า คือข้าวต้มปลาสากที่เนื้อปลาหวานสดและปลาข้างปานนึ่งมะนาวที่แสนอร่อย โดยฝีมือจากเอทาโร ่เรือวิ่งถึงหมายข้างเกาะไม้ตั้งเวลา 11 โมง ไต๋วุฒิบอกให้เวลาเราตกประมาณ1ชม. แล้วจะวิ่งกลับฝั่งผมได้เอาเหยื่อปลาเก๋ย 2 ถุงที่แช่เย็นไว้ออกมาพบว่ามันค่อนข้างที่จะเละ ไม่น่าใช้ตกจึงเอาหมึกตายที่แช่เย็นไว ้สั่งให้เด็กเรือไปแล่เป็นชิ้นเล็กๆ ไว้เกี่ยวเบ็ด ผมได้โปรยปลาเก๋ยอ่อย โดยบี้ด้วยมือแล้วโปรยลงน้ำเป็นระยะๆ ตลอดเวลาช่วงแรกคนที่ลงเบ็ดบอกว่านอกจากไอ้ป๊อดมากินเหยื่อ ยังไม่มีปลาอื่นมากินผมบอกให้ใจเย็นๆ เดี๋ยวก็มีปลามากินเองหลังจากที่ผมโปรยปลาเก๋ยอ่อยเหยื่อไปไม่ถึง10นาท ีก็เริ่มมีปลาเข้ามากินเหยื่อเป็นพวกปลากระพงโซ๊ะ ผมอ่อยเหยื่อไปเรื่อยๆ หวังว่าปลาเปี๊ยะน่าจะเข้า (ได้ยินไต๋วุฒิบอกว่ามีตัว) และแล้วหมูกับบูรณ์ก็วัดพร้อมกันคันเบ็ดโค้งลงอย่างสวยงาม  แสดงว่าไอ่ที่กินเหยื่อต้องมีขนาดไม่น้อยกว่าครึ่งโล. แน่ๆ ทั้งสองสู้ปลาได้พักเดียวสายก็ขาด ไต๋วุฒิออกมาดูแล้วลงความเห็นว่าเป็นไอ้สาก (อีกแล้ว) ทุกคนที่ลงเหยื่อก็เจอกัดสายขาดกันหมดจะให้เปลี่ยนใส่ลวดไว้ปลายสายก็กลัวว่าปลาอื่นจะไม่กิน ผมนึกขึ้นมาได้ว่าผมมีติดตัวเบ็ดแบบก้านยาวแบบพิเศษมาด้วย (ปรกติเบ็ดชนิดนี้ผมเอาไว้ใช้ตกเต็กเล้ง) เลยเอามาแจกให้คนอื่นใช้ตกแทนซึ่งก็ใช้งานได้ดีหมูกับบูรณ์ ก็อัดปลาสากทุ้ยตัวขนาดครึ่งโล ถึง1โล.ขึ้นมาให้พวกเราดูหน้า ส่วนเอกับตั้มและแก้วก็ใส่ลวดทำสายชิ่งเหมือนกัน ก็ได้ปลาสากขึ้นมาหลายตัวเช่นกัน แต่ส่วนใหญ่มักจะหลุดกลางน้ำไปหลายตัว ผมยังอ่อยไปเรื่อยๆ ทุกคนก็กำลังสนุกในการตกเจ้าสากน้อยฝูงนี้อยู่ ซึ่งผมก็นึกอยากจะมันส์บ้าง จึงให้เด็กเรืออ่อยแทน แล้วตัวผมก็เอาคันลงบ้าง ซึ่งก็งัดขึ้นมาได้ 1ตัวแต่หลุดที่ข้างเรือและแล้วความขี้เกียจของเด็กเรือ ก็ทำให้ฝูงปลาหนีไปหมด คือแทนที่มันจะอ่อยแบบผม คือโปรยทีละกำมือมันเล่นเททั้งถุงลงทะเลหมด เหยื่ออ่อยทั้งถุง มันก็ไหลตามน้ำไปหมด

ฝูงปลาสากก็เลยตามเหยื่อกองนั้นไปหมดแบบนี้  เลยเงียบไม่มีปลามากินเหยื่อพวกเราต่ออีกเลย ดังนั้น ไต๋วุฒิเห็นปลาไม่กินเหยื่อแล้ว เลยสั่งถอนสมอกลับเข้าฝั่ง เรามานับจำนวนปลาสากที่ได้ประมาณ 8 ตัวน่าจะได้มากกว่านั้นถ้ายังดึงฝูงมันให้อยู่ใต้เรือและถ้าไม่ขาดช่วง เราน่าจะได้เกิน 20ตัว เป็นอย่างต่ำ เรือวิ่งใกล้จะถึงฝั่งแล้วจวนจะได้เวลา อำลาท้องทะเลตราด เราได้เอาปลาที่แช่เย็นไว้ขึ้นมานับจำนวนและถ่ายรูป ก็พบว่าปลาที่ได้มาก็พอแบ่งกันแบบสบายๆ น้ำหนักปลารวมน่าจะราวๆ 120-150 กก. โดยมีปลาเก๋าใหญ ่3 ตัว (16,12,12กก.) และปลาอื่นๆ อีกมากมาย เรือพา พวกเรามาถึงท่าเทียบเรือเวลาประมาณบ่าย 2 โมง ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปอาบน้ำอาบท่า ชำระคราบเหงื่อไคลที่เหนี่ยวเหนอะมาทั้งวัน ส่วนผม,ตั้มและเอทาโร่ไปอาบน้ำที่บ้านไต๋วุฒิ ปรากฏว่า เรานั่งคุยกับดื่มเพลินไปหน่อย อีกทั้งไต๋วุฒิที่แสนดี ก็คอยหากับแกล้มเหล้ามาให้กินตลอดเวลา กว่าจะกลับมากรุงเทพได้เหล้าก็หมดไป 1 ขวดกลม ก่อนร่ำรา ไต๋หนุมแห่งท้องทะเลตราด แล้วเราจะกลับมาใหม่ 

 [BACK]


Home | Bicycle | Offroad | Fishing | Radio Control | GPS Corner | Second hand | Member area
Copyright © 2000, www.WeekendHobby.com, All right reserved.

Contact Webmaster